Sunday, 19 May 2024
PoliticsQUIZ

‘ทิพานัน’ ยันนายกฯ ส่งสัญญาณเปิดประเทศห่วงปากท้องประชาชน ตอกเพื่อไทยค้านทุกเรื่องฉุดรั้งการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ยกตัวเลขนักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บอกซ์ซัดกลับ ต่างชาติเชื่อมั่นไทย ยันรัฐบาลให้ความสำคัญการศึกษาเปิดโรงเรียนก่อนเปิดสถานบันเทิง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย วิจารณ์แผนเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ว่า คนไทยอยู่ในภาวะจำยอมทั้งที่ไม่มีความพร้อม เลื่อนลอยไร้แผนจัดการและต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่นว่า การออกแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไปพร้อมๆ กับความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ต้องช่วงชิงสร้างโอกาสการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย โดยมีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมรองรับ เพื่อให้เปิดประเทศอย่างปลอดภัย ในขณะที่ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านทั้งระบบสาธารณสุขที่เริ่มกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งขณะนี้ตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกครอบคลุม 53% ทั่วประเทศแล้ว อีกทั้งมีเงื่อนไขและขั้นตอนของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่รัดกุม 

โดยกลุ่มที่จะเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว จะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเท่านั้น และต้องเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำตามที่ไทยกำหนดอย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี เป็นต้น โดยจะต้องมีหลักฐานผ่านกระบวนการคัดกรองโควิดด้วยวิธี RT-PCR จากประเทศต้นทาง และตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย หลังจากนั้นจึงจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งคาดว่าเปิดประเทศในเดือนพ.ย.จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1 แสนคนต่อเดือน ภายในสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 2-3 แสนคน สร้างเม็ดเงินเข้าระบบ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

‘ศรัณย์วุฒิ-พรพิมล’ ถูกขับพ้นพรรคเพื่อไทย โดยที่ประชุม ส.ส.โหวตท่วมท้น ฐานเป็นงูเห่าฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น เป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงมติคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ว่าได้พิจารณารายงานการสอบสวนวินัยและจริยธรรมของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม แล้วมีมติดังนี้

1.) นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่มีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคและผู้บริหารของพรรคด้วยการแถลงต่อสื่อมวลชนหลายครั้งติดต่อกัน อันมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค

เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 19 (3) และ (8) และเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (3) และ (5) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนายศรัณย์วุฒิ ด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพ ตามข้อบังคับพรรคข้อ 118 (4) ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

2.) นางสาวพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี มีพฤติการณ์ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ไม่ยึดมั่นในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค อีกทั้งเป็นการกระทำผิดซ้ำสองในพฤติการณ์เดียวกัน ซึ่งพรรคเคยมีมติลงโทษไปแล้ว ตามคำสั่งพรรคเพื่อไทยที่ 0045/2563 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

"โฆษกรัฐบาล" ย้อน "ชลน่าน" เอาเวลาจ้องจับผิดรัฐบาล ไปช่วยชาวบ้านดีกว่า ยัน เปิดประเทศ 1 พย. ช่วยปชช. สร้างสมดุล พลิกโฉมประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ระบุไทยเปิดประเทศบนความเสี่ยง ไร้มาตรการรองรับ แค่ขายผ้าเอาหน้ารอด หลังแผน 120 วัน ล้มเหลว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข เลือกปกป้องชีวิตประชาชนเป็นอันดับแรก และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม ทำให้วันนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน 

นายธนกร กล่าวว่า การเปิดประเทศก็เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาคการท่องเที่ยว การทำมาหากินของประชาชน การเดินทาง รวมถึงภาคธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่การเลือกภาคเศรษฐกิจมากกว่าที่จะปกป้องชีวิตประชาชน 

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดหาวัคซีนให้ได้มากขึ้น ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ไทยจะมีวัคซีนมากกว่า 170 ล้านโดส ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่การฉีดวัคซีนวันนี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ทำให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก 

