Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

‘ฝนธิป ศรีวรัญญู’ สาวงามไทยคว้า 2 มงกุฎ จากการประกวด ‘Mrs.Heritage International’

วันนี้ (22 พ.ย. 65) เวลา 12.30 น. ได้มีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวผู้ชนะการประกวดสาวงาม Mrs.Heritage International ณ ห้องชมณภา โรงแรมเอสดี 

สำหรับเวที Miss and Miss Heritage Intemational เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้วสามารถเข้าประกวดได้ เนื่องจากเวทีให้โอกาสทุกคนอย่างความเท่าเทียมกัน ถึงแม้ผู้หญิงจะสมรสหรือมีลูกแล้ว ก็สามารถมีมุมมองและประสบการณ์ชีวิตที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ในอีกรูปแบบหนึ่งได้

ซึ่งปีนี้จัดประกวดอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย สาวงามที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ Miss and Miss Heritage Intemational ได้แก่ น.ส.ฝนธิป ศรีวรัญญู และคว้าอีกรางวัลมาครองคือ Environmental Ambasador 

ฝนธิป กล่าวว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และการไปประกวดครั้งนี้ สิ่งที่ตัวเองเตรียมไปคือ การสร้างภาพลักษณ์ โดยการเป็นตัวแทนของประเทศ ได้เตรียมวิดีโอที่นำเสนอประเทศไทย ซึ่งได้ถ่ายไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศ รวมถึงพวกวัฒนธรรมไทยต่างๆ เช่น มวยไทย สิ่งนี้จะทำให้ต่างชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น อย่างที่สองที่เตรียมคือ ด้านการแสดงวัฒนธรรมไทย เป็นการรำกินรี ไปรำโชว์ให้ต่างชาติได้เห็นถึงความเป็นไทย อย่างที่สามคือเตรียมในเรื่องของชุดที่สวมใส่ โดยชุดจะต้องแสดงถึงความเป็นไทยได้อย่างดี เพราะในกองประกวดเราสามารถใส่ชุดไทยได้ ซึ่งตนทำให้ชุดมีความโดดเด่น แล้วก็แตกต่างจากชาติอื่น ๆ เพราะว่าชาติอื่นเขาก็เตรียมมาเหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องยิ่งแสดงถึงความเป็นไทยให้เด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก

สื่อเสรี TPBS กุเล่าเรื่องปลากุเลาเค็มตากใบ ไร้การปกป้องแหล่งข่าว-กล่าวคำขอโทษร่ำไป

การกุเล่าเรื่องปลากุเลาเค็มตากใบ โดยการไปสัมภาษณ์พ่อค้าแม่ค้าปลากุเลาเค็มตากใบแล้วไม่มีใครได้ขายให้เชฟที่ประกอบอาหารสำหรับเอเปคนั้น เป็นการทำข่าวเพื่อยืนยันอคติของนักข่าว TPBS เอง อย่างที่เรียกว่า Self-confirmation bias คือ นักข่าวมีอคติกับการจัดประชุมเอเปคและอาจจะรัฐบาลด้วย 

เมื่อไปสัมภาษณ์ก็เป็นการยืนยันความเชื่อตัวเองว่าการที่โฆษณาว่าใช้ปลากุเลาเค็มตากใบประกอบอาหารรับรองการประชุมเอเปคนั้นไม่จริง แล้วทำข่าวออกไปทันที โดยไม่ทันได้ตรวจสอบว่าได้ซื้อปลากุเลาเค็มตากใบไปทำอาหารจริงหรือไม่ ทำให้เกิดการค้นหาจนพบว่าร้านป้าอ้วนที่ตากใบได้ขายปลากุเลาเค็มให้ เชฟชุมพล แจ้งไพร ไปประกอบอาหารจริง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าทำให้ออร์เดอร์สั่งปลากุเลาเค็มไปแออัดล้นหลามที่ร้านป้าอ้วนอยู่ร้านเดียวไม่ได้กระจายไปร้านอื่นๆ 

ต่อมาทางช่อง TPBS ได้ออกแถลงการณ์ https://www.thaipbs.or.th/news/content/321541 ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความเข้าใจผิด แต่เป็นการสะท้อนความรู้สึกและความเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ ขาดความรอบด้าน มิได้ตรวจสอบตามหลักการพื้นฐานของสื่อมวลชน ขออภัยในความบกพร่อง จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

