Thursday, 26 June 2025
Politics

สภาฯ ไฟเขียว พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุม มีการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ต่อเป็นวันที่ 2 ภายหลังนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายปิด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเวลา 10.35 น. ที่ประชุมได้ส่งมติอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง

เปิดเทอมแล้ว! “คณะก้าวหน้า” ประเดิมหลักสูตร “ประวัติศาสตร์นอกขนบ” ถาม-ตอบ สนุกสนาน “ธงชัย” แนะ “3 แต่” ทลายกรอบกระแสหลัก-ชี้ชนนำสยามเปิดรับเจ้าอาณานิคมเพราะได้ประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะก้าวหน้า โดย คอมมอน สคูล (Common school) ประเดิมกิจกรรม “ตลาดวิชาอนาคตใหม่” เปิดบรรยายหลักสูตร วิชา ประวัติศาสตร์นอกขนบ รายวิชาย่อย สยามยุคกึ่งจักรวรรดิกึ่งอาณานิคม ซึ่งในหัวข้อแรกนี้ ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ Wisconsin Madison สหรัฐอเมริกา บรรยายเรื่อง สยามไม่เคยเสียเอกราชหรือกึ่งอาณานิคม ซึ่งเป็นการบรรยายสดจากประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางผู้เข้าร่วมหลักสูตรกว่า 40 คน โดยมี คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ ดำเนินรายการ

*** “ธงชัย” ชี้ 3 เรื่องเล่าหลักประวัติศาสตร์ “สยามไม่ตกเป็นเมืองขึ้น” - แนะ “3 แต่” มุมมองใหม่ทลายกรอบออกนอกขนบ

ธงชัย เริ่มต้นการบรรยายว่า ความรู้ทางประวัติศาสร์ เป็นฐานอุดมการณ์ของรัฐไทยใน 100 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นฐานความเชื่อที่ถูกพัฒนาจนมาเป็นกรอบมโนทัศน์ใช้ตีความอธิบายข้อเท็จจริงในอดีตมากมาย เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มีเจ้ากรุงเทพฯ เป็นวีรบุรุษ เช่น ประวัติศาตร์ที่ว่าสยามไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ประกอบด้วยเรื่องเล่าหลัก 3 เรื่อง คือ

1.) ถูกคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคม

2.) กษัตริย์ราชวงศ์จักรีต่อต้านการคุกคาม ทำให้รอดพ้นมาได้ และ

3.) กษัตริย์และชนชั้นปกครองผลักดันการปฏิรูปสยามจึงไม่เสียเอกราช ซึ่งหนังสือประวัติศาสตร์ไทย รายการโทรทัศน์ จำนวนมากหนีไม่พ้นเรื่องหลักนี้ และได้กลายเป็นความถูกต้องแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย และถูกท้าทายหรือตรวจสอบน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา

“อย่างไรก็ตาม เราสามารถศึกษาและนำเสนอประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากเดิมได้ เรียกประวัติศาสตร์ 3 แต่ คือ

1.) แต่สยามไม่ได้รักษาเอกราช อยู่ในภาวะกึ่งอาณานิคม ชนชั้นนำได้ประโยชน์

2.) แต่การเสียดินแดนเป็นประวัติศาสตร์ผิดฝาผิดตัวตามทัศนะเจ้าจักรวรรดิที่กรุงเทพฯ และ อำพรางอำนาจรัฐแบบใหม่ของกรุงเทพฯ

3.) แต่การปฏิรูปประเทศมุ่งหมายเพื่อการเมืองภายใน เพื่อสถาปนาอำนาจระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทั้งนี้ สำหรับการบรรยายวันนี้จะเน้นที่หัวข้อที่ 1 เป็นหลักคือ สยามอยู่ในภาวะกึ่งอาณานิคม ใน 2 ประเด็นใหญ่คือ

1.) กึ่งอาณานิคมทางเศรฐกิจ โดยถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจอาณานิคมโลก ในทางกลับกันก็ร่วมมือด้วย และ

2.) กึ่งอาณานิคมทางการเมือง เราระแวงต่างชาติ แต่เราก็ฉวยโอกาสนี้มาเพื่อสร้างการเมืองภายในด้วย” ธงชัย กล่าว

“บิ๊กตู่” ตั้ง “ธนกร” นั่งโฆษกฯ ศบศ.แจงงานเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายธนกร วังบุญบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ตามที่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ศบศ.เสนอ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแก่สื่อมวลชน รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน

