Monday, 28 April 2025
Politics

'ภูมิธรรม' วอน!! อย่าเปรียบปมหุ้นยุคนี้ตกกว่ายุคลุงตู่ ชี้!! เป็นไปตามสถานการณ์-รอคดีการเมืองคลี่คลาย

(11 มิ.ย.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนหลังจากหุ้นไทยร่วงหนัก เป็นผลสืบเนื่องจากความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศว่า หุ้นมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติเป็นธรรมชาติ สิ่งที่เรามีปัญหาคือเราไปเข้าใจกันว่ายังมีความไม่เชื่อมั่นต่างๆ ซึ่งตนคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้คลี่คลายแล้ว แม้จะมีสถานการณ์ที่ต้องขึ้นศาลหลายเคสหลายกรณีก็ไปห่วงกันว่าจะมีปัญหา แต่หากดูนายกรัฐมนตรีท่านก็ทำงานเต็มที่ ดังนั้น สถานการณ์จึงเป็นเรื่องชั่วคราวเดี๋ยวก็คลี่คลาย รัฐบาลก็พยายามทำหน้าที่ต่างๆ ให้ดีที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้ดูเหมือนยังไม่คลี่คลาย นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันเพิ่งเกิดขึ้นวันสองวันจะไม่คลี่คลายอย่างไร และที่ดูว่ายังไม่คลี่คลาย เพราะว่าเดือนนี้ยังมีขึ้นศาล ก็ต้องรอขึ้นศาลให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งตนคิดว่าไม่น่ามีอะไร และคิดว่ามันเป็นข่าวสถานการณ์ที่พอผ่านไปแล้วไม่มีอะไรก็จบ เหมือนหลายเรื่องที่ตนเคยเจอ พอสถานการณ์เปลี่ยนไปมันก็เปลี่ยนแค่วันเดียวเลย มันจึงไม่ใช่ปัญหาถาวร

เมื่อถามว่า ความเชื่อมั่นในยุคพรรคเพื่อไทยดูเหมือนต่ำกว่ายุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะมาพูดเรื่องนี้แบบนี้ไม่ได้ การที่ความเชื่อมั่นจะขึ้นหรือลงไม่ใช่พรรคเพื่อไทยหรือว่าลุงตู่ แต่เป็นเรื่องของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องดูไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

‘ตระกูล’ อดีต อสส. สวน ‘ทักษิณ’ คดีม.112 ตามกม.อาญา ‘ไม่เคยมีใครข่มขู่’ ให้ทำคดี

(11 มิ.ย.67) นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด โพสต์เฟซบุ๊ก 'ตระกูล วินิจนัยภาค' ระบุว่า ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่า ในฐานะเป็น อสส. ในขณะนั้น ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีอาญานอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ไม่เคยมีใครข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนครับ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ถูกยัดข้อหา ม.112 คดีแทบจะไม่มีมูลแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้ที่เป็นพิษ คือการทำคดีแต่ละข้อกล่าวหาตั้งแต่ต้นที่มีการข่มขู่ ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา คดีไม่ควรเป็นคดี

‘อนุทิน’ นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม เยือนจังหวัดชายแดนใต้ ส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาปลายด้ามขวานสู่พื้นที่ปลอดภัย-สงบสุข

(12 มิ.ย.67) ที่ TK Park ยะลา (อุทยานการเรียนรู้ยะลา) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิมและผู้บริหารระดับสูง ร่วมกิจกรรมเสริมความเข้าใจและสานสัมพันธ์คณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิมประจำปี 2567 โดยมีคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม (The Organization of Islamic Cooperation : OIC) 12 ประเทศ เข้าร่วม 

ทั้งนี้ นายอนุทินและคณะทูตได้รับฟังการนำเสนอการขับเคลื่อนงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยพันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นมีการแลกเปลี่ยนเสวนาประเด็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ทางนโยบายของผู้เข้าร่วมกิจกรรม

