Sunday, 18 May 2025
PoliticsQUIZ

ชื่นชม รปภ.ธรรมศาสตร์ ใจเด็ด โดดขวางนักศึกษาพยายามชักธง 112 หน้าอาคารโดมบริหาร ศูนย์รังสิต อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้เสรีภาพในการแสดงออกต้องอยู่ในขอบเขต ไม่ไปละเมิด หรือหมิ่นประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียหาย

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr กรณีที่นายชนินทร์ วงษ์ศรี หรือบอล และ น.ส.เบนจา อะปัญ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาชิกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พยายามนำธงยกเลิก 112 มาขึ้นแทนธงไตรรงค์

แต่ถูก รปภ.ห้ามไว้ ระบุว่า “ได้ดูคลิปที่มีนักศึกษาธรรมศาสตร์ ทั้งหญิงและชาย รวม 4 คน พยายามนำธงแดงมีข้อความยกเลิก 112 ขึ้นบนเสาธงไตรรงค์หน้าอาคารโดมบริหารที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ รปภ.หลายคนช่วยกันเจรจาห้ามปรามไว้ได้ แต่กว่านักศึกษาจะยอมก็ต้องถกเถียงกันอยู่นานพอควร เจ้าหน้าที่พยายามอธิบายว่ายอมให้ทำไม่ได้ เพราะต้องเคารพธงชาติไทย และต้องให้เกียรติพระมหากษัตริย์

เหตุผลที่นักศึกษาอ้าง สรุปความได้ว่า “นักศึกษาธรรมศาสตร์คนหนึ่ง ต้องติดคุกเพราะมาตรา 112 นักศึกษาจึงต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ดังนั้นต้องทำได้ หากทำไม่ได้ ธรรมศาสตร์ก็ไม่มีเสรีภาพจริง ถ้าเอาธงแดงขึ้นแล้วประเทศจะล่มสลาย หรือจะมีใครต้องตายหรืออย่างไร”

นักศึกษาหญิงที่เถียงกับเจ้าหน้าที่เป็นส่วนใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาหญิงคนเดียวกันกับที่ไปชูป้ายเรื่องวัคซีนที่ไอคอนสยามนั่นเอง เหตุผลที่นักศึกษาใช้อ้าง เป็นเหตุผลที่แกนนำม็อบ 3 นิ้ว และผู้อยู่เบื้องหลังใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือคำว่า “เสรีภาพในการแสดงออก” ซึ่งดูเหมือนจะฝังแน่นอยู่ในสมองของคนกลุ่มนี้แบบที่ไม่มีใครจะโยกคลอนได้เลยว่า เสรีภาพคือการที่เราสามารถจะทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่การทำผิดกฎหมายหากเราไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนั้น

ไม่ว่าจะอธิบายกันกี่ครั้งว่า เสรีภาพต้องอยู่ในขอบเขตเสมอ ก็ไม่สามารถทำให้คนกลุ่มนี้เข้าใจได้เลย ไม่ต่างจากคำว่า “ภาษีกู” ที่พวกเขาเข้าใจว่า ทุกคนมีสิทธิจะทำอะไรก็ได้กับสิ่งของ หรือถาวรวัตถุที่มาจากเงินภาษีของประเทศ เป็นความเข้าใจที่เข้าข้างตัวเองอย่างถึงที่สุด

เรามีเสรีภาพในการแสดงออกก็จริง แต่การแสดงออกนั้นต้องไม่ไปละเมิด หรือหมิ่นประมาท หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย ไม่รู้ว่าใครไปฝังชิปลงในสมองของพวกเขาได้แน่นหนาขนาดนี้ อยากรู้เหลือเกินว่าพ่อแม่ และครอบครัวของพวกเขาเหล่านี้คิดอย่างไร เห็นอย่างไร หากคิดเหมือนกัน เห็นเหมือนกันทั้งครอบครัว ก็น่าเป็นห่วงอนาคตของประเทศมาก หากพ่อแม่หรือครอบครัวไม่ได้เห็นแบบนี้ คิดแบบนี้ ก็น่าสงสารพ่อแม่และครอบครัวของพวกเขาเหล่านี้มาก ต้องกลัดกลุ้ม และไม่มีความสุขแน่ๆ

