Wednesday, 14 May 2025
Region

กระบี่ - ชุด ฉก.ความมั่นคงภายในกระบี่จับหนุ่มบ้านห้วยครามยึดยาบ้า 137 มัด 2 แสนกว่าเม็ด

ที่ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศาลากลางจังหวัดกระบี่ พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ พันตำรวจเอก ศิริศักดิ์ สงพะโยม ผู้กำกับการสืบสวน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และพันตำรวจโท ก้องภพ โพธิ์แสน ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 462 จังหวัดกระบี่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมหนุ่มวัย 30 ปี พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของจังหวัด เป็นเครือขายรายสำคัญทางภาคเหนือ พร้อมของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด

ด้วยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ นำกำลังชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ จับกุมตัวนายรณกร หรือเบล เกลี้ยงบุตร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ได้ริมถนนสายเหนือคลอ - เขาพนม บริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ต่อเนื่องภายในไร่อ้อย หมู่ที่ 3 บ้านใหม่ ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ และต่อเนื่องที่บ้านพักของนายรณกร ยึดของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด สมุดบัญชีรายการลูกค้ายาเสพติด 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์เอ็มเอ็กเอส ทะเบียน 1 กค 4842 กระบี่ โดยแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ สืบทราบว่านายรณกร เกลี้ยงบุตร เป็นพ่อค้ารายใหญ่ใหญ่ที่ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกระบี่มาช้านาน และเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ทางภาคเหนือ และเป็นเครือข่ายกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา จึงได้วางแผนจับกุมโดยล่อซื้อยาบ้า 20 มัด 4 หมื่นเม็ด ราคา 6 แสนบาท โดยให้นำยาบ้ามาจำหน่ายก่อนแล้วค่อยทยอยส่งเงินให้ จึงนัดส่งยาบ้าที่เกิดเหตุดังกล่าวข้างต้น สามารถจับกุมตัวได้พร้อมด้วยยาบ้าตามที่นัดกันเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลจนตามตรวจยึดยาบ้าได้อีก 117 มัด 234,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ยึดได้ 137 มัด 274,000 เม็ด

จากการสอบสวนปากคำในเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นายรณกร เกลี้ยงบุตร ให้การรับสารภาพว่าถูกจับกุมในคดียาเสพติดและพึ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำจังหวัดกระบี่มาได้ 1 เดือนเศษ จากนั้นนายวรันธร หรือเค ฝอยทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 / 9 ถนนเมืองเก่า ตำบลกระบี่ใหญ่ อำเภอเมืองกระบี่ และนายสุโกมล หรือโก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 6 บ้านควนออก ตำบลพรุเตียว อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ได้ติดต่อขอให้เข้าร่วมเครือข่ายลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งบุคลทั้งสองมีหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ไม่ต่ำกว่า 5 หมาย โดยหลบหนีอยู่ในฝั่งพม่าด้านท่าขี้เหล็กจังหวัดเชียงราย จากนั้นจึงรับปากและเริ่มค้ายาอีกครั้ง โดยสั่งยาบ้าทางออนไลน์ 2 ครั้งแรกนำยาบ้าเข้ามา 10 – 20 มัด และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามนำยาบาเข้ามา 490 มัด 9 แสน 9 หมื่นเม็ด และไปรับยาที่บ้านบางเภา อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นำส่งขายไปแล้ว 363 มัด จนกระทั้งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้และยึดยาบ้า 137 มัด หากขายได้ทั้งหมดจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

เชียงราย - ชุมชนชาวมุสลิมปรับตัวยุคโควิด ปรุงอาหารใส่ปิ่นโตแจกแทนจัดเลี้ยงช่วงถือศีลอด

