Sunday, 18 May 2025
PoliticsQUIZ

ประธาน นปช.สลดใจ !! ถึงกับนอนไม่หลับหลังเห็นภาพผู้ชุมนุมถูกตำรวจทำร้าย เหตุทำลายการแสดงออกตามสันติวิธี จี้สอบข้อเท็จจริงความรุนแรงทั้งหมด ทั้งเหตุระเบิด ปาปะทัด เหตุยิงกัน เป็นฝีมือใครกันแน่ ลั่น โชคดีที่ไม่มีใครตาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ ตอนหนึ่งโดยอ้างว่า หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์ตำรวจทุบตีประชาชน และลากหน่วยแพทย์อาสาไปรุมกระทืบทำร้ายต่อหน้ากล้องโทรทัศน์สื่อมวลชนจำนวนมาก

ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเมื่อคืน (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งคืนที่ตัวเองนอนหลับลำบากมาก เมื่อจุดแข็งของการชุมนุมคือสันติวิธีถูกทำลายลง จะทำให้จุดแข็งดังกล่าวกลายเป็นจุดอ่อนทันที พร้อมตั้งคำถามใครเป็นผู้ทำลายแนวทางสันติวิธี ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยพูดถึงพวกมือที่สามมาเสมอในช่วงการชุมนุม ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าหลังจากนี้จะนำไปสู่อะไรขึ้นอีกบ้าง

"ภาพตำรวจทุบตี จะโดยเป็นหน่วยแพทย์อาสา และประชาชนก็ตาม เป็นภาพที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันภาพอีกภาพหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว ผมว่ามันเป็นปัญหา เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก"

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องกระทำคือการตั้งกรรมการตรวจสอบ ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ส่วนมือโยนระเบิดปิงปอง ปะทัดยักษ์ก็ต้องมีการสอบสวนเช่นกัน รวมถึงมือยิงที่สน.นางเลิ้งก็ต้องตรวจสอบแต่ละกรณีให้ชัดเจน

"ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นโรคแทรกมือที่สาม เท้าที่สี่จะเกิดขึ้นในช่วงปลาย ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และใครจะใส่เสื้อแดงไปทำอะไรก็ได้ แต่ในยุคนี้มีการปิดหน้าตาช่วงโควิดจึงยิ่งยากไปกันใหญ่ที่จะระบุว่าใครเป็นใคร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ตัวแทนทั้งสองฝ่ายต้องคุยกันแล้วทำความจริงให้ปรากฎ เพราะครั้งต่อไปในอีก 7 วันข้างหน้าจะเกิดความสูญเสียที่ใหญ่กว่านี้ เมื่อคืนโชคดีที่ไม่มีใครตาย และไม่มีใครปรารถนาเช่นนั้น" นายจตุพรกล่าว


ที่มา : https://www.nationtv.tv/main/content/378815953/?qline=

‘เอ๋ ปารีณา’ ขึ้นโรงพักทองหล่อ แจ้งตำรวจให้ดำเนินคดี ‘เฌอเอม’ โพสต์ข้อความเท็จ เพราะไม่ใช่นางงาม อีกทั้งตำรวจก็ไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตา

จากกรณีที่ ‘เฌอเอม - ชญาธนุส ศรทัตต์’ อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ทวีตข้อความหลังโดนแก๊สน้ำตาจากเหตุชุลมุนหลังแกนนำม็อบราษฎร ประกาศยุติชุมนุม โดยบอกว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉัน เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ นางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา”

ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปารีณามาดำเนินคดีกับ นางสาว ชญานุส ศรทัตต์ (เณอเอม) สวัสดีค่ะ ดิฉัน เณอเอม ชญานุส ศรทัตต์ นางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา ซึ่งปรากฏตามสื่อว่า นางสาวชญานุสฯได้เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2564 บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย

จากโพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้สื่อและสังคมเข้าใจว่ามีการใช้แก๊สน้ำตาในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2564 ส่งผลให้ พล.ต.ท ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องออกมาแถลงข่าวชี้แจ้งว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา

อีกทั้ง การโพสต์ข้อความโดยใช้คำว่า นางงาม ก็เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะทำให้สังคมเข้าใจว่า นางสาวชญานุสเป็นนางงาม ซึ่งข้อเท็จจริงนางชญานุสฯเป็นเพียงผู้สมัครเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เท่านั้น

