Monday, 7 July 2025
Politics

‘เศรษฐา’ นำทีมหารือ 'สมาคมหอการค้าไทย-จีน' ชี้!! รบ.เพื่อไทย พร้อมหนุนการค้าไทย-จีน ทุกมิติ

(3 มี.ค. 66) ที่อาคารหอการค้าไทย-จีน พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม., นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เข้าพบปะนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานสมาคมไทยจีน และคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ การค้า

โดยนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรมีมาตรการด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการแก้ไขเรื่องแรงงานดึงคนไทยกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน รวมถึงมีมาตรการส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี มาตรการควบคุมราคาสินค้าเพื่อดูแลค่าครองชีพ อีกทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น

ด้านนายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นงานแรกที่ตนมาในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ครั้งนี้ไทยกับจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน มีความผูกพันในเชิงพาณิชย์ เรามีการนำเข้าส่งออกเยอะมาก คนไทยส่วนมากก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนมีความผูกพันเป็นคู่ค้าไทยมาอย่างนาน อีกไม่นานก็จะถึงการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ซึ่งพรรค เพื่อไทยเป็นสถาบันที่ผูกพันกับสมาคมนี้มาอย่างนาน นโยบายที่ออกมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทยโดนใจประชาชนมาตลอด ซึ่งเราจะให้ความสำคัญกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศสูงสุด

เจ๊งไม่ต่างกัน!! 'จตุพร' ซัด 'เศรษฐา' พา 'ปู' เจ๊งไม่เป็นท่า เชื่อ 'อิ๊งค์' ก็คงไม่ต่าง พร้อมเตือน!! เปิดตัวแล้ว ก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบเข้มข้น

(3 มี.ค.66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "เปิดตัวจริงหรือ?" โดยกล่าวถึงการเปิดตัวของนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ถูกแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่แบ่งรับแบ่งสู้กับงานการเมืองในอนาคตจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยหรือไม่ พร้อมตำหนิไม่กล้าแสดงภาวะผู้นำตอบโต้ข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีของนายเศรษฐา เปิดตัวก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบเข้มข้น ซึ่งไม่ยกเว้นกระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จาก พลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุทิน ชาญวีระกูล จากภูมิใจไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จากรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องตรวจสอบภาวะผู้นำที่จะนำพาความหวังประชาชนเช่นกัน และความเป็นผู้นำต้องอดทนในการชี้แจง

อย่างไรก็ตาม เมื่อนายเศรษฐา เปิดตัว ถูก พล.อ.ประยุทธ์ วิจารณ์หนักในด้านความเก่ง ทำอะไรมา กลับไม่ตอบให้ตรงและชัดเจนเพื่อแสดงถึงภาวะผู้นำ แต่ไปยกย่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีวุฒิภาวะที่เหนือกว่า แล้วหลีกเลี่ยงข้อครหาอันเป็นสาระสำคัญที่ว่า เศรษฐกิจประเทศไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง

สิ่งน่าสนใจ นายจตุพร เห็นว่า เมื่อนายเศรษฐา ถูกคาดหมายจะมาเป็นผู้นำประเทศ ก็ต้องตอบข้อครหาเชิงกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่มาแสดงมารยาททางสังคมต้องเชื่อฟังคนแก่กว่า ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรกับความคาดหวังในภาวะผู้นำของประเทศเช่นนี้

"นายเศรษฐา ไม่ได้เป็นคนใหม่เลย สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการ แต่ก็เป็นที่ปรึกษาที่ไม่เป็นทางการคนหนึ่งในจำนวนสามคน รวมถึงทักษิณและ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย จนนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่สำคัญตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ และ รมต.สาธารณสุข ก็เป็นคนของนายเศรษฐา ซึ่งทั้งสองจุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพินาศย่อยยับของรัฐบาลยิ่งลักษณ์”

ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี ปม 'ถือหุ้น-เป็นเจ้าของ' หจก.บุรีเจริญ

(3 มี.ค.66) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมปรึกษาคดี กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคําร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบ มาตรา 187 หรือไม่

ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 54 คน ยื่นคําร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ผู้ถูกร้อง) ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของห้างหุ้นส่วนจํากัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ซึ่งจะทําให้ผู้ถูกร้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ การบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน

เป็นการกระทําอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 มาตรา 4 (1) เป็นเหตุให้ ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ ผู้ร้องจึงส่งคําร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ผลการพิจารณา

มั่นใจในหลักฐาน ‘ศักดิ์สยาม’ ยันถอนหุ้นก่อนนั่ง ‘รมว.คมนาคม’ ลั่น!! พร้อมแจงข้อมูล หลังศาลรธน. สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่

