Sunday, 18 May 2025
PoliticsQUIZ

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สัปปายะสภาสถาน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยอภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

โดยนางอมรัตน์ ระบุว่าวันนี้ตนจะอภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ ในประเด็นการทุจริตในหน้าที่ 3 ข้อ คือ 1) ทำผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร หนีภาษี 2) ทำผิดกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับผลประโยชน์อื่นใดเกินที่กฎหมายกำหนด และ 3) มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลส่วนตัวเพื่อหนีการตรวจสอบ มี และเข้าข่ายให้ข้อมูลเท็จต่อศาลรัฐธรรมนูญ

***ขี้ตู่! แจงทรัพย์สิน ป.ป.ช.บ้านหลังน้อยกลางซอยเปลี่ยว แต่ตัวจริงอยู่เซฟเฮาส์ลับ 3 ไร่กลางค่าย ร.1 สร้างจากภาษีประชาชนตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจ***

นางอมรัตน์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะไม่มีความผิดโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่นั่นคือการวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวเท่านั้น คือประเด็นต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จากการพักอาศัยอยู่บ้านหลวงในกองทัพบก แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายอื่น นั่นคือความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. ความผิดตามกฎหมายอาญาเกี่ยวกับภาษี ซึ่งพฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์มีความผิดตามกฎหมายทั้งสองข้างต้นอย่างชัดเจน

โดยตนได้ไปทำการสืบค้น จนพบข้อพิรุธในการปกปิดข้อมูลของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์แจ้งในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อปี 2557 ว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 14 ซอยร่วมมิตร ถ.ย่านพหลโยธิน สามเสนใน กทม. ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. อยู่บ้านพักในค่ายแล้ว

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ยื่นคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งสอดคล้องกับที่กองทัพบกให้การ แต่ทว่ากรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบไปยังการไฟฟ้านครหลวง ได้รับตอบกลับมาว่าไม่พบว่ามีบ้านเลขที่นี้อยู่ในกรมทหารราบที่ 1

ทั้งนี้ วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารได้เคยเขียนเล่าในหนังสือ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ แท้ที่จริงแล้วอาศัยอยู่ในเซฟเฮ้าส์เลขที่ 702 ในค่ายทหารตั้งแต่ยังเป็น ผบ.ทบ.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับเป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้ว ในหนังสือชื่อ “ลับลวงพราง 5 ศึกชิงอำนาจผ่าแผนปฎิบัติการเลือด” ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายน 2555 ในบทที่ 68

และในหนังสือดังกล่าว ยังเขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับบ้านเซฟเฮาส์เลขที่ 702 เอาไว้อีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างบ้านพักหลังนี้บนเนื้อที่เกือบ 3 ไร่ ที่จะเป็นทั้งบ้านพัก ห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมลับ ห้องรับรอง ห้องจัดเลี้ยงวอร์รูมและ safe house ที่พร้อมสรรพและทันสมัย ในแบบประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมจากที่ไหนในโลกก็ได้

และยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมา 3 ป. ได้ใช้บ้านพักหลวงแห่งนี้เป็นที่ประชุมทางการเมืองมาตลอด เป็นที่ประชุมลับในช่วงวิกฤต บ้านพักหลังนี้มีการวัดระยะก่อนสร้างว่าเอ็ม 79 ยิงไม่ถึง เป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์มีแผนที่จะอยู่ในอำนาจยาวนานและรู้ด้วยว่าจะต้องพบเจอภารกิจใดบ้างนับจากนี้ นอกจากนี้ วาสนายังได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ร.1 รอ. และ เซฟเฮาส์เลขที่ 702 จะเป็นสถานที่ให้กำเนิดและตัดสินชะตาบ้านเมืองอีกครั้งก็เป็นได้

“อิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นของคฤหาสน์บ้านหลวงริมน้ำ ที่ปลูกเต็มพื้นที่ 3 ไร่ เป็นเงินภาษีของประชาชน แต่ทำไมมันลึกลับยากต่อการตรวจสอบขนาดนี้คะ ขนาดกรรมาธิการ ป.ป.ช.แห่งรัฐสภาทั้งขอตรวจสอบไปที่การไฟฟ้านครหลวง ทั้งขอคำชี้แจงจากกองทัพก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าสร้างด้วยเงินของท่านเองดิฉันก็คงไม่มายืนอภิปรายในวันนี้ค่ะ ทั้งหมดนั้นสร้างจากเงินภาษีอากรของประชาชนตาดำๆ ทั้งสิ้น จัดให้อยู่ฟรีมีสุขขนาดนั้นแล้วยังจะหนีการตรวจสอบ ยังจะกล้าหนีภาษีอีกเหรอคะ” นางอมรัตน์กล่าว

