Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

บทสรุป 3 การประชุมต่อเนื่องในภูมิภาคอาเซียน ‘สุดยอดผู้นำอาเซียน - G20 - APEC’

ตลอด 2 สัปดาห์ที่สายตาของคนทั่วโลกได้เฝ้าติดตาม 3 การประชุมต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ณ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้…

- การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
- การประชุมเขตเศรษฐกิจ G-20 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
- และ การประชุมสุดยอดความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ณ กรุงเทพมหานคร

การประชุมทั้ง 3 ถือเป็นการประชุมระดับผู้นำครั้งใหญ่รอบสุดท้ายก่อนจบปี 2022

แม้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะยังไม่ได้มีมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมในการบริหารจัดการกับปัญหาทางการเมืองภายในของประเทศเมียนมา หากแต่ก็มีข่าวน่ายินดี ที่ผู้นำอาเซียนมีฉันทามติที่จะเริ่มต้นกระบวนการรับ ประเทศติมอร์ตะวันออก เข้าเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน ลำดับที่ 11 ถึงแม้ว่ากระบวนการจนกว่า ติมอร์ตะวันออก จะสามารถเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ยังคงต้องใช้เวลา แต่อย่างน้อยที่สุด กระบวนการก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และนั่นเป็นหลักประกันว่า ประชาคมอาเซียน ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งในห้วงเวลาที่ดุลอำนาจทั้งภายในประเทศสมาชิก ในภูมิภาค และในเวทีโลกกำลังเปลี่ยนแปลง

ต่อมาการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) ถึงแม้จะไม่สามารถแสวงหาแถลงการณ์ร่วมได้ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างประเทศคู่กรณีหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติการเมือง-ความมั่นคง ต่อกรณียูเครน และมิติเศรษฐกิจ รวมทั้งการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจในรูปแบบที่ผู้นำหลากหลายประเทศมีความห่วงกังวล ท่ามกลางสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี แต่อย่างน้อยที่สุด เวที EAS ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้นำของมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลทางความมั่นคง การเมือง และเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกได้เปิดใจพูดคุยกัน 

ไม่ว่าจะเป็น Sergey Lavrov รมต.ต่างประเทศของรัสเซีย ที่ได้เปิดใจวิพากษ์สหรัฐฯ ที่ดำเนินนโยบายในการสร้างภาพลบให้กับจีน และรัสเซียในมิติเศรษฐกิจ ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐ Joe Biden ก็ได้แสดงข้อห่วงกังวลต่อจีนในมิติที่ต้องการขยายอิทธิพลเข้าครอบงำอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น Fumio Kishida ที่ก็รับลูกนำไปขยายผลต่อ 

แต่เวทีนี้ก็ยังเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีจีน Li Keqiang ได้อธิบายเจตจำนงของจีนในการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน และเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งหมดแม้จะเป็นความขัดแย้ง ไม่สามารถสรุปผลและออกแถลงการณ์ร่วมได้ แต่ก็วางอยู่บนหลักการที่ไม่นำไปสู่ความรุนแรง หากยังสามารถนำพาผลของการเปิดใจเหล่านี้ไปสู่บรรยากาศที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นในการประชุมอีก 2 ประชุมที่ต่อเนื่องตามมา

บรรยากาศที่ผ่อนคลายหลังผ่านศึกการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ และหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 20 ทำให้ทั้ง 2 ผู้นำมหาอำนาจแห่งโลก ประธานาธิบดี Joe Biden และ ประธานาธิบดี Xi Jinping สามารถหารือกันได้ในการประชุมทวิภาคีต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ชั่วโมง 8 นาที และหลังจากที่ได้แสดงความไม่พอใจต่อกันไปแล้วจากเวที EAS การประชุม 2 ฝ่ายก็ทำให้ทั้งโลกมั่นใจได้ว่า ถึงแม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะยังคงเป็นคู่แข่งขัน และยังคงต่อสู้กันต่อไปในทางยุทธศาสตร์ แต่อย่างน้อยที่สุดทั้ง 2 มหาอำนาจก็ได้ขีดเส้นแดงในประเด็นที่แต่ละฝ่ายไม่สามารถยินยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งล่วงละเมิดได้ และทั้ง 2 ฝ่ายก็ยอมรับ รวมทั้งยังจะเปิดช่องทางในการสื่อสารระหว่างกันให้มากกว่านี้ 

