Thursday, 24 April 2025
Politics

‘ภูมิธรรม’ ชี้ตั้ง ‘ครม.’ เสร็จภายในเดือนนี้ เผย!! ส่งชื่อเกินเกือบทุกพรรค คาด!! พร้อมลุยงานเดือนหน้า ยังกั๊กตอบ ‘ปชป.’ ได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่

(25 ส.ค. 67)  ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีและในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 1 ที่มีกระแสข่าวว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ วันที่ 26 ส.ค.นี้ ว่า ยังไม่ได้ระบุถึงขั้นนั้น อยู่ที่ความพร้อมทั้งหมด แต่กำลังเร่งเพราะต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งได้ทำงานเต็มที่ ขออย่ากังวลเพราะเราทำหน้าที่ เสมือนรัฐบาลจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ จึงจะพ้นจากหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับ แต่ก็อยากให้ทุกอย่างเสร็จภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนจะมีการโปรดเกล้าฯเมื่อใดอยู่ที่กระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบ

เมื่อถามถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภานายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้มีการเตรียมคู่ขนานไว้แล้ว ทันทีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งก็จะสามารถเรียกประชุมได้ คาดว่าภายในต้นเดือนก.ย. หรือไม่เกินกลางเดือนก.ย. รัฐบาลชุดใหม่จะสามารถทำหน้าที่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่จำนวนคนเกินกว่าตำแหน่งรัฐมนตรี ได้มีการเคลียร์เรื่องนี้หรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เกินเกือบทุกพรรคเพราะไม่รู้ตามดุลยพินิจใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ คำว่าจริยธรรมไว้กว้างมาก จึงต้องระมัดระวัง

เมื่อถามถึงพรรคพลังประชารัฐมีข้อสรุปที่ชัดแล้วหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวส่งชื่อมา 2 บัญชี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องขออนุญาตเพราะตามมารยาทไม่ควรพูดถึงพรรคอื่น แต่เชื่อว่าแต่ละพรรครู้ดีอยู่แล้ว ต้องรีบดำเนินการให้ทันกับสถานการณ์ของประเทศ เพราะภัยพิบัติต่างๆรออยู่ ไม่อยากให้ช้าถึงขั้นกระทบต่อภัยพิบัติที่ประชาชนได้รับ ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ

เมื่อถามถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ จะนับรวมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลมันพูดชัดเจนไม่ได้ จนกว่าสุดท้ายจะตกลงและมีชื่อยื่น และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมา เพราะในกระบวนการต่างๆเราไม่รู้ว่าใครจะมีปัญหาหรือไม่ หรือแต่ละพรรคจะได้ตามโควตาที่เป็นอยู่หรือไม่ หรือเกิดปัญหาภายในพรรคที่จัดการไม่ได้หรือไม่ เราไม่รู้ข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า การเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลจะต้องมีการเทียบเชิญหรือไม่ หรือสามารถส่งชื่อเข้ามาได้เลย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่ควรดำเนินการแบบนี้ เพราะจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจหรือไม่มั่นคงในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นไปตามขั้นตอนหรือ step by step ถ้าเกิดปัญหาตรงไหนค่อยคลี่คลายไปตามสภาพ เพราะวันนี้เราได้ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลและทุกคนได้เสนอตัวมาแล้ว ขึ้นอยู่กับว่ารายละเอียดจะลงตัวอย่างไร

เมื่อถามอีกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมจะต้องแจ้งให้พรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลทราบใช่หรือไม่นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ขอคิดในขั้นตอนปัจจุบัน และขอคิดเรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนก่อน

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่าส่วนตัว ยังไม่ได้ยื่นใบกรอกประวัติ และยังไม่ได้รับแจ้ง ว่าจะดำรงตำแหน่งกระทรวงใด

เงื่อนปมที่ถูกคลาย!! 'ผลงานประเทศไทย' ที่เริ่มเป็นรูปธรรมจากคนทำงาน ความจริงเหนือเปลือก ‘ประชาธิปไตย-เสรีภาพ’ ที่เป็นได้แค่ ‘ทุพพลภาพ’

(25 ส.ค. 67) จากผู้ใช้ TikTok ชื่อบัญชี ‘เทพกบ’ หรือ ‘Kitty.3951’ ได้โพสต์คลิปเนื้อหาผลงานที่ ‘ลุงตู่’ ได้เตรียมแผนการต่างๆ ไว้เพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศไทยในระยะยาว เพื่อให้หลายคนที่ไม่เข้าใจ มองไม่เห็น คิดตามไม่ทัน และยังสนใจ-ชื่นชอบ 'ใครสักคน' จากผลโพลแบบไม่ลืมหูลืมตาได้เปิดตาและเปิดใจเสียใหม่ ระบุว่า ...