“บิ๊กป้อม” ขึงขังยันไม่เคยส่งสัญญาณลูกพรรคเตรียมพร้อมยุบสภา “ลั่น” อยู่ครบเทอม ไม่กังวลสถานการณ์การเมือง โทษสื่อเขียนกันเองประชุม พปชร.ขอนแก่น ปัดตอบห่วง "บิ๊กตู่" หรือไม่หลังแจงเดือดกลางสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวว่าส่งสัญญาณกับลูกพรรคให้เตรียมความพร้อมในทางการเมืองที่อาจะมีการยุบสภาในเวลาอันใกล้นี้ว่า มันครบปีครบเทอมแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่มีอะไรเลย สื่อว่ากันและเขียนกันไปเองทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “ครบเทอมมันกี่ปี ยืนยันว่ากระแสข่าวที่ออกมาไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเลย สื่อเขียนข่าวกันเองทั้งนั้น” เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ แต่ถ้าครบเทอมเวลามันก็คือ 4 ปี

เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม โดยไม่มีการยุบสภาก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สถานการณ์ข้างหน้าผมคิดคนเดียวไม่ได้ต้องคิดกันหลายๆ พรรคหลายๆ คน ว่ามีความเหมาะสมขนาดไหนและสถานการณ์เป็นอย่างไร” และในส่วนของพรรคพปชร. ทุกคนก็เห็นแล้วว่ามีความเข้มแข็งหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการไปดูดใครเข้ามาอยู่กับพรรค สื่อคิดกันไปเองทั้งนั้น 

เมื่อถามย้ำว่าพรรคเตรียมการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค จะให้ตนมาบอกอะไร เพราะมีคนที่เขาไม่อยากรู้ก็เยอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการเอง อย่างไรก็ตามจะต้องพูดคุยกับสมาชิกพรรคว่าจะเอาอย่างไรไม่ใช่เรื่องของตนเพียงคนเดียว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการประชุมพรรคในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ที่ จ.ขอนแก่น เป็นความจริงหรือไม่ หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องการประชุมพรรคเลื่อนมาตั้งนานแล้ว เพราะเกี่ยวข้องใน รายละเอียดตามข้อกฎหมายที่ต้องชี้แจงให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ ในเรื่องของงบดุลประจำปี ซึ่งพรรคเลื่อนประชุมมาโดยตลอด “และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวันที่จะประชุม ว่าเป็นเมื่อไหร่ ยืนยันยังไม่มีอะไรออกมาเลยนอกจากสื่อที่ไปพูดกันเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับส.ส. บ้างหรือยังเรื่องการเสียบบัตรแทนกันหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดออกมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนั่นเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งก็ว่ากันไป 

ทั้งนี้ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลอะไรต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้หรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี เห็นหน้าผมแล้วเป็นอย่างไรมีความกังวลหรือไม่” 

เมื่อถามว่าเป็นห่วงน้องชายอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ ซึ่งล่าสุดมีการชี้แจงดุเดือดในสภาวานนี้ (9 มิ.ย.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สื่อก็ดูเองว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็ดูกันเอง”

“บิ๊กแก้ว” พร้อมส่ง ทหาร คุมแคมป์แรงงาน กทม. พร้อมตั้งจุดตรวจเข้า-ออก ชุดลาดตระเวณ กั้นรั้วลาดหนาม สกัดเคลื่อนย้าย

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณี ศบค. ประสานหน่วยงานความมั่นคงให้ส่ง กำลังทหาร ตำรวจ คุมเข้มแคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม. หลังพบว่ายังมีการเคลื่อนย้าย ว่าเป็นภาพรวมของนโยบาย ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะเข้าไปดูแลในการควบคุม ตั้งแต่การตั้งจุดตรวจ การตรวจสถานที่ต่างๆ

ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากมีการตรวจแคมป์คนงาน ที่เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาด โควิด-19 และยังมีการเคลื่อนย้ายกันออกไป ทั้งนี้ต้องไปดูว่า ศบค.ได้กำหนด แคมป์คนงานในแต่ละพื้นที่เอาไว้อย่างไร

ซึ่งในแนวทางปฏิบัติหากมีกรณีเช่นนี้เราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจวแคมป์แรงงาน จะต้องได้รับการควบคุมแบบไหน การเข้าออก สามารถเล็ดออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเครื่องกีดขวางมากั้นช่องโหว่ที่ยังปิดไม่ได้หรือไม่ เช่น รั้วลวดหนาม

โดยประสานกับผู้ประกอบการที่ดูแลพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบโดย

1.) จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเข้า-ออก และพิจารณาเป็นกรณีไปหากจำเป็นต้องเข้า-ออก