การประชุม G-20 แม้จะมีประเด็นหลักในการเดินหน้าสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสาธารณสุขหลังการระบาดของโควิด-19 การเตรียมความพร้อมสมาชิกสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และการเดินหน้าสู่การใช้พลังงานทางเลือก สำหรับ 1 เขตเศรษฐกิจ นั่นคือ สหภาพยุโรป และ 19 ประเทศสมาชิก แต่ด้วยสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซีย และพันธมิตร NATO ซึ่งปะทุในสนามรบยูเครน ทำให้ประเด็นการเมืองความมั่นคง ถูกดึงขึ้นมาเป็นประเด็นหลักของการประชุม (ยิ่งเมื่อมีสถานการณ์ขีปนาวุธจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ ตกลงในพื้นที่ของประเทศโปแลนด์ก็ยิ่งสร้างความตึงเครียดให้กับการประชุมมากยิ่งขึ้น) 

แน่นอนว่า เมื่อผู้นำระดับโลกมารวมตัวกันมากขนาดนี้ คงปฏิเสธความรับผิดชอบในการที่จะไม่พูดถึงประเด็นความมั่นคงและประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองจนทำให้ผู้คนในยูเครนบาดเจ็บล้มตายไม่ได้ นั่นจึงนำไปสู่การประชุมทางไกลที่อนุญาตให้ประธานาธิบดี Volodymyr Zelenskyy เข้ามานำเสนอแผนการสร้างสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้จะทำให้ฝ่ายรัสเซียไม่พอใจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางกลับก่อนที่จะสิ้นสุดการประชุม G-20 แต่ผู้นำ G-20 ก็ยังคงสามารถออกปฏิญญาบาหลี ที่ประณามการรุกรานอำนาจอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนได้ แม้จะไม่มีคำว่า War และ Russia ในเอกสารก็ตาม

ความสำเร็จในการเจรจาพูดคุยเรื่องการเมือง ความมั่นคงจากเวที G-20 ทำให้ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาประชุมกันต่อใน กรุงเทพมหานคร ในการประชุม APEC มีความตั้งใจที่จะเน้นการหารือมาที่ประเด็นเศรษฐกิจ ความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ของประชากรกว่า 2 พันล้านคน จากเขตเศรษฐกิจที่ครอบคลุมกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าเศรษฐกิจของโลกได้อย่างไม่ต้องห่วงกังวล และนั่นทำให้ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการประชุม เขตเศรษฐกิจทั้ง 21 เขต จึงสามารถมีแถลงการณ์ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ทั้งใน 3 มิติ นั่นคือ...

‘อลงกรณ์’ รุกเปิด ‘ตลาดเกษตรกร’ 50 เขตในกทม. พร้อมดัน ‘ตลาดน้ำคลองบางซื่อ’ เป็นแลนด์มาร์กใหม่กลางกรุง

‘อลงกรณ์’ ดึง ‘อ.ต.ก.’ ผนึก ‘กทม.’ และการเคหะ เร่งเปิดตลาดเกษตรกร (Farmer Market) 50 เขตและตลาดน้ำคลองบางซื่อ ภายใต้โครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Urban Agriculture) เน้นเกษตรปลอดภัยอาหารปลอดภัย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมฯ ครั้งที่ 5/2565 ผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting วันนี้ว่าที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ได้ดำเนินการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ 

1.) ความคืบหน้าโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้นและการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบัน กทม. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ภาคเอกชน ภาคประชาชน ปลูกต้นไม้ในพื้นที่ กทม. แล้ว 177,246 ต้น โดยมีเป้าหมายปลูกให้ครบ 1 ล้านต้น ภายใน 4 ปี ในพื้นที่ทั้ง 50 เขต รวมทั้งพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตสวนสาธารณะของ กทม.ด้วย ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดพื้นที่กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการกรรมการโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) รวมทั้งมอบหมายให้คณะทำงานอื่น ๆ เช่นคณะทำงานโรงเรียน-วิทยาลัยสีเขียว (Green School-Green College) คณะทำงานมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green Campus) เป็นต้นร่วมสนับสนุนโครงการปลูกต้นไม้ในกรุงเทพมหานครและอาจเพิ่มโครงการเป็น 2 ล้านต้นตามข้อเสนอของผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

2.) การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการปลูกผักสวนครัวเกษตรพอเพียงในสวนสาธารณะนำร่อง 5 แห่ง ได้แก่ 
(1) สวนจตุจักร เขตจตุจักร มีการทำศูนย์เรียนรู้ปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร และเลี้ยงไก่ 
(2) สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา (ฝั่งพระนคร) เขตบางคอแหลม มีการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผัก และให้ความรู้ แก่ผู้ที่สนใจ 
(3) สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง ศูนย์เรียนรู้ปลูกพืชผักสวนครัว 
(4) สวนสราญรมย์ เขตพระนคร เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้และศึกษาดูงานแก่ประชาชนและผู้ที่สนใจ 
(5) สวนสันติภาพ เขตราชเทวี เป็นแหล่งเรียนรู้และเปิดรับแลกขยะรีไซเคิล

