Thursday, 12 June 2025
TheStatesTimes

'อั้ม เนโกะ' ลากไส้ผู้ลี้ภัยฟ้อง 'มาครง' ไทยปราบม็อบเอเปค ชี้!! สุดย้อนแย้งเหตุผู้นำฝรั่งเศส ก็เคยปราบม็อบเสื้อกั๊กเหลือง

'อั้ม' ประกาศไม่ร่วมม็อบที่ฝรั่งเศส ลากไส้คนกันเองบอกเป็นตลกร้าย สุดย้อนแย้ง เพราะ 'มาครง' ก็เคยปราบม็อบเสื้อกั๊กเหลือง ทำไมตอนนั้นเงียบแต่พอตอนนี้มาตีโพยตีพาย

(24 พ.ย. 65) นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนโกะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

อั้มจะไม่ไปร่วมประท้วงวันศุกร์ที่จะถึงกับกลุ่มคนที่จะไปยื่นหนังสือต่อมาครงเพื่อเปิดเผยการปราบปรามการชุมนุมเอเปกในไทย

นี่คือ 1 ในการไปยื่นหนังสือที่ absurde ตลกร้าย และย้อนแย้งสุดๆ ตรงที่ว่าจะไปยื่นหนังสือเกี่ยวกับการปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงในไทย กับผู้นำคนที่ปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงในฝรั่งเศส

ตอนเสื้อกั้กเหลืองโดน ตร. มาครงปราบจนตาบอด มือขาด โดนจับ พวกนี้อยู่ไหนกันไม่ทราบ? อ้าปากด่ามาครงกันซักแอะมั้ย ? 

‘ไทย สมายล์ บัส’ เข้ากลุ่ม EA ควบรวมรถ – เรือโดยสาร ยกระดับบริการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า

ไทย สมายล์ บัส เข้าร่วมเป็นบริษัทในกลุ่ม EA สยายปีก ควบรวมรถโดยสารเข้ากับเรือโดยสารยกระดับการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษครบวงจร นำร่องช่วยลดการปล่อย CO2 พร้อมสะสม Carbon credit

(24 พ.ย.65) ณ ไทย สมายล์ บัส สาขาตลิ่งชัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทำพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515 เส้นทาง ศาลายา – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งในวันดังกล่าว บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (หรือ 'ไทย สมายล์ บัส') ยังได้ประกาศผลสำเร็จในการขยายธุรกิจของบริษัทที่สามารถควบรวมกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารรวมทั้งสิ้น 21 บริษัท ไว้เป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้แนวคิด Thai Smile as One ไทยสมายล์รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นผลให้กลุ่มไทย สมายล์ และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (หรือ 'BYD') ได้เข้าไปเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (หรือ “EA”) ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาดและด้านยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า EA มีจุดยืนที่ชัดเจนที่จะพัฒนาและส่งเสริมการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ PM2.5 ตลอดจนลดต้นทุนพลังงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเพื่อการพาณิชย์ที่มีการใช้งานสูง เช่น รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก เป็นต้น EA ได้มองเห็นศักยภาพของ BYD ซึ่งมีการลงทุนในบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด อันเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของใบอนุญาตให้บริการรถโดยสารประจำทางจากกรมการขนส่งทางบกจำนวนรวมสูงถึง 80 เส้นทาง และกำลังจะลงทุนเพิ่มอีก 6 เส้นทาง โดยมุ่งเน้นให้บริการด้วยรถโดยสารไฟฟ้าเป็นหลัก จึงนับว่ามีวิสัยทัศน์และแนวคิดที่สอดประสานกันกับกลุ่ม EA อย่างลงตัว จึงตัดสินใจนำบริษัทย่อยเข้าลงทุนใน BYD ร้อยละ 23.63 คิดเป็นมูลค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6,997 ล้านบาท และมีการจัดโครงสร้างด้วยการขายกลุ่มธุรกิจให้บริการรถโดยสารในเครือ EA จำนวน 37 เส้นทาง และเรือโดยสาร 3 เส้นทาง ให้แก่ไทย สมายล์ บัส เพื่อให้มีการควบรวมกิจการในคราวเดียวกัน ส่งผลให้กลุ่มไทยสมายล์มีสายการเดินรถในกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 120 เส้นทาง และเรือโดยสารอีก 3 เส้นทาง นับเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม EA ให้ครบวงจรอย่างแท้จริง และยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง อีกทั้ง EA ได้ร่วมมือกับ BYD ในโครงการขายคาร์บอนเครดิตกับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมขึ้นอีกในอนาคตได้ ส่งเสริมให้กลุ่ม EA เป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเดินหน้าลงทุนในกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BYD ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในรูปเงินให้กู้ยืมถึง 8,550 ล้านบาท และยังได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ทั้งในด้านเทคโนโลยี บุคลากร การวางแผนกลยุทธ์ การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และการสนับสนุนในทุกๆ ด้านที่สอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ทำให้ไทย สมายล์ บัสเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายการให้บริการแก่ประชาชนเพื่อตอบโจทย์ให้ทันใจต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้ตามแผน ทั้งนี้ ได้ประมาณการไว้ว่าต้องใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 18,000 ล้านบาท และสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชน มากกว่า 7,500 ตำแหน่ง