นางอมรัตน์กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ ค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภคอื่นๆ ในคฤหาสน์ริมบึงพื้นที่ 3 ไร่ในค่ายทหารของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มีค่าใช้จ่ายเกิน 3 พันบาทตามกฎหมาย ป.ป.ช.อย่างเห็นได้ชัด

ตามเอกสารรายการหักบัญชีค่าไฟฟ้าของบ้านเลขที่ 14 ซอยร่วมมิตร ถ.ย่านพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400 ซึ่งเป็นบ้านหลังที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินนักการเมืองต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2557 บ้านหลังนี้อยู่ในซอยแคบและอยู่ก้นซอย เข้าไปก็กลับรถลำบาก บ้านหลังเล็กๆนี้ไม่มีคนอยู่ยังมีค่าไฟฟ้าเดือนละพันกว่าบาททุกเดือน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่มาเป็นสิบปียังค่าไฟเดือนละกว่าพันบาททุกเดือน เทียบกับคฤหาสน์ริมน้ำพื้นที่ 3 ไร่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิน 3 พันบาทแน่นอน

“คำถามต่อไปคือเฉพาะค่าไฟที่มีใบเสร็จอย่างเดียวนี่เดือนละกี่พันกี่หมื่น และค่าบำรุงรักษาดูแลอีกเดือนละเท่าไหร่ ได้ข่าวมาว่า มีชั้นจอดรถใต้ดิน และลานจอดเฮลิคอปเตอร์อีกด้วย ทั้งหมดคือภาษีอากรของพวกเราประชาชนตาดำๆ ดิฉันต้องการให้ท่านเปิดเผยออกมาซักทีว่าเดือนๆ หนึ่งท่านใช้ภาษีของพวกเราไปเท่าไหร่” นางอมรัตน์กล่าว

นางอมรัตน์ยังกล่าวต่อไปว่า เรื่องบ้านเลขที่ที่มีปัญหา เด็กชั้นประถมต้นยังตอบบ้านเลขที่ของตัวเองได้แล้วเวลาที่ครูถาม แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่ได้ดูถูก แต่ต้องถามว่าท่านจำบ้านเลขที่ตัวเองได้หรือไม่ เพราะข้อมูลที่ได้มาแต่ละแหล่งไม่ตรงกันเลย และนั่นคือข้อกล่าวหาของตน เรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ทำการปกปิดอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของประชาชน ซึ่งผิดหลักการของนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยสากล

***จี้ต่อ ค่าไฟเซฟเฮาส์เดือนละกี่หมื่น? ซัด รับประโยชน์อื่นใดเกิน 3 พัน ผิดกฎ ป.ป.ช.ชัดเจน***

หลังจากนั้น นางอมรัตน์ได้อภิปรายต่อไปถึงข้อกล่าวหาที่ 2 หรือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. จากการรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 3 พันบาท ซึ่งในกรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์เคยให้การไว้ต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า การรับประโยชน์ใดๆจากหน่วยราชการคือกองทัพ เป็นไปตามที่กองทัพปฎิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ที่มีสถานภาพและคุณสมบัติเดียวกันในธุรกิจการงานปกติ กองทัพจึงอนุมัติให้ผู้ถูกร้องเข้าอาศัยในอาคารเลขที่ 253/54 และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในการอาศัย

“นี่คือใบเสร็จที่ทั้งตัว พล.อ.ประยุทธ์และกองทัพบกยื่นให้การไว้ต่อศาล และถูกบันทึกไว้แล้วในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนมัดตัว พล.อ.ประยุทธ์ ไว้แน่นชนิดดิ้นไม่หลุดว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.จริง จากการยอมรับว่าได้รับผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3 พันบาทจากกองทัพ และทำผิดกฎหมายรัษฎากรจริง จากการยอมรับว่ามีรายได้อื่นแต่ไม่เคยยื่นเสียภาษี ภงด.90”