3.) ความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการตลาดเกษตรกรหรือฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต (Farmer Market ) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีการขยายตลาดในรูปแบบตลาดเกษตรกรให้ครอบคลุม 50 เขต ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอผู้ว่าราชการฯ ซึ่งมอบหมายสำนักงานสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขต 50 เขต ให้พิจารณาสถานที่ที่เหมาะสม และโครงการปลูกพืชผักเกษตรปลอดสารพิษ 200 แปลง อีกทั้ง กิจกรรม Bangkok Green Market ตลาดสุขใจ ‘Green Clean Craft’ มียอดจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม - 20 พฤศจิกายน รวม 250,961 บาท ร้านค้าผู้ประกอบการ 185 ร้าน และผู้ใช้บริการฝึกอาชีพจำนวน 1,560 คน

4.) ผู้แทนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ประชาสัมพันธ์และเชิญร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนาการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งมีการจัดแสดงสินค้าผลผลิตเกษตร และมอบกระเช้าของขวัญแก่ผู้บริหาร และผู้ร่วมงาน ซี่งเป็นผลผลิตจากการดำเนินโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

5.) ผู้ช่วยผู้ว่าการเคหะแห่งชาติแจ้งว่าการเคหะพร้อมสนับสนุนการจัดตั้งตลาดเกษตรกรในโครงการการเคหะดินแดงซึ่งมีผู้อยู่อาศัย 6,000 ยูนิตรวมทั้งโครงการอื่นๆ

ทั้งนี้ประธานฯ แจ้งว่าจะประสานกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และคณะอนุกรรมการธุรกิจเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ ให้มาสนับสนุนโครงการตลาดเกษตรกรหรือฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต (Farmer Market) 50 เขตในกรุงเทพมหานคร

รวมทั้งการร่วมพัฒนาโครงการตลาดน้ำของอ.ต.ก. ในคลองบางซื่อเป็นตลาดเกษตรกรประเภทตลาดน้ำซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ โดยให้ฝ่ายเลขาประสานงานการลงพื้นที่พร้อมกับผู้ว่ากทม. และผู้ว่าการเคหะฯ สำรวจพื้นที่ตลาดน้ำอตก. และโครงการเคหะดินแดง

นทท.ฝรั่งเศส พร้อมชวนเพื่อนให้มาท่องเที่ยวไทย หลังประทับใจคนไทย เก็บกระเป๋าเงินส่งคืน

เปิดใจเจ้าหน้าที่วัดใหญ่ชัยมงคล พระนครศรีอยุธยา หลังเก็บกระเป๋าสตางค์นักท่องเที่ยวสาวชาวฝรั่งเศสที่ทำตกไว้ก่อนส่งมอบให้ตำรวจท่องเที่ยวตามหาเจ้าของและติดตามส่งมอบกระเป๋าสตางค์คืนก่อนบินกลับบ้านเกิด ด้านเจ้าของกระเป๋าซาบซึ้งใจ พร้อมขอบคุณคนไทยและตำรวจท่องเที่ยวที่ช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ได้กระเป๋าคืน และจะนำเหตุการณ์ดังกล่าวไปเล่าให้เพื่อนที่ประเทศตนฟัง เพื่อชักชวนให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย 

เมื่อวันที่ (22 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับผู้ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้แล้วนำส่งคืนเจ้าของ คือ นางสงบ ควรคะนอง เจ้าหน้าที่ของวัดใหญ่ชัยมงคล โดยนางสงบ เปิดเผยว่า เนื่องจากในวันดังกล่าวมีคนมาเข้าห้องน้ำแล้วเก็บกระเป๋าเงินได้ บอกป้าว่ามีเงินเยอะด้วยฝากป้าไว้หน่อยนะ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นกระเป๋าเงินของชาวต่างชาติหรือเปล่า เพราะไม่กล้าเปิด ป้าก็เก็บใส่ถุงไว้ไม่กล้าเปิด เพราะกลัวว่าลายนิ้วมือของเขาจะหาย จากนั้นจึงรีบแจ้งนายสมพงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดเอากระเป๋ามาตรวจสอบหาเจ้าของ จึงทราบว่าเป็นกระเป๋าของชาวต่างชาติเลยส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการส่งคืนเจ้าของ