จากนั้นนายอนุทินได้นำคณะทูตเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOP ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ ผ้าบาติกที่ได้รับการพัฒนาตามพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และ ‘Sustainable Fashion’ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

นายอนุทิน กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีนโยบายในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านสุขภาพ การขนส่งทางอากาศ การสื่อสาร การศึกษา และการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศในการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาครวมถึงจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งการได้แลกเปลี่ยนกับคณะทูตจากประเทศ OIC จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบายของนายกฯ และรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการร่วมเป็นหุ้นส่วนของประเทศไทยในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความปลอดภัยและความสันติสุข 

สำหรับคณะทูต OIC ที่เข้าร่วมกิจกรรม ครั้งนี้ ประกอบด้วย H.E. Mr. Pengiran Haji Sahari Pengiran Haji Salleh เอกอัครราชทูตบรูไน, H.E. Mrs. Hala Youssef Ahmed Ragab เอกอัครราชทูตอียิปต์, H.E. Mr. Nassereddin Heidari เอกอัครราชทูตอิหร่าน, Mr. Bong Yik Jui อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย, Ms. Aishath Shiruma Ahmed อุปทูต สถานีอัครทูตมัลดีฟส์, Dr. Mohammed Idris Haidara อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตไนจีเรีย, Mr. Fuad Adriansyah รองหัวหน้าสำนักงานเอกอัครราชทูตอินโดนีเชีย และ Mr. Nuriddin Mamatkulov รองหัวหน้าสำนักงานสถานกงสุลใหญ่อุซเบกิสถาน 

'เพจรอยตุ๊' อินฟลูการเมืองชื่อดังถูกปิด แฟนคลับลุ้น อุทธรณ์คืนกลับมาโดยเร็ว

(13 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊กของนายนพดล พรหมภาสิต แกนนำศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) หนึ่งในเครือข่ายกลุ่ม ศปปส. ซึ่งเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ ในชื่อ 'Nopadol Prompasit' ถูกปิด

เบื้องต้นได้มีการยื่นอุทธรณ์แล้ว ส่วนสาเหตุของการถูกปิดนั้น คาดเดาว่า อาจมีความเชื่อมโยงกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ดุเดือดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับการวิจารณ์กลุ่มที่มุ่งร้ายต่อสถาบันฯ ซึ่งอินฟลูฯ หรือเพจที่มีอุดมการณ์แนวนี้ มักจะถูก Facebook จับตา เพราะมีผู้ถูกพาดพิงไปรุม Report บ่อย ๆ

'ก้าวไกล' สะอึก!! ถูกปาดหน้าคะแนนนิยมสมรสเท่าเทียม หลัง ‘โพล’ เช็กเสียงสังคม ‘เพื่อไทย’ ผู้ผลักดันเป็นรูปธรรม

(13 มิ.ย.67) ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าแผนกวิจัย สำนักวิจัย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,100 คน ในช่วงวันที่ 3-6 มิ.ย.67 ถึงกรณีสมรสเท่าเทียม โดยมีพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ผลักดัน ทั้งนี้การสำรวจจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศพบว่าสังคมไทยให้การยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีความเห็นด้วย กับการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมของพรรคเพื่อไทย และคู่รักหลากหลายทางเพศควรได้รับสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกับสิทธิที่คู่สมรสชายหญิง

โดยการสำรวจนั้นได้ถามถึงว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการผลักดันกฎหมายรับรองการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมของพรรคเพื่อไทย โดยผลสำรวจ พบว่า เห็นด้วย 82.5% ไม่แน่ใจ 8.9% และ ไม่เห็นด้วย 8.5%

นอกจากนั้นยังได้สำรวจต่อว่ายอมรับได้หรือไม่หากมีเพื่อนร่วมงานเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) พบว่า ยอมรับได้ 91.4% และไม่สามารถยอมรับได้ 8.6% พร้อมทั้งถามต่อว่า หากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) พบว่า ยอมรับได้ 85.9% ไม่สามารถยอมรับได้ 7.9% และยังไม่แน่ใจ 6.2%