การโพสต์ข้อความดังกล่าว ส่งผลให้สังคมเข้าใจผิด และเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้าพเจ้าจึงเดินทางมาเพื่อดำเนินคดีนางสาวชญานุสฯให้ถึงที่สุดจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม


ที่มา : https://www.facebook.com/parina.pacharat.9

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม ในโครงการ ‘ม33 เรารักกัน’ ซึ่งผู้ที่มีสิทธิจะได้รับเงินโอนคนละ 4,000 บาท สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. - 7 มี.ค.นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการ ‘ม33 เรารักกัน’ รับคนละ 4,000 บาท เริ่มลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www. ม33เรารักกัน.com ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. - 7 มี.ค. 64 โดยคุณสมบัติ จะต้องเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 ที่มีสัญชาติไทย ต้องไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท นับถึง 31 ธันวาคม 2563

ระยะเวลาดำเนินการ

โครงการ ‘ม33 เรารักกัน’ ผู้มีสิทธิข้างต้น สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www. ม33เรารักกัน .com และตรวจสอบการได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 7 มีนาคม 2564 จากนั้นธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งประมวลผลการคัดกรอง ระหว่างวันที่ 8 - 14 มีนาคม 2564 ผู้ได้รับการยืนยันสิทธิกดใช้งานและกดยืนยันตัวผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ระหว่างวันที่ 15 - 21 มีนาคม 2564 และสามารถรับโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ได้ครั้งละ 1,000 บาท รวมทั้งสิ้น 4,000 บาท ในวันที่ 22,29 มีนาคม และวันที่ 5,12 เมษายน 2564 โดยเริ่มใช้แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ จ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าภายในโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2564

การขอทบทวนสิทธิ

สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ จะสามารถขอทบทวนสิทธิได้ด้วยการขอทบทวนสิทธิผ่าน www.ม33เรารักกัน.com ระหว่างวันที่ 15 - 18 มีนาคม 2564 จะทำการตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งประมวลผลคัดกรองและแจ้งยืนยันการได้รับสิทธิระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายน 2564 ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องกดใช้งานและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันง ‘เป๋าตัง’ ระหว่างวันที่ 5 - 11 เมษายน 2564 รับโอนเงินเข้าแอปพลิชัน “เป๋าตัง” ครั้งละ 2,000 บาท ในวันที่ 5 และ 12 เมษายน 2564 และเริ่มใช้แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ จ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าภายในโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564

เปิดไทมไลน์จลาจล ‘ม็อบ ปะทะ ตำรวจ’ 13 ก.พ. 64

ม็อบ13กุมภา - กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ในระหว่างการชุมนุมจัดกิจกรรม นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุประทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จนเกิดกระแสดราม่า ‘ตำรวจกระทืบหมอ’ เราลองไปย้อนดูไทม์ไลน์กันว่า ในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

- 18.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนถึงหน้าศาลฎีกา โดยมีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแนวกั้น

- 18.58 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มใช้ความรุนแรง ทำลายรั้วและผลักดันเจ้าหน้าที่

- 19.44 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มปาขวดน้ำ สิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมเรียกร้องให้ปิดไฟ มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง

- 20.13 น. กลุ่มผู้ชุมนุมมีการสาดสี และปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

- 20.28 น. กลุ่มผู้ชุมนุมขว้างประทัดยักษ์ ระเบิดควันใส่เจ้าหน้าที่

- 20.20 น. นายอรรถพล บัวพัฒน์ (ครูใหญ่ พอกันที) แกนนำราษฎร ประกาศยุติการชุมนุม

- 21.06 น. ควบคุมตัวหญิงมีอาการเมาสุรา ก่อเหตุอาละวาด เพื่อนำไปสงบสติอารมณ์

- 21.40 เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่ถนนหน้าศาลฎีกาแล้วเสร็จ และเจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าตรวจพิสูจน์หลักฐาน

- 22.10 น. พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ ให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีผู้ถูกจับกุม 11 คน นำตัวไปบก.ตชด.ภาค 1