ต่อมา พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1, พ.ต.อ.มิลิน เพียรช่าง ผกก.3 บก.ทท.1, พ.ต.ท.ธนากร ธรรมเมธา สว.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อส่งมอบกระเป๋าสตางค์ให้กับ Mrs.Nathalie Jeanne Chaignion ชาวฝรั่งเศส หลังทำหล่นหายที่วัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยแจ้งกับทางนักท่องเที่ยวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากนางสงบ ควรคะนอง เจ้าหน้าที่ดูแลห้องน้ำของวัดใหญ่ชัยมงคลว่า พบกระเป๋าสตางค์ตกหล่นอยู่บริเวณภายในห้องน้ำวัด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของนักท่องเที่ยวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ดังกล่าว เป็นของ Mrs.Nathalie Jeanne Chaignion ชาวฝรั่งเศส จึงได้พยายามติดต่อเพื่อนำกระเป๋าดังกล่าวส่งคืน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ 

จากนั้นได้ทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่า Mrs.Nathalie เป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 65 และจะเดินทางกลับในวันที่ 20 พ.ย. 65 เวลา 23.30 น. โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ Tk069 จึงได้นำฝากไว้กับตำรวจท่องเที่ยวของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อคืนให้กับ Mrs.Nathalie

TGPRO รุกธุรกิจกัญชงต้นน้ำ-ปลายน้ำ จับมือพันธมิตร 'แคนนาเจน' ตั้งเป้ารายได้ 120 ลบ.

TGPRO ส่งบริษัทย่อย เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม ผนึกพันธมิตร แคนนาเจน รุกธุรกิจกัญชงต้นน้ำ-ปลายน้ำ เพาะปลูก ผลิต และ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่อดอกกัญชงมาตรฐาน Medical-Grade ด้วยเทคโนโลยี Smart Farm หนุนเทรนด์ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และ เครื่องสำอาง ตั้งเป้าหมายรายได้ 120 ล้านบาท รับรู้ภายในปี 66 

นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อสแตนเลส ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'TGPRO' เปิดเผยว่า บริษัทมีการลงทุนในบริษัท เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจผลิต และ จำหน่ายเรือนเพาะชำโดยเป็นการต่อยอดธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อสเตนเลส ในการสร้างโรงเรือนเพาะปลูกด้วยวัสดุที่มีคุณภาพ มีความทนทาน ด้วยมาตรฐานระดับโลก เนื่องจากสเตนเลสทนการกัดกร่อนมากกว่าเหล็ก อายุการใช้งานยืนยาวกว่า อีกทั้งไม่เป็นสนิมและไม่มีผลร้ายต่อผลิตผลที่ได้ และยังรวมถึงการปลูกและจำหน่ายสินค้าเกษตรภายใต้แบรนด์ 'FUJI MEIJI' 

ทั้งนี้ บริษัท เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม จำกัด จึงมีความพร้อมในการร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท แคนนาเจน จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการเพาะปลูกกัญชง เพื่อดำเนินการ เพาะปลูก ผลิต และ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่อดอกกัญชงมาตรฐาน Medical-Grade แบบครบวงจร รวมถึงนำผลผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ โดยการสร้างโรงเรือนพร้อมระบบการจัดการแบบสมาร์ทฟาร์ม

“บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท แคนนาเจน จำกัด ด้วยความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการเพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงร่วมกันพัฒนากัญชงสายพันธุ์ใหม่ให้มีความทนทานต่อสภาพอากาศ เพิ่มผลการผลิต ลดความสูญเสียในการเพาะปลูก รวมถึงการเพิ่มมาร์จิ้นจากการต่อยอดผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม” นายรชต กล่าว

คิกออฟ ‘ฟัง-คิด-ทำ’ รับฟังเสียงปชช.ทุกพื้นที่ พร้อมกลั่นกรองทำนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

ประชาธิปัตย์ สะบัดธง! คิกออฟ กิจกรรม “ฟัง-คิด-ทำ” เปิดพื้นที่ทุกความเห็น  ชูแนวคิดทำนโยบายจากความต้องการประชาชน ย้ำ วันนี้พร้อมเปลี่ยน อย่างมีวุฒิภาวะและพร้อมนำพรรคสู่ความทันสมัย

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 ที่ลานกิจกรรมหน้าสามย่าน มิตรทาวน์ ทีมกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวกิจกรรม “ฟัง-คิด-ทำ” เพื่อเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ เพื่อนำมาสังเคราะห์ต่อยอดจัดทำเป็นนโยบายของพรรคให้ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคภาค กทม. นายสุชัชวีย์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรม กทม. รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วม

