Sunday, 18 May 2025
PoliticsQUIZ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สานความสัมพันธ์ 46 ปี ‘ไทย - จีน’ จัดเทศกาลตรุษจีนในรูปแบบ New Normal ตอกย้ำมิตรภาพแน่นแฟ้นยาวนานของทั้ง 2 ประเทศ

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 18.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดไฟประดับตกแต่งในโอกาสเทศกาลตรุษจีน ร่วมด้วย นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. นางสาวอาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟ จำกัด (มหาชน) ณ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร

โดย ททท. ได้จัดการตกแต่งประดับไฟฟ้า เส้นทางตั้งแต่มูลนิธิเทียนฟ้าถึงแยกเฉลิมบุรี ระยะทาง 200 เมตร เพื่อสร้างบรรยากาศ แต่งเติมสีสันแห่งการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนในย่านเยาวราช ซึ่งถือเป็นย่านชุมชนวัฒนธรรมไทย - จีน อันสำคัญ ที่ได้รับผลกระทบด้านการค้าและการท่องเที่ยวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

สำหรับการประดับไฟเนื่องในเทศกาลตรุษจีนปี 2564 ตกแต่งภายใต้แนวคิด “เฉลิมฉลองวันตรุษจีน ต้อนรับปีวัวทอง กับถนนสายมังกรเยาวราช” สร้างสรรค์เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคลในเทศกาลตรุษจีน อาทิ มังกร นางฟ้า ดอกเหมย

ทั้งนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโคมไฟขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 67 นิ้ว (เท่ากับพระชนมายุ 67 พรรษา) จำนวน 4 ลูก ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อประดับตกแต่งบริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษาด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมการตกแต่งประดับไฟในเทศกาลตรุษจีนได้ตั้งแต่วันที่ 11-28 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 18.00 - 24.00 น.

ทำไมวันตรุษจีน ต้องจุดประทัด!!

สำหรับ ‘วันตรุษจีน’ ถือเป็น ‘วันขึ้นปีใหม่’ ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คล้าย ๆ กับวันสงกรานต์ของบ้านเรา

โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน จะหยุดงาน หยุดเรียนเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้ผู้คนได้เดินทางกลับไปร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขกับครอบครัว

แน่นอนว่าพอเข้าเทศกาลตรุษจีนทีไร สิ่งที่เรามักเห็น คือ การประดับตกแต่งหน้าบ้าน หรือหน้าร้านด้วยโคมไฟสีแดง ที่ชาวจีนนั้นเชื่อว่าเป็นสีนำโชค

นอกจากนี้ ยังมีการไหว้บรรพบุรุษ และหลังจากไหว้บรรพบุรุษ ก็จะมีการ ‘จุดประทัด’ ตามกันมาแทบทุกครอบครัว

...ว่าแต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า? ทำไมถึงต้องจุดประทัดในเทศกาลตรุษจีน

มีตำนานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับวันตรุษจีน ที่เป็นความเชื่อแบบเชื่อมโยงไปสู่การ ‘จุดประทัด’ ซึ่งเกี่ยวพันกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ปีศาจเหนียน’

...ปีศาจเหนียน ปีศาจร้ายในตำนานวันตรุษจีน

หากเอ่ยถึงสัตว์ในตำนานของชาวจีน หลายคนก็มักจะนึกถึงแต่ ‘มังกร’ ที่เปรียบเสมือนสัตว์เทพที่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง

แต่ถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยววัดเชื้อจีน อาจเคยเห็นรูปปั้นของสัตว์ประหลาดสี่เท้า ที่หัวมีลักษณะคล้ายมังกร ลำตัวใหญ่เป็นสองเท่าของสิงโต และมีเขี้ยวแหลมคม

นั่นแหละที่เขาเรียกว่า ‘ปีศาจเหนียน’

