Saturday, 12 July 2025
Politics

ไทยคงอันดับ 1 อาเซียนประเทศพัฒนายั่งยืน 4 ปีซ้อน ตอกย้ำ ‘รัฐบาลประยุทธ์’ บริหารประเทศมาถูกทาง

‘ทิพานัน’ เผยไทยคงอันดับ 1 อาเซียนประเทศพัฒนายั่งยืน 4 ปีซ้อน ย้ำชัดรัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ บริหารประเทศมาถูกทาง โชว์สหประชาชาติกำหนดหลักใช้ทุกภารกิจในไทยว่า “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เป็นแก่นสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG)

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน  Sustainable Development Report 2022 ประเมินจากดัชนีเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ 17 ข้อ ไทยได้คะแนนรวมทั้งหมด 74.13 จาก 100 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอันดับที่ 44 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียนถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2562 โดยที่ดัชนีการประเมินไม่ได้มีเพียงแต่มิติเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมายของสหประชาชาติครอบคลุมมิติการพัฒนามนุษย์ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สันติภาพและความยุติธรรม และความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีทั้ง 6 ด้านของไทยที่มุ่งพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สะท้อนวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็นไปอย่างยั่งยืนสมดุลครบทุกด้าน จนทำให้สหประชาชาติกำหนดหลักการที่ใช้ในทุกภารกิจของสหประชาชาติในประเทศไทยด้วยวลีสั้นๆ ว่า “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เป็นแก่นสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG)

พรรครวมแผ่นดิน ขึ้นเหนือประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1/2566 ชู 10 นโยบาย

(8 ม.ค. 66) เวลา 9:00น. ณ ห้องประชุม ราชพฤกษ์1 ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาฯ จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญ พรรครวมแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2566 พร้อมแถลงนโยบายพรรค เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และปฐมนิเทศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. โดยมี น.ส.กชพร เวโรจน์ หัวหน้าสาขาพรรคภาคเหนือ พร้อมกรรมการบริหาร สมาชิกพรรค ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ รวมกว่า 1,300 คน

พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 เป็นต้นมาที่พรรครวมแผ่นดิน ได้ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดพรรคการเมืองที่รวบรวมผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากไปด้วยประสบการณ์ทั่วประเทศ ช่วงอายุอาชีพ ทุกเพศทุกวัย แม้ที่มาจะแตกต่างกัน แต่ก็มีอุดมการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน คือ มุ่งลดความขัดแย้งทางการเมือง ปรองดอง และพร้อมจะประสานทุกฝ่าย เพื่อรวบรวมสรรพกำลังความรู้ ความสามารถเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ พร้อมหารายได้เข้าประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนาการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตส่งเสริมสิทธิเด็กและยกระดับบทบาทของสตรี รวมถึงส่งเสริมการส่งออกนำมาตรฐานเกษตรกรของไทยสู่อุตสาหกรรมเกษตรที่สมบูรณ์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านระบบโลจิสติกส์ที่เพียบพร้อมด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับสากล

ซึ่งตลอดเวลา 5 เดือนเต็ม ในการขับเคลื่อนพรรครวมแผ่นดิน เพื่อเป็นตัวแทนของภาคประชาชนในการพัฒนาประเทศไปทุกมิติองคาพยพ ถึง ณ วันนี้ ทางพรรครวมแผ่นดินได้ดำเนินการสร้างรากฐานอันมั่นคงที่พร้อมเต็มเปี่ยมในการที่จะทำงานรับใช้ภาคประชาชนอย่างเต็มที่ ดังคำขวัญของพรรครวมแผ่นดินที่กล่าวไว้ว่า "พัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมประชาธิปไตย รับใช้ประชาชน" ด้วยเหตุนี้ ทางพรรครวมแผ่นดินจึงได้ดำเนินการจัดการประชุมใหญ่สามัญพรรครวมแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2566 ในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ที่จังหวัดเชียงใหม่"

‘บิ๊กป้อม’ เปิดกว้างรับฟังทุกความเห็นทุกภาคส่วน มุ่งลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามหลักสากล

พล.อ.ประวิตร ประธานเปิดสัมมนา ‘แผน ปภ.ชาติ’ ย้ำ รับฟังทุกความเห็น ทุกมุมมอง ทุกภาคส่วน อย่างเปิดกว้าง เน้น ‘สร้างความเข้าใจ ปิดภาวะเสี่ยงร่วมกัน ปฏิบัติได้จริง’ หวังให้ประชาชนปลอดภัยสูงสุด

(9 ม.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ หัวข้อ ‘ลดความเสี่ยงเดิม ป้องกันความเสี่ยงใหม่ สู่สังคมเท่าทันภัย ด้วยแผน ปภ.ชาติ’ ณ ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมรามา การ์เด้น กรุงเทพฯ โดยมี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ก.มหาดไทย เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ภายใต้การกำกับของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มท. ในฐานะ ผู้บัญชาการ ปภ. 