นายองอาจ กล่าวว่า กิจกรรม ฟัง-คิด-ทำ นี้เป็นกิจกรรมที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาต่อเนื่อง เริ่มต้นด้วยการฟังประชาชน คิดร่วมกับประชาชน และทำเพื่อประชาชน ซึ่งจะเห็นว่านโยบายที่พรรคนำเสนอล้วนเกิดจากกระบวนการฟัง-คิด -ทำ มาต่อเนื่อง และนโยบายที่ออกมาเป็นผลผลิตของประชาชน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ 

ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าชาว กทม. ไม่ได้ให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ในการทำงาน  เราถูกสั่งสอนและอบรม ถามว่ารู้สึกอย่างไร? ในฐานะคนทำงานเพื่อประชาชนย่อมรู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสในการทำงานให้กับประชาชน แต่ไม่ได้เสียกำลังใจ เพราะหลังการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการรับฟัง คิด และทำเพื่อประชาชนมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทั้งใน กทม. และทั่วประเทศ พรรคได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และเยียวยาประชาชน จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเราได้ทำจากเสียงของประชาชน ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มจากกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และเชื่อว่าจะเป็นนโยบายที่ทุกคนมีส่วนร่วม และเป็นที่ยอมรับของทุกคน 

“ที่ผ่านมาแม้ว่าชาว กทม.จะไม่ให้โอกาสเราได้ทำงาน แต่เชื่อมั่นว่าจากการที่เราทำงานหนัก ทุ่มเท มุ่งมั่นตั้งใจในการรับใช้ประชาชน พยายามฟังประชาชน คิดจากประชาชน เชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนชาว กทม. จะให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าจะสามารถปักธงชัยอยู่ในใจประชาชน และเป็น ส.ส.ของ กทม. ได้อย่างแน่นอน” นายองอาจ กล่าว 

ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าว ตนยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ และมั่นใจเสมอว่าจากนี้ไปจะเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชน และแน่นอนจากนี้ไปจะเป็นงานที่ยากและท้าทาย เนื่องจากโลกเปลี่ยน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงความคิดของประชาชนเปลี่ยน กระบวนการฟัง คิด ทำ พรรคทำมาโดยตลอด จากนี้เราจะไปรับฟังทุกคนในทุกพื้นที่ แต่กระบวนการที่สำคัญจะกลั่นกรองเป็นนโยบาย ทั้งนี้ความคิดและมันสมองต่อจากนี้ของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่จากนี้จะเป็นความคิดของประชาชนทุกคน จึงขอเชิญชวนทุกคนมาช่วยกันคิด เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง และเชื่อมั่นว่าพรรคจะมุ่งหน้าฟัง คิดและทำเพื่อประชาชนชาว กทม. และคนไทยทั่วประเทศทุกคน  

ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวย้ำถึงเหตุผลของการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเพราะความเป็นสถาบันทางการเมือง การเป็นพรรคของประชาชนที่ไม่มีใครเจ้าของ และยังมีระบบโครงสร้างที่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค และเหตุผลของการรีบตัดสินใจลาออกแล้วมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้น เพราะต้องการใช้เวลาลงไปรับฟัง พูดคุยกับประชาชนอย่างจริงจังว่าเขาต้องการอะไร ก่อนที่จะนำมาผลักดันเป็นนโยบาย เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นแต่นักการเมืองบอกว่า “อยากทำอะไร” แต่แทบไม่มีใครถามว่า “ประชาชนอยากได้อะไร” ด้วยการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความเห็น สะท้อนปัญหา หรือบอกความต้องการ

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า วันนี้ไทยแลนด์ แลนด์ ออฟ สไมล์ ยิ้มไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจแย่ นโยบายคลังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด แต่ก็ยังทำต่อไปเหมือนไม่ได้ยินเสียงคนระดับฐานรากที่กำลังล้มตายเพราะพิษเศรษฐกิจ ซึ่งจากข้อมูล Social Listen พบว่าประชาชนกำลังเผชิญกับปัญหาปากท้องและต้องการให้มีการแก้ไขเป็นอันดับแรก และยังมีปัญหาน้ำท่วม การจราจร การพนัน และยาเสพติด ที่อยู่คู่คนกรุงเทพฯมาช้านาน จนต้องหาทางปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง เพราะปัญหามันไม่เคยถูกรับฟังจากคนในพื้นที่และมีการแก้ไขอย่างตรงจุด และยิ่งไปกว่านี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีข่าวคุณหมอที่ยังหนุ่มใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะ แต่กำลังจะเสียชีวิตจากมะเร็งปอด เพราะมลพิษที่เราทุกคนกำลังพูดกันอยู่ หลายประเทศเขาประกาศเลยว่า อากาศสะอาดคือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน แต่วันนี้นอกจากเราจะไม่มีสิทธินี้แล้ว เรายังได้โรคร้าย จากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษมาแทนอีกด้วย