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์เกษียณตั้งแต่ปี 2557 กองทัพบกไม่ใช่ต้นสังกัดของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้กับนักการเมืองเหมือนเราทุกคนที่นี่ ท่านอาจจะบอกว่าเป็นสวัสดิการจากกองทัพ รับตามระเบียบกองทัพ เหมือนนายพลที่เกษียณอายุแล้วท่านอื่น ต้องตอบไว้ตรงนี้ว่าเพราะเพื่อนนายพลของท่านเหล่านั้นถ้าไม่ได้มาเป็นนักการเมืองก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ป.ป.ช.ที่บังคับใช้กับนักการเมืองแบบท่าน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561 ในมาตรา 128 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐทุกตำแหน่ง และที่พ้นตำแหน่งมาแล้วไม่เกิน 2 ปี รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้เกิน 3,000 บาท" โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษตาม มาตรา 169 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นางอมรัตน์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อความชัดเจนมากขึ้น จึงอยากให้ย้อนไปดูบรรทัดฐานที่เกิดขึ้นแล้วจากการชี้มูลของ ป.ป.ช. กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลความผิด และแจ้งข้อกล่าวหาต่ออดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในคดีดำหมายเลข 03- 3-57 9/2562 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 กรณีดังกล่าวป็นความผิดที่ ป.ป.ช.ชี้มูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับเลขาฯ มีความว่า อดีตรัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. รับตั๋วเครื่องบินมูลค่าเกิน 3 พันบาท 2 ครั้ง ป.ป.ช.ชี้มูลว่าถือเป็นโทษ 2 กรรม 2 กระทง สำหรับกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำผิดรับค่าไฟฟ้าจากกองทัพเกิน 3 พันบาท 76 เดือน เรียงเป็นโทษ 76 กระทง และถ้า ป.ป.ช.ยังแชเชือนชักช้าไม่กล้าดำเนินการใดๆ ก็จะเพิ่ม เดือนที่ 77, 78, 79 เพิ่มความผิดต่อไปเรื่อย ๆ อีก

“บุคคลต้องเสมอภาคเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ยกเว้นท่านจะไม่ใช่บุคคล ลองคิดอย่างโง่ๆ สมมุติถ้ามนุษย์มีแค่ 84,000 เซลล์สมองจริงอย่างที่ท่านเคยว่าไว้ ก็มีเหลือทางเดียวที่จะรอดได้ นั่นคือต้องใช้อำนาจ ม.44 กลับไปแก้กฎหมาย ป.ป.ช. แต่จะแก้อย่างไร เพราะในตอนนี้ท่านไม่มีอำนาจ ม.44 อีกแล้ว นับจากวันพ้นสภาพลูกจ้างกองทัพมาเป็นลูกจ้างประชาชน ท่านต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของเดียวกับนักการเมืองทุกคน ท่านรับประโยชน์อื่นใดจากกองทัพเกิน 3 พันบาท รวม 76 กรรม 76 กระทง กระทง ละ 3 ปีมีโทษจำคุกรวม 228 ปี ลาออกตอนนี้เลยไหมคะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องให้อภิปรายข้อกล่าวหาต่อไปดีไหมคะ ดิฉันอายแทนท่าน” นางอมรัตน์ กล่าว

***ซัดต่อ เป็นถึงนายกฯไม่ยอมยื่นภาษี กินน้ำไฟหลวงฟรีจากกองทัพ อายชาวบ้านบ้างไหม***

สำหรับข้อกล่าวหาสุดท้าย นางอมรัตน์ ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 50 และทำผิดประมวลรัษฎากร โดยกรณีของรัฐธรรมนูญมาตรา 50 (9) ระบุไว้ว่าบุคคลต้องมีหน้าที่เสียภาษี ส่วนประมวลรัษฎากรมาตรา 39 กล่าวถึงเงินได้พึงประเมินว่า เป็นเงินได้ที่ต้องนำมาเสียภาษี และให้หมายความรวมถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งอาจคำนวณได้เป็นเงิน และประมวลรัษฎากรมาตรา 40 (2) กำหนดให้เงินได้เนื่องจากหน้าที่ หรือตำแหน่งงานที่ทำถือเป็นเงินได้พึงประเมิน

โดยประมวลรัษฎากรมาตรา 42 ระบุข้อยกเว้นว่าผลประโยชน์อะไรบ้างที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี มี 25 ข้อย่อย ยกตัวอย่างเช่นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ค่าเดินทางที่นายจ้างจ่ายให้ ดอกเบี้ยสลากออมสิน ดอกเบี้ยจากเงินฝากออมทรัพย์ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ มรดก ประโยชน์ทดแทนที่ผู้ปรกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคม เป็นต้น

“ขอย้ำ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความผิดเพราะไปรับประโยชน์ค่าไฟฟ้าจากกองทัพ แต่สิ่งที่กล่าวหาประเด็นนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์รับแล้วไม่ไปยื่นเสียภาษี ถามว่าท่านเป็นถึงผู้นำประเทศ ทำไมไม่ทำตามกฎหมาย ทำไมทุจริตจงใจหลีกเลี่ยงรับแล้วไม่ยอมเอาไปยื่นเสียภาษี ภงด.90 ต่างหาก และยังทำผิดแบบนี้มา 6 ปีแล้วนับตั้งแต่เกษียณจากกองทัพ เป็นเพราะความไม่แยแสไม่สนใจกฎหมาย คิดว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครจับได้ หรือมั่นใจว่าถึงจับได้ก็คงทำอะไรท่านไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

ทั้งนี้ นางอมรัตน์ ระบุว่า นับตั้งแต่ปีถัดจากเกษียณอายุ คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนมารับเงินเดือนจากสำนักงานปลัดนายก หรือ สปน. ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา ก็ไม่มีใครได้เห็นแบบ ภงด.90 ของท่านอีกเลย