>> เคยรู้ไหมครับว่า ‘ระยอง’ จะเป็น ‘Smart City’ ?
>> รู้ไหมครับว่า Smart City มันมีอะไรบ้าง ?
>> รู้ไหมครับว่าสิ่งที่ประเทศไทยกําลังจะเกิดขึ้นคือ EEC ? 
>> รู้ไหมครับว่าพลังงานสะอาด มันเป็นเทรนด์ของโลก ?
>> แล้วรู้ไหมครับว่านโยบายต่างๆ ที่เขามอบหมายให้ ปตท. ช่วงระหว่างปี 2561 – 2562 ให้ไปจับมือกับฟ็อกซ์คอน จนก่อให้เกิดการตั้งบริษัท Horizon / บริษัทอรุณพลัส และต่างๆ นานา เพื่อมาวิจัยในเรื่องของแบตฯ EV Car รวมถึงเรื่องไฮโดรเจน เพราะว่ารถ EV Car มีข้อเสียคือ ชาร์จไฟนาน วิธีการแก้ชาร์จไฟนาน ก็คือ การเติมไฮโดรเจน ?

นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลลุงตู่ พยายามแก้ไขปัญหาพลังงานในระยะยาว หลังจากที่จะเริ่มมูฟออกจากน้ำมัน โดยการที่เขาจะมูฟออกจากน้ำมัน นั่นคือ เพราะพยายามที่จะผลักดันให้คนหันไปใช้ EV Car จึงต้องวางรากฐาน EV Car ไว้ 

สังเกตจากประเทศจีนที่ใช้ EV Car กว่า 90% เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่มีปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน และนึ่ก็เป็นอีกสิ่งที่เขาจะพยายามทำ คือ ช่วยลดราคาน้ำมัน ผ่านการ ลดความต้องการ หรือก็คือ ให้คนเลิกใช้น้ำมัน เดี๋ยวน้ำมันก็ถูกลงเอง 

รัฐบาลลุงตู่ จึงวางรากฐาน EV Car โดยการปูนโยบายให้ ปตท. ซึ่งในปัจจุบันนั้นถือได้ว่าปตท. เป็นของรัฐเรียบร้อยแล้วในทางพฤตินัย และต่อให้ นิตินัย ผู้ถือหุ้น ก็ยังเป็นกระทรวงการคลังถึง 50%

และหากสังเกตให้ดี นโยบายของประธานกรรมการ ปตท. ก็ประกาศออกมาแล้วว่า จะเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงส่งผลให้เกิดการวิจัยต่างๆ นวัตกรรมต่างๆ เยอะแยะมากมาย และมันจะเกิดสายงานใหม่ๆ และงานใหม่ๆ 

ทีนี้ ก็อยู่ที่ เด็กรุ่นใหม่ จะมองเห็นรึเปล่า หรือมองเห็นแค่ว่า ‘ประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ’ สุดท้ายกลายเป็น ‘ทุพพลภาพ’

>> เคยรู้เรื่องการเงินไหม ?
>> เคยรู้เรื่องงาน World Economic Forum ไหม ?
>> รู้จัก Metaverse / 3D Printing / Blockchain ดีพอหรือยัง ?
>> แล้วรู้จักบริษัท ‘BlackRock’ หรือไม่ รู้ไหมว่า BlackRock เป็นบริษัทของตระกูลใด BlackRock เป็นผู้ที่วางรากฐานพร้อมเพย์ และรู้ไหมว่า เขาเลือกประเทศไทยเป็นฐานในศูนย์กลางทางการเงินในอาเซียน 

เพราะคุณไม่รู้ คุณไม่เข้าใจ แล้วคุณก็ไปบ้าอยู่กับ ‘ผลโพล’

‘ลอรี่ พงศ์พล’ แนะผู้ไม่หวังดี เลิกตั้งศาลเตี้ย กรณีแต่งตั้ง ‘เอกนัฏ’ ชี้!! ควรปล่อยให้ ‘กฤษฎีกา’ ได้พิจารณา ไปตามกระบวนการ

(25 ส.ค. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ 'ลอรี่' รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแนะผู้ไม่หวังดี ให้เลิกตั้งศาลเตี้ย...กรณีแต่งตั้ง ‘เอกนัฏ’ ระบุว่า...

