Thursday, 12 June 2025
TheStatesTimes

24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ครบรอบ 12 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์

ครบรอบ 12 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ รวมถึง สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2

วันนี้เมื่อ 12 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของเมืองไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ รวมถึง สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 ทั้งหมดเป็นโครงการในพระราชดำริที่ทรงตั้งใจแก้ปัญหาให้กับประชาชน

เวลา 16.30 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช จากนั้นประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา ซึ่งกองทัพเรือจัดถวาย ไปยังบริเวณปากคลองประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเรือพระที่นั่งแล่นผ่านท่าช้าง ปากคลองตลาด วัดอรุณราชวราราม พระราชวังเดิม สะพานพุทธ สะพานตากสิน สะพานกรุงเทพ และสะพานพระราม 9 ซึ่งมีประชาชนริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จเป็นจำนวนมาก

‘ตำรวจ’ เตือน!! ‘SMS อนุมัติให้กู้เงิน’ กลับมาระบาดหนัก แนะทริกสังเกต เพื่อไม่ตกหลุมพรางแก๊งหลอกลวง

วันนี้ (23 พ.ย. 65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยกรณี รองโฆษกรัฐบาล ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่ง SMS อนุมัติกู้เงิน ก่อนหน้านี้นั้น  

​พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมายังสายด่วนไซเบอร์ 1441 ว่าพบ พฤติการณ์คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่จะให้เงินกู้ แล้วโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ส่งอีเมล หรือ ส่ง SMS หาเหยื่อโดยตรงว่ามีสิทธิได้รับสินเชื่อจากธนาคารพร้อมกับลิงก์เพื่อดาวน์โหลดแอป หรือให้แอดไลน์คุยกัน นอกจากไม่ได้เงินแล้ว ยังเสียเงินโดนหลอกเอาเงินประกัน หรือ เงินค่าดำเนินการจากเหยื่อ ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์เตือนภัยเป็นระยะ แต่พบว่า กลับมาระบาดหนักอีกในระยะนี้ มักอ้างกับกลุ่มบริษัทสินเชื่อภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการคลัง

พล.ต.ต.อาชยนฯ กล่าวต่อว่า วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถสังเกตและป้องกันได้ ดังนี้

1.) ขอข้อมูลเชิงลึกมากผิดปกติ เช่น เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต, เลขบัญชีธนาคาร, วันเดือนปีเกิด, รหัส ATM, Password รวมถึงรหัส OTP ในการทําธุรกรรม ซึ่งการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ขอข้อมูลเชิงลึกมากขนาดนี้ 

2.) SMS ข้อความแจ้งเตือน เพื่อให้อัปเดต หรือ ให้เปลี่ยนรหัสทันที พร้อม ลิงก์ เมื่อคลิก ลิงก์ จะปรากฏหน้าเว็บไซต์ที่ให้กรอก Username/Password ในหน้าแรก ซึ่งผิดปกติ 

3.) ถ้าคลิกเข้าเว็บไซต์ ลิงก์ที่พาไปมักมีชื่อแปลก ๆ พยายามเลียนแบบชื่อเว็บไซต์จริงของธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อ ใช้ภาพโลโก้ มาสร้างโปรไฟล์ ให้เหมือนจริง แม้กระทั่งข้อความส่งไปจะเป็นภาษาทางการเงินของทางธนาคารต่างๆ เพื่อให้ผู้เหยื่อสับสน และหลงเชื่อว่าเป็นข้อความจากธนาคารจริง ควรตรวจสอบตัวสะกดลิงก์เว็บไซต์ต่าง ๆ ในช่องเว็บเบราเซอร์ ว่าถูกต้องตรงตามจริง

4.) ข้อความชวนเชื่อว่า กู้ง่าย ได้เร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ใช้เอกสารน้อย ไม่ต้องมีหลักประกัน ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้