ซึ่งหลังจากวันที่ 1 ตุลาคม 2557 กองทัพกลายเป็นคนอื่นสำหรับท่านไปแล้ว การยื่นภาษีในปีต่อจากนั้นจึงต้องเอาผลประโยชน์ที่ได้รับจากกองทัพทั้งค่าน้ำค่าไฟค่าอื่นๆ มารวมเป็นรายได้ประจำใน (1) ในแบบ ภงด.90 ด้วย ขอย้ำอีกครั้งว่า ผลประโยชน์อื่นใดซึ่งศาลตัดสินให้ พล.อ.ประยุทธ์มีสิทธิ์รับจากกองทัพได้ไม่ผิด กองทัพไม่ผิด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ผิดที่หลบเลี่ยง ไม่นำมารวมเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากรมาตรา 39 และมาตรา 40 และผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 50 (2) ที่บอกไว้ว่าบุคคลมีหน้าที่เสียภาษีนั่นเอง

"ในระหว่างที่ยังเป็นทหารถือเป็นลูกจ้างของกองทัพ จะอ้างกฎหมายหรือจะอ้างกฎเกณฑ์หยุมหยิมระเบียบราชการกองทัพอะไรก็ว่ากันไป แต่เมื่อเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นนายก มาเป็นข้านักการเมือง ค่าไฟฟ้าที่ได้รับจากกองทัพถือเป็นเงินได้พึงประเมิน เข้าลักษณะพึงเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 39, 49"

ศชอ. ยื่นหนังสือแจ้งจับ "อั่งอั๊ง โอปิลันธน์" หลานสาว "ธนาธร" โพสต์ทวิตเตอร์หมิ่นเบื้องสูง ด้านปอท. ขอตรวจสอบก่อน หากเข้าข่ายส่งฟ้องศาลแน่ กระทบจิตใจคนไทยผู้จงรักภักดี

จากกรณีที่ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด (Bully) ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อ น.ส.อัครสร โอปิลันธน์ หรือ อั่งอั๊ง บุตรสาว นางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และยังมีศักดิ์เป็นหลานสาว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังทวิตเตอร์ @AngAngOpilan โพสต์ข้อความเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 กับตำรวจ ที่หน้าศาลฎีกา เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ในลักษณะอันมิบังควร ภายหลังเจ้าตัวได้ลบข้อความไปแล้ว แต่ก็มีชาวเน็ตบันทึกภาพหน้าจอข้อความดังกล่าวเอาไว้ได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ตัวแทน ศชอ. นำเอกสารกรณีดังกล่าวมามอบให้กับ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ หากเข้าข่าย ปอท. จะเร่งรีบทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจพสกนิกรผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง

ส่วนนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ผลกรรมมันเป็นเหมือนบูเมอแรง ที่ตี๋หนึ่งขว้างไปแล้วหลานตัวเองติดกับดักนั้นด้วย บูมเมอแรงแห่งกรรมที่หลอกให้คนหลงผิดกำลังเหวี่ยงเข้าสู่ลูกหลาน แม่และน้องของตัวเองแล้ว น่าสงสัยคนรุ่นหนุ่มสาวที่น่าจะมีอนาคตสดใส"


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000015547

กรุงเทพมหานคร กำลังจะมีปอดใหญ่ใจกลางกรุงแห่งใหม่ จาก ‘อดีตสนามม้านางเลิ้ง’ ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘สวนสาธารณะ’ ที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียว 216 ไร่ พร้อมเปิดปี 2565

เพจเฟซบุ๊ก ‘โบราณนานมา’ ได้เปิดเผยภาพ ‘อดีตสนามม้านางเลิ้ง’ ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘สวนสาธารณะ’ ขนาดใหญ่ พร้อมระบุว่า

จาก “สนามม้านางเลิ้ง” สู่ “สวนสาธารณะ ๒๑๖ ไร่”

“ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” หรือที่รู้จักกันว่า “สนามม้านางเลิ้ง” ก่อตั้งโดย “พระยาประดิพัทธภูบาล” และ “พระยาอรรถการประสิทธิ์” ทำหนังสือขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก่อตั้ง “สโมสรสนามม้าแข่งเพื่อบำรุงพันธุ์ม้า” โดยถวายที่ดินของ “กรมอัศวราช” เป็นสถานที่แข่งขัน ซึ่งต่อมามีพระบรมราชานุญาตพร้อมพระราชทานนามว่า “ราชตฤณมัยสมาคมแห่งกรุงสยาม

