Friday, 27 June 2025
Politics

'บ.สุรา ฉะเชิงเทรา' แจง!! ไม่เกี่ยวธุรกิจคราฟต์เบียร์ที่ 'ปดิพัทธ์' โพสต์เชียร์ แค่รับจ้างผลิตตามข้อตกลง ไม่ใช่กลุ่มทุนร่วมทำธุรกิจ

สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ชื่อ THAI SPIRIT INDUSTRY CO.,LTD. หรือ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ซึ่งชื่อบริษัทแห่งนี้ปรากฏอยู่ข้างกระป๋องเบียร์ ที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งได้เผยแพร่ภาพคราฟต์เบียร์ยี่ห้อลงในโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก และ TikTok

โดยข้อความภาษาอังกฤษข้างกระป๋องเบียร์ระบุว่า...

Produce By (ผลิตโดย-สำนักข่าวอิศรา) Thai Spirit Industry 71/25 Moo 5 Thakham Bangpakong Chachoengsao Thailand 24130

Distributed By (กระจายสินค้า-สำนักข่าวอิศรา) Phitsanulok Brewing co,Ltd. 441 /58 Baromtrilokanart 2 Rd. Nai-mueang Phitsanulok Thailand 65000

จากกรณีดังกล่าว ล่าสุด บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ได้ส่งเอกสารชี้แจงข้อมูลอีกด้านมายังสำนักข่าวอิศรา มีรายละเอียดดังนี้...

จากกรณีที่มีสื่อมวลชนหลายสํานักได้นําเสนอข่าวเกี่ยวกับ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด เรื่องการรับผลิตเครื่องดื่มคราฟต์เบียร์ให้กับบริษัท พิษณุโลกบรูอึ้ง จํากัด ในชื่อ ‘เครื่องดื่มคราฟพิดโลก’ นั้น บนกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมายทุก ขั้นตอน ทั้งนี้มีข้อมูลที่เผยแพร่ไป และหรือเกิดการจากคอมเมนต์ของบุคคลต่าง ๆ ในพื้นที่โซเชียลมีเดียและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่พาดพิงถึง บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด อย่างผิดพลาด คลาดเคลื่อน และไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง

บริษัทฯ จึงเรียนมาเพื่อ ขอชี้แจงในข้อมูลที่ถูกต้องต่อไปนี้

บริษัทไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด ไม่ใช่กลุ่มทุนของบริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จํากัด หรือ 'เครื่องดื่มคราฟพิดโลก' และไม่มี ความเกี่ยวข้องในการขายและการทําการตลาดของเครื่องดื่มคราฟพิดโลกนี้ ตลอดจนมิได้เป็นผู้ถือหุ้นหรือร่วมบริหารจัดการกับ บริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จํากัด แต่อย่างใด บริษัทฯ เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตตามข้อตกลงการจ้างและรับจ้างเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ ดําเนินธุรกิจการรับจ้างผลิตให้กับผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรูปแบบของ OEM เพื่อผู้ประกอบการผู้ว่าจ้างนั้นจะได้นําไปจัดจําหน่ายทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออกจําหน่ายต่างประเทศด้วยตนเองต่อไป

บริษัทฯ มิได้ดําเนินธุรกิจแค่การเลือกคู่ค้ารายใหญ่เท่านั้น บริษัทฯ ให้บริการรับผลิตกับผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศ ไทยที่สนใจผลิตเพื่อจัดจําหน่าย แต่ยังขาดความพร้อมในด้านการผลิตบนระบบการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเพื่อ ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคระดับสากล จึงเป็นที่มาของการว่าจ้างให้บริษัทฯ ดําเนินการผลิตให้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ผลิต คราฟต์เบียร์ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยมาแล้วมากกว่า 56 ตราสินค้าและมีไม่น้อยกว่า 150 รสชาติ