- 22.58 น. ที่ สน.นางเลิ้ง เกิดเหตุวุ่นวาย กรณีมีการยิงการ์ดอาชีวะบาดเจ็บ 2 คน

'บิ๊กตู่' เตือนม็อบมีพยานหลักฐาน - กล้องบันทึกภาพชัดเจนใครก่อเหตุรุนแรง ขออย่าฟังความข้างเดียวดราม่าตำรวจทำร้ายแพทย์อาสา ชี้เจ้าหน้าที่เองก็ถูกทำร้าย ลั่นเคลื่อนไหวปลุกระดมเวลานี้ไม่เกิดประโยชน์ประเทศชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงความกังวลต่อการชุมนุมมีการจุดกระแสเจ้าหน้าที่ทำร้ายและอาจจะมีการเคลื่อนไหวไปที่หน้ารัฐสภาในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการควบคุมสถานการณ์เพราะเริ่มมีการยกระดับความรุนแรงมีระเบิดในพื้นที่ชุมนุม ว่า ยืนยันว่าจะให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ในการทำหน้าที่ตามกฎหมายด้วยความละมุนละม่อม

ขณะเดียวกันขอฝากเตือนผู้ก่อเหตุด้วยว่าทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมถึงกล้องต่าง ๆ ก็ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จึงขอให้เสนอข่าวสองทางว่ามีการปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่ด้วยและต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง และมีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ถ้าใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปมาก็มีแต่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นและไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม

เมื่อถามว่า ในฐานะกำกับดูแลตำรวจจะชี้แจงหรือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ตำรวจทำร้ายร่างกายทีมแพทย์ อย่างไร และต้องกำชับให้ระมัดระวังอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็บอกไปแล้วมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งต้องไปพิสูจน์ทราบเจ้าหน้าที่แพทย์จริงหรือไม่ ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนและฟังความข้างเดียว ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย"

เมื่อถามถึงการนัดหมายชุมนุม 17 ก.พ.และ 20 ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นห่วงหรือไม่ว่าผลการอภิปรายและลงมติในสภาฯ จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวชุมนุมนอกสภา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ตนคิดว่า อย่ามีการเคลื่อนไหวในทางปลุกระดมปลุกปั่น ให้เกิดการชุมนุม ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติในเวลานี้ เพราะประเทศชาติมีปัญหาอยู่ ทั้งโควิดและปัญหาต่างๆ มากมาย ถึงไม่ควรเพิ่มความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันกระบวนการทำงานก็เป็นเรื่องของรัฐสภาและรัฐบาลที่ต้องชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงขอให้ประชาชนเฝ้ารอฝั่งที่บ้านดีกว่ามาประท้วงซึ่งไม่รู้เพื่อจุดมุ่งหมายอะไร ซึ่งหลายคนพอจะทราบอยู่แล้ว"

เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวว่ากลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐประหารเมียนมาในไทยแฝงตัวร่วมชุมนุมในพื้นที่ปทุมวันและสนามหลวงช่วงที่ผ่านมา ได้กำชับให้หน่วยความมั่นคงดูแลเรื่องนี้อย่างไร เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมขอเตือนว่าให้ใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุดในฐานะมิตรประเทศและอาเซียน ต้องระมัดระวังทุกมิติและทุกประเด็นพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากร้ายแรงว่าจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด"

ส่วนประเด็นความพร้อมต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) มีความกังวลกับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันกับสถาบันอย่างไร ถ้าละเอียดอ่อนมากจะขอให้ประชุมลับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ต้องตอบ เรื่องความเกี่ยวกังวลเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ในสภา ซึ่งมันควรหรือไม่ควรก็ไปว่ากันมา เป็นเรื่องของสมาชิกและเป็นเรื่องที่สภาต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ

เมื่อจักรวาล ‘การเมืองไทย’ ไม่มีรัฐบาลไหน ไม่ทุจริต!! โดย 'วัชระ เพชรทอง' | Contributor EP.7

เมื่อจักรวาล ‘การเมืองไทย’ ไม่มีรัฐบาลไหน ไม่ทุจริต!

ล้วงลึก ‘มิติแห่งการโกง’
สังคมการเมืองไทย จากจอมแฉแห่งยุค 

‘วัชระ เพชรทอง’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ แบบบัญชีรายชื่อ
กับบทบาท ‘นักการเมือง – นักตรวจสอบทุจริต’ นอกสภา

.

.