ต้องขอชมเจ้าหน้าที่ รปภ.ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่รับมือกับสถานการณ์นี้ได้โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่คนแรกที่มาห้ามปราม เป็นเจ้าหน้าที่ที่ผมค่อนข้างจะคุ้นเคย ตั้งแต่ผมยังทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเวลาไปประชุม เจ้าหน้าที่ผู้นี้ก็จะมาช่วยดูแลเรื่องที่จอดรถให้เสมอ เจอครั้งหน้าเห็นท่าจะต้องขอสัมภาษณ์ และให้รางวัลสักหน่อยเสียแล้วครับ”

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ใช้วิธีการชักเสาธงเพื่อแสดงออกทางการเมือง เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้ง อาทิ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2556 นายศรันย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนโกะ และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว เคยปลดธงชาติไทยแล้วนำธงดำขึ้นเสาบริเวณตึกโดมบริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อไว้อาลัยอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณีที่ประกาศหยุดเรียนหยุดสอนหยุดทำงานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ต่อมาวันที่ 24 ก.พ. 2563 น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ หรือเฟลอ นิสิตคณะอักษรศาสตร์ อดีตรองประธานสภานิสิตคนที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแกนนำกลุ่มวิ่งไล่ลุง พยายามนำธงดำขึ้นสู่ยอดเสา อ้างว่าแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อไว้อาลัยแก่กระบวนการยุติธรรม แต่ถูก รปภ.ห้ามไว้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 นายพริษฐ ชิวารักษ์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 และกลุ่มการ์ดวีโว่ นำโดย นายปิยรัฐ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคอนาคตใหม่ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทายาทกลุ่มไทยซัมมิท ร่วมกันปลดธงชาติไทยแล้วนำธงสีแดงระบุข้อความ 112 มาชักขึ้นแทน หน้า สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ระหว่างที่นายชยพล ดโนทัย หรือเดฟ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาความผิดตามมาตรา 112 และเกิดเหตุชุลมุนแย่งธงคืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อนึ่ง พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ผู้ใดกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000014197

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4061779217165936&id=100000016923106

‘กระทรวงวัฒนธรรม’ ย้ำ แนวทางปฎิบัติ ไหว้สถานที่ศักดิ์ช่วงตรุษจีน - วาเลนไทน์ ต้องยึดมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และมาตรการผ่อนคลายของศบค. พร้อมยันไม่เลือกปฏิบัติระหว่าง ‘ม็อบ - งานประเพณี’

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลว่า การรวมตัวของคนจำนวนมาก เช่น การไหว้พระตรีมูรติ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ช่วงแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงเทศกาลตรุษจีนและวันวาเลนไทน์นั้น ทางรัฐบาลโดยศบค. เน้นย้ำให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดรณรงค์ให้ประชาชนรับทราบถึงการปฎิบัติตามมาตรการ และเฝ้าระวังการทำกิจกรรมรวมกัน และเท่าที่เห็นการไหว้ในเทศกาลตรุษจีนตามสถานที่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัยเกือบ 100%

ถึงกระนั้นกระทรวงต่างๆ ก็ได้ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัว โดยกระทรวงวัฒนธรรม ได้แจ้งไปยังศาสนสถาน เครือข่ายวัฒนธรรมประเพณี ที่จัดกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ไปเรียบร้อยแล้วว่าให้ปฎิบัติเป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และมาตรการผ่อนคลายของศบค.

อย่างไรก็ตามในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็งดกิจกรรมบางอย่าง เช่น งานจดทะเบียนสมรสวันวาเลนไทน์ ที่คนมารวมตัวกันมาก ถึงแม้เวลานี้สถานการผู้ติดเชื้อจะเบาบางลง แต่ยังมีจำนวนมากกว่าระลอกแรก จึงต้องไม่ประมาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิจารณ์ว่า อนุญาตให้ทำกิจกรรมได้ในเทศกาลได้ แต่ห้ามการชุมนุม โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันโควิด นายอิทธิพล กล่าวว่า เราห่วงใยทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณี การประชุมสัมมนา หรือการชุมนุมทางการเมือง เราห่วงใยมาตลอด ซึ่งทางสาธารณสุขเน้นย้ำตลอดเรื่องการรวมตัว

แม้จะสวมหน้ากากอนามัย ก็อาจจะไม่สามารถคัดกรองได้ทุกคน เรื่องนี้ภาครัฐประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพราะเราอยากให้การแพร่ระบาดสงบโดยเร็วภายในเดือนมี.ค. ที่จะเริ่มมีวัคซีนล็อตแรกเข้ามา