ที่ชุมชนกกโท้ง เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นชุมชนชาวมุสลิมในจังหวัดเชียงราย ซึ่งช่วงนี้เป็นนช่วงการถือศิลอด เนื่องในเดือน รอมฎอนเป็นเวลา 30 วัน  ทางกลุ่มขาวมุสลิมใน จ.เชียงราย นำโดยนายปรีชา อนุรักษ์ กรรมการอิสลามประจำ จ.เชียงราย ได้รวมกลุ่มกันบริจาคทานเพื่อจัดทำอาหารสำหรับให้ชาวมุสลิมที่ถือศิล ได้บริโภคหลังพระอาทิตย์ตกดิน  โดยการปรุงอาหารและแจกจ่ายด้วยปิ่นโตเพื่อให้สมาชิกที่เป็นชาวมุสลิม ผู้ยากไร้  นำไปรับประทานที่บ้านแทนการจัดเลี้ยงด้วยโรงทานตามมัสยิดต่าง ๆ เหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 

โดยทางกลุ่มได้จัดสถานที่มอบปิ่นโตที่บริเวณหน้าร้านโรตีป้าใหญ่ตั้งอยู่ที่ชุมชนกกโท้ง เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.ฌชียงราย โดยแต่ละวันจะมีลูกหลานและคนงานร้านโรตีป้าใหญ่ มาช่วยกันปรุงอาหารเป็นเมนูต่าง ๆ อย่างหลากหลาย และนำบรรจุในปิ่นโต 5 ชั้นโดยมีข้าว 2 ชั้นและอาหารจำนวน 3 ชั้นเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคในครอบครัว  โดยผู้ที่จะเป็นสมาชิกกลุ่มต้องเข้ารับการอบรมด้านการป้องกันไวรัสโควิด-19 จากนั้นมีการลงทะเบียนและมอบหมายเลขปิ่นโตให้เพื่อให้แต่ละคนได้ไปรับปิ่นโตในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.ของทุกวันอย่างถูกต้องและ นำปิ่นโตมาคืนในวันถัดไป

นายปรีชา กล่าวว่าตามปกติพวกเราก็จะมีทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นประจำทุกเดือน โดยเฉพาพในช่วงเดือนรอมฎอน จะทำกันทุกวัน แต่เนื่องจากช่วง 1-2 ปีนี้เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหาการนั่งรับประทานรวมกลุ่ม จึงได้คิดค้นการนำปิ่นโตมาใช้ประโยชน์และได้รับการสนับสนุนจากร้านโรตีป้าใหญ่ในการรับเป็นสถานที่และคนปรุงให้ จึงทำให้ไม่ต้องเสียต้นทุนมากและมีค่าใช้จ่ายเพียงการจัดหาซื้อวัตถุดิบต่างๆ มาทำการปรุงเท่านั้น  จากการสอบถามไปยังจังหวัดอื่น ๆ รวมถึงกรุงเทพฯ ก็ไม่เคยพบเห็นพื้นที่ใดใช้วิธีการนี้มาก่อนเลย พวกเราจึงถือเป็นกลุ่มบุกเบิกซึ่งทุกพื้นที่สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบได้

"ปัจจุบันมีผู้ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกรับปิ่นโตจำนวน 110 คน  ต้องทำอาหารสำหรับปิ่นโตจำนวน 110 ปิ่นโตต่อวัน รวมระยะเวลาในการจัดทำอาหารใส่ปิ่นโตจำนวน 30 วัน ซึ่งหลังจากดำเนินการมาได้หลายวันพบว่าได้ผลเป็นอย่างดีและผู้ไปรับก็ได้ความรู้เรื่องไวรัสโควิด-19 มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาให้บริการคัดกรองก่อนรับอาหาร และอาหารที่ได้ถือว่าให้มากสามารถนำไปรับประทานร่วมกับคนในครอบครัวได้ซึ่งดีกว่าการจัดเลี้ยงเป็นโต๊ะซึ่งสมาชิกในบ้านบางคนอาจจะไม่เวลาไปรับประทานได้ สำหรับค่าใช้จ่ายนั้นก็มีผู้บริจาคกันเข้าไปอย่างเพียงพอหรือแม้แต่สมาชิกที่ไปรับปิ่นโตก็ร่วมสมทุบทุนไปด้วย เฉลี่ยค่าใช้จ่ายวันละประมาณ 20,000 บาทแต่ก็ถือว่าได้ผลดีเป็นอย่างมากและหลังเดือนรอมฎอนไปแล้วก็คงจะหาโอกาสในการแจกปิ่นโตเช่นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