พร้อมทั้งถามถึงกรณีที่คู่รักหลากหลายทางเพศควรได้รับสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกับสิทธิที่คู่สมรสชายหญิงได้รับหรือไม่ พบว่า ควรได้รับสิทธิทุกอย่างเหมือนกัน 56.2% ควรได้รับสิทธิบางอย่าง 38.4% และ ไม่ควรได้รับสิทธิใด ๆ 5.5%

เอกฉันท์!! 'ร่างพรบ.นิรโทษกรรม' 65% ต่อ 35% ไม่เห็นด้วยนิรโทษกรรม คดีอาญามาตรา 112

จากกรณีที่ เว็บไซต์รัฐสภา เปิดรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 รัฐธรรมนูญ ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. …. ที่ น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน ร่วมกันเสนอ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายนั้น

ล่าสุด (13 มิ.ย.67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ 'ลอรี่' รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

มันจบละครับ.. ไม่เห็นด้วย 65.0% 🔴

สรุปผลการรับฟังความเห็น ร่างพรบ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน

ผลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 88,565 
✅ เห็นด้วย 35%
❌ ไม่เห็นด้วย 65% 
ซึ่งคิดเป็นจำนวนสูงถึง 57,567คน

สำหรับกระบวนการพิจารณาต่อไป ร่างนี้จะถูกนำเสนอให้มีการปรับแก้ ยังไม่จบครับ.. รอติดตามกันต่อไปครับ

ขอบคุณที่แสดงสิทธิตามกรอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ..นอนหลับฝันดีครับทุกท่าน

'นายกฯ' ลั่น!! ไม่สมควร หักค่าดูดส้วมทหารเกณฑ์ เชื่อ!! 'รมว.กลาโหม' รู้หน้าที่ว่าควรทำยังไงต่อไป

(13 มิ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเผยแพร่เอกสารการหักค่าใช้จ่ายทหารเกณฑ์ใหม่ สังกัดกองพันทหารเกณฑ์เสนารักษ์ที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ที่มีการระบุค่าดูดส้วม จำนวน 500 บาท โดยนายกฯ ได้เห็นข่าวนี้เเล้วใช่หรือไม่ ว่า เมื่อสักครู่เห็นนิดหนึ่งจากทวิตเตอร์เอ็กซ์ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตนเข้าใจว่านายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็คงจะมีการตรวจสอบ เพราะเรื่องนี้ไม่สมควรจะเกิดขึ้น และยอมรับไม่ได้

เมื่อถามว่า เงินของทหารเกณฑ์มีประเด็นที่ถูกหักออกไปเยอะ นายกฯ จะกำชับอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเขารู้หน้าที่อยู่แล้วว่าอะไรควร หรือไม่ควร

‘ธนกร’ ยกผลโพล ‘นิรโทษกรรมฯ ฉบับปชช.’ ไม่เห็นด้วย 64.66% เชื่อ!! เจตจำนงคนส่วนใหญ่ต้องการยึดหลักกฎหมายที่ควรจะเป็น

(14 มิ.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคดีการเมือง พ.ศ.(ฉบับประชาชน) ซึ่งรวมมาตรา 112 ผ่านเว็บไซต์สภาผู้แทนราษฎร ระหว่าง 13 พ.ค. - 13 มิ.ย. 2567 รวม 1 เดือนเต็ม ซึ่งมีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งหมด 90,533 ราย โดยมีผู้ที่ไม่เห็นด้วย 64.66% ส่วนที่เห็นด้วยเพียง 35.34 % ถือเป็นความตื่นตัวของประชาชนที่ให้ความสนใจต่อเรื่องดังกล่าวอย่างมาก และส่วนใหญ่เสียงที่ออกมาสะท้อนถึงเจตจำนงในการยึดหลักกฎหมายที่ควรจะเป็น 