เมื่อถามว่าจะไม่เลือกปฏิบัติ ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองกับการจัดกิจกรรมประเภทอื่น นายอิทธิพล กล่าวว่า เรายึดการประเมินความเสี่ยงทางสาธารณสุขว่ามีมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้เลือกว่าเป็นกิจกรรมประเภทใด ทั้งนี้ขอฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ และระมัดระวัง ถึงแม้จะเป็นการพบปะในครอบครัวก็ตาม

ฉากรบทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ และ ‘จีน’ ยิ่งนานวันยิ่งเหมือนปมเงื่อนที่รัดแน่น แม้อำนาจของสหรัฐฯ จะเปลี่ยนมือจาก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ มาสู่ ‘โจ ไบเดน’ ก็ยังไม่คลาย

เกิดภาพการตอบโต้ทางการเมืองระหว่างประเทศ สงครามเศรษฐกิจการค้า เทคโนโลยี วัคซีน และการประกาศศักดาแนวรบทั้งทัพฟ้าและทัพเรือ สะเทือนสะท้านไปกระแทกกับคู่มิตรของแต่ละฝ่าย

คำถามปลายเปิดเกิดขึ้นมากมาย และพยายามหาคำตอบปลายปิดว่า สรุปแล้วผู้ใดที่ทำให้โลกสั่นคลอน

สหรัฐฯ คือ พี่ใหญ่ผู้ระราน หรือ จีน คือ มหาอำนาจมาดร้ายแห่งยุคใหม่

แต่ไม่ว่าเรื่องนี้ผลลัพธ์จะออกทางใด อุณหภูมิในฟากฝั่งแดนมังกร ก็คงร้อนผ่าวๆ อยู่ตลอด เพราะเหมือนกับที่ผ่านมาจีนกำลังถูกโลกมองว่าเป็นวายร้ายตัวใหม่ ทั้งๆ ที่เป้าหมายใหญ่ของพวกเขาคือการลืมภาพขี้โรคแห่งเอเชียเสียมากกว่า

ก่อนหน้านี้ เคยมีบทความหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของคนในชาติจีน ที่อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้เลือดในกายชาวจีนหลายคนเริ่มเดือดไม่น้อย ผ่านมุมมองของ ‘ดร.หลินเหลียงตอ’ ดร.ฟิสิกส์กิตติมศักดิ์ชาวอเมริกาเชื้อสายจีน ที่ได้เขียนบทกวีภาษาอังกฤษตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เพื่อถามสหรัฐอเมริกาว่า #พวกท่านจะให้เราอยู่อย่างไร

โดยในเนื้อหาของบทความนี้ สร้างความสะเทือนใจแก่หลายคนที่ได้อ่าน และมีการส่งต่อในโลกออนไลน์ ส่งผลชาวเน็ตทั้งชาวจีนและชาวตะวันตกได้อภิปรายกันอย่างเผ็ดร้อน

บทกวีนี้ ได้สะท้อนความรู้สึกค้างคาใจชาวจีนมาช้านาน ความกดดันโกรธแค้นต่ออคติของตะวันตก และถูกมองว่าเป็นลูกดอกอันคมกริบที่ชาวจีนโพ้นทะเลยิงใส่อคติชาวตะวันตก ความว่า…

...สมัยก่อนประเทศเราอ่อนแอถูกข่มเหงรังแก ไม่ง่ายเลยที่เราผงาดขึ้นได้ แต่กลับถูกมองด้วยสายตาที่เป็นศัตรู คนจีนทำอะไรดูเหมือนผิดไปหมด ชาวตะวันตกควรอ่านซัก 3 จบ ควรที่ชาวจีนต้องอ่าน 3 จบ พวกท่านจะให้เราอยู่อย่างไร?

...สมัยที่เราเป็นคนขี้โรคแห่งเอเชีย เราถูกเรียกว่าเป็นภัยเหลือง

...เราถูกพยากรณ์ว่า เป็นอภิมหาอำนาจรายต่อไป และเราก็ถูกชี้ว่าเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ

...ตอนที่เราปิดประเทศขังตัวเอง ท่านเอาฝิ่นเถื่อนมาบังคับให้เราเปิดประเทศ

...เมื่อเราโอบกอดการค้าเสรี ท่านด่าว่าเราไปแย่งที่ทำมาหากินของพวกท่าน

...ตอนที่เราลำบากยากเข็น รองเท้าบูทท่านมาเหยียบอก เรียกร้องเฉลี่ยโอกาสเท่าๆ กัน

...เราจะรวมแผ่นดินที่แตกแยกเป็นปึกแผ่น ท่านบอกว่าเราเป็น “ผู้รุกราน”