ฝากถึงนักการเมืองเก่าเหล่านั้น ช่วยเอาเวลาโจมตี ‘เอกนัฏ’ ไปทำประโยชน์ ปล่อยกฤษฎีกาได้พิจารณาคุณสมบัติ รมต.ตามกระบวนการ

ตามที่นักการเมืองอดีตสังกัดพรรคสีฟ้า ออกมาดาหน้าโจมตี เลขาธิการพรรค รทสช. 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' ถึงจริยธรรมและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนตัวที่สัมผัสตัวตน คุณเอกนัฏสนใจแต่การทำงานให้ชาติไม่ว่าในตำแหน่งแห่งหนใด จะในฐานะเป็นรมต.หรือไม่? จึงควรให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาคุณสมบัติตามกระบวนการ

ไม่มีอะไรซับซ้อน เราไม่เน้นโต้วาทีสาดโคลนไปมา

จริงอยู่ มันจะมีนักการเมืองที่เห็นแต่ผลประโยชน์ ซึ่งพวกนั้นจะย้ายหลายพรรคเมื่อมีจังหวะ คอยปัดสวะใส่คนอื่น พูดอะไรก็คืนคำ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นนักร้องทุกเรื่องเอาดีเข้าตน จนเป็นนิสัย 

คุ้นๆ ไหมครับ มันคือ นิสัยนักการเมืองเก่าเน่าๆ นั่นเอง

แต่ผมว่าไม่ใช่กับ 'เอกนัฏ' ที่ลาออกจาก สส.อายุน้อยที่สุดในสภา มาเป็นนักสู้ข้างถนน ในฐานะเลขากปปส. ไม่ได้หลบหนีพี่น้องร่วมอุดมการณ์ ยามเสียงปืนแตก อุดมการณ์กับหัวใจไม่เคยเปลี่ยนแปลง

‘เอกนัฏ’ คนเดียวกันกับที่ขึ้นศาล สู้คดีไปทุกครั้งทุกนัด มีหมายอัยการเรียกไม่เคยหนี ฝั่งไหนก็ไป ให้การเรื่องม.112 อย่างสุจริตชนตรงไปตรงมา

‘เอกนัฏ’ คนเดียวกันกับที่ผมรู้จัก ยังเป็นเลขาธิการพรรคที่เสียสละให้กับ สส.ในพรรคท่านอื่นได้ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีก่อน ด้วยความนอบน้อม ไม่ได้ยึดติด ถวิลหาตำแหน่งตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

คงเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย ถ้าประเทศนี้ไม่ได้ใช้งานรัฐมนตรีรุ่นใหม่ มากความรู้ความสามารถดีกรี ม.อ๊อกซ์ฟอร์ด ที่ชื่อ'เอกนัฏ'เข้ามาขับเคลื่อนประเทศ

วันหนึ่งประชาชนจะตัดสินใจเองได้ ว่าโต้วาทกรรมไปมาไม่ใช่ทางออก แต่คือการตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ 

แบบฉบับ DNA จากลุงตู่ สร้างความเจริญตลอด 9 ปีวันนี้มีแต่คนคิดถึง มา 'คุณพีระพันธุ์' แก้กฎหมายพลังงานรุดหน้า แม้มีเสียงเหยียดหยันก็ไม่หวั่น มาจนถึงคุณเอกนัฏ จะต่างอะไรกัน? คนเหล่านี้คือ ‘นักสู้’ 

ด่าได้ด่าไป รทสช.จะตอบกลับในรูปแบบผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ต่อชาติและประชาชน ให้สาสม...ขอบคุณในแรงผลักดันเหล่านี้ครับ

'ทนายบอน' ชี้!! บุคคลที่ได้รับหมายเรียกในคดีอาญา มีหน้าที่ต้องไปให้การตามหมาย หากไม่ไปจะมีความผิด

(26 ส.ค. 67) นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ 'ทนายบอน' อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า..