จากประสบการณ์กว่า 20 ปี บริษัทฯ ดําเนินธุรกิจบนนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย ช่วยเหลือชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เน้นการใช้วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่จากประเทศไทยและกําลังจัดเตรียมโครงการ 'สหกรณ์ชุมชน' เพื่อเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็ม ความสามารถ นอกจากการรับจ้างผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบ R&D ให้ความเข้าใจในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อผู้ประกอบการที่สนใจอย่างถูกต้องต่อเนื่องเสมอมา อีกทั้งบริษัทฯ ยังดําเนินธุรกิจบนความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด อาทิเช่น การติดตั้งแผงโซลาเซลล์เพื่อใช้ในโรงงานซึ่งเป็น พลังงานที่สะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และมีการติดตั้งระบบบําบัดน้ําเสียเพื่อกําจัดและทําลายสิ่งปนเปื้อนในน้ํา เสียให้หมดไป และไม่ทําให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงดูแลส่งเสริมและทํากิจกรรมของวัด ชุมชน และโรงเรียนรอบ ๆ โรงงานอย่างต่อเนื่อง

จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงในข้อมูลที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือท่านสื่อมวลชน ได้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อแก้ไขข่าวที่ ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลข่าวสารบนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องผ่านสื่อคุณภาพของท่าน

‘รองอ๋อง’ ชี้ สส. ต้องทำงานรับใช้ประชาชน เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

‘รองอ๋อง’ ชี้ สส. ต้องทำงานรับใช้ประชาชน เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

ไม่นานมานี้ 'หมออ๋อง' ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ได้โพสต์ข้อความจากการร่วมเวทีกิจกรรมเสริมสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย สำนักประชาสัมพันธ์รัฐสภาร่วมกับคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ห้องประชุมสัมมนา อาคารรัฐสภา ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ผมเป็นสัตวแพทย์ คุณเป็นครู เราเรียนจบก็ได้ใบประกอบวิชาชีพ

แต่การจะเป็น สส.ได้ ต้องไปขอคะแนนเสียง เพราะฉะนั้นอาชีพนี้จึงศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ความศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ได้ทำให้ผมกับคุณต่างกัน

ผมทำหน้าที่ของผม พวกคุณเป็นคนมอบอาณัติให้ผมเพราะฉะนั้นคุณเป็นเจ้าของอำนาจ

ประชาชนต้องเชื่อเรื่องนี้ให้ได้ ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จผมเป็นเจ้านายพวกคุณ พวกคุณจ้างผมทำงาน เพราะฉะนั้นผมต้องรับใช้พวกคุณ นี่คือสิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้น โตไปเป็นครูขอให้สอนเด็ก ๆ ว่าพวกคุณคือ ‘เจ้าของประเทศ’

'วิโรจน์' ยินดีร่วมงาน ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าผ่านร่างกฎหมาย คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง-ทำงานเพื่อ ปชช.ด้วยกัน

(21 ส.ค. 66) จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยผ่านรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) แล้ว โดยเรื่องนี้บอกผู้ใหญ่ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม

ในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) อยากให้พรรคทำสำเร็จในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์และแยกคอกวัว สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมได้ฝากฝังกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้น ๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียงของพรรค พท. เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงนั้นเป็นความมุ่งมั่นที่อยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว พี่เต้นประสานผมมาได้ทุกเมื่อครับ ผมพร้อมร่วมมือกับพี่เต้นอย่างเต็มที่

ยินดีที่จะได้ร่วมกันกับพี่เต้นนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่ แล้วเรามาทำงานเพื่อประชาชนร่วมกันครับ

'ดร.สุวินัย' รับ!! ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นสิ่งที่ดี  ให้ความหวังและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

(21 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุว่า…

ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ที่ให้ความหวังและน่าชื่นชม...ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

ทุกข์ของคนไทยตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจและทุกข์เรื่องทำมาหากินที่ยังฝืดเคือง

การมีข่าวดี ๆ ออกมา ที่ช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง จงอย่าใจแคบ ความคิดก็อย่าคับแคบ มองภาพใหญ่ให้ออก มองป่าทั้งป่าให้ได้