5.) ไม่รู้ว่าผู้ส่งคือใคร เมื่อได้รับ SMS แปลก ๆ ที่ส่งมาชวนกู้เงิน อย่ารีบกดลิงก์หรือกรอกข้อมูล ควรเช็กให้ชัวร์ก่อน จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบหรือหลอกลวง

6.) การติดต่อจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่จะให้เงินกู้ทุกครั้ง ควรตรวจสอบจากเบอร์กลางของหน่วยงานนั้นๆ เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตส่วนใหญ่จะไม่ทักประชาชนมาในลักษณะนี้ ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่ผู้ให้กู้ในระบบหรือเปล่า ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนใช้บริการ ดังนี้

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับคณะเอกอัครราชทูตอิหร่าน ประจำประเทศไทย เยี่ยมชมสวย พร้อมปลูกต้นไม้เพื่อการอนุรักษ์

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย เยี่ยมชมสวนสวยพร้อมปลูกต้นไม้บริเวณ สวนรุกขชาติโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยาให้การต้อนรับนาย Seyed Reza Nobakhti  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยและคณะ พร้อมพาชมสวนสวยกว่า 50 สวน บนพื้นที่ 1,700 ไร่และชมเนิรส์เชอรี่พันธุ์ไม้ต่างๆ ที่สวนนงนุชได้รวบรวมไว้กว่า18,000 ชนิด 

โอกาสนี้นาย Seyed Reza Nobakhti  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย พร้อมคณะยังให้เกียรติปลูกต้นไม้บริเวณ“สวนรุกขชาติ”เชิงเขาบันไดกฤษ ตามโครงการ 'ปลูกป่าเพื่อการอนุรักษ์'ทั้งนี้ได้ร่วมกันปลูกต้นมะขามป้อมยักษ์จำนวน 1 ต้น พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผล 4 เคสเกี่ยวข้องนายทุนจีนสีเทา จินหลิง-ท๊อปวัน-เบบี้เฟซ-คลับวัน

จากกรณีในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการเข้าตรวจสอบสถานบริการที่มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันคือ นายทุนจีนเป็นเจ้าของ และใช้คนไทยเป็นนอมินี จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 

ร้านคลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งมีการตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวนมาก, ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งพบหญิงชาวจีนเสียชีวิตหลังเที่ยวผับดังกล่าว โดยมีสาเหตุมาจากการเสพยาเกินขนาด, ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา ซึ่งตรวจค้นพบสารเสพติดในนักเที่ยวชาวจีนจำนวนกว่า 104 คน และยาเสพติดอีกจำนวนมาก สุดท้ายคือ ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน ซึ่งพบความเชื่อมโยงกับนายทุนจีนและใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งได้มีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการควบคุมสั่งการสืบสวนความเชื่อมโยงของกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่มีการประกอบกิจการสถานบันเทิง โดยมีการกระทำผิดแอบแฝง ทั้งเรื่องยาเสพติด บ่อนการพนัน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวน ตรวจสอบข้อมูลการติดต่อและเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงทั้ง 4 แห่งโดยละเอียด เพื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งหมด และให้เข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนจีนทั้งหมด เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาใช้ในการดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแบ่งเป็นรายละเอียดตามแต่ละคดีดังนี้