ทั้งนี้ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ได้กล่าวรายงานพร้อมวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ โดยโครงการนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) เพื่อนำไปสื่อสารสร้างการรับรู้และถ่ายทอดแผนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการและภาคประชาสังคม รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายในการเชื่อมโยง ภารกิจงาน เพื่อผนึกกำลังการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายรวม 500 คน จากทุกภาคส่วน

‘บิ๊กตู่’ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘เอกอัครราชทูตอินเดียฯ’ พร้อมหารือ ‘ความร่วมมือ-กระชับสัมพันธ์’ ในทุกมิติ

นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอินเดียฯ กระชับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน พร้อมผลักดันมูลค่าทางการค้าและการลงทุน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และความเชื่อมโยง

(9 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายนาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับยินดีกับนายนาเคศ สิงห์ ในโอกาสที่รับหน้าที่ในประเทศไทย โดยไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และความร่วมมือทุกมิติ หวังว่าเอกอัครราชทูตอินเดียฯ จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้การสนับสนุนเอกอัครราชทูตอินเดียฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งการเมือง ความมั่นคง การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือกรอบพหุภาคี พร้อมฝากความปรารถนาดีถึงประธานาธิบดีแห่งอินเดีย นายกรัฐมนตรีอินเดีย และประชาชนชาวอินเดียในโอกาสปีใหม่ด้วย 

ด้านเอกอัครราชทูตอินเดีย กล่าวยินดีที่ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรี พร้อมนำคำทักทายและคำอวยพรจากนายกรัฐมนตรีอินเดียมายังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีด้วย เชื่อมั่นว่าการเข้ารับหน้าที่ในไทยจะเป็นโอกาสกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของอินเดีย มีความใกล้ชิดระหว่างกันอย่างลึกซึ้งทั้งทางวัฒนธรรม ภาษา ประวัติศาสตร์ และศาสนา โดยนโยบายของไทยที่ดำเนินนโยบายมุ่งตะวันตก (Look West Policy) กับนโยบายรุกตะวันออก (Act East Policy) ของอินเดีย มีความสอดคล้อง เป็นประโยชน์กับไทยและอินเดีย จึงยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทุกมิติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

- ความร่วมมือด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันเพิ่มขึ้นในทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกรัฐมนตรีอินเดียจะตอบรับการเยือนไทย โดยไทยพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียเยือนไทย และเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ ด้านเอกอัครราชทูตอินเดียฯ พร้อมผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนทุกระดับ รวมถึงยืนยันสนับสนุนการเป็นประธาน BIMSTEC ของไทย

- ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เอกอัครราชทูตอินเดียฯ ยินดีที่ชาวอินเดียมาท่องเที่ยวไทยเกือบ 1 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งชาวอินเดียจำนวนมากนอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว ยังชื่นชอบเดินทางมาไทยเพื่อจัดงานแต่งงานอีกด้วย เอกอัครราชทูตอินเดียฯ จึงยินดีส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนของไทยและอินเดียให้มากขึ้น ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวจากอินเดียมาไทยปีละ 2 ล้านคน เหมือนช่วงก่อนหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  

- ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่มูลค่าการค้าไทยและอินเดียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2564 โดยในเดือน ม.ค. - พ.ย. 2565 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ากว่า 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 21 ซึ่งเอกอัครราชทูตอินเดียฯ กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มการค้าและการลงทุนในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายเชี่ยวชาญและสนใจระหว่างกัน ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่านักธุรกิจอินเดียจะพิจารณาลงทุนใน EEC โดยเฉพาะในธุรกิจด้านยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบิน และโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร

‘เพื่อไทย’ แจงปม ‘อดีตรองนายกฯ ฉาว’ ไม่กังวล!! เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว

‘ชลน่าน’ ชี้!! ‘อดีตรองนายกฯ’ เป็นชู้เมียชาวบ้าน โบ้ยสื่อเดาเองเป็นอดีตคนเพื่อไทย ลั่น!! หากไม่ได้เป็นสมาชิก ความรับผิดชอบก็ไม่มี

จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความ ออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมกรณีอดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาของคนอื่น โดยบอกคำใบ้เป็นอดีตรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ชอบตีกอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีอายุมากแล้ว และเคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2551 และพ้นจากสมาชิกไปเมื่อปี 2561

(9 ม.ค. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นการคาดเดาของสื่อ และของคนที่เกี่ยวข้องว่า บุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อมีการคาดเดาระบุว่า อดีตเคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หากอดีตเคยเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องดูที่ข้อเท็จจริง ถ้าบุคคลท่านนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค และปัจจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในมุมของข้อกฎหมาย ความรับผิดชอบก็ไม่มี หมายความว่า เราเองก็ไม่มีอำนาจ และหน้าที่ที่จะไปตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ตามข้อบังคับพรรค ตรงนี้ทำไม่ได้อยู่แล้ว

‘เพื่อไทย’ บี้!! ‘บิ๊กตู่’ ไขก๊อกตัดขาดพรรคเดิม เหน็บอีเวนต์เปิดตัว ไม่การันตีคะแนนนิยม

‘เพื่อไทย’ ซัดจัดอีเวนต์ใหญ่ เปิดตัว ‘บิ๊กตู่’ เหน็บเหยียบเรือสองแคม เป็นสมาชิก รทสช. แต่นั่งนายกฯ ในนาม พปชร. บี้ไขก๊อกตัดขาดพรรคเดิม