...เราทดลองกู้ชาติด้วยมาร์กซ์-เลนิน ท่านว่าพวกเราเป็นพวกนอกรีต

...เมื่อเราโอบรับทุนนิยม ท่านเจ็บแค้นว่าเราเป็นนายทุน

...แล้วเมื่อประชากรเราทะลุพันล้าน ท่านว่าเรากำลังทำลายโลก

...เมื่อเราจำกัดการเกิดของประชากร ท่านว่าเราเหยียบย่ำสิทธิมนุษยชน

...สมัยโน้นเรายากจนข้นแค้น ท่านมองเราเป็นหมาตัวหนึ่ง

...เมื่อเรามีเงินให้ท่านยืม ท่านกลับมาโทษเราว่าทำให้ท่านมีหนี้สินล้นพ้นตัว

...เมื่อเราพัฒนาอุตสาหกรรม ท่านบอกว่าเราทำให้เกิดมลภาวะ

...เมื่อเรามีสินค้าขายให้ท่านท่านบอกว่าเราเป็นต้นเหตุทำให้โลกร้อน

...เราซื้อน้ำมันปิโตรเลียม ท่านบอกว่าเรารีดเค้นและจะสูญเผ่าพันธุ์ พวกท่านทำสงครามเพื่อน้ำมันปิโตรเลียม

...ตอนที่บ้านเมืองเราวุ่นวายไร้ระเบียบ ท่านบอกว่าเราไม่ปกครองด้วยกฎหมาย

...ตอนนี้เราใช้กฎหมายปราบวายร้าย ท่านบอกว่าเราละเมิดสิทธิมนุษยชน

ถามหน่อย #ท่านจะให้เราอยู่อย่างไรกันแน่

ก่อนตอบคำถาม นึกทบทวนให้รอบคอบก่อน เพราะโลกใบนี้รับนักบุญจอมปลอมมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

สิ่งที่เราต้องการคือสันติสุขของโลกเดียวกัน ฝันเหมือนกัน โลกสีครามที่กว้างใหญ่ไพศาลสามารถรองรับพวกท่าน รองรับพวกเรา

การผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วของจีน ทำให้อเมริกาจิตใจว้าวุ่น

การขึ้นสู่อวกาศของจีน และการใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างทั่วด้านของ 5G ก็คือการตอบโต้ที่ดีที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น อย่าได้ประเมินพลังทางจิตใจที่เหนียวแน่นของจีนต่ำไป

ประเทศที่เคยตกต่ำและคุกเข่า แต่สุดท้ายสามารถลุกขึ้นยืน จะไม่มีวันคุกเข่าลงอีกเป็นอันขาด

ประเทศจีนมีความปักใจ ไม่สนทั้งไม้แข็ง และไม้อ่อน และมีกำลังยืนได้ เราจะไม่มีวันถูกต่างชาติข่มเหงรังแกอีกต่อไป

เรามีความฝันฟื้นฟูประชาชาติจีนที่ยิ่งใหญ่ ในที่สุดจะปรากฎเป็นจริง ภายใต้การต่อสู้อย่างทรหดอย่างแน่นอน

เรียกได้ว่าบทกวีสะท้อนเสียงชาวจีนบทนี้ อ่านกี่ทีก็คงทำให้เลือดในกายชาวจีนสูบแรงไม่น้อยได้ทุกครั้งกันเลยทีเดียว...


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/world/421363?fbclid=IwAR33ZDbOSf-s8168o3Ky_GQbR_mnNR8j2B7rcsc8YRd6WZqyfAUlwNdT9tM#.XkN8bSydtqo.lineme

นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพ บางสะพาน ไอเดียบรรเจิด ประดิษฐ์อุปกรณ์ทุ่นแรงเจาะมะพร้าวอ่อน ใช้งานง่ายไม่เกิน 3 วินาที ได้ดื่ม

นายจิตวัฒนา บุญเลิศ หัวหน้าแผนกวิชาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากมีกระแสในโซเชียลมีเดียกรณีการดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนโดยมีความเชื่อว่าจะช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้มีแนวคิดในการผลิตอุปกรณ์เจาะผลมะพร้าวอ่อนเพิ่ม