 

เชียงราย - สมาคมท่องเที่ยวทั่วภาคเหนือ ยื่นหนังสือ คัดค้านสรรหาประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ

จากกรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหาประธานสภาอุตสาหกรมท่องเที่ยวจังหวัดทั่วประเทศไทย และ ได้มีการแต่งตั้งผู้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาในส่วนของภาคเหนือเรียบร้อยแล้วนั้น ทางสมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือตอนบนโดยเฉพาะ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง  ฯลฯ ต่างออกมาคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและวิธีการสรรหาดังกล่าว โดยในส่วนของจังหวัดเชียงราย นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ กรรมการ สทท.ภาคเหนือเขตพื้นที่ 1 และนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย พร้อมด้วยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหลายราย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธาน สทท .ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องแล้ว

โดยนางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ กล่าวว่าตนในฐานะสมาชิกสามัญของ สทท.และสมาคมโรงแรม จ.เชียงราย สมาคมมัคคุเทศก์เชียงราย สมาคมเครือข่ายท่องเที่ยวเชียงราย และสมาคมคนยองจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย รวมทั้งสมาคมด้านการท่องเที่ยวอีกหลายจังหวัดของภาคเหนือโดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ ที่มีสมาคมด้านการท่องเที่ยวมากที่สุด ได้ยื่นหนังสือต่อผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว เพื่อคัดค้านรูปแบบการสรรหาประธาน สทท.แต่ละจังหวัดในปีนี้ เนื่องจากมีการงดใช้ขัอบังคับบางจุดและยกเลิกธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยกระทำกันมานาน 10-20 ปี ด้วยการที่คณะกรรมการ สทท.แต่งตั้งคนนอกหรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แต่ละภาคให้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด โดยมอบอำนาจให้ประธานแต่งตั้งกรรมการอีก 2 คน รวมประธานเป็น 3 คน ทำการคัดสรรแล้วเสนอชื่อให้ สทท.พิจารณา

ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตที่ให้กรรมการ สทท.ในเขตพื้นที่นั้น ๆ เป็นผู้จัดหาประธานคณะกรรมการสรรหาในจังหวัดที่ตนเองรับผิดชอบ จากนั้นเปิดให้สมาคมด้านการท่องเที่ยวที่มีอยู่ในแต่ละจังหวัดเป็นกรรมการสรรรหา ซึ่งก็จะทำให้แต่ละจังหวัดได้ตัวแทนที่เป็นที่ยอมรับและเป็นตัวแทนของภาคธุรกิจในจังหวัดอย่างแท้จริง แต่รูปแบบใหม่ที่ สทท.นำมาใช้ไม่เปิดโอกาสให้ทุกสมาคมได้มีโอกาสเลือกแต่กลับมอบอำนาจให้บุคคลแค่ 3 คน  เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในภูมิภาคที่ต้องอาศัยคนที่สมาชิกคิดว่าดีที่สุดเข้าไปทำงาน โดยเฉพาะเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 เพราะมีตัวอย่างผ่านมา จ.เชียงราย ต้องประสบปัญหาอย่างหนักแต่ทางสมาคมต่าง ๆ ต้องต่อสู้ดิ้นรนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง โดยที่สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่มีบทบาทเลย