ทุก ๆ วัน การดึงตัวเองไปอยู่ในมณฑลแห่งพลัง และโลกของผู้บำเพ็ญในจิตของตนก่อนเมื่อลืมตาตื่น คือกิจวัตรของผม

ฝึกฝนเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกเช้าค่ำ จนกระทั่งมันเป็นไปเอง

อย่างการนั่งฟัง (เห็นโพสต์) ‘เสียงทุกข์’ ของสรรพสัตว์ (หรือ กวนอิม 観音) ผ่านจอแท็บเลตของตัวเองทุกวันด้วยจิตผู้รู้…ก็เป็นอีกวิธีภาวนาที่ผมใช้เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ 

คนทั่วไปมักไม่รู้ว่า การรับรู้กับการตีความของเรานั้นเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทำให้คนเรามักมองโลกด้วย ‘จิตที่กะเกณฑ์’ ไว้ล่วงหน้าเสมอ

ผลก็คือคนเราได้สร้างสิ่งขวางกั้นระหว่างตัวเรากับ ‘ความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

การเห็นอย่างบิดเบือนแล้วปักใจเชื่ออย่างนั้นเลย จึงหมายถึง การยึดมั่นถือมั่น คือหลงไปยึดสิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งเข้ากันได้กับประสบการณ์ทางจิตอันจำกัดของเรา ทำให้เกิดการบิดเบือนการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาหมายความว่า ตอนนั้นเราไม่มีความรู้ตัว หรือขาดสัมปชัญญะไปแล้ว

อวิชชาหรือความไม่รู้สึกตัว คือที่มาแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง 

ความทุกข์มากมายจนท่วมโลกขนาดไหน สุดท้ายมันก็มีแค่นี้แหละ คือความไม่รู้ตัว หรือไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อฝึกภาวนาเห็นทุกข์ของผู้คนแบบนี้บ่อยเข้า บ่อยเข้า

วิราคะ หรือความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏมันย่อมเกิดขึ้นเอง

'เศรษฐา' เปิดใจ วันนี้ต้องลืมวาทกรรม 'มีลุงไม่มีเรา' พาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ เชื่อทุกคนจะเข้าใจ

(21 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้กล่าวในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ว่า ตนมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มายืนตรงนี้เวลานี้ในตลอดระยะเวลาที่ตนได้ก้าวเข้ามาสู่เวทีการเมืองเข้ามาสู่ในบ้านหลังนี้ ภายใต้การเชื้อเชิญของคุณแพรทองธารได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกทุกท่านในพรรคเดินเข้ามาคนเดียวไม่ได้มีคนเข้ามาจะได้รับความช่วยเหลือได้รับการประคับประคองอย่างดีจากพี่น้องเพื่อไทยทุกคน ขอใช้โอกาสนี้กราบขอบพระคุณ ทุกท่านในที่นี้ด้วยจริงๆ

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา มีความประหม่า มีความไม่แน่ใจมีความกังวลอยู่ มากหลายมีคนมาช่วยติวให้ มีคนมาช่วยให้คำแนะนำหลายหน หนึ่งในนั้นที่ผมมีความซึ่งใจและประทับใจคือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็มีส่วนช่วยในการที่ให้ตนขึ้นอภิปรายหาเสียง ได้ช่วยแนะนำในการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในทุกๆ พื้นที่ที่ได้ลงไป วันนี้ผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจน พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง ชัดเจนไม่เป็นที่ตามที่เราคาดหวัง สิ่งที่เราพูดไประหว่างการเลือกตั้งชัดเจนครับ คำพูดเป็นนาย อยู่บนบรรทัดฐานของการที่เราต้องได้แลนสไลด์ น.ส.แพรทองธารได้พูดไปเมื่อวานนี้หลายเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องที่เราต้องกลืนเลือด เรื่องที่เราต้องพาพรรคเพื่อไทยเดินไปข้างหน้าที่เราต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