ซึ่งที่ผ่านมาครูและนักศึกษาในแผนกร่วมกันผลิตเพื่อส่งเข้าประกวดเพียง 5 ชิ้น หลังทดสอบพบว่าเจาะน้ำมะพร้าวใช้เวลาไม่เกิน 3 วินาที เพื่อใส่หลอดพลาสติคดูดน้ำมะพร้าวได้ทั้งผล สำหรับผลงานดังกล่าวเป็นสิ่งประดิษฐ์ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิต ขณะนี้ ได้วิทยาลัยฯได้จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้แล้ว

"อุปกรณ์ต้นแบบที่นักศึกษาผลิตเป็นงานแฮนด์เมด แต่สามารถนำไปผลิตในภาคอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากเจาะมะพร้าวอ่อนได้รวดเร็ว 3 วิธี โดยใช้คู่กับสว่านไฟฟ้าแบบมือถือ ใช้มือหมุนกด หรือใช้มือกระแทก เมื่อเจาะแล้วสามารถเก็บเศษชิ้นส่วนจากเปลือกมะพร้าวไว้ได้ การใช้งานมีความรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย พกพาสะดวก ช่วยในการผ่อนแรง ลดค่าใช้จ่ายจากการผ่ามะพร้าวแบบเดิม สามารถนำไปประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายจิตวัฒนา กล่าว

นายจิตวัฒนา กล่าวอีกว่า "เดิมวิธีการดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนที่ใช้ในปัจจุบัน ต้องอาศัยมีดในการผ่าส่วนบนของผลมะพร้าว ผู้ผ่าต้องมีความชำนาญในการใช้มีดขนาดใหญ่ บุคคลทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์หรือทักษะไม่สามารถใช้มีดในการผ่าได้เพียงลำพัง หรือทำได้แต่มีความลำบากและไม่ปลอดภัย สำหรับพ่อค้าที่จำหน่ายมะพร้าวอ่อนสำหรับบริโภคน้ำ ต้องผ่ามะพร้าวจำนวนมากทำให้มีความเมื่อยล้าและ ความล่าช้าเป็นปัญหาในการประกอบอาชีพประกอบกับวิธีการผ่ามะพร้าวอ่อนด้วยวิธีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจก่อให้เกิดอันตรายจากคมมีด รวมทั้งขยะจากเปลือกมะพร้าว"


ภาพ /ข่าว : นิพล ทองเก่า

ชาวลาวเดือด ! ม็อบสามนิ้วพ่นสเปรย์เหยียดเชื้อชาติใส่รถตำรวจ

บนโลกโซเชียลมีเดีย ประชาชนชาวลาวไม่พอใจอย่างมากกับกลุ่มม็อบที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 ในไทย หลังไปพ่นสีสเปรย์เหยียดเชื้อชาติใส่รถตำรวจ สน.ปทุมวัน

จากกรณีที่ผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ 'รุ้ง'​ นำผู้ชุมนุมกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยเพื่อนของตัวเองที่ถูกจับกุม เพราะทำผิดกฎหมาย แต่มีผู้ชุมนุมพ่นข้อความใส่รถตำรวจ สน.ปทุมวัน เสียหาย 8 คัน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 

โดยหนึ่งในนั้นพ่นข้อความว่า “พ่อมึงลาว” ทำให้ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเว็บไซต์ข่าวสดอิงลิช แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเหยียดหรือดูถูกทางชาติพันธุ์ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวลาวรายหนึ่งได้โพสต์ภาพรถตำรวจ สน.ปทุมวัน ถูกพ่นสี พร้อมวงคำว่า “พ่อมึงลาว” และข้อความบรรยายแปลเป็นภาษาไทย ระบุว่า “พ่อมึงลาว เป็นคำศัพท์ที่ผู้ประท้วงในไทยใช้ด่าตำรวจ แต่อีกมุมหนึ่งคือการเหยียดเชื้อชาติ เป็นคำศัพท์ดูถูก” 

ทำเอาประชาชนชาวลาวแสดงความไม่พอใจจำนวนมาก ทำนองว่า ประท้วงกลุ่มคนที่กล่าวหาว่าไม่ดี แต่คำพูดและการกระทำมีแต่ท่าทีแข็งกระด้างและรุนแรง บางคนกล่าวว่าแม้แต่คนลาว (ไทยอีสาน) ก็ยังเหยียด