นายธนกร กล่าวว่า การเปิดประเทศในเดือน พ.ย.นี้ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการร่วมมือกันของคนไทย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือกันของคนไทยทุกคน เห็นได้จากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ได้ผลมาก่อนหน้านี้แล้ว การเปิดประเทศครั้งนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง สร้างรายได้ สร้างความสมดุลเพื่อพลิกโฉมประเทศ 

ราเมศ เผย วันนี้"จุรินทร์ ออนทัวร์ จังหวัดชายแดนภาคใต้"

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกำหนดการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม 2564 ถึง วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2564 นายจุรินทร์ มีกำหนดการเดินทาง ไปจังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลามุ่งเน้นการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเชิงรุก 

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2564 จะมีการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนภาคตะวันออกเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.พาณิชย์) และหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ณ ห้องประชุมด่านศุลกากร อำเภอสุไหงโก-ลก​ จังหวัดนราธิวาส

โดยจะมีการตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ณ ด่านพรมแดนสุไหง-โกลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ด้วยเช่นกัน เนื่องจากการค้าชายแดนมีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และในวันเสาร์​ที่​ 16 ตุลาคม​ 2564​ พบปะสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี ณ สมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี ถนนนาเกลือ​ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
และตรวจเยี่ยมชมการผลิตและแปรรูปทุเรียน ณ บริษัทม่านกู่หวางฟู้ด จำกัด อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา

กมธ.ดีอีเอส หวั่น “ITU” ยึดวงโคจรหากส่งดาวเทียมไม่ทันกำหนด ห่วง กสทช. มีความผิดหากรักษาสมบัติชาติตาม รธน.ไม่ได้ ด้าน “สรอรรถ” ชี้ ธุรกิจดาวเทียมใช้เงินเยอะทำไม่มีใครลงทุนเพิ่ม แนะ หารือ “ไทยคม” กำหนดทิศทางรักษาประโยชน์ชาติ

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส. สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการ (กมธ.) สื่อสารโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ดีอีเอส ได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องการออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมสื่อสารให้กับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้าชี้แจง โดยกมธ.ฯ ได้สอบถามถึงการจัดชุดข่ายงานดาวเทียม ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นสมบูรณ์แล้วจำนวน 4 ชุด ซึ่งเป็นวงโคจรที่เราได้สิทธิ์มาจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ซึ่งจากการประมูลชุดเครือข่ายดาวเทียมที่ผ่านมาทั้ง 4 ชุด

ซึ่งมีการยกเลิกไปเนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงรายเดียว คือ บริษัท ไทยคมฯ แต่ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)  กสทช. ปี 62 กำหนดไว้ว่า กสทช. มีหน้าที่ในการรักษาสิทธิ์วงโคจร ซึ่งการได้สิทธิ์มาจาก ITU มีข้อกำหนดเรื่องเวลาการนำดาวเทียมขึ้นไปสู่วงโคจรภายในเวลา 7 ปี นับตั้งแต่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งในวงโคจร 50.5 องศาตะวันออก และวงโคจร 142 ตะวันออก มีเวลาเหลือไม่ถึง 2 ปี ในการยิงดาวเทียมขึ้นไป กสทช. มีแผนรองรับอย่างไรไม่ให้เสียสิทธิ์ในวงโคจรนี้ไป     

น.ส.กัลยา กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ตัวแทนจาก กสทช. ชี้แจงว่า กสทช. ได้พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ ในการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในการรักษาไว้ซึ่งสิทธิ์ที่ประเทศไทยมี โดยกสทช.จำเป็นต้องเร่งจัดหาผู้ประกอบการเพื่อส่งดาวเทียมขึ้นไป เพื่อรักษาสิทธิ์ตรงนี้ไว้ การที่กสทช.ยกเลิกการประมูลไป เราตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ก็อาจจะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติ การอนุญาต เงื่อนไขการอนุญาต เพื่อจูงใจให้มีผู้เข้าร่วมขอใบอนุญาตมากขึ้น และจะพยายามรักษาสิทธิ์ตรงนี้ไว้อย่างเต็มที่