 

 

 

กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เผยผลวิเคราะห์ "น้ำบาดาล" หรือ "พุโซดา" ปลอดภัยสามารถดื่มได้ แต่ต้องผ่านการกรองที่ได้มาตรฐานก่อน โวคุณภาพเทียบเท่าน้ำแร่ ยี่ห้อดังจากประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส พร้อมเร่งเจาะอีก 3 บ่อ ทำโครงการหาน้ำกินน้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้สำรวจและเจาะพบแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 3 แห่ง โดยบ่อน้ำบาดาล 2 แห่ง ที่เจาะพบน้ำบาดาลพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุสูงราว 2 - 3 เมตร มีรสชาติคล้ายน้ำโซดา สามารถใช้ดื่มกินได้ สร้างความฮือฮาให้แก่ชาวบ้านและผู้พบเห็นนั้น

ขณะนี้ผลการตรวจสอบและวิเคราะห์น้ำบาดาลออกมาแล้ว ปรากฏว่า บ่อน้ำบาดาลที่บ้านทุ่งคูณ บ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 น้ำบาดาลมีไบคาร์บอเนตสูง 2,420 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 1,870 มิลลิกรัมต่อลิตร ฟลูออไรด์สูงเล็กน้อย 1.4 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 1.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีเหล็กสูง 10 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 28 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ โดยมีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำแร่ ยี่ห้อดังจากประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เตรียมหาเครื่องกรองสนิมเหล็กในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้ชิมด้วย

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า "เป็นความโชคดีที่น้ำบาดาลจากแหล่งน้ำบาดาลห้วยกระเจาไม่มีสารพิษหรือสารปนเปื้อนร้ายแรง และจากการตรวจสอบปริมาณน้ำบาดาลทั้ง 2 บ่อ คาดว่าจะสามารถพัฒนาน้ำขึ้นมาใช้ได้ไม่น้อยกว่า 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือไม่น้อยกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี

จากนั้นได้ให้นักวิทยาศาสตร์ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลทดลองกรองน้ำบาดาลจากบ่อน้ำบาดาลที่เก็บมาจากพื้นที่ ซึ่งมีสีเหลืองขุ่นเพื่อกรองเอาสารละลายเหล็กออก โดยอธิบดีได้ทดลองดื่มให้ดู พร้อมผู้สื่อข่าวได้ทดลองดื่ม น้ำที่ผ่านการกรองแล้ว น้ำดังกล่าวมีความใสสะอาดขึ้น แต่ยังคงรสหวานและไม่มีกลิ่นสนิมเหล็กแต่อย่างใด"

อย่างไรก็ตาม อธิบดีได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เป้าหมายตามภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล คือ การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งท้ายที่สุดพื้นที่ห้วยกระเจา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะทำโครงการศึกษา สำรวจ และพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน เพื่อพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาให้ประชาชนได้ใช้ในการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร โดยเร่งเจาะอีก 3 บ่อ เพื่อให้ครบทั้ง 6 บ่อ ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล


ที่มา : เพจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม-ประเทศไทย

https://www.facebook.com/mnreTH/posts/3885734331478987

สาธารณสุข จับตาใกล้ชิด "โควิดกลายพันธุ์" อังกฤษ - แอฟริกาใต้ - บราซิล หวั่นกระทบประสิทธิภาพวัคซีน เผยเชื้อโควิดจะกลายพันธุ์ทุก 2 เดือน ชี้เชื้อระบาดในไทยระลอกใหม่เป็นสายพันธุ์เมียนมา แต่หากควบคุมไม่ได้จะกลายเป็นสายพันธุ์ไทยแทน

รศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก รพ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีการพบคนไทยรายแรกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ว่า ในปัจจุบันได้มีคำแนะนำให้มีการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของไวรัสใน 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย

สายพันธุ์ B.1.1.7 ที่ระบาดอยู่ในอังกฤษ โดยไวรัสตัวนี้สามารถจับกับเซลส์มนุษย์ได้ดีขึ้น และแบ่งตัวได้ดีขึ้น ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว

สายพันธุ์ B.1.351 ที่ระบาดอยู่ในแอฟริกาใต้ โดยไวรัสตัวนี้สามารถหนีภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และอาจมีผลต่อการใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยสายพันธุ์ดั้งเดิม

สายพันธุ์ P.1 ที่ระบาดอยู่ในบราซิล ซึ่งพลาสม่าหรือระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จับกับไวรัสนี้ได้น้อยลง เมื่อเทียบกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