ปีศาจเหนียน เป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่งในสมัยโบราณ มักออกอาละวาดกินคน และสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ สวรรค์จึงได้สั่งลงโทษ ด้วยการสาปให้ปีศาจเหนียนกลายเป็นหิน

...แต่ในทุก ๆ 1 ปีคำสาปจะคลายลงในวันสิ้นปีของจีน หรือก็คือวันก่อนวันตรุษจีน 1 วัน ซึ่งตรงกับความเชื่อของชาวจีนที่ว่าเป็นวันที่ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์

ดังนั้น เมื่อถึงวันสิ้นปีของทุกปี ผู้คนต่างอพยพเข้าไปหลบซ่อนในหุบเขาลึก เพื่อไม่ให้ปีศาจเหนียนมาทำร้าย

แล้ว ‘ปีศาจเหนียน’ ไปเกี่ยวอะไรกับ ‘การจุดประทัด’

ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้ว่า ก่อนวันตรุษจีน 1 วัน ปีศาจเหนียนจะหลุดพ้นจากคำสาปและลงมาอาละวาดทำร้ายผู้คน

ทว่าก็ได้มีผู้ที่ค้นพบจุดอ่อนของปีศาจเหนียน นั่นคือ สีแดงฉูดฉาด, แสงไฟ และเสียงดังเปรี้ยงปร้าง ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัดปีศาจเหนียนได้โดยไม่ยากนัก

พอวันตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน หรือแขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับ ‘จุดประทัด’ และตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง

เมื่อปีศาจมาถึงหมู่บ้าน เห็นแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป ไม่กล้าออกมาอาละวาดอีกเลย

นี่เป็นอีกเรื่องเล่า คำกล่าวขาย และตำนานที่ชาวจีนต่างเชื่อกันมา และทำให้การจุดประทัดในเทศกาลตรุษจีนกลายเป็นความเชื่อที่ทำตามกันมา จนกลายเป็นประเพณีนิยมจนปัจจุบัน


ที่มา: https://www.shopat24.com/blog/trending/opening-the-chinese-new-year-legend-nian-devil-the-origins-of-the-firecrackers/

'โฟกัส' แนะลดงบประมาณกองทัพ เจียดเงินช่วยประชาชน พร้อมวางแผนเยียวยาแบบยั่งยืน ดีกว่าช่วงแบบแจกเงินส่ง ๆ

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 โฟกัส จีระกุล ดารานักแสดง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ โดยระบุว่า...

เพียงลด ‘งบประมาณ’ ที่ ‘ไม่จำเป็น’ นำมาพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ นำมาทำแผนเยียวยาแบบยั่งยืน ที่ไม่ใช่การแจกเงินส่ง ๆ สอนให้คนรู้จักทำงาน หาช่องทางทำงานให้เค้า เยียวยาธุรกิจเล็ก ๆ ช่วยเหลือคนตกงาน

ลองเริ่มจากลดงบ ‘กองทัพ’ ดูค่ะ งบที่มากมายขนาดนั้น เงินมากมายที่ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด เจียดเงินมาช่วยเหลือประชาชนบ้างเถอะค่ะประชาชนจะได้ไม่อดตาย

กองทัพเรือ ปฏิบัติการเชิงรุก เปิดแฟนเพจเฟซบุ๊ก 'เรือดำน้ำไทย Thai Submarines' พร้อมตั้งทีมงาน 'ป้อนข้อมูล' ที่ถูกต้อง หวังสร้างความเข้าใจกับประชาชน ลดกระแสต่อต้าน

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.จากกระแสข่าวจัดทำงบประมาณ 2565 ของกองทัพเรือ ที่ไม่ได้บรรจุรายการ จัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 หลังถูกชะลอไปในปีงบประมาณ 2564 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโวิด 19