น.ส.กัลยา กล่าวต่อว่า เรากังวลว่าชุดเครือข่ายดาวเทียมในชุดที่ 1 ที่มีตำแหน่งอยู่ที่ 50.5 องศาตะวันออก กับชุดที่ 4 ที่มีตำแหน่ง 142 องศาตะวันออก ที่อยู่ขั้นสมบูรณ์แล้ว โดยจะเห็นว่าทั้งสองชุดนี้กำหนดให้รีบเอาดาวเทียมขึ้นให้ได้ภายใน 1 ปีกว่า เข้าใจว่าเวลาเหลือไม่มาก โอกาสคนชนะการประมูลแล้วเอาดาวเทียมขึ้นจะทันหรือไม่ อีกทั้งถ้าส่งดาวเทียมขึ้นไม่ทัน หรือไม่มีใครมาเอาสิทธิ์การใช้งานวงโคจรไปใช้ น่าจะมีปัญหาเกี่ยวเนื่องกับ พ.ร.บ. กสทช. ปี 62 เช่น มาตรา 18 และมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้รัฐต้องรักษาคลื่นความถี่ และสิทธิ์ในการเข้าถึงวงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ ซึ่งก็จะมีคำถามตามมาเกี่ยวกับการรักษาวงโคจรนั้นจะยังคุ้มค่าอยู่หรือไม่ และวงโคจรดาวเทียมถือเป็นสมบัติของชาติหรือไม่ 

“รองโฆษกฯ ปชป.”ซัด “แม้ว” หมดท่า ต้องเล่นละครรั้งสาวก  ยกมือไหว้ไล่ “บิ๊กตู่” แนะควรยกมือไหว้ขอโทษ ประเทศ-ปชช. แล้วกลับมารับโทษตามกฎหมาย 

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในรายการ CareTalk x Care Clubhouse ครั้งที่ 17 ในหัวข้อ “7 ปีพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ ฮัลโลคนไทยไว้ใจประยุทธ์ได้หรือ?” โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าขอเวลาอีก 5 ปีในการทำงานเพื่อวางโครงการต่างๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้น พร้อมกับยกมือไหว้ประกอบด้วย ว่า

ตนเห็นว่า คนที่นายทักษิณควรยกมือไหว้ก็คือ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะมวลชนคนเสื้อแดงที่พวกเขาเคยสนับสนุนนายทักษิณอย่างสุดหัวใจ แต่กลับพูดจาหลอกลวงและถีบหัวส่งในหลายๆโอกาส เช่น หลอกว่าเมื่อเสียงปืนแตกจะกลับมานำมวลชนคนเสื้อแดงออกมาต่อสู้ พอหมดประโยชน์ก็พูดจาทอดทิ้ง รวมทั้งเป็นบุคคลที่ถูกล้อเลียนว่า เป็นนักการเมืองที่สร้างสถิติประกาศวางมือทางการเมืองมากที่สุด แต่ก็ไม่เคยทำได้ เพราะถ้าวางมือจริงๆ คงจะไม่มีชื่อ โทนี่ วู้ดซัม เป็นนามแฝงในแอพลิเคชั่น คลับเฮาส์ ออกมาพูดจารำพึงรำพันพร่ำพรรณาเพื่อรั้งสาวกและดึงคะแนนของคนรุ่นใหม่ ให้กับพรรคที่เป็นเครือข่ายในบงการของคนไม่กี่คนเท่านั้น 