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000014245
 

เพนกวินติดคุกโพสต์ไม่ได้ แอดมินเพจเพนกวินโพสต์ปั่นแทน เรือนจำแจงไม่มีอภิสิทธิเหนือใคร

'ราชทัณฑ์' ระบุ ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'เพนกวิน' เป็นการโพสต์โดยบุคคลอื่น ‘เหตุ’ ผู้ต้องขังห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจง กรณีการโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ซึ่งถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จนเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงสามารถโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลได้แม้กระทั่งถูกคุมขังอยู่ และเป็นการได้รับสิทธิพิเศษเหนือนักโทษคนอื่นหรือไม่นั้น

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ภาพกระดาษพร้อมลายมือของนายพริษฐ์ฯ ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นข้อความที่นายพริษฐ์ ได้เขียนขึ้น ณ ห้องเวรชี้สองสถานของศาลอาญา และส่งต่อให้แก่ทนายความของตนเอง ภายหลังจากที่ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 17.55 น. ก่อนที่จะถูกนำตัวกลับมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

ดังนั้น การที่ภาพดังกล่าวไปปรากฏอยู่บนเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 00.05 น. เป็นการดำเนินการโดยผู้ดูแลหรือแอดมินแฟนเพจ ซึ่งมีได้หลายคน ไม่ใช่การโพสต์โดยตัวนายพริษฐ์ฯ เอง เนื่องจากโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ เป็นสิ่งของต้องห้าม ตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายพริษฐ์ จะมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในความครอบครอง ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้สังคมและประชาชนทุกฝ่ายเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเป็นมาตรฐานตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง และพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ระเบียบ และวินัยต่างๆ ที่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ทุกคนพึงปฏิบัติและได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด 


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/922368

บิ๊กตู่ให้กำลังใจทีมแพทย์ สาธารณสุข เชื่อมือฝ่ายความมั่นคง มั่นใจคุมโควิด-19 ได้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตีเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ด้านการแพทย์ สาธารณสุข ดูแลคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ รวมถึงยับยั้งการกระทำผิดกฎหมาย และเตรียมพร้อมวัคซีนเพื่อคนไทย โดย ศบค.รายงานว่าสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ทั้งหมด 579 แห่ง แบ่งเป็น State Quarantine (SQ) 152 แห่ง ยังคงมีห้องรับได้ 14,119 ห้อง และ Local Quarantine (LQ) จำนวน 427 แห่ง พร้อมใช้งาน 195 แห่ง เตรียมพร้อม 232 แห่ง สามารถรองรับ 10,257 คน  

โรงพยาบาลสนามจัดตั้งแล้วใน 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ปทุมธานี จ.อ่างทอง จ.สมุทรสาคร จ.จันทบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3,092 เตียง Factory Quarantine (FQ) ในจ.สมุทรสาคร 2,389 เตียง  และช่วยคนไทยในต่างประเทศกลับประเทศไทยแล้ว ในช่วง 4  เม.ย.2563 - 8  ก.พ. 2564 จำนวน  167,617 คน จากเที่ยวบินและจากด่านชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ

สำหรับการยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ ตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเหล่าทัพและตำรวจทั่วประเทศ 1,522 จุด รวมทั้งจัดชุดสายตรวจคัดกรองบุคคลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่วนการดำเนินการป้องกันและสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย ตั้งจุดตรวจและจุดสกัด จำนวน 127 จุด ตรวจคัดกรองบุคคล จำนวน 9,882 คน 

ด้านความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด–19 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีแผนการกระจายวัคซีน 63 ล้านโดส โดย 2 ล้านโดส ให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และอีก 61 ล้านโดสจะกระจายไปยังจังหวัดที่พบผู้ป่วย และวางแผนฉีดวัคซีน 10 ล้านโดสต่อเดือน มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายไปให้บริการ รพ.สต ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้วัคซีนได้ภายในเดือน ก.พ. 2564

“นายกรัฐมนตรี มอบกำลังใจแก่ผู้ปฎิบัติหน้าที่ทุกหน่วยงาน พร้อมย้ำว่าเมื่อทราบปัญหาแล้วต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว และพร้อมเข้าร่วมแก้ปัญหาของทุกหน่วยงาน ด้วยความมั่นใจว่าโควิด-19 สามารถควบคุมได้ เพราะคนไทยร่วมมือกันด้วยดีตามแนวทาง "รวมไทย สร้างชาติ ฝ่าวิกฤตโควิด-19" " นายอนุชา กล่าว