พร้อมมองว่า ส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีการเมืองฉบับประชาชน มีการเสนอให้รวมคดีที่มีผู้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เกี่ยวกับการดูหมิ่นก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ คดีทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมือง และคดีความผิดที่ถึงแก่ชีวิต ซึ่งล้วนแต่เป็นคดีที่มีโทษร้ายแรงและความผิดที่ประชาชนไม่สามารถรับได้หากมีการนิรโทษกรรม

เมื่อถามว่า ผลสำรวจความเห็นเรื่องนิรโทษกรรมคดีการเมืองฉบับประชาชนสะท้อนอะไรถึงร่างนิรโทษกรรมที่กรรมาธิการกำลังพิจารณาอยู่นั้น นายธนกร กล่าวว่า มองสะท้อนภาพใหญ่ ถึงความคิดเห็นประชาชน ทั้งประเทศที่ต้องการบอกเจตจำนงว่า การพิจารณากฎหมายสำคัญโดยเฉพาะเรื่องการนิรโทษกรรมต้องอยู่ในกรอบที่เป็นคดีการเมืองจริง ๆ แม้ว่าบางคดีอาจจะมีการอ้างเรื่องแรงจูงใจทางการเมือง แต่ไปเกี่ยวโยงกับคดีมาตรา 112 ตนคิดว่ากรรมาธิการเองก็ต้องรับฟังเสียงประชาชน เพราะกฎหมายอะไรที่ผ่านสภาออกไป ต้องเป็นที่ยอมรับของสังคมด้วย เพราะหากค้านสายตาประชาชนอาจเป็นการสร้างข้อขัดแย้งใหม่ขึ้นในประเทศได้

“กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ควรเปิดรับฟังความเห็นทุกฝ่ายรอบด้าน เช่นเดียวกับฉบับประชาชนที่สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดให้แสดงความเห็นตลอด1 เดือนเต็ม ผ่านเว็บไซต์ของสภามาแล้ว เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นที่ยอมรับของสังคม เพราะคดี ม.112 คดีทุจริตประพฤติมิชอบ และคดีที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ถือเป็นคดีอาญาร้ายแรงและไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง เชื่อว่าคนไทยรับไม่ได้หากมีการรวมด้วย กมธ.จึงไม่ควรที่จะลังเลนำเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนกระทบจิตใจคนไทยแบบนี้ เข้าไปพิจารณารวมอยู่ในร่างนิรโทษกรรมด้วย“ นายธนกร ย้ำ

‘นายกฯ’ บันทึกรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ เล่าภารกิจใน-นอกประเทศ ออนแอร์เทปแรก 22 มิ.ย.นี้ ช่อง NBT2HD เวลา 08.00-08.30 น.

(14 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า สืบเนื่องที่รัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจัดรายการนายกฯ พบประชาชน เบื้องต้นมีรายงานว่า จะใช้ชื่อรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ โดยจะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เริ่มเวลา 08.00 - 08.30 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่ง (NBT2HD) ซึ่งได้มีการบันทึกเทปแรกไว้แล้วเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการเทปแรก 

นอกจากนี้ยังได้มีการวางผู้ดำเนินรายการมาสลับกันทำหน้าที่ อาทิ ‘หมวย’ อริสรา กำธรเจริญ ผู้ประกาศข่าว, อั๋น ภูวนาท คุนผลิน พิธีกรชื่อดัง เป็นต้น

สำหรับรูปแบบรายการ นายกรัฐมนตรีจะเล่าสรุปภารกิจจากการลงพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อัปเดตผลการดำเนินงานของรัฐบาล ส่วนรายการครั้งต่อ ๆ ไป จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตามความเหมาะสมและสถานการณ์ เช่น การจัดรายการนอกสถานที่ระหว่างการลงพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ 

‘แสวง’ เผย กกต.ส่งพยานหลักฐานเพิ่ม คดียุบพรรค ‘ก้าวไกล’ ชี้!! ทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด ตามที่กฎหมายให้อำนาจ