อีกทั้ง ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ ๑๘ ธันวาคม ๒๔๕๙ รวมไปถึงพระองค์ยังทรงส่งม้าในคอกของพระองค์เข้าร่วมแข่งอีกด้วย สมาคมฯ ทำหน้าที่ในการดำเนินกิจการแข่งม้า จัดทำทะเบียนประวัติม้า เจ้าของและผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ สลับกันกับ “ราชกรีฑาสโมสร”

ปัจจุบันสัญญาเช่าได้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่ามานานแล้ว สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จำเป็นต้องใช้ที่ดินและอาคารดังกล่าว จึงไม่สามารถให้เช่าได้อีกต่อไป ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ได้ประสานและแจ้งบอกเลิกสัญญาเช่า “สนามม้านางเลิ้ง” และขอให้ส่งมอบสถานที่เช่าคืน และในเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ได้ทำการรื้อถอน “สนามม้านางเลิ้ง”

โดยหลังจากนี้ “อดีตสนามม้านางเลิ้ง” จะถูกเปลี่ยนเป็น “สวนสาธารณะ” ที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร ในโครงการนี้มี

๑. สวนสาธารณะประมาณ ๒๑๖ ไร่

๒. พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙

๓. จอดรถใต้ดิน ๓ ชั้น รองรับรถยนต์ ๗๐๐ คัน

๔. ร้านค้าของ “ชุมชนนางเลิ้ง”

๕. อาคารจอดรถโรงพยาบาลรามาธิบดี

สวนสาธารณะแห่งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้บริการ ภายในปี ๒๕๖๕


ที่มา : เพจ โบราณนานมา

https://web.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2790303887890420/?_rdc=1&_rdr

‘อนุทิน’ ชี้นายกฯ ได้ฉีดวัคซีนคนแรกหรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการพิจารณา ยันกำหนดการบริษัทซิโนแวคฯ ส่งวัคซีนป้องโควิด-19 ล็อตแรกถึงไทย 24 ก.พ.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดส่งวัคซีนป้องกันโวรัสโควิด-19 จากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด ล็อตแรกที่จะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 ก.พ.นี้ยังเป็นตามกำหนดเดิมหรือไม่ว่า เขากำหนดเวลานี้ โดยเราได้รับแจ้งจากผู้ผลิตวัคซีนว่าจะจัดส่งมาวันไหนและเครื่องบินไฟท์ไหน เมื่อมาถึงจะรีบนำเข้าสู่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อตรวจมาตรฐานการผลิต เราได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ส่วนบุคคลที่จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มใด คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามว่า ประชาชนยังมีความไม่มั่นใจต่อการฉีดวัคซีนเพราะเป็นเรื่องใหม่ นายกรัฐมนตรีจะเป็นคนแรกที่ได้รับวัคซีนหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจ นายอนุทิน กล่าวว่า "ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการฯ เพราะในการฉีดวัคซีนจะมีคำแนะนำบางส่วนอยู่ หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรทำ ซึ่งไม่ควรเอาชีวิตคนมาเสี่ยง"

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยระบุว่าจะอาสาเป็นผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรก นายอนุทิน กล่าวว่า "หากแพทย์ยินดีที่จะฉีดให้ตนก็ยินดี แต่ไม่สำคัญว่าต้องเป็นเข็มแรกหรือเข็มสอง"

เมื่อถามว่า จะยังไม่มีการฉีดวัคซีนให้กับคนที่มีอายุ 60 ขึ้นไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "วัคซีนจากบริษัทซิโนแวคฯ มีการระบุว่า ยังไม่เคยทดลองกับมนุษย์ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากเพียงพอ เรื่องนี้จึงไม่ควรใช้สปิริตหรือความแกร่งมาวัด แต่ต้องทำให้ดีที่สุด"

จากเฟซบุ๊ก 'Arak Wongworachat' หรือ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เผยเคสของผู้ป่วยหญิงอายุ 60 ปี ที่มาโรงพยาบาลด้วยเหตุเปลือกกุ้งแทงติดหลอดอาหาร ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างมากของผู้ที่ชอบทานกุ้งทั้งเปลือก

#แกงส้มกุ้งเป็นเหตุเปลือกกุ้งแทงติดหลอดอาหาร

เคสน่าสนใจผู้ป่วยหญิงอายุ 60 ปี

ในขณะรับประทานอาหารกับครอบครัว เมนูเด็ดแกงส้มกุ้ง ดอกแค ข้าวสวยร้อนๆ ที่สำคัญคือกุ้งขนาดกลางๆ ไม่ได้แกะเปลือกออก มีหัวกุ้งติดอยู่ด้วย ระหว่างรับประทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน

ถอดหัวกุ้งออกแต่ลำตัวยังติดเปลือกติดหาง ตัวแรก ตัวที่สองผ่านไปสบาย เคี้ยวได้อย่างเอร็ดอร่อย ตัวถัดไปคงเคี้ยวไม่ดี พอกลืนลงไปเหมือนมีอะไรติดคอ ตรงตำแหน่งลูกกระเดือก พยายามปั้นข้าวเป็นก้อนกลืนลงไป ยิ่งกลืนยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ดื่มน้ำตามก็ปวด กลืนน้ำลายก็ปวด อยู่เฉยๆก็ปวด ความอร่อยหายไปทันที จึงไปนั่งพักเผื่อว่าจะดีขึ้น แต่อาการกลับรุนแรงมากขึ้น จนไม่กล้ากลืนน้ำลาย ต้องบ้วนน้ำลายทิ้งแทน ญาติจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลสิชล

ผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลซักประวัติ วัดสัญญานชีพ ประเมินความเจ็บปวด ให้ระดับ 10 เต็ม 10 ถือเป็นความเจ็บปวดระดับสูงสุด จึงให้พบแพทย์เวร ส่องในลำคอไม่พบสิ่งแปลกปลอมใดๆ จึงสั่งเอกซเรย์ทั่วไปด่วนที่ลำคอและฉีดยาแก้ปวดให้ไปก่อน ให้ผู้ป่วยงดอาหารและน้ำ แพทย์เวรตามไปดูผู้ป่วยที่ห้องเอกซเรย์ เผื่อว่าไม่เห็นอะไรจะได้ส่งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องไปเลย

แต่เมื่อดูจากเอกซเรย์เบื้องต้นพบว่ามีเงาทึบแสงสีขาวๆ ตามภาพรังสีในวงกลมขนาดประมาณ2.5ซม. ขวางอยู่ที่หลอดอาหารส่วนบน จึงรีบนำตัวผู้ป่วยกลับห้องฉุกเฉิน ให้น้ำเกลือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน หู คอ จมูก ให้ส่งเข้าห้องผ่าตัดทันที

เนื่องจากผู้ป่วยรับประทานอาหารมาเพียง 2 ชั่วโมง วิสัญญีแพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจวิธีพิเศษเพื่อไม่ให้สำลักในระหว่างดมยาสลบเพื่อส่องกล้องไปในหลอดอาหาร เมื่อส่องกล้องเข้าไปพบว่ามี 'เปลือกกุ้งสีเหลือง' แทงติดอยู่ที่หลอดอาหารในแนวขวางตรงตำแหน่งหูรูดระหว่างลำคอกับหลอดอาหาร จึงค่อยๆสอดใส่เครื่องมือคืบออกมาได้สำเร็จ มีการตรวจดูโดยละเอียดว่าไม่มีชิ้นส่วนอื่นตกค้าง ฉีดน้ำล้าง ให้ยาต้านเชื้อ5วัน หลังติดตามการรักษา หายเป็นปกติ

ถือเป็นการรักษาภาวะสิ่งแปลกปลอมในหลอดอาหารที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องระมัดระวังในทุกขั้นตอน ความพร้อมของทีมแพทย์ พยาบาล สถานที่ เครื่องมือแพทย์ ก็สำคัญมากๆ

เป็นบทเรียนให้กับทุกท่านที่ชอบกินกุ้งตัวโตทั้งเปลือกต้องระวังให้มาก ควรหลีกเลี่ยง

ขอบคุณภาพ จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก โรงพยาบาลสิชล


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4089425834409585&id=100000266267821

ดอนทรายโผล่กลางน้ำโขงหลายจุด หลังจีนลดปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหง หลังไม่มีการเดินเรือสินค้าจากสกานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีการแจ้งเตือนถึงการปล่อยน้ำให้กับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง คาดจะกลับมาปล่อยน้ำหลังเทศกาลตรุษจีน

วันที่ 17 ก.พ.64 สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ที่หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย พบว่า ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ลึก 2.50 ,11 ก.พ. ลึก 2.50 ,12 ก.พ. ลึก 2.19 ,13 ก.พ. ลึก 1.98 ,14 ก.พ. ลึก 1.92 ,15 ก.พ. ลึก 1.88 ,16 ก.พ. ลึก 1.89 ,17 ก.พ. ลึก 1.84 และยังมีแนวโน้มว่าจะยังคงมีระดับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดดอนทรายผุดขึ้นมากลางแม่น้ำโขงหลายจุด ทำให้เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งการขึ้นลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขง ทางปลายน้ำไม่ได้รับแจ้งมาเหมือนก่อนหน้านี้

จากเดิมที่ศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้าง เขื่อนจิ่งหง เขตปกครองตนเองชนชาติไต สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ไปทางทิศเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร จะรายงานการระบายน้ำออกจากเขื่อนให้กับเรือที่เป็นสมาชิกกับองค์กรเดินเรือในมณฑลยูนนาน เพื่อให้คนเดินเรือได้เตรียมพร้อม แต่ในช่วง 7 - 8 เดือนที่ผ่านมา ทางศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้าง ไม่มีการแจ้งข้อมูลให้แก่สมาชิกที่อยู่นอกประเทศ ส่งผลให้การเดินเรือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าระดับน้ำจะขึ้นหรือลงอย่างไร