[บุคคลที่ได้รับหมายเรียกในคดีอาญามีหน้าที่ต้องไปให้การตามหมาย]

ช่วงนี้มีประเด็นเรื่อง [การเข้าไปเป็นพยานในคดีอาญา] เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน บุคคลจะเข้าไปเป็นพยานในคดีอาญาได้กรณีไหน ถ้าได้รับหมายเรียกแล้วต้องทำอย่างไร มีข้อกฎหมายที่สรุปได้ดังนี้ครับ

1. ในชั้นสอบสวนของตำรวจ พนักงานสอบสวน มีหน้าที่รวบรวมหลักฐานทุกชนิด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ดังนั้น การเรียกบุคคลเข้าเป็นพยาน จึงเกิดได้ทั้งจากพนักงานสอบสวนเห็นสมควรเรียก หรือผู้ต้องหาจะร้องขอให้พนักงานสอบสวนเรียกก็ได้

2. ในชั้นอัยการ เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว พนักงานอัยการมีอำนาจสั่งฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้อง หรือสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหลักฐานใด หรือพยานปากใดก็ได้

3. ไม่ว่ากรณีที่ 1 หรือ 2 พนักงานสอบสวนจะออก [หมายเรียกพยาน] โดยในหมายเรียกพยาน จะไม่มีการแจ้งว่าพนักงานสอบสวนเห็นสมควรเรียกเอง, พนักงานอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม หรือผู้ต้องหาอ้างเป็นพยาน มีระบุแค่ ให้ไปพบพนักงานสอบสวนด้วยเรื่องใด ในวันใด เท่านั้น

4. ในกรณีตามข้อ 3 ผู้รับหมายเรียกมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องไปพบพนักงานสอบสวนตามวันเวลาที่นัดหมาย ไม่ว่าหมายเรียกพยานนั้นจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม...ไม่ไปมีความผิดตามกฎหมาย

ได้รับหมายเรียกต้องไป...ให้การต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง...เรื่องมันมีแค่นั้นครับ

#ทนายบอน

‘ทักษิณ’ กับปรากฏการณ์ 4 จบ บาดลึก ‘เนวิน-หญิงหน่อย-ลุงป้อม-ชวน’

ในปี 2551 มีวลีฮิตทางการเมือง “มันจบแล้วครับนาย” รับทราบกันว่าเป็นคำพูดคำจาจาก...ครูใหญ่เนวิน ถึงนายใหญ่ทักษิณ ก่อนแยกกันทางเดิน เป็น 16 ปีแห่งความหลัง

ถึงพ.ศ.นี้ 2567 ไม่น่าเชื่อ.. ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ข้ามผ่านกาลเวลาจากคนหนีคุกโทษ 10 ปี เหลือ 8 ปี เพราะคดีที่ดินรัชดา (2 ปี) หมดอายุความ และปี 2566 ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ก่อนสุดท้าย 17 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา..ได้พ้นโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลับมาเป็น ‘ศูนย์กลางอำนาจ’ ทางการเมือง

ทักษิณผลักดันลูกสาวเป็นนายกฯ ได้สำเร็จ แคนดิเดตนายกฯ อย่างอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกศิษย์ครูใหญ่เนวินยังต้องหลีกทางให้ตามปฏิญญาเขาใหญ่…

“มันจบแล้วครับเน...” บางทีวลีนี้อาจเป็นวลีที่ทักษิณ ชินวัตร ร้องดัง ๆ อยู่ในใจด้วยความสะใจ...

ไม่เพียง “มันจบแล้วครับเน..” จากปรากฏการณ์การจัดตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊งรอบนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณคือ ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ตัวจริง ยังได้ปฏิบัติการอีก 3 จบ...

“มันจบแล้วครับหน่อย..” อันหมายถึงกรณีที่ 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน ที่คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแม่ทัพได้พร้อมใจกันโหวตสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ฉีกหน้าหญิงหน่อย..!!

