วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงมติคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ว่าได้พิจารณารายงานการสอบสวนวินัยและจริยธรรมของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม แล้วมีมติดังนี้

1.) นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่มีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคและผู้บริหารของพรรคด้วยการแถลงต่อสื่อมวลชนหลายครั้งติดต่อกัน อันมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค

เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 19 (3) และ (8) และเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (3) และ (5) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนายศรัณย์วุฒิ ด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพ ตามข้อบังคับพรรคข้อ 118 (4) ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

2.) นางสาวพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี มีพฤติการณ์ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ไม่ยึดมั่นในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค อีกทั้งเป็นการกระทำผิดซ้ำสองในพฤติการณ์เดียวกัน ซึ่งพรรคเคยมีมติลงโทษไปแล้ว ตามคำสั่งพรรคเพื่อไทยที่ 0045/2563 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ซึ่งการฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นของนางสาวพรพิมล ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 19 (3) และ (7) และถือเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (2) (3) และ (12) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนางสาวพรพิมล ด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพ ตามข้อบังคับพรรคข้อ 118 (4) ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

จากนั้นจึงนำเข้าสู่ที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีจำนวนกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. 143 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 135 คน ผลการลงคะแนนปรากฏว่า 1.) นายศรัณย์วุฒิ มีผู้ลงคะแนนเห็นด้วยกับมติกรรมการบริหารพรรค 131 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

2.) นางสาวพรพิมล มีผู้ลงคะแนนเห็นด้วยกับมติกรรมการบริหารพรรค 134 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 0 เสียง 

ดังนั้น จึงถือว่ามติที่ให้นายศรัณย์วุฒิ และนางสาวพรพิมล พ้นจากสมาชิกภาพของการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยมีเสียงเห็นด้วยไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 หรือ 108 เสียง ดังนั้น นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และนางสาวพรพิมล ธรรมสาร จึงพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพ พรรคเพื่อไทยนับแต่วันนี้เป็นต้นไป

ที่มา : https://www.prachachat.net/politics/news-780857