“หากนายทักษิณ ต้องการยกมือไหว้จริงๆ แล้ว ผมขอแนะนำว่า ควรยกมือไหว้ขอโทษประเทศไทยและคนไทยทุกคนสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา และขอให้กลับมารับโทษตามกฎหมาย เพื่อผดุงไว้ซึ่งหลักการนิติรัฐนิติธรรม และเป็นการเคารพหลักการประชาธิปไตย อย่างที่นายทักษิณ พร่ำบอกอยู่เสมอๆ ด้วย”นายชัชขนะ กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่า ขอเวลาอีก 5 ปี ในการทำงานเพื่อสร้างประเทศนั้น ก็ถือเป็นสิทธิ์ของท่านที่จะประกาศ แต่คนที่ให้เวลาที่แท้จริงนั้นก็คือประชาชน ซึ่งนายทักษิณเอง คงกลัวว่า หากประชาชนให้โอกาสตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศจริงๆแล้ว พรรคพวกเครือข่ายของนายทักษิณอาจจะหมดความนิยมจนกระทั่งไม่สามารถกลับมาใช้อำนาจรัฐได้อีก ดังนั้นจึงพูดจาดักคอ และเล่นใหญ่โดยการยกมือไหว้ พร้อมกับพูดจาทวงบุญคุณเรื่องการมีส่วนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เติบโตในหน้าที่ราชการ ซึ่งตนมองว่า การกระทำของนายทักษิณในครั้งนี้ ก็เหมือนกับที่ผ่านๆมาคือ แสดงละครเพื่อให้คนไทยหันกลับมามองนายทักษิณ ทั้งๆที่ คนไทยส่วนใหญ่ได้ก้าวข้ามไปสู่โลกหลังยุคโควิดกันแล้ว 

‘แรมโบ้’ ซัด กลับ ‘โทนี่’ ตอนเป็นนายกฯ ทำอะไรเพื่อประเทศบ้างนอกจากผลงานโกงกินบ้านเมืองถูกดำเนินคดี หนีไปต่างประเทศ ตั้งข้อสังเกตที่ออกมาโจมตีนายกฯ ประยุทธ์เพราะกลัวเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านอดกลับประเทศ

14 ตุลาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อ ‘7 ปีพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ ฮัลโหลคนไทยไว้ใจประยุทธ์ได้หรือ’ โดยระบุว่าการเข้ามาบริหารประเทศของนายกฯ ประยุทธ์ แม้จะอยู่มา 7 ปี แต่ได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองหลายอย่าง พัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาหลายอย่างแม้กระทั่งปัญหาของน้องสาวนายโทนี่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ก่อเอาไว้ เพราะนายกฯ ประยุทธ์ เห็นความสำคัญของคนไทยทุกคน และเห็นใจชาวนาที่ได้รับกรรมจากโครงการรับจำนำข้าว

นายเสกสกล ยังระบุว่า นายโทนี่ก็เคยเป็นนายกฯ มา 2 สมัยเช่นกัน แต่ตนเองยังไม่เคยเห็นผลงานว่าได้พัฒนาประเทศที่โดดเด่นหรือแก้ไขปัญหาใดให้กับพี่น้องประชาชน จนกลายเป็นที่ฮือฮาเลยแม้แต่โครงการเดียว แต่ที่โดดเด่น และโด่งดังกว่าผลงานที่ประเทศชาติ และประชาชนได้ประโยชน์กลับเป็นผลงานการโกงชาติ โกงแผ่นดิน ทุจริต เอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง มากมายมหาศาล แม้แต่โครงการกองทุนหมู่บ้าน ที่ดูเหมือนจะเป็นโครงการที่ทำให้ชาวบ้านได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ท้ายที่สุดก็พังไม่เป็นท่า เพราะกลายเป็นกู้กันเอง ช่วยกันเอง จนทำให้กองทุนเหล่านั้นสูญเปล่า 

ประชาชนยังไม่ได้ชัยชนะ ! "คณะก้าวหน้า" ร่วมรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา - "พรรณิการ์" ชี้วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลยังคงอยู่ - งง ผู้จัดงานไม่อนุญาตติดป้ายผ้าข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัย

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินกลาง พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมวางพวงมาลารำลึก "เหตุการณ์ 14 ตุลา" ประจำปี 2564 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ ผ่านมาแล้ว 48 ปี แต่การต่อสู้ของประชาชนยังไม่จบ วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลยังคงอยู่ ผู้มีอำนาจสั่งฆ่าประชาชนโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยังเกิดขึ้น เพราะตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมยังเป็นแบบนี้ มันก็จะยังเกิดซ้ำอีกในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสังคมยังไม่ยอมรับว่ามันมีหน้าประวัติศาสตร์เปื้อนเลือดอยู่ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อาจจะถูกจดจำว่าเป็นชัยชนะของประชาชน แต่เราก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริง เพราะถ้าเป็นชัยชนะที่แท้จริงจะไม่เกิดการปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519, พฤษภาคม 2535, เมษายน-พฤษภาคม 2553 รวมถึงการยิงประชาชนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ก่อนการจัดงานในเช้าวันนี้มีเหตุการณ์ปลดป้ายของประชาชนที่มีข้อความเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งก็น่าสงสัยว่า งานนี้เป็นการรำลึกถึงประชาชนที่เสียสละเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเผด็จการ จากการต่อสู้เพื่อให้ข้อเรียกร้องของพวกเขาได้รับการรับฟังจากผู้มีอำนาจแล้วเขาต้องเสียชีวิตไป เรารำลึกถึงสิ่งนั้น แต่วันนี้ กลับเกิดเหตุการณ์ที่ข้อเรียกร้องของคนในยุคสมัยปัจจุบัน นั่นก็คือข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้รับอนุญาตให้ติด สุดท้ายต้องขยับไปตั้งด้านนอกงาน ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าตั้งคำถามว่า วันนี้เป็นวันที่รำลึกถึงการต่อสู้ของประชาชน เป็นวันที่รำลึกถึงประชาชนที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อข้อเรียกร้องทางการเมืองมิใช่หรือ แต่ทำไมข้อเรียกร้องของคนในยุคสมัยปัจจุบันกลับไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏในงาน นี่ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเหตุการณ์14 ตุลา ยังไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน เพราะถ้าประชาชนชนะแล้ว ในวันนี้ข้อเรียกร้องของยุคสมัยต้องได้ปรากฏในงานรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา

เนติบริการไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ! "ปิยบุตร" โต้ "วิษณุ" ปมทูลเกล้าฯ ร่างแก้ รธน.60 -  ชี้ พระมหากษัตริย์ต้องลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เท่านั้น ไม่มีเรื่องกำหนด 90 วัน - อำนาจวีโต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และ 91 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้นำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. โดยจะครบกำหนด 90 วันในวันที่ 2 ม.ค. 2565 นั้น นายปิยุบตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ตั้งคำถามต่อกรณีดังกล่าวในเฟซบุ๊กเพจล่าสุดว่า "ทำไมการให้สัมภาษณ์ของ วิษณุ เครืองาม นี้ต้องอ้างเรื่องครบกำหนด 90 วันในวันที่ 2 ม.ค. 2565?"

นายปิยบุตร ระบุว่า หากวิษณุพูดเรื่อง '90 วัน' เพื่อหมายถึงพระราชอำนาจของกษัตริย์ในการวีโต้ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเหมือนกับการวีโต้ร่างพระราชบัญญัตินั้น ความเห็นนี้ผิด ผิดทั้งในทางตัวบทรัฐธรรมนูญ ผิดทั้งในทางหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หลักการกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ไม่มีกรณี ส.ส. ส.ว. เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วและรอไว้ 15 วันแล้ว นายกรัฐมนตรีจะทูลเกล้าฯ ให้กษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้และกษัตริย์ต้องลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้ทันที ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เลยว่าให้กษัตริย์มีอำนาจในการยับยั้งการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หรือ veto  บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่พูดถึงพระราชอำนาจในการยับยั้งการประกาศใช้กฎหมายมีเพียงมาตราเดียว คือ มาตรา 146   คือ กรณีพระราชอำนาจในการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม และรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เขียนให้นำมาตรานี้มาใช้โดยอนุโลมกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น หากเป็นกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พระมหากษัตริย์ย่อมไม่มีพระราชอำนาจในการ “ไม่ทรงเห็นขอบด้วยและพระราชทานคืนมายังรัฐสภา” และไม่มีพระราชอำนาจในการ “มิได้พระราชทานคืนมาเมื่อพ้นเก้าสิบวัน”