“มันจบแล้วครับลุง..” หรือ “มันจบแล้วครับป้อม..” กรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกผ่าเป็นสองซีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ประกาศอิสรภาพ ปลดแอกแยกทางกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ หัวหน้าพรรค แบบไม่ไว้หน้า...แม้ฝ่ายบิ๊กป้อมจะงัดเอาระเบียบข้อบังคับพรรคมาใช้แต่ก็ไร้ผล เพราะประมุขบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะมาหลายเพลาแล้วว่า รอบนี้ไม่มีป้อม พปชร. แต่จะมี ปชป. มาเสียบแทน…

“มันจบแล้วครับนายหัวชวน..” นี่ก็น่าจะเป็นอีก 1 กรณีที่สถานการณ์เข้าทางทักษิณในการเอาคืนชวน  หลีกภัย เจ้าของวลี “ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่” วลีที่กล่าวเตือนทักษิณเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน…และเป็นที่รู้กันว่ากว่า 20 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยเป็นคู่ต่อสู้หลักทางการเมืองกันมา...20 กว่าปีที่พรรคทักษิณแจ้งเกิด สส.ภาคใต้ได้เพียง 1 ที่นั่งหลังเหตุการณ์สึนามิ (สส.กฤษณ์ ศรีฟ้า) นอกจากนั้นผุดเกิดไม่ได้เพราะนายหัวชวนกับพลพรรคสะกดมนต์...

แต่การเมืองรอบนี้ทักษิณเปิดทาง 25 เสียง ปชป. ให้เข้าร่วมรัฐบาล...ว่ากันว่านี่คือเป็นการเชือดสยองพรรคการเมืองที่มีอายุ 78 ปี อย่างปชป. ที่แกนนำพรรคขณะนี้พยายามอธิบายการเข้าร่วมรัฐบาลแบบไม่กลัวปลาหมอคางดำว่า…เราไม่จมอยู่กับอดีต..!!??  

อีกไม่กี่เพลา...โฉมหน้าครม.นายกฯ อิ๊งก็จะปรากฏเป็นทางการ…ในแง่บวกอานิสงส์จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ กรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็ทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติ ครม. เข้มข้นขึ้น นักการเมืองสีเทาบางรายต้องเสียสละพักรบ...เพื่อเซฟตี้คัทให้นายกฯ อิ๊ง...

แต่ขณะเดียวกันตัวนายกฯ อิ๊ง ก็คงกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย เพราะบรรดานักร้องได้จองกฐินที่จะยื่นคำร้อง…อันเนื่องจากคุณสมบัติที่อาจจะโยงใยกับมาตรฐานจริยธรรม…โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์ฯ 30% อันเป็นบริษัทที่โยงใยการใช้ที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์…

แต่เชื่อว่าทีมงานนายกฯ คงจะจัดระบบ ‘เซฟตี้ คัท’ ไว้หมดแล้ว…จากนี้ไปหลัก ๆ ก็คือรอฟังปฏิกิริยาประชาชนต่อหน้าตาของ ครม. และนโยบายที่แถลงหลังการถวายสัตย์ฯ ในเดือนก.ย.

22 ส.ค.ที่ผ่านมาคุณพ่อทักษิณไปปาฐกถา ‘VISION FOR THAILAND’ เสนอนโยบาย-มาตรการ 13-14 เรื่องสำคัญ ๆ ตั้งแต่ปรับรูปแบบดิจิทัล วอลเล็ต, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยันรีบเอาพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มาใช้...ก็คาดว่าอย่างน้อย 60 % ที่คุณพ่อพูด คุณลูกในฐานะนายกฯ ก็คงนำมาใช้เป็นนโยบายรัฐบาล…

เชื่อพ่อครึ่งหนึ่งคงไม่เท่าไหร่...แต่ถ้าเชื่อทุกเรื่อง ตามใจทุกอย่างนายกฯ อิ๊งอาจจะปิดฉากเร็วอย่างที่ใครต่อใครเขาเป็นห่วง...!!

‘พีระพันธุ์’ ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง จัดตั้งโรงครัว-แจกน้ำดื่ม-ส่งทีมงานติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

(26 ส.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความห่วงใยกับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยภาคเหนือ โดยได้ส่งมอบถุงยังชีพไปในพื้นที่ประสบภัยตั้งแต่วันแรก และมอบหมายให้นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งศูนย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตั้งแต่วันแรก โดยได้จัดพื้นที่จอดรถ จัดตั้งโรงครัวแจกจ่ายอาหาร และน้ำดื่ม แก่ผู้ประสบภัย พร้อมจัดส่งถุงยังชีพไปยังชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง 

นายอัครเดช กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดในวันนี้ ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มอบหมายให้นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.แพร่ อย่างใกล้ชิด