“เราจะเป็นผู้นำในการพลิกโฉมการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้เป็นเครือข่ายของระบบให้บริการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ไร้มลพิษและไร้ PM2.5 มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และครบวงจรเป็นประเทศแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยการให้บริการเส้นทางเดินรถและเดินเรือจำนวนกว่า 120 เส้นทาง เราได้นำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมต่อการเดินทางและการเก็บค่าโดยสารทางบกและทางน้ำเป็นโครงข่ายเดียวกัน  (หรือ Single Network) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ยกระดับคุณภาพการให้บริการและจัดระบบการควบคุมได้อย่างรัดกุมแบบรวมศูนย์ หรือ (Single Service) และจะนำระบบการคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย ภายในโครงข่ายของกลุ่มไทยสมายล์ (หรือ Single Price) เพื่อลดภาระของผู้โดยสาร แนวคิด 3-Single นี้  จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคนต่อไป” นางสาวกุลพรภัสร์กล่าว

ผบ.ตร.ตั้ง ผบช.น.สอบคดี รองผู้การ 6 ช่วย ‘ตู้ห่าว’ หลังพบเอี่ยวปล่อยรถหรู 4 คัน แลกเงิน 8 ล้าน

ผบ.ตร. ตั้ง ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีรองผู้การ 6 ช่วย ‘ตู้ห่าว’ ปล่อยรถหรู 4 คันแลกเงิน 8 ล้าน 

วันนี้ (24 พ.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) เปิดเผย ถึง คดี ‘ตู้ห่าว’ นายทุนจีนสีเทา ว่า ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงโดยมี  พล.ต.อ.สุเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร กำกับดูแล กรณี (พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ) รอง ผบก. น. 6 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือนายตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา ปล่อยรถหรูจำนวน 4 คัน แลกกับเงิน 8 ล้านบาท โดยยืนยันว่าหากพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะต้องมีการดำเนินคดีทั้งหมด หากไม่มีมูลก็แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากมีการแจ้งข้อกล่าวก็แสดงว่ามีมูลอยู่ ส่วนรายละเอียดไม่อยากก้าวล่วงให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีระดับใหญ่กว่า รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 หรือไม่ที่เรียกรับเงิน 8 ล้าน ก็ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน จะไปพูดถึงหรือพาดพิงใครไม่ได้ ตอนนี้พยานหลักฐานถึง ตู้ห่าว เราก็ดำเนินคดีขออนุมัติหมายจับ ไปแล้ว

‘จาตุรนต์’ เตือน!! อย่าประเมิน ‘ประยุทธ์’ ต่ำเกินไป ชี้!! 3 ป. ผ่านเรื่องราวด้วยกันเยอะ แตกกันไม่ง่าย

(24 พ.ย. 65) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ใครที่คิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ประยุทธ์ให้ไปเตรียมการไว้จะได้ 20-30 ที่นั่ง แล้วทำให้ประยุทธ์ด้อยค่าทางการเมือง อาจจะต้องคิดใหม่หรือต้องเรียกว่า ‘คิดเก่า’ เพราะต้องไม่ลืมว่าประยุทธ์มีสว. 250 คนอยู่ในมือซึ่งมากกว่าส.ส.ที่พรรคของเขาจะได้ส.ส.ถึงสิบเท่าหรือมากกว่าถึงสองร้อยกว่าเสียง และอำนาจต่อรองของประยุทธ์ก็อยู่ตรงนี้