กรณีที่ 1 ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา
หลังจากที่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นร้านจินหลิง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. ผลการตรวจค้นพบสารเสพติดในปัสสาวะของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก และพบยาเสพติดอยู่ภายในร้านจำนวนมาก จากกรณีดังกล่าว ได้มีการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ นายหวง ไห่ เถา หรืออาหวง พร้อมยึดของกลางเป็นยาเสพติดประเภท เฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวที่ร้าน และยังตรวจค้นจุดต้องสงสัยอีกกว่า 38 จุด ตรวจยึดรถหรู 5 คัน และเงินอีก 19 ล้านบาท
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติด จนสามารถออกหมายจับ และจับกุมดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมทั้งหมด 4 ราย ได้แก่
1. นายหวง ไห่ เถา หรือ อาหวงสัญชาติจีน
2. นายเจียง ไต่ หลิน หรือเสี่ยหลิน สัญชาติจีน
3. นายเหมา ยะ ฉวง หรืออาฉวง สัญชาติจีน
4. นายหวัง เจี้ยน หัว หรืออาหัว สัญชาติจีน
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” 
หลังจากจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 รายแล้ว เจ้าหน้าที่สืบสวนยังรวบรวมพยานหลักฐานและพบความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น จนสามารถขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่
1. นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว
2. นายหยาง เฉิน หรืออาหยาง สัญชาติจีน
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย

กรณีที่ 2 ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีการแถลงผลการดำเนินคดีกรณีพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีน คือ น.ส.โหยว ซื่อ หัว อายุ 31 ปี ซึ่งไปเที่ยวที่ร้านท็อปวัน เมื่อว้นที่ 16 ก.ย.65 ต่อมาได้เสียชีวิตลงเนื่องจากเสพยาเกินขนาด ซึ่งได้มีการสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซุกซ่อนอำพรางหลักฐานเกี่ยวกับการเสียชีวิตดังกล่าวไปแล้วจำนวน 4 ราย ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้ว นั้น

จากสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว จึงเป็นเหตุอันควรสงสัยว่า สถานบันเทิงดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบเกี่ยวกับเจ้าของและผู้เกี่ยวข้องโดยละเอียดว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือการกระทำผิดอื่นๆ หรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่า สถานบันเทิงดังกล่าวได้มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่นายทุนจีนดังกล่าวได้แสดงออกโดยชัดเจนว่าตนมีความเป็นเจ้าของ ซึ่งมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง และเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นจำนวน 2 ราย ได้แก่
1. นายวีรยุทธ แซ่หย้าง อายุ 23 ปี
2. นายจาง เจี้ยนกุ้ย อายุ 48 ปี สัญชาติจีน
การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และยังดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้มีออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว

กรณีที่ 3 ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 เวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนจำนวน 6 แห่ง รวมทั้งร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน ซึ่งผลการตรวจสอบภายในร้านพบสารเสพติดในนักท่องเที่ยวภายในร้านจำนวน 2 ราย จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ร้านดังกล่าวมีเจ้าของเป็นบุคคลสัญชาติจีนซึ่งมีคนไทยเป็นนอมินี จึงได้ทำการขยายผลจนทราบว่า เจ้าของสัญชาติจีนดังกล่าวคือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด เป็นเจ้าของ จึงได้ขออนุมัติศาลเข้าค้นที่พักของนายเดวิด ที่บ้านเลขที่ 94 และ 96/1 ซอยสุขุมวิท 63 แขวงพระโขนง เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นพบสุราต่างประเทศ 24 ขวด ไวน์ต่างประเทศ 28 ลัง บุหรี่ต่างประเทศจำนวน 45 คอตตอน บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์จำนวน 15 กล่อง และอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก จึงได้จับกุมนายเดวิด พร้อมของกลางดำเนินคดีในความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ
จากการขยายผลเพิ่มเติมพบว่า นอกจากนายเดวิดซึ่งได้จับกุมดำเนินคดีแล้วนั้น ยังมีกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย โดยเป็นกลุ่มคนจีนมาลงทุนและใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี ซึ่งคนไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ ในการทำธุรกิจดังกล่าว มีหน้าที่เพียงลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ และได้รับเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมรวมทั้งที่จับกุมแล้วรวม 4 ราย ประกอบด้วย
1. บริษัท พอง แบงค็อก จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล)
2. นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด อายุ 47 ปี
3. นายจู้ เฉิน สัญชาติจีน
4. นางทองใส เฉิดลออ