ก่อนหน้านั้นศูนย์ดังกล่าวจะมีการแจ้งข้อมูลพื้นฐานให้ทราบ โดยในช่วงเวลาปกติจะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนในอัตรา 1,200 - 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในฤดูน้ำหลากจะปล่อยน้ำในอัตรา 2,000 - 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนการปล่อยน้ำในฤดูแล้งอาจจะต่ำกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ตามปกติเขื่อนจิ่งหงจะลดการปล่อยน้ำในช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งในช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาเทศกาลตรุษจีน ทำให้ระดับน้ำแห้งลง แต่ปีนี้ถือว่าระดับน้ำแห้งกว่าทุกปี ล่าสุดได้นำเรือท่องเที่ยวที่กินน้ำลึกเพียง 80 ซ.ม.พบว่าใต้เรือยังตีทรายที่ใต้ท้องน้ำ ดังนั้นกรณีเป็นเรือสินค้าแทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะ

จุดสำคัญ ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายที่ตื้นเขิน เช่น มองป่าแหลว ชายแดนประเทศเมียนมา - สปป.ลาว ส่วนสาเหตุที่ไม่มีการแจ้งข้อมูลจากศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้างนั้น คงเกิดจากการที่ยังปิดท่าเรือกวนเหล่ยตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของประเทศจีนติดต่อกันมานานหลายเดือน ทำให้ไม่มีเรือขนส่งสินค้าจีนในแม่น้ำโขงตั้งแต่ชายแดนที่ติดกับเมียนมาและ สปป.ลาว จนถึงท่าเรือของ สปป.ลาว เหลือเพียงท่าเรือไทยและเมียนมา ซึ่งกรณีของเมียนมาก็หันมาใช้การขนส่งสินค้าทางบกแทน คาดว่าหากจีนกลับมาเปิดท่าเรือและมีเรือสินค้าก็จะกลับมาแจ้งข้อมูลระดับน้ำเหมือนเดิม


ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย

อดีตนายกรัฐมนตรี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ โพสต์โชว์ภาพฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ดูไบ พร้อมเผยรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จัดหาวัคซีนฉีดให้ทุกคน หวังคนไทยมีโอกาสได้ฉีดเร็ว ๆ นี้

วันที่ 17 กพ.นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงการรับวัคซีนไวรัสโควิด-19 ว่า “วันนี้ที่ดูไบ ดิฉันได้มีโอกาสฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ค่ะ รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้จัดสรรวัคซีนจาก 2 บริษัทให้ประชาชนทั้งหมดและผู้อยู่อาศัยที่นี่ทุกคน"

"โดยรัฐบาลมีนโยบายให้จัดสรรวัคซีน ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีนซึ่งมีประสิทธิผล 86% ให้แก่ประชาชนทั่วไป และวัคซีน ไฟเซอร์ - ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNTech) ของสหรัฐ - เยอรมนี ซึ่งมีประสิทธิผล 95% พร้อมกันนี้ทางรัฐบาลยังคงเปิดโอกาสให้มีการใช้วัคซีนสปุตนิค (Sputnik) จากรัสเซียในกรณีฉุกเฉินและกำลังเริ่มทดลองใช้วัคซีนแอสตร้าซิเนก้า (AstraZeneca Plc) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งผลิตจากอินเดียอีกด้วย"

"รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นประเทศที่จัดสรรวัคซีนให้ประชากรและผู้อยู่อาศัยในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศอื่นทั่วโลกเนื่องจากรัฐถือหลักนโยบายที่ให้ความสำคัญอย่างสมดุลต่อการควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างเท่าเทียมกัน"

"นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังคงต้องให้หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากาก เหมือนเดิม และมีการเพิ่มการเว้นระยะห่างก็ให้เว้นมากขึ้นจากเดิม 2 เมตรเป็น 3 เมตร ทำให้เมืองดูไบยังสามารถเดินหน้าประกอบธุรกิจการค้า รองรับนักท่องเที่ยวได้ จึงทำให้ดิฉันอดคิดถึงพี่น้องประชาชนคนไทยไม่ได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้มีโอกาสฉีดวัคซีนในเร็วๆนี้เพื่อสามารถเปิดประเทศให้เกิดธุรกิจการค้าได้โดยเร็วนะคะ"


ที่มา:

https://www.cnbc.com/2021/01/18/uae-on-track-to-vaccinate-half-its-population-by-end-of-march-.html

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-02-07/dubai-aims-to-give-vaccination-to-all-eligible-adults-this-year