งบพุ่งกระฉูด 5.4 ล้านล้าน หน่วยงานรัฐชงคำของบปี 65 ไม่จำเป็นเบรกได้เบรก

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณ กำลังพิจารณารายละเอียดคำของบประมาณประจำปี 65 หลังจากทุกหน่วยงานได้เสนอคำขอเข้ามายังสำนักงบประมาณตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวงเงินรวมกว่า 5.4 ล้านล้านบาท มากกว่ากรอบวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ 3.1 ล้านล้านบาท โดยขั้นตอนจากนี้สำนักงบประมาณจะพิจารณาและตัดวงเงินให้เหลืออยู่ในกรอบ 3.1 ล้านล้านบาท เพื่อเสนอให้ที่ประชุมครม.ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เห็นชอบต่อไป 

สำหรับขั้นตอนการพิจารณางบประมาณปี 65 นั้น ล่าสุดยังเป็นไปตามกรอบเวลาตามปฏิทินงบประมาณ โดยหลังจากเสนอครม.วันที่ 9 มี.ค.แล้ว สำนักงบประมาณจะไปปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณอีกครั้งตามข้อสั่งการของครม. จากนั้นจึงไปรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ก่อนสรุปข้อมูลและจัดทำเป็นร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ เสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบ จากนั้นจึงจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ และเอกสารประกอบเสนอครม.อีกครั้ง จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภาในเดือน พ.ค.64

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า "การจัดทำงบประมาณปี 65 ครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญ เพราะจากนี้ไปจะต้องไปดูในเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปรับลดลงประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เพราะกรอบวงเงินงบประมาณปีนี้ลดลงจากปีก่อนถึง 1.8 แสนล้านบาท โดยต้องไปดูเรื่องของค่าใช้จ่ายของทุกหน่วยงานว่าจะปรับลดลงได้มากเท่าใด เช่น การขอเพิ่มอัตรา หรือเพิ่มเบี้ยประเภทต่างๆ  อาจต้องชะลอออกไป แต่ยืนยันว่า ในเรื่องของสวัสดิการที่ประชาชนเคยได้รับทั้ง เบี้ยยังชีพ คนชรา ผู้พิการ เด็กแรกเกิด หรือเบี้ยที่ต้องจ่ายประจำ ยังคงให้เท่าเดิมอยู่ ส่วนเรื่องการดูแลผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ก็ได้เตรียมงบกลางไว้รองรับแล้ว"
 

สาธารณสุขแนะนำ งดมีเพศสัมพันธ์วันวาเลนไทน์ ช่วยตัวเองสกัดโควิด

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก โดยมีการแสดงความรักด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการมอบของขวัญแทนใจ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต เป็นต้น

นอกจากนี้ อาจมีวัยรุ่นบางส่วนตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ทำให้เกิดปัญหาท้องไม่พร้อม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามมาได้

ทั้งนี้ สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของประเทศไทยในปี 2562 พบว่า อัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคสำคัญ มีแนวโน้มสูงขึ้น ได้แก่ หนองใน ซิฟิลิส หนองในเทียม แผลริมอ่อน และกามโรคของต่อม และท่อน้ำเหลือง ซึ่งโรคที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดในทุกกลุ่มอายุ คือ โรคหนองใน 14.8 และโรคซิฟิลิส 13.2 

โดยข้อมูลจากรายงานการเฝ้าระวังโรคของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 พบว่า กลุ่มเยาวชนอายุ 15 - 24 ปี มีอัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคสำคัญสูงถึง 124.4 ต่อประชากรแสนคน และหากแยกรายโรคพบว่า 

มีอัตราป่วยด้วยโรคหนองในสูงถึง 69.7 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ ซิฟิลิส 41.4 ต่อประชากรแสนคน นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ง่ายกว่าคนทั่วไป 5 - 9 เท่า และอาจเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ป้องกัน

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันวาเลนไทน์ปีนี้ กรมควบคุมโรค ขอให้คู่รักเลือกใช้วิธีแสดงความรัก โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน และลดการออกนอกบ้าน เช่น ส่งของขวัญให้กัน บอกรักผ่านวิดีโอคอล เป็นต้น 

หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ขอให้ใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ขอให้ใช้มาตรการดังกล่าวควบคู่กับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี 