ล่าสุด กองทัพเรือ โดย พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ได้จัดตั้ง facebook fanpage “เรือดำน้ำไทย Thai Submarines” มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องเรือดำน้ำแก่สาธารณชนผู้สนใจ โดยการจัดตั้งสื่อกลางในรูปแบบ Social Media เนื่องจากกองทัพเรือไม่เคยจัดตั้งสื่อกลางใน Social Media เพื่อการค้นคว้าหาความรู้เรื่องเรือดำน้ำขึ้นมาโดยเฉพาะมาก่อน

ทั้งนี้ กองทัพเรือเข้าใจดีว่า ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร เกี่ยวกับเรือดำน้ำนั้น มีองค์ประกอบหลายด้านที่มากกว่าการเป็น “ยุทโธปกรณ์” และมีเนื้อหาสาระ ความรู้ ที่สาธารณชนผู้สนใจทั่วไปสามารถรับรู้ร่วมกันได้ ประกอบกับหนึ่งในบทบาทสำคัญของกองทัพเรือ คือเป็นหน่วยงานที่มีส่วนในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้

สำหรับหัวข้อที่จะนำเสนอใน Facebook Fanpage “เรือดำน้ำไทย Thai Submarines” ที่สำคัญได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรือดำน้ำ, ประวัติศาสตร์เรือดำน้ำ ทั้งของสากลและของไทย, สารคดีเกี่ยวกับเรือดำน้ำ, ข่าวสารทั่วไปเกี่ยวกับเรือดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ, บทความทั่วไป บทวิเคราะห์ บทความทางวิชาการ,ข้อถามตอบ/แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, นำเสนอกิจกรรมที่เกิดขึ้น, link ต่าง ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรือดำน้ำ, การแถลงข่าวของกองทัพเรือ

สำหรับแนวทางการดำเนินงาน กองทัพเรือจัดตั้งทีมงานขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อเป็นผู้รวบรวมประสานงาน นำเสนอข้อมูลเสนอใน Facebook Fanpage “เรือดำน้ำไทย Thai Submarines” อย่างต่อเนื่อง พร้อมมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในภายนอกกองทัพเรือร่วมสนับสนุนข้อมูล ทั้งยังเปิดกว้างยังสาธารณในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ร่วมกัน

ทั้งนี้ กองทัพเรือ มีความตั้งใจและปรารถนาดีที่จะได้นำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ดังที่กล่าวข้างต้นเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยความตระหนักถึงพี่น้องประชาชน และด้วยกองทัพเรือ คือหนึ่งในเครื่องมือความมั่นคงของชาติ ที่เราจะได้เรียนรู้ถึงบทบาทของกองทัพเรือร่วมกัน

รองนายกฯ ‘ดอน ปรมัตถ์วินัย’ ซัด มอ. หากเชิญ ‘ปวิน’ สอนออนไลน์จริง สั่งกระทรวง อว. สอบเป็นกรณีพิเศษ ชี้ไม่สมควร ไม่ถูกต้อง เท่ากับถ่ายทอดปัญหาให้เด็กไทย

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ที่ปรึกษาของนายโจไบเดน คุยกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โทรศัพท์พูดคุยกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทย โดยแสดงความเป็นห่วง กรณีการจับกลุ่มผู้ชุมนุม ม.112 ในประเทศไทย ว่า เรื่องดังกล่าวอาจมีความเข้าใจผิด เนื่องจากเท่าที่ตนทราบ ระหว่างการพูดคุย ไม่มีการยก ความกังวลเรื่องม.112 ขึ้นมา แต่ในระดับเจ้าหน้าที่ที่ออกสเตทเม้นต์มีการพูดคุย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้มีการพูดคุยหารือถึงความกังวล กรณีการจับกุมผู้ชุมนุมม.112 ในไทยด้วยหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่ เขาพูดคุยกันในสถานการณ์ทั่วไปก็หวังว่าจะไม่มีอะไรที่วุ่นวาย รุนแรง บานปลาย ซึ่งถือเป็นท่าทีปกติ และที่ผ่านมาสหรัฐฯ ก็เห็นการชุมนุมในประเทศไทย เป็นการชุมนุมที่มีการรับมือ ควบคุมสถานการณ์ ได้เป็นปกติ ไม่มีความรุนแรงเหมือนประเทศอื่น ๆ อย่างมากก็มีการฉีดน้ำ ซึ่งในหลักสากลแล้วถือว่าไม่รุนแรง