ห้อยแล้วแคล้วคลาด! ‘ณัฐชา’ ชม ‘สิระ’ เลือกถูกแล้ว แขวนเหรียญ ‘ประวิตร’ ระบุรุ่นนี้ขลัง เหมาะกับคนติดคดี แต่ยังเหน็บ จะอวยทั้งที ยังสะกดชื่อผิด แนะ ‘ปารีณา’ รีบหามาคล้องด่วน ประท้วงถี่แบบนี้ยิ่งสะท้อนคดีร้อน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ที่นาย สิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คล้องสร้อยคอ ประทับหน้าพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยกล่าวอ้างว่า เหรียญรุ่นนี้เป็นสิริมงคลนั้น

นายณัฐชา ระบุว่า ท่านเลือกเหรียญดีแล้วเพราะเหรียญรุ่นนี้ คนที่มีคดีความหนักๆห้อยอะไรก็ไม่แคล้วคลาด ควรพึ่งเหรียญประวิตร วงษ์สุววรณ เพราะเหรียญรุ่นนี้เคลียร์ทางได้หมด และอีกไม่นานเหรียญนี้น่าจะมีมูลค่าเพิ่มจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะคนในรูปแต่เป็นเพราะราคาทองคำขึ้นทุกวัน ๆ และคนมีคดีฝั่งท่านก็มีเยอะขึ้นทุกวัน คงต้องพึ่งเหรียญรุ่นนี้

ทั้งนี้นายณัฐชา กล่าวว่า เมื่อวานก็เห็นคุณสิระ ขยันทำผลงานประท้วงในสภาหลายต่อหลายครั้ง นายสิระคงปลุกของมาเต็มที่ ผลงานรอบนี้ท่าจะเข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่ บวกกับเหรียญที่ห้อยมาวันนี้ น่าจะทำให้ท่านรอด ผมอยากแนะนำให้คุณปารีณา ไปหาเหรียญมาห้อยด้วย เพราะดูจากสีหน้าค่าตาและความคืบหน้าคดีแล้วคงต้องยิ่งพึ่งพาเหรียญรุ่นนี้ให้เร็วที่สุด

แต่ขอเตือนอย่างหนึ่งว่าอย่าแสดงความรักจอมปลอมให้เขาจับได้เหมือนคุณสิระ เพราะขนาดชื่อบนเหรียญยังพิมพ์ผิด ท่านชื่อ ‘ประวิตร’ ไม่ใช่ ‘ประวิทย์’ จำให้ดี จดไว้ให้ขึ้นใจ เพราะความรักจอมปลอมย่อมถ่ายทอดจากสิ่งของที่คุณทำให้ อยากจะอวยอยากจะประจบแต่ชื่อยังผิดแบบนี้ คุณปารีณาอย่าซ้ำรอย

‘พุทธิพงษ์’ เตือน ใช้แอปฯ "Clubhouse" ด้วยความระมัดระวัง อย่าละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น ไม่ทำผิดกฎหมาย ชี้ เจ้าหน้าที่พร้อมติดตามตรวจสอบและดำเนินคดีทันที เหมือนทุกแพลตฟอร์ม

หลังจากที่พบว่ามีผู้ใช้โซเชียลมีเดียได้เริ่มเข้าไปใช้งาน แอปพลิเคชัน "Clubhouse" กันอย่างแพร่หลาย โดยในแอปพลิเคชันดังกล่าว มีลักษณะการใช้งานที่ผู้ใช้จะตั้งกลุ่มพูดคุยแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ เป็นรูปแบบการใช้เสียง ไม่มีภาพ ซึ่งจากการสังเกตการณ์และติดตาม จากสื่อมวลชนรายงาน พบว่า มีกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และกลุ่มต่าง ๆ ได้ใช้แอปพลิเคชันนี้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลที่เข้าข่ายบิดเบือน สร้างความเสียหาย และอาจนำไปสู่การกระทำความผิดกฎหมายได้นั้น

โดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า กระทรวงดิจิทัลฯ และเจ้าหน้าที่รัฐได้ติดตาม การใช้งานของ แอปพลิเคชัน Clubhouse ตั้งแต่แรกที่มีผู้เริ่มใช้งาน ซึ่งแม้ว่าการใช้งานเป็นลักษณะกลุ่มปิดที่ต้องมีเพื่อนเชิญเข้าร่วมกลุ่มก็ตาม แต่การใช้โซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ หากใช้ให้เกิดประโยชน์ก็จะส่งผลดีต่อการใช้งาน เกิดผลดีต่อสังคม

แต่ทั้งนี้ ก็ฝากเตือนไปยังผู้ใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว ว่า หากไม่ระมัดระวังใช้ในทางที่ผิด เกิดการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอื่น สร้างความเสียหาย ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2563

และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที เช่นเดียวกับที่ได้ติดตามตรวจสอบการใช้งานโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top