ผมได้อ่านแถลงการณ์แล้วมีความเห็นว่า TPBS ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบเพียงพอต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่นำเสนอข่าวผิดพลาด กลับพาดพิงว่าแหล่งข่าวให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและต้องการสะท้อนความคิดเห็นของแหล่งข่าวที่ขาดความแม่นยำ ไม่ตรงกันกับความเป็นจริง แม้ว่า TPBS จะกล่าวว่าตนไม่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นตามหลักการพื้นฐานของสื่อมวลชน แต่ไม่ควรจะแถว่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชนทุกกลุ่มรวมถึงแหล่งข่าวคือพ่อค้าแม่ค้าปลากุเลาเค็มในพื้นที่ตากใบที่เข้าใจผิดและมีข้อมูลที่ผิด เพราะตนเองไม่ได้ขาย แต่ร้านอื่นได้ขาย 

การทำเช่นนี้ของ TPBS ไม่ได้ปกป้องแหล่งข่าว ซ้ำยังเป็นการทำให้แหล่งข่าวเป็นแพะรับบาปโดยบิดเบือนหลักการทำข่าวว่าต้องการเสนอความคิดเห็นของแหล่งข่าวที่เข้าใจผิดในสาระสำคัญและไม่ตรงกับความจริง หรืออีกนัยหนึ่งการกระทำเช่นนี้ของ TPBS เท่ากับโยนความผิดให้กับแหล่งข่าวด้วย อันเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนที่ดีและมีจรรยาบรรณควรทำ

‘ดร.สุวินัย’ ตีฆ้อง!! ลุงตู่ไปอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ เบรก ‘สลิ่ม’ อย่าเอาอนาคตบ้านเมืองไปเดิมพัน

(22 พ.ย. 65) ดร.สุวินัย ภรณวลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุความเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่า...

ข่าวลุงตู่ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นเรื่องจริง!

ผมจึงขอประกาศตัวดัง ๆ ว่าจะสนับสนุนทุกวิถีทางเพื่อให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งให้จงได้ เพื่อสานต่อและผลักดันกระบวนการ ‘ปฏิรูป 3 แกนหลักเพื่ออนาคตไทย’ ให้สำเร็จสมบูรณ์ 

ไม่ว่าเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เรื่องผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ และเรื่องปฏิรูปดิจิทัลทางการเงิน

ILINK แย้ม Q4 สดใส รับงาน 'เกาะเต่า' หนุนกำไรพีคยาว วางงบร้อยล้าน ขยายคลังสินค้าใหม่

ILINK โชว์ยอดขายธุรกิจจัดจำหน่ายโต 2 หลัก (double-digit growth) ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ตอบรับกระแสดิจิทัล และเทรนโซล่ารูฟพุ่ง พร้อมโชว์ความแข็งแกร่ง เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับ 1 งานโครงการ Submarine Cable ของไทย หลังคว้างานยักษ์ติดตั้งเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่า โดยบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ หรือ ILINK นำเสนอข้อมูลภาพรวมธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทฯ ผ่านงาน Opp Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า “9 เดือนแรกของปีนี้ ILINK ทำรายได้ 4,862.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.29% และมีกำไรสุทธิ 261.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.18% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนของปีก่อน และสำหรับไตรมาส 3/65 ILINK มีรายได้ 1,806.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.42% และทำกำไรสุทธิ 85.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.17% จึงมั่นใจว่าทิศทางผลประกอบการไตรมาส สุดท้ายของปี จะเติบโตทะลุเป้าแน่นอน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยบวกจากการชนะงานจ้างก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ ระบบ 33 เควี ไปยังเกาะเต่า ที่จะช่วยหนุนทั้งรายได้และกำไรยาวไปถึงปี 2567”

ผบ.ตร. บินด่วนนราธิวาส เร่งตรวจสอบเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ถล่มแฟลตตำรวจ เบื้องต้น ผู้กองจราจร เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก

จากกรณี เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565 เวลาประมาณ 12.50 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในบริเวณแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส (แฟลต ตร)  ถ.สุริยะประดิษฐ์ เทศบาลเมืองนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย  คือ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธะนิยะ รอง สว.จร.เมืองนราธิวาส และบาดเจ็บจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่ามีคนร้ายจำนวน 1 คน แต่งกายคล้าย จนท.ได้นำรถยนต์กระบะประกอบระเบิด(คาร์บอมบ์) นำมาจอดไว้ภายในบริเวณแฟลตข้าราชการตำรวจ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปิดกั้นพื้นที่ รอเข้าตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย 

'สุชาติ' ลั่นไม่ทิ้ง 'บิ๊กตู่' ดูแลมาตลอด 3 ปี ถึงเวลาต้องแสดงความจริงใจแล้ว

(22 พ.ย.65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ภาพคู่ยกมือไหว้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

'บิ๊กป้อม' ร่วมประชุม 'รมว.กห.อาเซียน' เสนอรับมือร่วม 'ภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่'

'พล.อ.ประวิตร’ ร่วมประชุม รมว.กห.อาเซียน เสนอพัฒนากลไกและย้ำความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอาเซียน พร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของประเทศคู่เจรจา

โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อ 22 พ.ย. 65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทน รมว.กห. ได้เดินทางไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อม รมช.กห.และปล.กห. เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ADMM Retreat) ณ เมืองเสียมราฐ โดยมีสมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ รอง นรม. และรมว.กห.กัมพูชาเป็นประธานการประชุม

ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกัน โดยให้ความสำคัญกับความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการดำรงความร่วมมือด้านความมั่นคง และเห็นความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกันรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ ทั้งด้านการก่อการร้าย อาชญกรรมข้ามแดนในรูปแบบต่างๆ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ความขัดแย้งทางการเมืองและข้อพิพาททางเขตแดนที่เสี่ยงต่อการใช้กำลังทางทหาร นอกจากนั้นยังมีการแข่งขันในเชิงภูมิรัฐศาสตร์และการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตร เข้ามามีอิทธิพลต่อกรอบความร่วมมือของอนุภูมิภาค โดยความร่วมมือของอาเซียน

พล.อ.ประวิตร ได้เสนอมุมมองของไทยต่อประเด็นด้านความมั่นคงของภูมิภาค โดยการพัฒนากลไก ADMM 3 ประการ คือ 1) การจัดระเบียบความร่วมมือที่มีอยู่ออกเป็นกลุ่มงาน เพื่อความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรทางทหาร  2) การขยายบทบาทของฝ่ายทหารอาเซียน ตอบสนองความท้าทายข้ามพรมแดน และ 3) การปฏิสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศมหาอำนาจ รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรในภูมิภาค ควรเป็นไปอย่างสมดุล สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย พร้อมย้ำ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอาเซียน จะทำให้สามารถก้าวข้ามช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง สร้างปัจจุบันให้เข้มแข็งและเกิดประโยชน์กับอาเซียนอย่างแท้จริง

‘กาตาร์’ ทึ่ง!! แฟนบอลญี่ปุ่นเก็บขยะหลังเกมจบ ถามเก็บทำไม? ตอบ “เพราะเราเคารพสถานที่”

ฟุตบอลโลกกลับมาแล้ว และแฟนๆ ทั่วโลกต่างตั้งตารอชมการแข่งขันฟุตบอลหลังจากรอคอยมาสี่ปี ซึ่งในการแข่งขันนัดเปิดสนามระหว่างชาติเจ้าภาพกับเอกวาดอร์ ‘Omr94’ ผู้ใช้อินตราแกรมรายหนึ่งชาวบาห์เรนออกมาเผยเรื่องราวประทับใจของแฟนบอลสัญชาติญี่ปุ่น โดยหลังจากจบเกมแล้ว แฟนบอลชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปชมเกมนี้ มีพฤติกรรมที่น่าชื่นชมจนได้รับคำชมเชยในตะวันออกกลางอย่างล้นหลามและกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก

ภายในวิดีโอเผยภาพที่หลังจากจบเกมพบกาตาร์เจอกับเอกวาดอร์ แฟนบอลชาวญี่ปุ่นไม่เดินออกจากสนามเหมือนคนอื่น นำถุงขยะใบใหญ่เดินไล่เก็บขยะที่ถูกทิ้งไว้บนอัฒจันทร์ เช่น กล่องกระดาษ ถ้วย ขวดพลาสติก ธง และกระเป๋า ในโซนที่ตัวเองนั่งเชียร์อยู่ แม้ว่าทีมของพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันในวันอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่แฟน ๆ ยังเข้าร่วมการแข่งขันกาตาร์กับเอกวาดอร์จากนั้นเลือกที่จะเดินไปรอบ ๆ เพื่อเก็บขยะโดยไม่ต้องร้องขอ 

‘ท๊อป Bitkub’ เล็งขยายธุรกิจไป ‘ฮ่องกง’ หลังโดน ก.ล.ต. สั่งปรับหลายครั้ง

'ท๊อป จิรายุส' ผู้ก่อตั้งกระดานเทรด Bitkub เผยผ่าน The South China Morning Post ว่าเตรียมย้ายบ้านธุรกิจซื้อขายเหรียญคริปโต จากประเทศไทย ไปจดทะเบียนในฮ่องกง

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งกระดานเทรด Bitkub ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดังของไทยเปิดเผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่การประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC2022 ว่า กระดานเทรด Bitkub ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจแลกเปลี่ยน cryptocurrency มากที่สุดของประเทศไทย กำลังเล็งการขยายธุรกิจ ไปยังเขตพื้นที่ปกครองพิเศษฮ่องกง โดยเป็นจุดหมายปลายทางในการจดทะเบียนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคาดว่าเป็นไปได้ว่าเร็วที่สุดภายในปี 2567

"เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์มีส่วนสำคัญในการพิจารณาเลือกฮ่องกงมากกว่านิวยอร์ก เช่นเดียวกับศูนย์กลางทางการเงินในเอเชียที่มีหลักนิติธรรมและสภาพคล่องสูงในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผมคิดว่าจุดแข็งของเราอยู่ที่ภูมิภาคอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะเชื่อมต่อกับตลาดใกล้บ้าน”

นอกจากนี้ ท๊อป ยังได้สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการล้มละลายของ FTX อีกด้วยว่า ความผิดพลาดของ FTX ซึ่งเป็นหนึ่งในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้ยื่นฟ้องล้มละลายในสหรัฐอเมริกา สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมันในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ท๊อป จิรายุส ยังคงไม่หวั่นไหวเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล

“บริษัทส่วนกลางไม่กี่แห่งจัดการเงินของลูกค้าผิดพลาดหรือมีธรรมาภิบาลที่แย่มากไม่ได้หมายความว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นไม่ดี จริงไหม ซึ่งจริง ๆ แล้ว Cryptocurrency เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่ามาก และลูกค้าจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาเสมอ” ท๊อป จิรายุส กล่าว

อย่างไรก็ดี การที่ผู้ประกอบการ เรียกร้องให้ฮ่องกงเร่งปฏิรูปกฎระเบียบสำหรับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล หากตั้งใจที่จะแสวงหาบริษัทด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะไม่ได้ยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงก็ตาม

“ฮ่องกงเป็นผู้นำด้านการเงินเสมอมา แต่เพื่อให้โมเมนตัมดำเนินต่อไปและยังคงเป็นผู้นำ พวกคุณควรมีกฎระเบียบที่เสรีและเปิดกว้างมากขึ้น และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น” ท๊อป จิรายุส กล่าวถึงกฎระเบียบที่ฮ่องกงควรมีเพื่อรองรับอุตสาหกรรมคริปโต

ขณะที่ Bitkub ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีศูนย์กลางธุรกิจในกรุงเทพฯ ซึ่งมีสัดส่วนปริมาณธุรกรรมเงินเสมือนจริงมากถึง 90% ในประเทศ โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 23,000 ล้านบาทไทย (642 ล้านเหรียญสหรัฐ) ต่อวัน