ส่วนกรณีที่นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโตในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง โพสต์ทวิตเตอร์ถึงการสอนหนังสือออนไลน์ มายังคณะเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ วิทยาเขตสงขลา (มอ.) นายดอน กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะการโพสต์ทวิตเตอร์โดยปกติแล้วมักมีสีสันเข้ามาด้วย

เมื่อถามว่าการที่ทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองสอนหนังสือออนไลน์มาอย่างนี้เหมาะสมหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันดับแรกต้องไปถามมหาวิทยาลัย ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ตนในฐานะกำกับดูแลงานกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ก็ยังไม่ได้คุยสอบถามจากรัฐมนตรี

แต่คิดว่าหากมีข้อเท็จจริงเขาคงปรึกษามาแล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ ส่วนจะส่งผลกระทบ ต่อการศึกษาไทยหรือไม่นั้น ต้องหาข้อเท็จจริงมาก่อน เนื่องจากสิ่งที่พูดออกไปหรือแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานาคุมไม่ได้อยู่แล้ว และไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจะออกมาในแนวใด

"กรณีนี้เป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นแสดงว่าเป็นปัญหาของมหาวิทยาลัย โดยส่วนตัวมองว่าคนที่มีปัญหาอยู่แล้ว และถูกเชิญให้มาสอน แสดงว่าผู้เชิญเป็นคนมีปัญหา และหากมาสอนจริง มีการถ่ายทอดสิ่งที่เป็นปัญหาสารพัดให้กับเด็กโยงกันไปหมด

ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้เชิญต้องมีปัญหาโดยจะสั่งการให้ กระทรวงอว.ตรวจสอบเรื่องนี้เป็นกรณีเป็นพิเศษ เพราะเอาคนที่มีปัญหา กับชาติ กับสถาบัน และความมั่นคง มาถ่ายทอดปัญหาสู่เยาวชน ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องกับกระบวนการศึกษาของไทย" นายดอนกล่าว

นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ออกโรงเตือนกลุ่มเยาวชนอีกครั้ง หลังกลุ่ม 3 นิ้ว ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวอีกรอบในช่วงหลายวันมานี้ โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ว่า...

นึกอยู่แล้ว เพื่อนติดคุก ศาลไม่ให้ประกัน ม๊อบสามนิ้วต้องอาละวาด ไม่ผิดคาดจริง ๆ

แต่น่าสงสารแกนนำ ถูกใครหลอกมาให้ลอกเลียนแบบคนอื่นอยู่ร่ำไป

‘สามนิ้ว’ กางร่มแบบฮ่องกง สุดท้ายมาทุบหม้อแบบพม่า

คิดเองไม่เป็น หรือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าคิดเองหรือไม่มีหัว

อยากเตือนสติแกนนำทั้งหลายว่า การนำม็อบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ความสำเร็จของการเคลื่อนม็อบ ไม่ใช่จำนวนครั้งที่ขยับ ไม่ใช่จำนวนมวลชนที่มา ไม่ใช่ทำเพราะตาน้ำข้าวสั่ง ไม่ใช่เพราะนักการเมืองสั่ง

แต่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ที่จะต้องไม่มโนเอาเอง

อย่าเชื่อใครว่า ลงถนนแล้วจะชนะ อย่าเชื่อใครว่า คนมาร่วมเป็นล้านแล้วจะชนะ อย่าเชื่อใครว่าต้องใช้ความรุนแรง ต้องปฏิวัติแล้วจะชนะ