'ศาลรธน.' ชี้!! ร่างกม.พรรคการเมือง ไม่ขัดแย้ง ต่อ 'รัฐธรรมนูญ' และ 'การปฏิรูปด้านการเมือง

ศาลรธน. มีมติเอกฉันท์ ชี้ร่างกฎหมายพรรคการเมือง ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปด้านการเมือง  

(23 พ.ย. 65) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 77 คน ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ และตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ โดยมติที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ร่างกฎหมายพรรคการเมืองไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปด้านการเมือง  

สำหรับประเด็นที่ผู้ร้องเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญคือการลดค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรค เดิมปีละไม่เกิน 100 บาท เหลือไม่เกิน 20 บาท ตลอดชีพลดเหลือไม่เกิน 200 บาท จากเดิมไม่น้อยกว่า 2,000 บาท เหตุผลคือกลัวจะเปิดให้เกิดนายทุนครอบงำและไม่เป็นพรรคของประชาชน และตัดคุณสมบัติผู้ต้องคดีอาญา การฉ้อโกง ยาเสพติด การพนัน การค้ามนุษย์และการฟอกเงิน หากคดีไม่ถึงขั้นติดคุกก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้

รมว.สุชาติ ห่วง เหตุคาร์บอมบ์เมืองนราฯ สั่ง สปส. เยียวยาผู้ประกันตนโดยด่วน

รมว.แรงงาน ห่วง เหตุระเบิดแฟลตตำรวจจังหวัดนราธิวาส สั่ง สปส.ตรวจสอบช่วยเหลือผู้ประกันตนบาดเจ็บโดยด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดที่แฟลตตำรวจบริเวณถนนสุริยประดิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ข้าราชการตำรวจเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ว่า ทันทีที่ทราบข่าว ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความห่วงใยและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ผมได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุซึ่งเป็นผู้ประกันตนทันที ซึ่งจากการตรวจสอบของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนราธิวาส ปรากฎว่า จากเหตุการณ์นี้มีผู้ประกันตนได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย รายแรก นางนิดา ชนะพันธ์ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้รับบาดเจ็บ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รายที่ 2 นายฉันชริน มะยูโซะ เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รายที่ 3 นางเจริญตา บุญส่ง เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 และรายที่ 4 นายปฐวี ปิ่นแก้ว เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 

‘ตำรวจ’ รวบเครือข่ายชาวม้งลอบขนยาเสพติด จับกุมได้พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 1.6 ล้านเม็ด

(23 พ.ย. 65) จากนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด เดินหน้าเชิงรุกทุกมิติการทำงาน เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน ทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุม รวมทั้งขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. / รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส., ได้สั่งการให้ทุกหน่วยใน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สกัดกั้นจับกุมและสืบสวนขยายผลการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทั่วประเทศ 

ล่าสุด ช่วงวันที่ 20 - 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา คือ 
1.) นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง อายุ 22 ปี
2.) นายนพเดช แซ่ซ้ง อายุ 28 ปี
3.) นายเอกภพ แซ่เฮ่อ อายุ 35 ปี ลำดับ (1-3 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดตาก)
4.) นายจักรกฤษณ์ สวยรักษ์ อายุ 53 ปี 

หลังสืบทราบว่า กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ซึ่งมีภูมิลำเนาในอำเภออุ้มผางและพบพระ จังหวัดตาก มักลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียงเป็นประจำ วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่าจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าโดยจะใช้รถกระบะ และรถยนต์ใช้ในการขนส่ง กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยติดตามรถของขบวนการซึ่งตรงตามที่สืบทราบมา จนเวลาประมาณ 16.00 น. สามารถสกัดจับรถต้องสงสัยคือ รถกระบะ ISUZU D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค 394 พิษณุโลก ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และรถยนต์ HONDA CIVIC หมายเลขทะเบียน กย 2637 ลำปาง มี นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง, นายนพเดช แซ่ซ้ง และนายเอกภพ แซ่เฮ่อ เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ ตรวจสอบในรถพบยาบ้า ถูกซุกซ่อนมาในกระเป๋า 16 ใบ รวม 1,600,000 เม็ด ภายในรถกระบะ 

นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง, ไอแพดสีดำ 1 เครื่อง ทั้งหมดรับว่า รับจ้างขนยาบ้าไปส่งลูกค้าตามที่ผู้ว่าจ้างสั่งการ จึงแจ้งข้อกล่าวหา ‘ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน’ โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ที่บริเวณสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนกำแพงเพชร-สุโขทัย ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร 

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ‘กม.กัญชง-กัญชา’ ช่องโหว่เพียบ ยัน!! ไม่ให้ผ่านแน่นอน แนะรัฐหยุดสร้างบาปให้ปชช.