"มันไม่เป็นการโกหกพี่น้องประชาชนแต่ ผมเรียนตรงตรงว่าเป็นการที่เราต้องยอมรับความจริง 9 ปีที่ผ่านมา พี่น้องเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ที่เราเป็นฝ่ายค้าน ที่เราไม่ได้ถืออำนาจรัฐในมือเป็นที่ประจักษ์ดีว่าพี่น้องประชาชนมีมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ได้ตกต่ำลงไป วันนี้เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลืมวาทกรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 2 ลุง เรื่องมีลุงไม่มีเราหรืออะไรก็ตามที วันนี้คณิตศาสตร์พื้นฐานเป็นตัวบ่งบอก ชัดเจนครับว่าเราต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างช่วง จะเข้าถึง 100 วันพรุ่งนี้ ตัวผมเองได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องสมาชิกผู้แทนราษฎร เพื่อไทยหลายท่าน ได้รับทราบถึงปัญหา ได้รับทราบถึงความต้องการ ได้รับทราบถึงความไม่ต้องการ แต่ว่าได้มีการชี้นำ ได้มีการอธิบาย ด้วยใจจิงไม่มีการเสแสร้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถึงเรื่องที่มีความจำเป็นในพรรค ที่เราต้องจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยโดยเร็วที่สุด เรื่องการใช้วาทกรรมการใช้สังคมโซเชียลในการด้อยค่าพรรคเพื่อไทย ในส่วนตัวผมเองก็เจ็บพอๆ กับพวกท่านทุกคน แต่เราอยู่ในสังคมของความเป็นจริง ยังมีคนอีกเยอะ เกษตรกรอีกนับ 10 ล้านคน ซึ่งคอยการจัดตั้งรัฐบาลคอยนโยบายดีดีของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรสามเท่าภายใน 4 ปี ไม่ว่าจะเป็นอีกหลายหลายเรื่องสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่มีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย" นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอความกรุณาว่าเราต้องอยู่บนความเป็นจริง ต้องรบกวนพี่น้องสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทุกคนต้องกราบขอร้องว่าเวลาลงพื้นที่อยากจะใช้เวลาในการอธิบายให้หัวหน้ากลุ่มชน ให้พี่น้องประชาชน คนไทยทุกคนที่ท่านเป็นตัวแทนอยู่ อธิบายถึงความจริงใจที่พวกเราทุกคนนั่งอยู่ในห้องนี้ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน หล่อหลอมจิตใจให้ประเทศนี้เดินไปข้างหน้าให้ได้ เรื่องนี้ผมถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

นายเศรษฐา กล่าวว่า พรุ่งนี้ (22 ส.ค.) ที่รัฐสภาอันทรงเกียรติจะมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจากสมาชิกในที่นี้ทุกท่านให้ชิงนายกฯ ตนจะพยายามเต็มที่ให้สุดความสามารถ ที่จะนำรัฐบาลของประชาชนภายใต้การนำของพรรเพื่อไทย แก้ไขทุกปัญหาด้วยความตั้งใจจริง ไม่ลืมความเหน็ดเหนื่อย ไม่ลืมพรรคพวกเพื่อนฝูงเราหลายๆ คนที่จำใจต้องเดินออกจากพรรคไป ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า ด้วยความปรารถนาดีกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีการทรยศต่อมิตรภาพที่เรามีอยู่ และไม่มีการขว้างหินกลับมาใส่บ้านที่เขาเคยอยู่ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจในความจำเป็นที่พวกเขามีจุดยืน แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเดินไปในทางนี้ ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่หวังว่าจะได้รับความเห็นชอบจากสส.จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้อย่างภาคภูมิใจ 

‘ทักษิณ’ เดินทางถึงประเทศไทยตามนัดหมาย จนท.เข้าควบคุมตัวทันทีหลังเครื่องบินลงจอด

(22 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โพสต์ในไอจีสตอรี่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณพ่อ จะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว โดยเดินทางมาลงเครื่องบินบริเวณอาคารจอดเครื่องบินส่วนบุคคล (M-JETS) ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีครอบครัวรอรับ

ต่อมาเวลา 07.00 น. เครื่องบินส่วนตัวได้พานายทักษิณ เดินทางออกจากประเทศสิงคโปร์แล้ว โดยมุ่งหน้ากลับมายังประเทศไทย และเตรียมลงที่สนามบินจอดเครื่องบินส่วนบุคคล (M-JETS) ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาส่งนายทักษิณที่สนามบินในประเทศสิงคโปร์

จากนั้นเวลา 09.00 น. เครื่องบินส่วนตัวของที่นายทักษิณ เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ ได้ลงจอดที่อาคารจอดเครื่องบินส่วนบุคคล (M-JETS) ท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว ท่ามกลางนักการเมืองและประชาชนที่มารอต้อนรับจำนวนมาก

ต่อมาเวลา 09.09 น. นายทักษิณ ได้ลงจากเครื่องบินส่วนตัว โดยมีเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาลงบันทึกการควบคุมตัวขึ้นรถที่เตรียมรอไว้ หลังเดินทางกลับมารับโทษใน 3 คดี ซึ่งมีครอบครัวและคนใกล้ชิดรอเข้าพบที่อาคารจอดเครื่องบินส่วนบุคคล

พร้อมทั้งยังได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

‘ศาลเชียงใหม่’ ฟันโทษ ‘ฮ่องเต้’ แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ผิด ม.112 - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งจำคุก 1 ปี 7 เดือน

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ.’ รายงานว่า ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาคดี ‘ฮ่องเต้’ นายธนาธร วิทยเบญจางค์ มีความผิด มาตรา 112 ใน 1 กรรม พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ส่วนอีกกระทงศาลยกฟ้อง และเห็นว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลงโทษจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 7 เดือน ไม่รอลงอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันตัวชั้นอุทธรณ์

สำหรับนายธนาธร ถูกดำเนินคดีจากการจัดกิจกรรมอ่านแถลงการณ์และปราศรัยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ระหว่างกิจกรรมคาร์ม็อบเชียงใหม่ ‘ล้านนาต้านศักดินาทัวร์’ ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2564 โดยพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ใน 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จัดการชุมนุมรวมกลุ่มกันเกินกว่า 20 คน อันเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค และข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งแยกเป็น 2 กระทง ได้แก่ กรณีการอ่านแถลงการณ์ที่หน้าตำรวจภูธรภาค 5 และการปราศรัยที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์

‘กรุณา บัวคำศรี’ ผู้ประกาศข่าวและผู้ผลิตรายการ ได้กล่าวถึง ‘จตุพร พรหมพันธุ์’

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.66 ) ช่องยูทูบ รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี ของ ‘กรุณา บัวคำศรี’ ผู้ประกาศข่าวและผู้ผลิตรายการ ได้กล่าวถึง ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2535 ว่าทั้งสองคนนั้นต่างร่วมหัวจมท้ายกันมาอย่างไร และ ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ คือบุคคลที่เคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ โดยระบุว่า…

“พี่ตู่เป็นคนช่วยชีวิตพี่นาจริง ๆ นะ ช่วงพฤษภาคม พี่ตู่เรียนอยู่ที่รามฯ ส่วนพี่นาเรียนอยู่อักษรจุฬาฯ แล้วพี่นาเป็นรองเลขาธิการ สนนท. ตอนนั้นเราก็ออกไปประท้วงคณะรัฐประหารของพลเอกสุจินดา คราประยูร ตอนนั้นทํารัฐประหารพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ แล้วปรากฏว่าก็เกิดเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ ‘พฤษภาทมิฬ’ 18 พฤษภาคม ขบวนเราอยู่ตรงสะพานผ่านฟ้า แล้วพี่ตู่เป็นดาวปราศรัย คือเขาพูดเก่งมาก ผู้ชุมนุมจะชอบพี่ตู่พูดมาก เพราะพูดสนุก แล้ววันนั้นพี่นาก็เหนื่อยมาก ก็นอนอยู่บนรถเครื่องเสียง นอนบนรถบรรทุก แล้วพี่ตู่ก็ปราศรัยอยู่ข้างบน”