ด้าน นายเอกนัฏ เปิดเผยว่า วันนี้ลงพื้นที่เข้าไปในชุมชนต่าง ๆ ได้พบเห็น บ้านเรือนอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านขาดที่พักพิง ผู้ป่วยที่ติดเตียง ผู้สูงอายุที่ไม่ยอมออกจากบ้าน ซึ่งน่าเป็นห่วงในเรื่อง ความปลอดภัย ความสะอาด สุขอนามัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องการการดูแล อยากวอนขอให้ทุกภาคส่วน ได้มาร่วมมือกันบรรเทาความทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุน้ำท่วม

"ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยหัวหน้าพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันแรก กำชับให้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน ในวันนี้ได้ส่งให้ผมลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน เมื่อได้เห็นถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน และเห็นการร่วมแรงร่วมใจของทีมงาน และอาสาสมัครทุกท่าน ขอให้เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ประสบภัยในครั้งนี้ ขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิด และเมื่อสู่ภาวะปกติน้ำลดลงแล้ว ยังมีเรื่องความเสียหายของบ้านเรือน ชีวิต ทรัพย์สิน ที่จะต้องช่วยกันดูแลและเยียวยาให้พี่น้องประชาชนกันต่อไป" นายเอกนัฏ กล่าว

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดแพร่ ส่ง ‘ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ’ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ

(26 ส.ค. 67) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ วัดปากจอก ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเขต พื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 600 ชุด ให้กับตัวแทนนายอำเภอเด่นชัย และตัวแทนนายอำเภอวังชิ้น รับมอบถุงยังชีพ

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พลเอกประวิตร เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บางครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมและประชาชนหลายคนยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พลเอกประวิตร จึงห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอให้กำลังให้ทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐหวังว่ามอบถุงยังชีพที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้

“พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านหัวหน้ามีความเป็นห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับกับความเดือดร้อน และยากลำบากในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแพร่ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปโดยเร็ว” นายชัยวุฒิกล่าว 

‘ปรีดี พนมยงค์’ ยอมรับ ขาดความเจนจัดในการก่อตั้งพรรคอภิวัฒน์ และเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ในปี ค.ศ. 1925 เมื่อเราเริ่มตั้งกลุ่มแกนกลางของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี (ของกฎหมายเปรียบเทียบ)...

“ข้าพเจ้าไม่มีความเจนจัด และโดยปราศจากความเจนจัด บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำเอาความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย”

ปรีดี พนมยงค์ ให้สัมภาษณ์ ณ บ้านอองโตนี กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2522

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

‘ฉ้อราษฎร์ บังหลวง’ เป็นโรคร้าย บั่นทอนความมั่นคงของประเทศชาติ

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ฉ้อราษฎร์ บังหลวง เป็นโรคร้าย บั่นทอนความมั่นคงของประเทศชาติ…

“ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โรคนี้แทบจะไม่มี เพราะข้าราชการส่วนใหญ่ละอายใจในการกินสินบน เป็นผู้มีเกียรติอย่างแท้จริง น่าบูชาน่าสรรเสริญ ครูอาจารย์เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ศิษย์ ข้าราชการชั้นสูง ขนาดเสนาบดี อธิบดี เป็นอย่างสวยงาม…

“แต่น่าเสียดาย เสียใจที่จะกล่าวว่าเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 แล้วประมาณ 2 ปี การฉ้อราษฎร์บังหลวงเริ่มบทบาทในวงราชการ โดยเฉพาะในหมู่พวกกุมอำนาจก่อน มือใครยาวสาวได้สาวเอาเข้ากระเป๋าตนเอง มิได้คำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชน คณะเผด็จการเริ่มสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แผ่ปกคลุมสังคม เมืองและประเทศ เพื่อให้ประชาชนเกรงกลัวอำนาจ”

ร.อ.สำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิทคนสุดท้ายของ พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2523

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ความผิดใหญ่หลวงของ ‘พระยาทรงสุรเดช’ คือการพาคนหิวอำนาจมาเปลี่ยนแปลงการปกครอง

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ไม่มีความผิดครั้งใดในชีวิตของฉัน จะใหญ่หลวงเท่ากับ การนำคนหิวเงิน หิวอำนาจ เข้าเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475”

พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวหลังจากลี้ภัยไปยังประเทศเวียดนาม เมื่อปี พ.ศ. 2482

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top