"กล่าวให้ชัดเจนก็คือ กษัตริย์ไม่มีพระราชอำนาจในการวีโต้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กษัตริย์ต้องทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เท่านั้น  หากจะอ้างว่าเป็นประเพณีการปกครองฯ หรือหากจะอ้างว่า เป็นการตีความกฎหมาย เทียบเคียงกฎหมาย ก็ไม่ใช่อีก หลักการของ Constitutional Monarchy กษัตริย์มีพระราชอำนาจได้เท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้กษัตริย์วีโต้ได้เฉพาะร่างพระราชบัญญัติ พระราชอำนาจในการวีโต้ก็มีได้เฉพาะร่างพระราชบัญญัติเท่านั้น ไม่รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หากจะให้รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมด้วยก็ต้องเขียนไว้ให้ขัดเจน จะอ้างประเพณีการปกครองฯ ย่อมไม่ได้ เพราะตัวบทรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว ยิ่งหากลองเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ก็จะเห็นได้ชัดว่า หากรัฐธรรมนูญต้องการให้กษัตริย์มีอำนาจในการยับยั้งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก็ต้องเขียนให้ชัดว่าให้นำมาตราที่ว่าด้วยการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติมาใช้โดยอนุโลมกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมด้วย ดังที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 313 (7) และรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 (7)" ปิยบุตร ระบุ

“บิ๊กตู่”พร้อมลงพื้นที่อุบลราชธานี 15 ต.ค. นี้ ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานี และการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า“บิ๊กตู่”พร้อมลงพื้นที่อุบลราชธานี 15 ต.ค. นี้ ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานี และการใช้พลังงานหมุนเว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการโครงการพลังงานทดแทน และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโคก หนอง นา ณ วัดป่าศรีแสงธรรม ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมนมัสการพระปัญญาวชิรโมลี และเยี่ยมชมระบบสมาร์ทกริดศรีแสงธรรม ERC Sandbox และการจัดการศึกษาแบบไตรสิกขา (เน้นการพึ่งพาตนเอง) ของโรงเรียนศรีแสงธรรม

จากนั้น ตรวจเยี่ยมการดำเนินการโครงการพลังงานทดแทน ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโคก หนอง นา และพบปะเครือข่ายโคก หนอง นา ของวัดป่าศรีแสงธรรม และจิตอาสาพัฒนาชุมชน พร้อมร่วมกิจกรรมปลูกป่าเพอร์มาคัลเจอร์ ทำหลุม ปลูกป่า ห่มดิน ให้ปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ  อีกทั้ง ยังได้เยี่ยมชมฐานการเรียนรู้ “คนติดดิน” การสร้างบ้านดินด้วยเทคนิคเอิร์ธแบก” และฐานการเรียนรู้ “คนมีไฟ ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ควบคุมระบบการเปิด-ปิด ด้วยระบบ IOT เพื่อรดน้ำต้นไม้เป็นสมาร์ทฟาร์มในโคก หนอง นา” นอกจากนี้ ยังมีโครงการพระราชทาน โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง  โดยจะทำการปลูกต้นไม้รอบศาลาพระราชทาน และเยี่ยมชมแปลงนา กล้าต้นเดียว ฐานคนรักษ์แม่โพสพอีกด้วย 

ต่อจากนั้น เวลา 12.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางออกจากวัดป่าศรีแสงธรรม โดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังเขื่อนสิรินธร อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานี และการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า โดยใช้นวัตกรรม “โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดกับพลังน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” พร้อมรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบรรเทาสาธารณภัยและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี ณ ศาลาประชาวาริน พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย จำนวน 78 ครัวเรือน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top