จริงอยู่ที่ส.ว. 250 คนนี้ประวิตรก็มีส่วนตั้งมาด้วย ซึ่งก็คงต้องแบ่งกัน และไม่มีใครรู้ว่าถ้าต้องแบ่งกันใครจะได้เสียงส.ว.มากน้อยเท่าใด แต่ก็ต้องไม่ลืมอีกว่า 3 ป.เขาร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ปราบประชาชนมาด้วยกันและทำรัฐประหารมาด้วยกัน แถมยังมีผลประโยชน์ร่วมกันมหาศาล จะไปคิดว่าเขาจะแตกกันขาดกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถึงทีคับขันเขาก็จับมือกันได้และหมายถึงเขามีแต้มต่อถึง 250 เสียงอยู่ในมือ

‘สันติ’ ปรี่ไหว้ต้อนรับ ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่เพชรบูรณ์ ด้านชาวบ้าน ‘ขอกอด-บอกรัก-ให้กำลังใจ’ เหลือล้น

‘บิ๊กตู่’ ถึงเพชรบูรณ์ ‘รมต.สันติ’ ไหว้ต้อนรับถึงเครื่องบิน ก่อนนำคณะสักการะ-ปิดทองพระพุทธมหาธรรมราชา-พระเกจิ ขณะปชช.ตะโกนให้กำลังใจอยู่ข้างลุงตู่ พร้อมขอสวมกอด ด้าน ‘สันติ’ ยิ้มแก้มปริ 

เมื่อเวลา 11.55 น. ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี รอให้การต้อนรับ 

โดยทันทีที่นายกฯ ลงเครื่องนายสันติได้ปรี่เข้าไปไหว้นายกฯ อย่างนอบน้อมจนเกือบจะแทบอก ก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าห้องรับรองพิเศษไปด้วยกัน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และเดินทางออกจากสนามบิน โดยนายกรัฐมนตรีได้ใช้ รถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน 8 กฒ 8382 กรุงเทพมหานคร ในการลงพื้นที่ครั้งนี้

ต่อมาเวลา 12.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ สักการะพระพุทธมหาธรรมราชา ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติราชการ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ นำเยี่ยมชม ‘พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช’ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ องค์พระเนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์  มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ จุดธูปเทียนสักการะ ถวายพวงมาลัย ปิดทอง ตามลำดับ 

ทั้งนี้ได้มีประชาชนมารอต้อนรับนายกฯ ในพุทธอุทยานเพชรบุระ และเข้ามาสวมกอดนายกฯ พร้อมกล่าวว่า ขอกอดลุงตู่หน่อยนะ พวกเราขอเป็นกำลังใจให้กับลุงตู่ ชาวบ้านรักท่านนะ ขอเป็นกำลังใจ เราทุกคนรักชาติ ขอให้ท่านรักชาวบ้าน เราเป็นกำลังใจให้ท่านเสมอ ชาวบ้านยังมอบเสื้อยืดสกรีนลายสัญลักษณ์ประจำจังหวัดให้นายกฯ พร้อมตะโกน นายกฯ สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ พวกเราอยู่ข้างลุงตู่ พวกเราเป็นกำลังใจให้ และชู 2 นิ้วให้กำลังใจนายกฯ ด้วย 

นายกรัฐมนตรี ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 11/2565 เปิดรับสมัคร ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ลงโทษตำรวจทำผิดวินัย ไล่ออก 9 ปลดออก 5 ขอบคุณตำรวจที่ปฏิบัติการช่วงเอเปค ย้ำห่วงใยตำรวจสถานการณ์ใต้

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พ.ย. 65 ) เวลา 09.00 น. พล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 11/2565 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. โดยมี ก.ตร. , ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วม ที่ประชุมได้รายงานการดำเนินงานของอนุกรรมการ ก.ตร. ชุดต่างๆ ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ไปปฏิบัติและพิจารณาการบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ อาทิ คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และกฎหมาย ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน พ.ย 65 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 14 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 9 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 5 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 65 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น 229 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 178 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 51 นาย 

นายกรัฐมนตรี Kick off โอนเงินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 65/66 งวดแรก 14,531 ล้านบาท

ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลาง จังหวัดเพชรบูรณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานส่งมอบเงินตามมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 เป็นวันแรก โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ผู้บริหารและผู้แทนจากส่วนงานต่าง ๆ พร้อมด้วยเกษตรกร  เข้าร่วมกิจกรรม

สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ รัฐบาลได้โอนเงินงวดแรกตามมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไปยังชาวนาทั่วประเทศ จำนวน 14,531 ล้านบาท จากเป้าหมายรวม 81,265 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติวงเงินเพื่อ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่าน 4 โครงการ ในการเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่าย และพัฒนาศักยภาพในการผลิต เพื่อให้มีโอกาสขายข้าวเปลือกในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 4.68 ครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 กันยายน 2566 ประกอบด้วย มาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร ได้แก่ โครงการแรกสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 โดยสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินงบประมาณ 55,083 ล้านบาท  โดยในส่วนของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีเกษตรกรได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 77,452 ราย  เป็นจำนวนเงินกว่า 932 ล้านบาท

สถาบันสื่อมืออาชีพ ‘เครือเนชั่น’ ร้องสมาคมนักข่าวฯ บอกถูกพรรครวมไทยสร้างชาติ 'คุกคาม'

(24 พ.ย. 65) กองบรรณาธิการเนชั่นทีวี เนชั่นออนไลน์ และสื่อในเครือ ยื่นหนังสือให้สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย พิจารณาข้อเท็จจริงการนำเสนอข่าวของสื่อในเครือเนชั่น กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เตรียมเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ มีเนื้อหาดังนี้...

ตามที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำกราฟฟิกแบนเนอร์เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ของพรรค และส่งไปยังกลุ่มไลน์ของสื่อมวลชน เพื่อจงใจกล่าวหาว่า ข่าวการสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเฟคนิวส์ โดยได้แนบลิงค์ข่าวของเนชั่นออนไลน์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 เรื่อง 'บิ๊กตู่' สมัครเป็นสมาชิก 'พรรครวมไทยสร้างชาติ' (https://www.nationtv.tv/news/politics/378893620)

จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งข้อเท็จจริงของข่าวนี้ และการกระทำของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น กองบรรณาธิการเนชั่นทีวี และเนชั่นออนไลน์ ตลอดจนสื่อทุกสื่อของเครือเนชั่น ยืนยันว่า การนำเสนอข่าวนี้ทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์ และทีวี ได้ปฏิบัติตามหลักจริยธรรม จรรยาบรรณ และมาตรฐานทางวิชาชีพสื่อสารมวลชน ด้วยอุดมการณ์ 'สถาบันสื่อมืออาชีพ' โดยได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในข่าว และเปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ชี้แจง ซึ่งก็ได้นำเสนอคำชี้แจงของหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติไปพร้อมกันด้วย (https://www.bangkokbiznews.com/politics/1039313)

การทำหน้าที่สื่อมวลชน อย่างถูกต้อง อาจจะไม่ถูกใจ บางคนบางกลุ่ม ดังนั้นควรแยกแยะ ออกมาให้ชัดเจนว่า เนชั่นทีวี ปฏิบัติหน้าที่ ‘ไม่ถูกต้อง’ อย่างไรบ้าง

ฉะนั้นการที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้ทำแบนเนอร์ กล่าวหาใส่ร้ายว่าการนำเสนอข่าวของเครือเนชั่นเป็น 'เฟคนิวส์' หรือ 'ข่าวปลอม' พร้อมกระจายไปตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของพรรค และกลุ่มไลน์สื่อมวลชน ถือว่าเป็นการ 'คุกคามสื่อ' รูปแบบหนึ่ง และเป็นการจงใจทำลายความน่าเชื่อถือของสื่อ ทั้ง ๆ ที่บุคลากรของพรรคสามารถชี้แจง อธิบาย ปฏิเสธข่าว รวมถึงใช้สิทธิทางกฎหมายดำเนินคดีกับสื่อเครือเนชั่นได้ หากเห็นว่าการเสนอข่าวของเครือเนชั่นก่อความเสียหายให้กับพรรค แต่ทางพรรคกลับใช้วิธีการป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือของสื่อแทน ซึ่งมาตรฐานการดำเนินการเช่นนี้ ถือเป็นอันตรายต่อการทำหน้าที่สื่อสารมวลชน ไม่ว่าแขนงใด

ยิ่งไปกว่านั้น การให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะบุคคลที่ตกเป็นข่าวเอง รวมถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ก็เป็นแนวแบ่งรับแบ่งสู้ และไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

'คนขายปลา' อึ้ง!! คนเขียนเยาะเย้ยชาติไทย เป็นคนไทย กรณีเพจบอลใส่ธงคอสตาริกาผิด เป็น ธงไทย

(24 พ.ย.65) นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา ผู้จำกัดนิยามตนเองว่าเป็น 'คนขายปลา' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Nithipat Bhandhumachinda' ว่า...