ไม่เชื่อถามลุงกำนัน คนมาร่วมเป็นล้านคน ชุมนุมยืดเยื้อครึ่งปีกว่า ก็ไม่ชนะ

เปลี่ยนกุนซือได้แล้ว ดีแต่หนีหน้า หลอกให้คนไปตาย หลอกให้เป็นตัวประกันในคุก อย่าเชื่อใครที่จะให้ลี้ภัยนะ

ประชาธิปัตย์ กางแผนปิดเกม เลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ดึงกุนซือเด่นทะลวงเป้า ยันดัน ‘พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์’ ชนะลูกเดียว

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม มีวาระหารือที่สำคัญประเด็นหนึ่งคือ ‘การกำหนดยุทธศาสตร์สู่ชัยชนะ’ ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นผู้สมัครในนามพรรค

โดยมียุทธศาสตร์สำคัญที่จะเน้นการเข้าถึงประชาชนทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงนำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ๆ และผลงานพรรคจากอดีต ปัจจุบันและอนาคต ที่ประชุมจึงได้มีมติตั้งทีมยุทธศาสตร์เพื่อช่วยสนับสนุนการหาเสียงขึ้นมาสามคณะ ดังนี้

1.) ทีมยุทธศาสตร์ด้านโซเชียลมีเดีย ทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงผ่านโลกออนไลน์ มีนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคฯ เป็นหัวหน้าทีม และมีทีมงานหลักประกอบไปด้วยนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานประสานงานเครือข่ายองค์กรภายนอกพรรค นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร โดยมี ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ และประธานคณะกรรมการ Smart Democrat เป็นที่ปรึกษาฯ

2.) ทีมปฏิบัติการพิเศษ ทำหน้าที่ในการดูแลตรวจสอบความโปร่งใสในการเลือกตั้ง มี พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าทีม

3.) ทีมประสานงานเครือข่ายองค์กรภายนอกพรรค ทำหน้าที่ในการประสานเชื่อมโยงกับเครือข่ายภายนอกพรรคเพื่อช่วยสื่อสารนโยบายที่สำคัญ มี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพิช ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานเครือข่ายองค์กรภายนอกพรรคเป็นหัวหน้าทีม

ทั้งหมดนี้จะทำงานประสานกับผู้อำนวยการการเลือกตั้งของพรรค ตัวผู้สมัคร และทีมงานของผู้สมัครในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดความสุจริตในการหาเสียง นำเสนอนโยบายและผลงานที่เกิดขึ้นเป็นประจักษ์แล้ว ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคได้กำชับและให้แนวทางไว้ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในภาคใต้ของพรรคเมื่อไม่นานมานี้

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวต่อด้วยว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครั้งนี้ พรรคเชื่อมั่นว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน นอกจากตัวผู้สมัครคือนายพงศ์สินธุ์ ที่มีความได้เปรียบเพราะทำงานคลุกคลีอยู่กับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด เป็นคนรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจและทุ่มเทในการทำงาน

รวมถึงผลงานของพรรคก็เป็นที่ประจักษ์หลายด้าน เช่น โครงการประกันรายได้ยางพารา โครงการสำคัญที่เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนยางเป็นอย่างมาก รวมถึงประกันรายได้ชาวสวนปาล์ม ที่ช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และที่ผ่านมาการทำงานของพรรคในรัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานที่ยึดถือประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน เน้นการทำงานไปสู่เป้าหมายที่ต้องทำได้ไวทำได้จริงในทุกเรื่อง

“การเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคมีเป้าหมายเดียว คือ ‘ชัยชนะ’ จึงเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ มีการวางแผนที่ดีและมียุทธศาสตร์ที่ครบด้าน ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของพรรคที่เป็นพรรคของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย และให้โอกาสผู้สมัครของพรรคคือนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการทำงานเพื่อสร้างอนาคตร่วมกันกับพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช” นางดรุณวรรณ กล่าว