“สักตี 1 ตี 2 ทหารก็เข้ามาล้อมเรา แล้วเขาก็ยิง ทีนี้มันยิงตรงไหน มันยิงรถกระจายเสียง เพราะว่าจะได้คุมคนไม่อยู่ คนเป็นแสนตอนนั้น แล้วพี่ตู่ก็คุมม็อบอยู่เป็นแสน แล้วพี่นาเหนื่อยมากก็นอนอยู่บนรถบรรทุกข้างบน แล้วทหารยิงเข้ามาตรงลําโพง เพื่อไม่ให้เราสามารถควบคุมฝูงชนได้ แล้วพี่นาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแต่เสียงปืนก็โผล่ขึ้นมา พี่ตู่ก็กระโดดลง ปกป้องพี่นา กระสุนเฉียดหัวไป ก็เลยคิดว่ายังไงพี่ตู่ก็เป็นผู้มีบุญคุณกับพี่นามาก…แล้วเขาก็จะเรียกพี่นาว่าน้องหนูนา เป็นน้องหนูนาของพี่ ๆ อันนี้แค่เล่าให้ฟังสำหรับคนที่สงสัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่นากับพี่ตู่เป็นยังไง…ไม่เคยเดตกัน”

>> สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://vt.tiktok.com/ZSLskC2r9/ 

ศาลฎีกาฯ พิพากษายืนยกฟ้อง 'สุเทพ-พวก 6 คน' คดีก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ 396 แห่ง

(22 ส.ค.66) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวก 6 คน ในคดีร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก หรือแฟลตตำรวจ จำนวน 396 แห่ง

สำหรับจำเลย 6 คน ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด ชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน แต่ต่อมา ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์คดีต่อ นำไปสู่การนัดอ่านคำพิพากษาในวันนี้

ล่าสุดเมื่อ 11.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายืนยกฟ้องนายสุเทพ กับพวก 6 คน

ศาลฎีกาฯ นักการเมืองพิพากษา ‘ทักษิณ’ ‘เอ็กซิมแบงก์-หุ้นชินคอร์ปฯ รวมโทษจำคุก 8 ปี

(22 ส.ค. 66) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง พ.ต.อ.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ (บก.ตม.2, บช.สตม.) ได้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบุคคลตามหมายจับขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ จากสนามบินดอนเมืองโดยมีขบวนรถตำรวจคุ้มกันมาส่งศาลฎีกา โดยผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งสามคดียืนยันว่า บุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี โดยจำเลยหรือจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นจำเลยในคดีทั้งสาม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตรวจสอบบุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลแล้ว เป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี ดังนี้…

(1) คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย หรือคดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์

(2) คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จำเลย หรือคดีหวยบนดิน

(3) คดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ของศาลนี้ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย คดีแก้ไขสัมปทานเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ชินคอร์ป

จึงรับตัวจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้

ศาลได้แจ้งให้จำเลยหรือจำเลยที่ 1 ทราบคำพิพากษาแล้ว โดยคดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ลงโทษจำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10 /2552 ลงโทษจำคุก 2 ปี และคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551ลงโทษจำคุกรวม 5 ปี นับโทษจำคุกของจำเลยต่อ จากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยสรุปรวมแล้ว นายทักษิณ ต้องรับโทษ รวม 8 ปี จากคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์โทษจำคุก 3 ปี และคดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2551หุ้นชินคอร์ปฯ จำคุก 5 ปี รวมโทษจำคุกนายทักษิณทั้งสิ้น3 คดี รวม 8 ปี เนื่องจากคดีหวยบนดิน หมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ที่ศาลสั่งจำคุกนายทักษิณ 2 ปีนั้น ศาลไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อ เพราะเป็นการนับโทษซ้อนกันกับคดี ปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ ซึ่งศาลสั่งจำคุก 3 ปี

ต่อมาเมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณา คณะเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวนายทักษิณ ขึ้นรถไปส่งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top