มีเพจบอลต่างประเทศเพจหนึ่งรายงานผลบอลคู่  สเปน กับ คอสตาริกา แล้วใส่ธงคอสตาริกา ผิด เป็นธงไทย เพราะมีความคล้ายคลึงกัน

ในช่องความเห็นก็มีชาวต่างชาติหลายๆ ท่านมาเขียนเตือนว่าใช้ภาพธงผิด เพราะนี่คือธงไทย แล้วผมก็สะดุดตากับความเห็นบางความเห็น เช่นเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า ไม่ใช่ทีมไทยหรอก เพราะถ้าเป็นทีมไทยคงจะแพ้สเปน เฉียด ๆ ร้อยศูนย์

ก็คิดในใจว่า คนเขียนความเห็นเป็นคนชาติไหนถึงดูถูกประเทศไทยกลางบอร์ดนานาชาติเยี่ยงนั้น

‘บัณฑิตสาวชาวจีน’ โชว์ทำอาชีพ ‘คนดูแลสุสาน’ อวด ‘งานสบาย - เหมือนได้เกษียณก่อนกำหนด’

สาวจีนรายหนึ่งออกมาเผยเรื่องราวของตนเองที่เรียนจบปริญญาตรี แต่เลือกทำงานเป็น ‘คนดูแลสุสาน’ เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและหลีกเลี่ยง ‘การเมืองในออฟฟิศ’ จนทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดในการทำงานของคน Gen-Z

หญิงสาวแซ่ ตัน (Tan) วัย 22 ปี กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอได้โพสต์คลิป Douyin อวดสถานที่ทำงานที่ ‘สงบสุข’ ของเธอ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสุสานที่อยู่ติดกับภูเขาในเมืองฉงชิ่ง

“นี่คือบรรยากาศการทำงานของคนดูแลสุสาน Gen Z มันเป็นงานที่สบายมาก มีหมาแมวให้เล่น แล้วก็มีอินเทอร์เน็ตด้วย” ตัน กล่าว

หญิงสาวเล่าว่า ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็รู้สึกเหมือน ‘ได้เกษียณก่อนกำหนด’ เพราะงานดูแลสุสานนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน มีเวลาว่างมากมาย และยังได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม โดยไม่ต้องเจอกับการเมืองในออฟฟิศและปัญหารถติดเหมือนคนอื่น ๆ

หน้าที่ประจำวันของเธอคือการต้อนรับแขกที่มาเยือนสุสาน ขายที่ฝังศพ และปัดกวาดดูแลหลุมศพแทนญาติผู้ตาย

เธอได้รับค่าจ้างเดือนละ 4,000 หยวน (ราว 20,000 บาท) สำหรับการทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. โดยมีเวลาพักทานข้าวกลางวันวันละ 2 ชั่วโมง

ตามฐานข้อมูลของรัฐบาลจีน รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวเมืองฉงชิ่งอยู่ที่ 33,800 หยวน (170,000 บาท) หรือประมาณ 2,800 หยวนต่อเดือน (14,000 บาท) ซึ่งเท่ากับว่างานดูแลสุสานที่หญิงสาวเลือกทำช่วยให้เธอมีรายได้สูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนทั่วไปอยู่พอสมควรทีเดียว

หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจีนจำนวนมากเข้าไปแสดงความตกตะลึงที่บัณฑิตอย่าง ตัน เลือกงานในสุสาน ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่า ‘ไม่เป็นมงคล’ และไม่ใช่สถานที่ที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่เข้าไปให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ โดยมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของ ‘กระแสวัฒนธรรมนอนราบ’ (lying flat) หรือ ‘ถ่าง ผิง’ (躺平) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวจีนมากขึ้น

การที่หนุ่มสาวจีนขานรับ ‘วัฒนธรรมนอนราบ’ ก็เนื่องจากความท้อแท้ต่อสภาพกดดันในสังคมโดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานที่หนักสาหัสเกินไป แต่กลับได้ผลประโยชน์ไม่สมกับที่ได้ลงแรงเหนื่อยยาก จนกระทั่งมาถึงจุดที่ไม่ต้องการทนอยู่กับสภาพนี้อีกต่อไป และหันหลังให้กับความคาดหวังของสังคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top