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับองค์กร The Ocean Cleanup นำร่องส่งนวัตกรรมเครื่อง Interceptor เรือเก็บขยะแม่น้ำ ‘ลำแรก’ ดักเก็บขยะพลาสติกในแม่น้ำเจ้าพระยา สุดล้ำใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แยกขยะ คาดเก็บขยะได้ 3 - 4 ตันต่อวัน

นางสุมนา ขจรวัฒนากุล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) พร้อมด้วย นายโบแยน สแลต ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งองค์กร The Ocean Cleanup จากเนเธอร์แลนด์ ผู้ที่คิดค้นทุ่นดักขยะทะเลใช้กำจัดแพขยะในมหาสมุทร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการนำเครื่อง Interceptor เพื่อวิจัยขยะพลาสติกในแม่น้ำ และการดักเก็บขยะพลาสติกในแม่น้ำของไทยก่อนออกสู่ทะเล

ทั้งนี้จะมีการติดตั้ง Interceptor บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ 3 จุด โดยจุดแรกนำร่องติดตั้งบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า เบื้องต้นอยู่ระหว่างศึกษาความลึกของแม่น้ำและกระแสน้ำที่เหมาะสมในการติดตั้งเครื่องดังกล่าว

นวัตกรรม Interceptor เพื่อจัดการขยะในแม่น้ำก่อนลงสู่ทะเล ได้ผ่านการคิดค้นและทดสอบประสิทธิภาพมาแล้ว โดยจะนำมา ทดลองใช้ในไทยในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาก่อนลงสู่ทะเล เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณขยะในแม่น้ำมากที่สุด

สำหรับเครื่อง Interceptor สามารถดักเก็บขยะได้แบบอัตโนมัติ เนื่องจากใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถจัดเก็บขยะได้ 3 - 4 ตันต่อวันขึ้นอยู่กับปริมาณขยะในพื้นที่ หรือเฉลี่ยลดปริมาณขยะในแม่น้ำที่จะไหลลงสู่ทะเลได้ถึงร้อยละ 60

โดยขยะที่เก็บรวบรวมได้จะถูกนำมาคัดแยก และกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามแนวทางของเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy

สำหรับนวัตกรรมดังกล่าว เกิดขึ้นจากการเล็งเห็นขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อมก่อนไหลลงสู่ทะเล ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ทรัพยากรทางทะเล และระบบนิเวศชายฝั่ง


ที่มา: https://news.thaipbs.or.th/content/301049

ปตท. เปิดพื้นที่ใน พีทีที สเตชั่น 400 ขายไข่ไก่ธงฟ้าราคาพิเศษ ถาดละ 70 บาท จำนวนทั้งสิ้น 4.5 ล้านฟอง หรือ 150,000 ถาด ช่วยระบายไข่ไก่ล้นตลาดและแก้ปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค

นายบุญมา พนธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดพื้นที่ปันสุข ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น 400 แห่งทั่วประเทศ จำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าในราคาพิเศษ ตามโครงการไข่ไก่ธงฟ้าลดราคาเพื่อประชาชน นำไข่ไก่ไซส์เอ็ม น้ำหนักระหว่าง 55 - 65 กรัมต่อฟอง มาจำหน่ายในราคาพิเศษ ถาดละ 70 บาท บรรจุถาดละ 30 ฟอง จำนวนทั้งสิ้น 4.5 ล้านฟอง หรือ 150,000 ถาด ตั้งแต่วันนี้ - 28 ก.พ. 64

สำหรับโครงการพื้นที่ปันสุข เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรวมพลังสร้างรอยยิ้มเกษตรกรไทย ช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศที่ประสบปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ หรือประสบปัญหาในการหาช่องทางจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร โดยปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ประสบปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ

ดังนั้นบริษัท จึงได้ร่วมกับกรมการค้าภายใน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและฟาร์มผู้เลี้ยงไก่ไข่ อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค ให้ได้ซื้อไข่ไก่ไซส์เอ็มได้ในราคาพิเศษอีกทางหนึ่งด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top