อย่างไรก็ตาม Bitkub เกือบจะกลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นรายแรกของไทย แม้ว่าบริษัทมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประกาศในเดือนสิงหาคมว่าได้ล้มเลิกแผนการที่จะซื้อหุ้น 51% ในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของบริษัท ท่ามกลางปัญหาด้านกฎระเบียบกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

นอกจากนี้ ท๊อป ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า จากภาวะเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างชัดเจน ทำให้การขยายธุรกิจสู่สาธารณะนั้นไม่ใช่เรื่องที่ Bitkub ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในตอนนี้ โดยเรียกปีที่จะมาถึงนี้ว่าเป็น 'ฤดูหนาว' สำหรับทุกภาคส่วน แต่บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การรวมผลผลิตให้มากขึ้น ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง

“ปี 2567 เป็นปีที่เราหวังว่าจะสามารถเปิดเผยแผนงานระยะต่อไปสู่สาธารณชนได้ เมื่อสถานการณ์ต่างๆ กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งขณะนี้ เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ” ท๊อป จิรายุส กล่าว

เมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในด้านการลงทุน ท๊อป จิรายุส ให้ความเห็นว่า ฮ่องกงมีสภาพคล่องสูงกว่า หมายความว่าการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดทำได้ง่ายกว่า โดยปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง มีบริษัทจดทะเบียนจากประเทศไทยเกือบ 40 แห่ง

นอกจากนี้ ท๊อป จิรายุส ยังได้ ฉายภาพเศรษฐกิจในอนาคตว่า 2 ชาติมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือจีนและสหรัฐฯ แบ่งประเด็นระดับโลกตั้งแต่การค้าไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งรุนแรงขึ้นจากสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของบริษัทต่างๆ ที่เข้าจดทะเบียนด้วย โดยเฉพาะบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะชอบฮ่องกง ในขณะที่บริษัทตะวันตกมีแนวโน้มที่จะมุ่งหน้าไปยังนิวยอร์ก

23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ย้อนรอยข่าวร้ายเหตุการณ์วิปโยคเขมร เหยียบกันตายงานลอยกระทงเกือบ 400 คน

23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 โลกต้องตื่นขึ้นมาพร้อมข่าวร้าย ที่สะเทือนใจคนไปทั่วโลก เมื่อคนเขมรเหยียบกันตายหลายร้อยศพ ในคืนสุดท้ายของงานลอยกระทง!

เช้าของวันนี้เมื่อ 12 ปีก่อน ทุกคนล้วนอยู่ในอาการเศร้าสลด เมื่อได้รับทราบข่าวว่ามีการเหยียบกันตายในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในคืนก่อนหน้านั้น ซึ่งมีรายงานในเบื้องต้นว่ามีประชาชนอย่างน้อย 347 คน!!! ถูกเหยียบจนเสียชีวิตในงานฉลองเทศกาลลอยกระทงคืนสุดท้าย!!

สำหรับที่เกิดเหตุ คือ บนสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะเพชร ที่ทอดตัวยาวตามแนวทะเลสาบเขมร หรือ โตนเลสาบ กับแผ่นดินใหญ่ โดยเป็นสะพานแคบ ๆ ความยาวประมาณ 80 เมตร เท่านั้น!!!

เหตุสลดเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ  21.30 น. ของช่วงค่ำวันที่  22 พ.ย. 2553 และต่อเนื่องมาจนข้ามมาถึงวันที่ 23 พ.ย. 2553  ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานเทศกาลลอยกระทง วันประเพณีประจำปีของประเทศกัมพูชา ในช่วงวันเพ็ญเดือน  12 

สำหรับสาเหตุนั้น มีคำบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์มากมาย เช่นว่าในขณะที่มีผู้คนอัดแน่น อยู่บนเกาะและสะพานดังกล่าวก็มีผู้ร้องตะโกนว่า มีคนถูกไฟฟ้าช็อตหลายคน

และยังมีกลุ่มที่ตะโกนด้วยความคึกคะนองว่า สะพานใกล้จะพัง จนทำให้ผู้คนพากันตื่นตกใจ ก่อนจะพากันวิ่งหนีจนเกิดเหตุการณ์สลดขึ้น ขณะที่บางส่วนก็หนีตายด้วยการกระโดดลงไปยังทะเลสาบด้านล่าง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top