(15 มิ.ย.67) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณี ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต. ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดียุบพรรคก้าวไกลว่า กกต. ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนจะเป็นพยานบุคคลหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า คำวินิจฉัยเพียงพอแล้ว (ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินพรรคก้าวไกล) กกต.จึงได้ส่งเอกสารเพิ่มบางอย่างที่เป็นข้อกฎหมาย

ส่วนกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาให้ความเห็นว่า กกต. ตีความเป็นศรีธนญชัย นายแสวง ไม่ขอแสดงขอความเห็น ขอให้รอฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ส่วนที่คู่กรณีเห็นว่า กกต. ไม่มีอำนาจ หรือ ลุแก่อำนาจ อาจกระทบความเชื่อมั่นองค์กร นายแสวง กล่าวว่า เรารู้ว่าต้องทำอะไร ทำผิดทำเกินทำน้อยคงไม่ได้ ทุกเรื่องมีการกระทำมีข้อเท็จจริง คนที่ได้รับผลดีผลร้าย สิ่งนี้เกิดจากกฎหมายกำหนดไว้ก่อนว่า ลักษณะเช่นไรที่เป็นความผิด เมื่อมีข้อเท็จจริง กกต. ก็ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ท่านไม่ได้รับผลร้าย หรือผลดีจากการตัดสินของ กกต. ท่านได้รับผลร้าย จากข้อเท็จจริงที่ท่านทำ

เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ส่วนความเชื่อมั่นผมว่าเราก็ทำตามกฎหมาย ประชาชนจะสงสัยก็เป็นจุดที่ทำให้เรา ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นหน้าที่ เราก็ทำอย่างดีที่สุดเท่าที่กฎหมายให้เราทำ

ขณะเดียวกันนายแสวงยืนยันว่าตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ไม่มีใบสั่ง หรือคำชี้นำ จาก กกต. หรือจากข้างนอก ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้อง ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย นายแสวง กล่าวว่าเรื่องที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวกับการยุบพรรคเลย หรือเกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมืองอะไรเลย แต่มีคนเอามาโยงว่าสามารถที่จะยุบพรรคได้หรือไม่ จึงทำให้มีคนคิดว่าพรรคภูมิใจไทยก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสองกรณีนั้นแตกต่างกันมาก ส่วนฐานความผิดของพรรคภูมิใจไทยคือการอำพรางเรื่องหุ้น ไม่ได้เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองเลย แค่มีการเอาไปโยงกันเท่านั้น

ทั้งนี้เมื่อมีคนร้องต่อ กกต.มาก็ต้องมีการดำเนินการ ตรวจสอบเงินบริจาคว่ามีที่มาจากไหน เป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ได้ตัดสินที่คนบริจาคแต่ตัดสินด้วยกฎหมาย และคนที่มีอำนาจชี้ ซึ่งต้องรอหน่วยงานที่มีอำนาจ เป็นคนตัดสินซึ่งก็ไม่ใช่กกต. หรือนายทะเบียนโดยขณะนี้มีการตรวจสอบและถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ จนกว่าจะได้ข้อยุติ

นายแสวง ยังยกตัวอย่างกรณีการบริจาคของนายตู้ ห่าว ที่บริจาคให้กับพรรคพลังประชารัฐ มีคนบอกว่าเงินชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมีการพิสูจน์ว่าเงินชอบด้วยกฎหมายยังไง ก็ต้องรองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทรัพย์สินเช่นปปง. หรือป.ป.ส. เป็นต้น เป็นผู้ตัดสินมาก่อนจึงจะนำคำตัดสินมาใช้ได้ ทั้งนี้โดยกฎหมายพรรคการเมือง ไม่ได้ให้นายทะเบียนเป็นคนวินิจฉัย ว่าเงินนี้ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีอำนาจตัดสิน พร้อมยืนยันว่ากรณีการยื่นร้องพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นการยื้อเวลา เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งยื่นมาตามช่องทางของนายทะเบียนจึงมีการตรวจสอบตามมาตรา 93 ไม่ได้เข้าเกณฑ์ในมาตรา 92 ซึ่งกฎหมายก็มีหลายวิธี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top