"ปัจจุบันมีการแต่งตั้งประธานกรรมการสรรหาไปยัง 30 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว ทำให้หลายจังหวัดทำหนังสือคัดค้านเช่นกัน และหลายจังหวัดที่ประธานสภายังอยู่ในวาระ เช่น จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง  ต่างทำหนังสือค้านด้วยโดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ มีการร่วมกันลงชื่อคัดค้านไม่น้อยกว่า 8 สมาคม เช่น สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือเชียงใหม่ สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่  เพราะการสรรหาในอนาคตก็จะถูกกระทำเหมือนกัน" กรรมการ สทท.ภาคเหนือเขตพื้นที่ 1 และนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย กล่าว

นายวิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรม จ.เชียงราย กล่าวว่า สทท.มีข้อบังคับเรื่องการตั้งประธานกรรมการสรรหาผู้จะมาเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดว่าให้กรรมการเขตพื้นที่นั้น ๆ หรือคณะกรรมการสภา สทท.แต่งตั้งประธานกรรมการสรรหาได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการแต่งตี่งกรรมการเขตพื้นที่เป็นหลักทำให้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกส่วนใหญ่ แต่ปรากฎว่าครั้งนี้กลับให้อำนาจคณะกรรมการสภา สทท.ในการแต่งตั้งคนของตัวเองไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยตรง ทำให้สมาชิกสมาคมส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสคัดสรรซึ่งจะส่งผลกระทบแน่นอน   ตนก็ยังสงสัยว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามข้อบังคับหรือไม่เพราะตนเคยเป็นตัวแทนกรรมการเขาร่วมประชุมคณะกรรมการสภา สทท.ก็ไม่เคยได้รับแจ้งรายละเอียดในเรื่องการแต่งตั้งประธานกรรมการสรรหารูปแบบใหม่นี้มาก่อน

ด้านนายบุญเวชย์ ศรีพวงใจ ที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าปัญหาคือสมาชิก สทท.ที่เป็นสมาคมมีอยู่จำนวนมาก ตัวอย่างที่ จ.เชียงราย มีถึง 7 สมาคม จ.เชียงใหม่ มีกว่า 12 สมาคม แต่ทางคณะกรรมการ สทท.กลับให้คนนอกเป็นประธานสรรรหาและตั้งกรรมการสรรรวมทั้งหมด 3 คนเหมือนกันทุกจังหวัด ทั้ง ๆ ที่แต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน จึงกังวลว่าเมื่อพวกเขาสรรหาประธานสภาอุตสาหกรรมของจังหวัดได้แล้วจะเป็นทียอมรับของแต่ละจังหวัดหรือไม่โดยเฉพาะเชียงรายที่ไม่ได้มาจากฉันทามติของทั้ง 7 สมาคม จึงไม่รู้ว่าเหตุใด สทท.จึงทำเช่นนี้เพราะอาจทำให้การพัฒนาการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดเกิดปัญหา เพราะประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดคนใหม่อาจไม่เป็นที่ยอมรับของสมาชิกส่วนใหญ่


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

จันทบุรี – เดินหน้าฉีดวัคซีน ‘ซิโนแวค’ บุคลากรทางการแพทย์ไปแล้วกว่า 6,000 ราย มีอาการข้างเคียงแค่ 4 – 5 คน ส่วนโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยได้ 333 เตียง เปิดโรงพยาบาลสนามรักษาผู้ป่วยแล้วที่บ้านจันทเขลม

แพทย์หญิงกนกพร สวัสดิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนาม จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดจันทบุรีได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด -19 ซิโนแวครวม 2 รอบจำนวน 12,840 โดส และได้ฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้เกี่ยวข้อง ด่านหน้าไปแล้วจำนวน 6,420 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการปกติ มีเพียงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับผลข้างเคียง ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว แต่อาการแพ้น้อยกว่าการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และมีอาการชา แต่ไม่อ่อนแรงประมาณ 4 – 5 คน แต่ก็หายเป็นปกติแล้ว สำหรับอาการป่วยของผู้ติดเชื้อในรอบนี้พบว่าน่าเป็นห่วงเนื่องจากไม่มีอาการ และพบผู้ป่วยในกลุ่มคนอายุน้อย ผู้ป่วย 1 ใน 4 มีอาการรุนแรงปอดบวมต้องให้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ แต่ทางโรงพยาบาลก็ยังมียาต้านไวรัสเพียงพอต่อการรักษา

ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีได้มีแผนรองรับการรักษาผู้ป่วยไว้อย่างพอเพียงมีเตียงรวม 333 เตียง แยกเป็นที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า 92 / โรงพยาบาลสองพี่น้อง 31 เตียง และ โรงพยาบาลสนาม บ้านจันทเขลม  210 เตียง อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้มีการกักตัวแพทย์ และ บุคลากรทางการแพทย์ไปบางตึกเนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ามารักษาและปกปิดข้อมูลส่งผลให้แพทย์ พยาบาล และ บุคลากรทางการแพทย์ต้องกักตัวเองดังนั้นหากผู้ป่วยที่รู้ตัวว่าเสี่ยงเมื่อเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลขอให้เปิดเผยข้อมูลความเป็นจริงเพื่อป้องการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งการระบาดรอบนี้น่ากลัวกว่ารอบที่ผ่านมา จึงขอให้ชาวจันทบุรีทุกคนต้องป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ตั้งการ์ดสูง ใส่หน้ากากอนามัย ขยันล้างมือ เว้นระยะห่าง อย่างจริงจัง และเวลาถอดหน้ากากอนามัยที่ถูกต้องต้องจับที่บริเวณสายของหน้ากาก อย่าไปสัมผัสบริเวณด้านหน้าเนื่องจากมืออาจมีเชื้อโรคและทำให้ติดโรคได้     


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

นราธิวาส - ร.10พระราชทานดอกไม้ และตะกร้าแก่ทหารที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่

เวลา 10.00 น. วันที่่ 22 เมษายน 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อัญเชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน การิยา สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4914 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่11 ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา

ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งได้นำกระแสพระราชดำรัสความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี กล่าวให้อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน ยังความปลื้มปิติแก่ อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

ศรีสะเกษ - เฮ “บิ๊กตู่” อนุมัติงบ 704 ล้าน ขุดลอกอ่างเก็บน้ำ “ห้วยตามาย” พัฒนาแหล่งน้ำ-ส่งเสริมการท่องเที่ยว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายณัทเศรษฐ์ ถิรวัฒน์ธนกร ผอ.โครงการชลประทานศรีสะเกษ เปิดเผยว่า โครงการชลประทานศรีสะเกษ เตรียมขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยตามาย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สร้างเมื่อปี 2512 และแล้วเสร็จเมื่อปี 2514 มีระยะเวลาใช้การมาแล้วกว่า 50 ปี ปัจจุบันเกิดปัญหามีสภาพตื้นเขิน โดยเฉพาะฤดูแล้ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้มีพี่น้องประชาชนร้องขอกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในขณะที่เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมสวนทุเรียนภูเขาไฟ ซำตารมย์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา

และสั่งการให้กรมชลประทาน ดำเนินการขุดลอก เพื่อรักษาระดับน้ำใต้ดิน ที่จะต้องใช้น้ำใต้ดินเพื่อสูบช่วยสวนทุกเรียนตรงนี้ด้วย  ทางชลประทานก็เลยวางแผนที่จะขุดลอก อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ดังกล่าว โดยแบ่งระยะการขุดลอกมาทั้งหมด 5 ระยะ ซึ่งใช้งบประมาณทั้งหมดจำนวน 704 ล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มระดับสันสปิลเวย์ เพื่อเพิ่มระดับน้ำเก็บกักขึ้นอีก 25 ล้าน ลบม. จากเดิมเก็บกักได้ 37 ล้าน ลบม. รวมเป็น 62 ล้าน ลบม. หรือเพิ่มขึ้นอีก 80 เปอร์เซ็น