โดยตระหนักถึงการป้องกันตนเอง และคู่ให้ปลอดภัย และใช้ถุงยางอนามัยให้เป็นเรื่องปกติในการดูแลสุขภาวะทางเพศ รวมถึงการมีความรับผิดชอบต่อคู่ และสังคม ตามแนวคิด ‘New Normal New Safe SEX: ชีวิตวิถีใหม่กับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย’ ดังนี้

1.) Safe SEX is No SEX วิธีการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยที่สุด คือ การไม่มีเพศสัมพันธ์ หรือเลือกใช้วิธีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในที่ส่วนตัว และลดการสัมผัสระหว่างกัน เพื่อปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

2.) One Love รักเดียวใจเดียว และมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักที่อยู่ร่วมกันโดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกช่องทาง และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จัก หรือคนที่ไม่รู้สถานะการติดเชื้อ

3.) Testing Together หากมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับการตรวจทันที ไม่ควรซื้อยากินเอง พร้อมทั้งชวนคู่ไปตรวจ และงดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการดูแลรักษา

4.) Start Condom Safe your SEX พกอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อมตลอดเวลา เช่น ถุงยางอนามัย 

5.) New Normal New Safe SEX ชีวิตวิถีใหม่ โดยการใช้หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เพื่อป้องกันการรับเชื้อโควิด-19 จากการใช้ชีวิตประจำวัน และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการทำความสะอาดร่างกายก่อน และหลังมีกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเข้าสู่ยุคชีวิตวิถีใหม่กับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย

นพ.โอภาสกล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้ กองโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค ได้จัดบริการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ฟรี ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่อาคารบางรัก เขตสาทร กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียด โทร. 08 1875 9904


ที่มา: https://www.posttoday.com/social/general/645220

เลือกตั้งซ่อมเมืองคอนเดือด เทพไทเตรียมฟ้องพลังประชารัฐ อ้างบิดเบือนทำประชาธิปัตย์เสียคะแนนนิยม

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ เฟซบุ๊กไลฟ์ จากสภากาแฟศูนย์เรียนรู้ประชาธิปไตย บ้านสำนักขัน อำเภอจุฬาภรณ์ กล่าวถึง การลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต3 จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า… 

เมื่อพรรคพลังประชารัฐ ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมด้วย ก็ถือว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จึงจำเป็นต้องต่อสู้แข่งขันตามวิถีทางประชาธิปไตย และเมื่อพรรคแกนนำของรัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงมารยาททางการเมือง ก็เป็นจิตสำนึกของแต่ละพรรค ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินได้

ขณะเดียวกันจากการแถลงข่าวของกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐกลุ่มหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา โดยมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งแทน ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม เพราะ ส.ส.คนเดิมถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากทุจริตการเลือกตั้ง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งอีก ถ้าเป็นพรรคพลังประชารัฐ ก็คงไม่ส่งผู้สมัคร อีกทั้ง ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเป็นที่สอง จึงมีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัคร เพราะถ้าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เราจะได้ที่หนึ่งได้เป็น ส.ส.ไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ ส.ส.นครศรีธรรมราช 4 ต่อ 4 คนเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนโครงการคนละครึ่ง” 

และยังแถลงข่าวต่ออีกตอนหนึ่งระบุว่า “ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม แต่เป็นการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากถูกศาลติดสินว่าทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงมากในทางการเมือง การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐได้ที่สอง เรายืนยันได้ว่า ถ้าเขาไม่ทุจริตเราก็ได้ที่หนึ่งไปแล้ว และเชื่อว่าจะไม่เป็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์จะได้ คะแนนเสียงพรรคร่วมก็เท่าเดิมเพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน”

ซึ่งข้อความทั้งหมดเป็นข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือนใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ประชาธิปัตย์เสียหาย และเป็นการกระทำที่อยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซ่อมแล้ว มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง เป็นการกระทำผิดตาม พรป.การเลือกตั้ง ส.ส. ตนจะเสนอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ พิจารณาแจ้งความดำเนินคดี ต่อศาลอาญา

และยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการกระทำของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค อยู่ร่วมในการแถลงข่าวด้วย แต่ไม่ได้ห้ามปราม หรือทักท้วง ถือว่าเป็นการรู้เห็นเป็นใจการกระทำดังกล่าวด้วย ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ และระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ หากมีการใส่ร้าย บิดเบือน พาดพิงทำให้ตน และผู้สมัครหรือพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย ก็จะแจ้งความ ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top