แฟนผีแดงเฮ! ‘ตระกูลเกลเซอร์’ ประกาศขายทีม หลังเพิ่งประกาศแยกทาง ‘พี่โด้’ - หุ้นปิดบวก 15%

‘ตระกูลเกลเซอร์’ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เตรียมปล่อยมือ ประกาศขายทีม 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ โดยเวลานี้พร้อมเปิดพิจารณาข้อเสนอจากนักลงทุนทั่วโลกที่ให้ความสนใจจะเข้ามาเทคโอเวอร์ ขณะที่หุ้นพุ่ง 15% 

มหาเศรษฐีจากสหรัฐอเมริกา เข้ามาซื้อกิจการ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะบริหารทีมมาอย่างยาวนาน 17 ปีจนถึงปัจจุบัน และได้รับเสียงวิจารณ์อยู่บ่อยครั้งจากเหล่า 'เรด อาร์มี' จากการบริหารงานด้านฟุตบอลที่ดูไม่ดีเสียเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามล่าสุด 'ปีศาจแดง' แถลงผ่านเว็บไซต์สโมสรถึงประเด็นที่ว่าพวกเขาพร้อมมองหากลุ่มนักลงทุนรายอื่น ๆ ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และดูแลทีมต่อไป

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรกีฬาที่ประสบความสำเร็จ และมีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากที่สุดทีมหนึ่งของโลก พวกเราขอประกาศว่า ณ วันนี้บอร์ดบริหารกำลังเริ่มต้นขั้นตอนสำหรับพิจารณาทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ของสโมสรกันใหม่”

“ขั้นตอนดังกล่าวถูกวางแผนขึ้นเพื่อยกระดับการเติบโตของสโมสรในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการทำให้สโมสรอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งในสนาม และในด้านธุรกิจ”

“บอร์ดบริหารของพวกเราจะพิจารณาทางเลือกยุทธศาสตร์ในทุกด้าน รวมไปถึงการหาการลงทุนใหม่เข้ามาในสโมสร การขายสโมสร หรือการดำเนินการทางธุรกิจอย่างอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับสโมสร รวมไปถึงการประเมินสถานการณ์เพื่อเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ทั้งเรื่องสนามแข่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขยายโครงการด้านธุรกิจในระดับโลก”

“การดำเนินการทุกอย่างเราจะเน้นไปที่การสร้างความสำเร็จระยะยาวให้ทั้งทีมชาย ทีมหญิง และทีมเยาวชนของสโมสร สร้างประโยชน์ให้แฟนบอล และผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการพิจารณาที่กำลังดำเนินการอยู่นี้จะส่งผลให้เกิดธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสโมสรหรือไม่”

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีการแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนี้ จนกว่าบอร์ดบริหารจะอนุมัติธุรกรรมใดๆก็ตามหรือจนกว่าจะมีการกระทำอื่นที่จำเป็นต้องมีประกาศอย่างเป็นทางการ” ปีศาจแดง แถลงปิดท้าย

ทั้งนี้คาดกันว่ามูลค่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากมีการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ อาจไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท และก่อนหน้านี้ก็มีนักลุงทุนทั้งมหาเศรษฐีในอังกฤษ, กลุ่มตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา เคยให้ความสนใจ

กองทัพเรือจัดพิธีเปิดการแข่งขันสัปดาห์กีฬานาวี ประจำปี 2565 เพื่อให้กำลังพลตระหนักถึงความสำคัญในการเล่นกีฬา สร้างความสามัคคี และร่วมกันพัฒนาการกีฬาของกองทัพเรือไปสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล

วันที่ 23 พ.ย. 2565 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันสัปดาห์กีฬานาวี ประจำปี 2565 ณ สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ กิโลเมตร 5 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พล.ร.ต.ธีรยุทธ ดาวมุกดา รองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ในฐานะหน่วยเจ้าภาพจัดการแข่งขัน พร้อมด้วย นายทหารชั้นผู้ใหญ่ กำลังพลพร้อมครอบครัวและประชาชนในพื้นที่สัตหีบ เข้าร่วมในพิธีเปิด