นอกจากจะช่วยเหลือด้านการเกษตรในพื้นที่ทั้งหมด 25,000 ไร่ แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือด้านอุปโภค บริโภค ของผู้ใช้น้ำโดยรอบ และยังจะมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีแผนที่จะเอาดินที่ขุดได้เอามาถมบริเวณที่ริมถนนสายสำคัญ คือ ถนนทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ทั้งสองฝั่ง และถนนสาย 221 (ศรีสะเกษ-กันทรลักษ์) เพื่อปรับเป็นจุดท่องเที่ยว จุดจอดรถ จุดตลาดค้าขาย ตลาดโอท็อป และจะเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม จะมีการปรับสันคันดินโดยรอบอ่างเก็บน้ำเป็นทางลาดยาง สำหรับเป็นพื้นที่ในการพักผ่อน ออกกำลังกาย ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดศรีสะเกษ เพิ่มขึ้น อีกด้านหนึ่ง

นอกจากนี้ผลประโยชน์ที่จะตามมาก็คือเรื่องของการประมง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาอย่างดี และมีชาวประมงที่จับสัตว์น้ำ จับมาแล้วก็เอามาขายบริเวณนี้ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 และคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2572 


ภาพ/ข่าว  บุญทัน  ธุศรีวรรณ

ขอนแก่น - อัยการขอนแก่นสั่งฟ้อง 3 แกนนำคณะราษฎรขอนแก่น และแกนนำราษฎรโขงชีมูล ในความผิดคดี พ.ร.บ.ธงชาติไทย จากการชุมนุมและปลดธงชาติ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น

จากกรณีที่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้ ส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการ ใน 3 คดี ประกอบด้วยคดีการชุมนุมที่สวนเรืองแสงและชุมนุมต่อเนื่องที่หน้า สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2564 คดีการชุมนุมที่ สภ.ย่อย มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2564 และคดีปลดธงชาติไทยและชักธงปฏิรูปกษัตริย์ที่ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2564 โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้นำแกนนำคณะราษฎรขอนแก่นเดินทางมารายงานตัว 12 คน จากทั้งหมด 16 คน เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 เม.ย.2564 ที่สำนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น พนักงานอัยการได้กำหนดให้ผู้ต้องหามารับฟังคำสั่ง หลังมีคำสั่งฟ้อง  นายวชิรวิทย์  ศรีเมืองเทศ  ,นายชัยธวัช รามมะเริง  นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายเชษฐา กลิ่นดี  นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จากกิจกรรมการชักธงปฏิรูปกษัตริย์ ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น  ส่วนคดีการชุมนุมที่สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่นและ หน้า สภ.เมืองขอนแก่น พนักงานอัยการได้สั่งให้มีการสอบปากคำเพิ่มเติม และส่งคืนสำนวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายเสฐียรพงศ์ ล้อศิริรักษ์ ทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า กระบวนการต่อจากนี้ ในคดีที่สั่งให้สอบเพิ่มเติมนั้น  เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติม หากพนักงานสอบสวนเห็นว่ายังมีข้อหาอื่นที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ก็จะมีการแจ้งเพิ่มเติม สำหรับ 4 คนที่ยังไม่ได้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากบางคนยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด ต้องรอให้กักตัวครบ 14 วัน และติดคดีที่อื่น  ได้นัดกันวันที่ 5 พ.ค. ให้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ

"สำหรับคดีชักธงปฏิรูปกษัตริย์ที่ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2564  พนักงานสอบสวนบรรยายพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่า  นายวชิรวิทย์ กับพวก ได้นำธงผ้าพื้นสีแดง ขนาดความยาว 1.5 เมตร ความกว้าง 1 เมตร ซึ่งประดิษฐ์เองและเขียนข้อความด้วยสีน้ำสีขาวว่า “ปฏิรูปกษัตริย์” เข้ามาร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองในชื่อเรียก “ปล่อยเพื่อนเรา ยกเลิก 112” ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ริมบึงสีฐาน ฝั่งทิศตะวันออก ต่อมาเวลา 18.30 น. นายวชิรวิทย์นำธงผ้าพื้นสีแดงไปที่เสาธงซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าตึกอธิการบดี อาคาร 1 หลังเก่าซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่มีการจัดกิจกรรมประมาณ 3 กม.จึงมีคำสั่งฟ้องดังกล่าว"

ขอนแก่น - บุคลากรทางการแพทย์ทยอยเข้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ล็อต 2 ขณะที่ สสจ.ขอนแก่น ระบุวัคซีนล็อตบุคลากรทางการแพทย์ฉีดกว่าร้อยละ 80 และหลังติดตามอาการไม่พบอันตรายจากการฉีดมีเพียง 2 คนมีอาการข้างเคียง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 เม.ย.2564 ที่บริเวณชั้น 4  โรงพยาบาลขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจสอบการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 ให้กับบุคลาการทางการแพทย์ของจังหวัดหลังจากที่รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการพิจารณาอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ในรอบที่ 2 ตามกลุ่มจังหวัดฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งขอนแก่นได้รับวัคซีนรอบที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 19,840 โดส โดยวันนี้เป็นวันแรกที่กำหนดให้มีการฉีดวัคซีน

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในรอบที่ 2 เน้นการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัด โดยพบว่าขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ยื่นความประสงค์ขอฉีดวัคซีนจำนวนกว่า 15,000 คน ในจำนวนนี้ ได้รับการฉีดวัคซีนในล๊อตแรกไปแล้วประมาณร้อยละ 59 ส่วนในล็อต 2 คาดว่าจะสามารถฉีดให้บุคคลากรทางการแพทย์ได้ในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 80 – 90 ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกจะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในวันที่ 4 – 5 พ.ค.นี้ ขณะที่วัคซีนล็อต 2 จะฉีดให้แล้วเสร็จในวันนี้และวันพรุ่งนี้

ขณะที่ พญ.นาตยา มิลล์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ล็อตที่ 2 ได้เริ่มต้นฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อมากที่สุด และ จากการติดตามอาการบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายเกิดขึ้น มีเพียง 2 คนที่มีอาการข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นภาวะชั่วคราว จึงขอให้ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่าไม่เกิดอันตราย ในส่วนมาตรการป้องกันแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่เสี่ยงได้พยายามออกหนังสือเน้นย้ำให้เข้มงวดในการป้องกันตนเองทั้งขณะปฏิบัติหน้าที่และออกไปสู่สังคม

ชลบุรี - เร่งตั้ง รพ.สนามแห่งที่ 4 เพิ่ม 235 เตียง รองรับผู้ป่วยขณะนี้มีผู้ป่วย 1,542 ราย รักษาอยู่ 1,491 ราย หายแล้ว 51 ราย

รอง ผอ.รมน.จังหวัดชลบุรี นำกำลังพลจาก มทบ.14 และจิตอาสาพระราชทาน มทบ.14 ช่วยเร่งตั้ง รพ.สนาม แห่งที่ 4 จำนวน 235 เตียงที่ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี ไว้รองรับผู้กักตัว โควิด 19 ในพื้นที่

ในวันนี้ 22 เม.ย.64 เวลา 10.00 น. ที่อาคารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี พันเอก ยุทธพงศ์ คงนิล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชลบุรี (รอง ผอ.รมน.จังหวัดชลบุรี)

พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชลบุรี เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี กำลังทหารจาก มทบ.14 และจิตอาสาพระราชทาน มทบ.14 เร่งนำเตียงเข้าไปติดตั้งภายในอาคารตั้ง รพ.สนาม แห่งที่ 4 จำนวน 235 เตียง เป็นเตียงใหม่ จำนวน 99 เตียง และเตียงจาก มทบ.14 จำนวน 136 เตียง เบื้องต้นในการเตรียมการทางเจ้าหน้าที่จะแบ่งเป็น 2 โซน คือ ชั้นที่ 2 จะเป็นที่กักตัวผู้ติดเชื้อเพศหญิง 100 เตียง และชั้นที่ 3 จะเป็นที่กักตัวผู้ติดเชื้อเพศชาย 130 เตียง  รวม 230 เตียงก่อน และจะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์และความเหมาะสมของสถานที่ ซึ่งในการดำเนินการ จะเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดชลบุรี ขณะนี้ ที่ศูนย์ปฏิบัติการ โควิด 19 จังหวัดชลบุรี ได้รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยรวม 1,542 ราย รักษาอยู่ 1,491 ราย และรักษาหายแล้ว 51 ราย ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ยังรอประเมินสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องสถานที่กักตัว แต่สถานการณ์ ณ ตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อกับที่กักตัว ทั้ง 3 แห่ง ยังรองรับได้อยู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทางจังหวัดชลบุรีได้เตรียมความพร้อมหมดแล้ว ขอให้ประชาชนชาวชลบุรี ไม่ต้องกังวล


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

สุโขทัย – โควิดพ่นพิษ โยมนำกระต่ายกว่า 300 ตัว ถวายวัด เพื่อให้คนอยากเลี้ยงนำไปดูแลต่อ

เมื่อเวลา11.30น.วันที่ 22เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ได้แพร่ระบาดไปทุกจังหวัด เช่นเดียวกับจังหวัดสุโขทัยมีผู้ติดเชื้อและเข้ารับการรักษาตัวอย่างต่อเนื่องล่าสุดพบผู้ป่วยแล้ว 39 ราย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากไม่ว่าทั้งประชาชนและสัตว์เลี้ยง ต้องได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด19 เช่นเดียวกับชาวบ้านที่เพาะเลี้ยงกระต่ายขายต้องประสบกับปัญหาเนื่องจากกระต่ายที่เพาะเลี้ยงขายไม่ได้และต้องแบกรับค่าอาหารจึงตัดสินใจนำมาถวายให้กับพระครูปลัดธนะโรจน์ ปัญญาวชิโร (พระอาจารย์หมู) เจ้าอาวาสวัดหนองทอง หมู่11 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.สุโขทัย นำมาเลี้ยงและแจกให้กับชาวบ้านที่สนใจอยากจะเลี้ยงกระต่าย

พระครูปลัดธนะโรจน์ ปัญญาวชิโร (พระอาจารย์หมู) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าก่อนหน้านี้ได้มีโยมโทรติดต่อมาว่าจะนำกระต่ายมาถวายให้กับพระอาจารย์จากนั้นได้มีรถหกล้อนำกระต่ายที่โยมนำมาถวายมาส่งให้กับพระอาจารย์ที่วัดถึง 300 ตัว ส่วนที่โยมนำกระต่ายมาถวายนั้นน่าจะเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในขณะนี้เนื่องจากค่าอาหารที่เลี้ยงกระต่ายมีราคาสูงกระสอบละ450บาทใช้ได้เพียง2วันทำให้ทางอาตมาต้องไปช่วยกันเก็บผักบุ้งและหญ้ามาให้กระต่ายกินด้วยเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย ส่วนญาติโยมท่านใดที่อยากจะเลี้ยงกระต่ายสามารถมารับได้ที่วัดซึ่งทางอาตมาจะมอบให้ท่านละ 10 ตัว และถ้าใครไม่สะดวกที่จะนำกระต่ายไปเลี้ยงแต่อยากจะช่วยดูแลกระต่ายเหล่านี้สามารถส่งอาหารเม็ดมาให้ทางวัดได้ 


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top