(3 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นการชั่วคราว ระหว่างรอคำวินิจฉัยในคำร้องที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 54 คน เข้าชื่อให้วินิจฉัยสถานภาพความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง หลังยังคงถือหุ้นและเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเข้าข่ายขาดคุณสมบัตินั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังไลน์ส่วนตัวของนายศักดิ์สยาม โดยนายศักดิ์สยาม ระบุว่า หลังจากที่ได้รับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ ก็จะชี้แจงข้อกล่าวหาไปตามกรอบเวลาภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นทางการ ซึ่งตนได้เตรียมคำชี้แจงไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ตนได้ยกเลิกภารกิจตรวจราชการที่จ.นครนายก และจ.ปราจีนบุรี ตามกำหนดการเดิมของวันนี้ทั้งหมดแล้ว

ผิดที่ไว้ใจ!! ‘รัตนพันธ์’ แฉพฤติกรรม 'SC-หญิงอ้อ-ลูกเขย' แค่ผู้ดีลวงโลก พร้อมฝากถึง 'อุ๊งอิ๊ง' อย่าอาสาดูแลชาติ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังดูแลไม่ได้

ครอบครัว ‘รัตนพันธ์’ ร้องสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากถูก บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET  โดยคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้เป็นลูกเขย หลอกลวง ฉ้อฉล โดยหลอกเอาเปรียบว่าจะช่วยเหลือ มอบเงินให้ 20 ล้าน สุดท้ายเป็นหลุมพราง กลายเป็นสัญญาเงินกู้ ที่หลอกให้เด็กแค่ 23 ปี เซ็น ด้วยคำพูดที่หวาน อ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ และท่าทีที่ดูเป็นมิตร น่าเชื่อถือ กับคำพูดที่ว่า “คนไทยด้วยกัน” จึงทำให้ ทางครอบครัว 'รัตนพันธ์' หลงเชื่ออย่างสนิทใจ 

ซึ่งต่อมาก็ต้องประสบเคราะห์กรรม มีทั้งการสูญเสียบ้านและที่ดินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ตามบันทึกข้อตกลงที่ SC ASSET ทำร่วมกับ ดร.ศรายุทธ ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 โดยหลังจากเสียบ้านและที่ดินไป ครอบครัวรัตนพันธ์ก็บ้านแตกสาแหรกขาด ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันหาที่เช่าอยู่ ขาดรายได้ และไม่มีแม้กระทั่งเงินจะส่งลูกชายเรียนต่อระดับชั้นมหาวิทยาลัย ครอบครัวได้ติดตามให้ SC ASSET รับผิดชอบโดยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด จากการทำหนังสือลงทะเบียนตอบรับเป็นทางการ ถึงผู้บริหารและผู้ถือหุ้นกว่า 100 ฉบับ แต่ SC ASSET เลือกให้ผู้บริหารฝ่ายกฎหมายมาเจรจา โดยไม่แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังต่อครอบครัว น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง

ด้านนางสาวฐานิตา รัตนพันธ์, ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ และ นายลัดฟ้า รัตนพันธ์ จึงต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคม ผ่านสื่อมวลชน โดยหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ 

ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ ซีอีโอ SC ASSET หรือ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เป็นผู้รับปากในที่ประชุม เองว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเองจนจบ ครอบครัวก็โล่งใจเพราะปัญหาได้คลี่คลาย แต่ปรากฏว่าภายหลังออกจากห้องประชุม เนื้อความในสัญญาที่ SC ASSET ทำขึ้นกลับไม่ตรงกับสิ่งที่ตกลงร่วมกันในที่ประชุมหลายข้อ และเมื่อติดต่อให้แก้ไข ทางนายอรรถพล ยืนยันว่าแก้ไขไม่ได้ แต่อ้างกับเราว่านี่คือวิธีการที่ดีที่สุดในแก้ปัญหา เพราะต้องทำตามแบบบริษัทมหาชน แต่จะยึดตามเจตนารมณ์ที่คุยร่วมกันในที่ประชุม และต้องเซ็นในบันทึกที่ SC ASSET ทำขึ้นเท่านั้น และด้วยความรู้ไม่เท่าทัน รวมถึงครอบครัวรัตนพันธ์ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากการเซ็นเพื่อให้ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดตามตกลง เราเลยลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าวไป

'ก้าวไกล' ขยี้ต่อ!! ร้อง ครม.ระงับทุกโครงการ ก.คมนาคม หลังผนึกกำลังฝ่ายค้าน เอาผิด 'ศักดิ์สยาม' นอกสภาฯ

'ก้าวไกล' เรียกร้อง ครม. หยุดอนุมัติโครงการคมนาคมทุกโครงการทิ้งทวนก่อนยุบสภา หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่ง "ศักดิ์สยาม" หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชน

(3 มี.ค.66) ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้อง กรณีที่ขอให้ศาลฯ วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว สืบเนื่องจากการคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยศาลฯ พิจารณาให้ศักดิ์สยาม ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี จนกว่าศาลฯ จะวินิจฉัย

ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการยื่นคำร้องร่วมกันของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 54 คน ตั้งประเด็นหลักมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตนเมื่อกลางปี 2565 โดยจากข้อมูลเอกสารที่ตนได้รับมานั้น พบว่าการโอนหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเคยเป็นของศักดิ์สยาม และได้โอนหุ้นออกไปก่อนจะรับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น มีพิรุธอยู่ในหลายจุด

ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่รับโอน ซึ่งปรากฏว่ามีความพัวพันกับครอบครัวชิดชอบมาอย่างยาวนาน, การให้ หจก. ใช้ที่อยู่บ้านของตระกูลตนเองต่อยาวนานเป็นปี ทั้งๆ ที่ไม่มีสถานะผู้ถือหุ้น หรือกรรมการใน หจก.แล้ว, การยื่นทรัพย์สินของศักดิ์สยาม ที่น้อยจนผิดปกติ หากมีการขายหุ้นครั้งนี้จริง, ตัวเลขในงบการเงิน ที่มีความขัดแย้งกันในตัวเอง, ราคาในการซื้อขายซึ่งไม่สมเหตุสมผลกับรายได้ของธุรกิจ และไม่ปรากฎหลักฐานการโอนเงินการซื้อขายหุ้นครั้งนี้

เสื่อมเสียต่อสภาฯ!! สภาฯ สั่งลุย! ตั้งคณะกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริง ปม ส.ส.เล่นพนัน ลั่น! หากผิดจริง ฟันตามกฎหมาย

(3 มี.ค.2566) ว่าที่ ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส. กรณีพบการเล่นการพนันในพื้นที่อาคารรัฐสภาบริเวณห้องทำงานของ ส.ส. ว่า ในการเข้าใช้ห้องทำงานของ ส.ส. ยังมีระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการบริหารจัดการพื้นที่และอาคารรัฐสภา พ.ศ. 2565 เกี่ยวกับข้อปฏิบัติทั่วไปในการใช้พื้นที่และอาคารรัฐสภา ข้อ 8 (2) ที่ห้ามมิให้มีการกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดี

 

ดังนั้น เมื่อปรากฏตามข้อร้องเรียนว่า มี ส.ส. เล่นการพนันภายในพื้นที่รัฐสภา ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 อันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา และฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ส. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ที่กำหนดให้สมาชิกฯ ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและสภาฯ

Quote คำพูดของนายกรัฐมนตรี

(3 มี.ค.66) ที่วัดใหญ่ชัยมงคล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล ภายหลังจากที่ได้กราบไหว้สักการะพระพุทธชินราช และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และได้ขอพรอะไรบ้าง ว่า “ก็เหมือนทุกครั้ง เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยที่พระมหากษัตริย์องค์ก่อน ๆ ได้ทำไว้”

 

แคลงใจภาวะผู้นำ!! 'จตุพร' ตอก 'เศรษฐา' หลังเลี่ยงตอบคำถาม 'ประยุทธ์' สังคมไม่คาดหวังกับผู้นำ ที่แสดงความเชื่อฟังคนแก่กว่าในมิตินี้

(3 มี.ค.66) ‘นายจตุพร พรหมพันธุ์’ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ ได้เข้าร่วมเป็นที่ประธานปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่า...

 

"บทบาทครั้งนี้ของคุณเศรษฐา ไม่ได้มีผลกับทางการเมืองมาก เพราะเรายังไม่เห็นอะไรชัดเจนจากตัวของ นายเศรษฐากันเท่าไร"

 

นายจตุพร ยังได้กล่าวถึงเรื่องที่ พลเอกประยุทธ์ ได้เอ่ยปากถามถึงนายเศรษฐาด้วยว่า “แล้วเขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ” ตรงนี้นายเศรษฐานั้น เลี่ยงที่จะตอบถึงเรื่องนี้ ซึ่งอันที่จริงเขาควรจะตอบเพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ใช่เลี่ยงตอบคำถามเช่นนี้

 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เมื่อนายเศรษฐา ถูกคาดหมายจะมาเป็นผู้นำประเทศ ก็ต้องตอบข้อครหาเชิงกล่าวหาของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่มาแสดงมารยาททางสังคมต้องเชื่อฟังคนแก่กว่า ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรกับความคาดหวังในภาวะผู้นำของประเทศเช่นนี้

 

 

 

‘โบว์ ณัฏฐา’ โพสต์ฉะ ลูกเล่นการเมืองสกปรกขึ้นเรื่อยๆ เตือน!! ทุกคนตั้งสติ รู้ทันการเมือง อย่าอินเกินพอดี

(4 มี.ค. 66) คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

การเมืองก่อนเลือกตั้งคงสกปรกขึ้นเรื่อย ๆ ในวันที่ยังคุยกันรู้เรื่อง ก็อยากบอกทุกคนให้รักษาสติกับความเมตตาต่อกันไว้ และ 'อย่าอินเกิน'

อย่าลืมว่าดูการเมืองจากวงนอกก็เหมือนนั่งดูมวยปล้ำจากที่ไกล ๆ คุณไม่มีทางเห็นลูกเล่นจากการแสดงจริง ๆ

เรามีประสบการณ์จากการเห็นคนมีปัญหาทางจิตถึงขั้นเพี้ยนไปเพราะอินกับการเมืองมากไป บางคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตซ่อนอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นจนเขาอาการหนักขึ้นได้ ต้องรับการรักษา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top