(9 ม.ค. 66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เย็นวันนี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า การจัดอีเวนต์ใหญ่โตเพียงแค่ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าพรรค ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้คะแนนนิยมดีขึ้น ตรงกันข้ามจะเกิดคำถามตามมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการตามครรลองครองธรรมของการเมืองที่ควรจะเป็นหรือไม่ หรือสร้างสิ่งแปลกประหลาดขึ้นมาใหม่ให้ผู้คนติฉินนินทาเหมือนการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเป็นเลขาธิการนายกฯ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านขั้นตอนตามปกติคงเข้ามาเป็นเพียงสมาชิกพรรค ที่มีเลขาฯ ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคตัวเอง จนไม่รู้ใครเป็นหัวหน้าใคร มีระบบพรรคการเมืองที่ไหนที่ให้สมาชิกพรรคคนหนึ่งมีบทบาทเหนือกว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารทุกคน

‘เสี่ยเฮ้ง’ รักษาคำพูด “ลุงตู่อยู่ไหนไปที่นั่น” โว!! ส.ส.ย้ายค่าย ได้กลับเข้าสภาชัวร์

(9 ม.ค. 65) ที่ศูนย์สิริกิติ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อดีตส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เดินทางมาร่วมเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) โดยให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้มาให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และพา ส.ส.มา ครบ โดยมี ส.ส.มา 15 คน ทั้งนี้ตนได้ลาออกจากส.ส.พปชร.ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. เมื่อเช้าวันที่ 9 ม.ค. ขณะที่ ส.ส.ยังไม่ได้มา เพราะต้องมีหน้าที่ต้องพิจารณากฎหมายอีกเยอะ ดังนั้นวันนี้จึงมานับหนึ่งพร้อมกับ นายกฯ ก่อน ตามที่รับปากไว้ว่านายกฯ ไปที่ไหนก็จะไปที่นั่น นอกจากนี้ยังมีพี่น้องชาวชลบุรีมาให้กำลังใจนายกฯ 5,000 กว่าคน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลานี้มียอด ส.ส.ทั้งหมดในมือจำนวนเท่าไหร่ นายสุชาติ กล่าวว่า กลุ่มเพื่อนตนประมาณ 15 คน และวันนี้เพื่อนก็มาให้กำลังใจนายกฯและมาให้กำลังใจตน แต่ที่ยังไม่ได้ลาออกจากพรรค พปชร.เพราะสภายังต้องทำงานอยู่ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพื่อนตน และมั่นใจเจตนารมณ์ของเพื่อน

‘ธนาธร’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช.เป็นเรื่องดี พร้อมเหน็บ อย่าหนีเวทีดีเบตเหมือนปี 62

‘ธนาธร’ ให้กำลังใจว่าที่ผู้สมัครส.ส.ก้าวไกล เชื่อ ได้ส.ส. เขตมากกว่า อนาคตใหม่ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช.เป็นเรื่องดี ช่วยปปช.ตัดสินใจง่าย เหน็บอย่าหนีดิเบตเหมือนปี 62  อยากเห็น ‘ประยุทธ์-พิธา’ ประชันวิสัยทัศน์กัน

(9 ม.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้กำลังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. โดยระบุว่าตนติดตามการทำงานของพรรคก้าวไกลมาตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของส.ส. ในสภา และกิจกรรมเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่าในยุคของอนาคตใหม่อย่างเห็นได้ชัด จากการที่พรรคก้าวไกลได้ทำงานพิสูจน์ตัวเองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ว่าเป็นปากเสียงให้กับประชาชนได้จริง และมีอุดมการณ์แน่วแน่มั่นคงไม่ทอดทิ้งประชาชน

‘อนุทิน’ เผย ไม่ใส่ใจพรรคอื่นพูดให้ร้าย ภท. ลั่น!! เป็นหน้าที่ฝ่ายกฎหมายพรรค ‘พิจารณา - เอาผิด’

(10 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย เตรียมยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย เพื่อดำเนินการเอาผิดกรณีที่ใส่ร้ายป้ายสีหัวหน้าพรรค และพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนไม่ได้ใส่ใจ 

‘นันทิวัฒน์’ ถามคนไทยจะให้ใครเป็นนายกฯ ชู ‘ลุงตู่’ ไปต่อ ดีกว่าให้โอกาสคนเคยโกงข้อสอบ

‘นันทิวัฒน์’ ถามคนไทยจะให้ใครเป็นนายกฯ ชี้เจ็บแล้วต้องจำอย่าให้โอกาสคนเคยโกงข้อสอบ- ตระกูลโคตรโกง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า 9 ต่อไป

เมื่อวานนี้ 9 มกราคม 9 แรกของปี 2566 ลุงตู่เปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการ สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กองเชียร์มากันตรึม

เชื่อมั่นว่า ลุงตู่คงไม่ได้มาอยู่รวมไทยสร้างชาติเพียงเพื่อเป็นสมาชิกธรรมดาคนหนึ่ง แต่ต้องมากกว่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top