กองทัพเรือกำหนดจัดแข่งขันกีฬาภายในกองทัพเรือ ภายใต้ชื่อ 'สัปดาห์กีฬานาวี' เป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังพลของกองทัพเรือ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเล่นกีฬา ซึ่งนอกจากจะได้พัฒนาขีดความสามารถทางด้านการกีฬาและเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังความมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เสริมสร้างความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานในกองทัพเรือ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะสนับสนุนผู้ที่มีความสามารถในกีฬาแต่ละประเภทให้เป็นนักกีฬาระดับชาติ สร้างชื่อเสียงให้แก่กองทัพเรือและประเทศชาติอีกด้วย 

รมว.สุชาติ ลุยสงขลา เปิดประชุมวิชาการประกันสังคม เร่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน ฟื้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว ภาคใต้

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดงานประชุมวิชาการประกันสังคม 5 ภาค ประจำปี 2565 (ภาคใต้) Modernizing SSO 2022 : ก้าวสู่ระบบประกันสังคมที่ทันสมัย พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง 'นโยบายการพัฒนา และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน' โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดสงขลา ให้การต้อนรับ ณ โรงแรม ลากูน่า แกรนด์ แอนด์สปา สงขลา จังหวัดสงขลา 

นายสุชาติ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจความสำคัญของงานประกันสังคมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการพัฒนางานประกันสังคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสำนักงานประกันสังคมสามารถนำไปใช้ขยายผลได้ในอนาคต โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็ว ภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตน ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการ โครงการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โครงการ Factory Sandbox โครงการ ม.33 เรารักกัน โครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตนในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด โครงการเยียวยาผู้ประกันตนกิจการสถานบันเทิง ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลง รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา และจังหวัดฝั่งอันดามัน 

‘หมอของขวัญ’ ฟาดแรง ปม รพ.ในภาคอีสาน ห้ามหมอ-บุคลากร แต่งหน้าจัด-ทำสีผม

หมอของขวัญ ฟาดแรง ปม รพ.ในภาคอีสาน ห้ามหมอ-บุคลากร แต่งหน้าจัด-ทำสีผม ชี้ สำคัญที่ ‘จริยธรรม-จรรยาบรรณ’

กรณีเพจ ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor เผยแพร่ประกาศของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรื่อง เครื่องแบบและการแต่งกายของบุคลากร โดยห้ามสวมกระโปรงสั้น ห้ามทำสีผม ห้ามแต่งหน้าจัด ฯลฯ ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด วันที่ 23 พฤศจิกายน หมอของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ แพทย์ผิวหนังคนดัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มีดราม่าโรงพยาบาลภาคอีสานแห่งหนึ่ง ออกประกาศห้ามคุณหมอแต่งหน้าจัด ทำสีผม

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ‘มิชลินไกด์’ ยก 189 สตรีทฟู้ดส์ไทยสุดยอด มอบสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ อวยดินแดนสวรรค์แห่งอาหาร

‘บิ๊กตู่’ สุดปลื้ม ‘มิชลินไกด์’ เลือกสตรีทฟู้ดส์ไทย-ร้านอาหาร กว่า 189 ร้าน ชม ‘ดินแดนสวรรค์ด้านอาหาร อวดศักยภาพวัฒนธรรมอาหารไทย’

(24 พ.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบและยินดีกับร้านอาหาร และอาหารริมทาง หรือ สตรีทฟู้ดส์ไทย ได้รับคัดเลือกจากมิชลิน ไกด์ (MICHELIN Guide) ประเทศไทย ประจำปี 2566 ให้ได้รับสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ (Bib Gourmand) จำนวน 189 ร้าน สะท้อนศักยภาพและวัฒนธรรมอาหารของไทยที่ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top