"ผู้ป่วยชายไทยรายนี้ เดินทางมาจากประเทศแทนซาเนีย ต่อเครื่องที่เอธิโอเปีย พอถึงไทยได้เข้าพักใน Local Quarantine หลังจากนั้นมีอาการไอ ไข้ต่ำ ๆ จึงถูกย้ายไปที่ รพ.รัฐบาลแห่งหนึ่ง พอ 4 ก.พ.ตรวจ PCR พบว่าติดโควิด-19 และปอดอักเสบ ซึ่งผู้ป่วยเดินทางมาจากประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จึงนำไวรัสไปตรวจที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่เพื่อหาสายพันธุ์ และพบว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่มีการกลายพันธุ์"

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับแล้วหลังได้รับยาต้านไวรัส ซึ่ง รพ.จุฬาฯ ได้มีการเฝ้าระวังไวรัสกลายพันธุ์ที่อาจจะเจอได้ในประเทศไทย โดยได้มีการตรวจหาไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่อาจจะเป็นแหล่งระบาดในสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น แอฟริกาใต้ อังกฤษ และบราซิล

ซึ่งเป็นมาตรการที่ รพ.จุฬาฯ ทำร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้คนไทยมีโอกาสติดเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการใช้วัคซีนในอนาคตได้

ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการระบาดในประเทศไทย ในรอบแรกจะพบว่าไวรัสมีการกลายพันธุ์ทุก 2 เดือน โดยจับได้ 3 สายพันธุ์ ส่วนการระบาดในรอบใหม่นี้ ยังเป็นสายพันธุ์ที่มาจากเมียนมาเป็นหลัก และหากไม่สามารถยับยั้งการระบาดจากคนสู่คนได้ ก็อาจจะกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นสายพันธุ์ของไทยเอง

ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดไม่ให้ไวรัสกลายพันธุ์ คือพยายามหยุดการระบาด โดยการหมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ทั้งนี้ เพื่อยับยั้งโอกาสไม่ให้ไวรัสเข้ามาอยู่ในตัวคน เพราะเมื่อไวรัสเข้ามาอยู่ในตัวคนแล้ว จะมีกระบวนการแบ่งเซลล์ที่อาจทำให้เกิดโอกาสการกลายพันธุ์ได้ และอีกวิธีในการช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดได้ คือการใช้วัคซีน

นายกหญิงคนแรก “ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย” พร้อมคณะผู้บริหาร นับหนึ่งนั่งเก้าอี้นายกอบจ. หลังผวจ.สมุทรปราการ เปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการครั้งแรก

ที่ห้องประชุม ชั้น 4 อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในการเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการเปิดประชุมหลังจากที่ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งนายก อบจ.โดยมีนางนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และเป็นนายกหญิงคนแรกของ อบจ.สมุทรปราการ ที่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารงานในครั้งนี้

พร้อมด้วยนายธนวัตน์ กล่ำพรหมราช รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ รักษาราชการแทน ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ทั้ง 36 คน เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง

ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ได้มีการประกาศรายชื่อรองนายก อบจ.สมุทรปราการ และเลขานุการ นายก อบจ. สมุทรปราการ ประกอบไปด้วย นายสุนทร ปานแสงทอง เป็นรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ลำดับที่ 1 นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ เป็นรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ลำดับที่ 2 และนายสมลักษณ์ ควรสงวน เป็นรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ลำดับที่ 3

พร้อมด้วย นายนิคม สมบุญมาก เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ นายมนัส บุญอารีย์ เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ และนายรัชชานนท์ ทองอร่าม เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ

จากนั้นได้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ครั้งที่ 1 ในที่ประชุมได้เสนอชื่อนายสมศักดิ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภา อบจ.เขต 7 อ.เมืองฯ เป็นประธานสภาชั่วคราว เพื่อคัดเลือกประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ และในที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อ นายสมควร ชูไสว สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 15 อ.เมืองฯ เป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี นายนิมิต เม่นมิ่ง สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 4 อ.พระประแดง เป็นรองประธานสภา ลำดับที่ 1 นายชนะ หงวนงามศรี สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 12 อ.เมืองฯ เป็นรองประธานสภา ลำดับที่ 2 นอกจากนี้ยังได้เสนอชื่อนางสาววลัยพร บานแย้ม สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 6 อ.บางพลี เป็นเลขานุการสภา อบจ.สมุทรปราการ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ครั้งแรก ทั้ง 5 วาระ โดยในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ในทุกระเบียบวาระ..


คิว - ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top