‘เพื่อไทย’ ยัน ไม่ให้ผ่าน กม.กัญชา กัญชง เหตุช่องโหว่สารพัด ไม่ให้ขายแต่ให้ปลูกเพื่อเสพเองมีที่ไหน ไล่รัฐบาลไปแก้มาใหม่ หยุดสร้างบาปใหญ่ให้ประชาชน

(23 พ.ย. 65) ที่งานเสวนา ‘กัญชาเสรี บาปใหญ่รัฐบาลประยุทธ์?’ พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยที่ยังไม่มีกฎหมายการใช้มารองรับ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้ใช้กัญชาในทางที่ผิด การสนับสนุนกัญชาเสรีของพรรคที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปเพื่อใช้ในทางการแพทย์ แต่มีช่องโหว่ให้ใช้เพื่อการสันทนาการด้วย ปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้คือ หากใช้ในทางการแพทย์อย่างเดียว ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ผ่านความเห็นชอบจากสภาแน่นอน แต่เรารู้ทันเพราะมีการเปิดช่องเพื่อสันทนาการ ซึ่งในการนำเอาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง ต้องมาดูในรายละเอียด โดยตนมีข้อสังเกตและจุดยืนดังนี้

1.) รัฐบาลไม่ห้ามเสพกัญชา ตนยอมรับว่ากัญชามีประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่หากใช้เพื่อการสันทนาการ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ยกมือสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงผ่านสภาแน่นอน หากจะนำกลับมาพิจารณาใหม่ จะต้องเข้าไปดูในรายมาตราอีกครั้ง 

2.) แม้จะห้ามจำหน่ายกัญชา โดยไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีซื้อ หมายความว่า ซื้อมาเสพมีความผิด แต่ปลูกเองเสพเองไม่ผิด เพราะอนุญาตให้ปลูกในครัวเรือนได้ไม่เกิน 15 ต้นตามมาตรา 18 ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ทั้งยังห้ามขาย ดังนั้นประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อปลูกเองได้ ยิ่งทำให้ประชาชนเสพกัญชาในบ้านได้ง่าย เมื่อไปถึง โรงเรียนก็เสพในห้องน้ำ สิ่งเหล่านี้ทำได้ไม่ผิดกฎหมายหรือไม่  

3.) ส่งเสริมให้ปลูกในครัวเรือน จากที่เคยหาเสียงไว้ว่าปลูกเพื่อจำหน่าย ชาวบ้านตาโต ให้ปลูกครอบครัวละ 6 ต้น รับซื้อกิโลกรัมละ 70,000 บาท ปีละ 400,000 กว่าบาท แต่ในชั้นกฎหมายห้ามขาย จึงต้องปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน นำไปประกอบอาหาร หรือทำยา และอย่าลืมว่าในกัญชามีทั้งสารดีอย่าง CBD และสารร้าย THC พี่น้องประชาชนจำนวนมากยังไม่รู้ และไม่สามารถแยกสารเลือกเอาเฉพาะสารดีเข้าร่างกายได้ คือมีแค่พี้และเสพ 

“ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เข้าสภา ไม่ได้จำกัดการใช้กัญชาในทางการแพทย์อย่างเดียว แต่มีช่องโหว่ให้เสพเพื่อสันทนาการด้วย เราเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ไม่ชอบ จึงให้ผ่านไม่ได้ จนกว่าจะไปแก้คำจำกัดความของกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดในมาตรา 3 และข้อห้ามยุกยิก ห้ามเรื่องเล็กน้อยรวม 90 มาตรา แม้บางอย่างเขียนไว้ห้าม แต่ในทางปฏิบัติทำไม่ได้ เช่น การขออนุญาตปลูกขาย ต้องแยกสาร แล้วชาวบ้านจะมีเครื่องมือแยกได้อย่างไร หากปลูกทุกครัวเรือน ประเทศไทยมีกี่ครัวเรือน ตำรวจกี่คนที่ต้องไปนั่งเฝ้า ตามจับกุม ลำพังยาบ้าอย่างเดียวคุณยังเอาไม่ไหว กัญชามีทุกครัวเรือนท่านจะทำอย่างไรไหว” นายสุทิน กล่าว 

นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นต้องไปแก้กฎหมายหรือปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพราะแต่เดิมใน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.2562 สามารถนำกัญชามาใช้ศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ อีกทั้งการออกกฎหมายไปปลดล็อกได้สร้างปัญหามากมาย เพราะไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ทางการแพทย์ ที่จะนำมาใช้เพื่อสุขภาพอนามัย นอกจากนี้ราชวิทยาลัย แพทยสมาคม และแพทยสภา ก็มีความเห็นตรงกันว่าการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์นั้นไม่ขัดข้อง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชามาเสพเพื่อสันทนาการ กลุ่มแพทย์ทั้งหลายจึงได้ตั้งเงื่อนไขว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ ควรเข้าเงื่อนไข 5 ข้อ ประกอบด้วย

1.) การใช้กัญชาทางการแพทย์ จะต้องมีหลักฐาน งานวิจัย ข้อมูลเชิงประจักษ์ ลงตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองน่าเชื่อถือในระดับโลก ไม่ใช่เป็นการใช้ตามความเชื่อหรือฟังเขาเล่าต่อกันมา  

2.) ผลิตภัณฑ์กัญชา ต้องเป็นการผลิตกัญชาที่มีคุณภาพ ปลูกภายใต้การควบคุมมาตรฐาน ภายใต้การควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้สารสำคัญจำเป็นใช้ทางการแพทย์ แต่ที่ให้ปลูกกันตามบ้าน 15 ต้น ไม่ได้คุณภาพ ไม่ใช่เพื่อการแพทย์แต่เป็นสันทนาการ

3.) มีการควบคุมการรักษา ไม่ว่าจะรักษาด้วยการแพทย์สมัยใหม่หรือการแพทย์แผนโบราณ จะต้องผ่านการอบรมเรียนรู้ก่อนนำไปรักษา

4.) ผู้ป่วยที่จะรับการรักษา ต้องมีการคัดกรองผู้ป่วย จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยกัญชาอย่างไร รวมถึงประเมินผลตั้งแต่ก่อนรักษาจนถึงหลังรักษา 

5.) รัฐต้องกำหนด ให้กัญชา เป็นยาเสพติด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูแลควบคุมได้ง่าย

ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่กำลังพิจารณาอยู่นี้ กลุ่มแพทย์ได้ศึกษาในรายละเอียดเช่นกัน โดยเห็นว่าไม่สอดคล้องกับเงื่อนไข 5 ข้อดังกล่าว หากปล่อยกฎหมายนี้ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภา จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน 

นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ขึ้นเป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุขจะทำอะไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยติติง ซึ่งการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชีสารเสพติดก่อนที่จะมีกฎหมายคุ้มครอง ควบคุมการใช้ นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่เคยติติงหรือท้วงติงแต่อย่างใด สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประเทศไทยอยู่ภาวะสุญญากาศ หลายพื้นที่ทั้งในเมือง ตลาด ห้างสรรพสินค้า มีร้านขายกัญชาเกิดขึ้นจำนวนมาก น่าสังเกตที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ลงทุน ลงแรงในการจำหน่ายกัญชา แต่ไม่มีผู้รับซื้อเพราะปลูกไม่ได้มาตรฐาน

ผบ.ตร. เร่งรัดทีมคลี่คลายคดีระเบิดคาร์บอมถล่มแฟลตตำรวจนราธิวาส เตรียมเสนอปูนบำเหน็จเลื่อนยศ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ เป็น พล.ต.อ. สั่งช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้บาดเจ็บ จัดหาที่พักชั่วคราวให้

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 18.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภ.9 รรท. ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ ระเบิดคาร์บอม ภายในบริเวณแฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต1 ราย คือ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธนิยะ รอง สวป.สภ.เมืองนราธิวาส ขณะกำลังจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ และบาดเจ็บอีกจำนวน 43 ราย แฟลตอาคารที่พัก รถยนต์ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก 

ก่อนเดินทางไปยังห้องประชุม สภ.เมืองนราธิวาส เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวนเพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดี ใช้เวลากว่า 1 ชม. จากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บทุกราย พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เกิดเหตุพบว่า เกิดความเสียหายค่อนข้างรุนแรง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 43 ราย ในทางคดี จากการประชุมติดตามเร่งรัด ผบช.ภ.9 ได้รายงานให้ทราบว่า มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ทั้งพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด เบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถเข้ามาจอดทิ้งไว้และหลบหนีไป รายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมยังไม่สามารถบอกได้ อยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวน แต่ยืนยันว่าจะเร่งทำการสืบสวนคนร้ายให้ได้โดยเร็ว 

ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ได้สั่งการให้ ภ.9 และ ภ.จว.นราธิวาส เร่งแก้ปัญหาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เดือดร้อน จัดหาที่อยู่ให้ชั่วคราว และเร่งซ่อมแซมแฟลตที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งวางมาตรการความปลอดภัยให้เข้มข้นไม่ให้เกิดขึ้นอีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top