2.) ลาดตระเวนในพื้นที่เพื่อให้ไม่ให้มีการลักลอบ 

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นส่วนเสริม และใช้ สารวัตรทหาร(สห.) ในการปฏิบัติงาน ยกเว้นกรณีมีแคมป์แรงงานหลายแห่งทีต้องควบคุม จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า แคมป์แรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเหล่าทัพใด ก็จะประสานเหล่าทัพนั้นส่งกำลังทหารไปดูแล

ศธ.แจง แนวทาง 4 ON รับเปิดเรียน 14 มิ.ย.นี้ ย้ำ 4 จ.แดงเข้ม ยังไม่ให้ใช้พื้นที่ทำการสอน ชี้ บุคลากร ข้ามจว.หากมีความเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือศบค.แถลงว่า ศบค.ชุดเล็กได้พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียนภาค 1/2564 ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งถึงความพร้อมโดยให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน เหมาะสมกับสถานการณ์และสอดคล้องกับการเรียนวิถีใหม่ในรูปแบบ 4 ON โดยแยกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 4 จังหวัด ให้เปิดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่บริเวณโรงเรียนหรือสถานศึกษา ทำการเรียนการสอน แต่ให้จัดการเรียนการสอน 4 รูปแบบ คือ

1.) ทางออนไลน์ หรือการเรียนผ่านช่องทางออนไลน์

2.) ออนแอร์ หรือการเรียนรู้ผ่านดีแอลทีวี หรือทางดิจิตอลทีวี

3.) ออนดีมานหรือการเรียนการสอนผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ

4.) ออนแฮนด์ หรือการจัดส่งหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนรู้ถึงบ้านทางไปรษณีย์เท่านั้น

สำหรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 17 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 56 จังหวัด (สีส้ม) สามารถจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานได้ เช่น เรียนในที่ตั้งสามารถทำได้ โดยโรงเรียนทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน ไทยสต็อปโควิด 44 ข้อ และมีมาตรการปลอดภัยเพียงพอที่จะเปิดการเรียนได้ โดยการใช้สถานที่ของโรงเรียนต้องผ่านการประเมิน จากนั้นให้โรงเรียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำการเปิดเรียนในที่ตั้งสถานศึกษา ส่วนกรุงเทพฯ ได้เพิ่มช่องทางออนสกูลไลน์ หรือมีกลุ่มไลน์แต่ละห้องเรียนหรือรายวิชา

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมบุคลากร โดยเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากบุคลากรต้องข้ามพื้นที่จากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯขอให้ทุกคนสำรวจความเสี่ยงของตัวเองและสังเกตอาการ ไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้กักตัว 14 วัน ก่อนติดต่อประสานงานกับบุคคลอื่น และสถานศึกษาต้องเอาใจใส่บุตรหลานที่จะเดินทางไปเรียนด้วย

ข่าวบิดเบือน!! นักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ จีนไม่ออกวีซ่าและทุนรัฐบาลถูกยกเลิก

ก่อนหน้านี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ว่า นักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ จีนไม่ออกวีซ่าและทุนรัฐบาลถูกยกเลิก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทาง กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

จากการเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่านักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ จีนไม่ออกวีซ่าให้ และทุนรัฐบาลถูกยกเลิก เพราะจีนเข้าใจว่ารัฐบาลไทยเลือกข้างอยู่ฝ่ายอเมริกา ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า...

เรื่องทุนรัฐบาลถูกยกเลิกไม่เป็นความจริง แต่กรณีนักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ในขณะนี้เป็นข้อมูลจริง เนื่องจากขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาทั้งในจีนและต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลจีนไม่มีนโยบายตรวจลงตราวีซ่าแก่นักศึกษาต่างชาติจากทุกประเทศ เพื่อเดินทางเข้าจีน โดยได้แนะนำให้ใช้การเรียนออนไลน์ไปก่อน

ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่ไม่สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนในทุกระดับ และในทุกโอกาสที่ทำได้เพื่อร่วมกันหาทางออก

อย่างไรก็ดีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จึงบังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับนักศึกษาต่างชาติจากทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป และเห็นว่าเมื่อจีนมีมาตรการผ่อนคลายแล้ว นักศึกษาไทยควรเป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีน โดยหวังว่าเมื่อเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย ปัญหาดังกล่าวน่าจะได้รับการแก้ไข

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่ www.mfa.go.th หรือโทร. 02-203-5000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ทุนรัฐบาลไม่ได้ถูกยกเลิก แต่กรณีนักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ในขณะนี้เป็นข้อมูลจริง เนื่องจากขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลจีนไม่มีนโยบายตรวจลงตราวีซ่าแก่นักศึกษาต่างชาติจากทุกประเทศเพื่อเดินทางเข้าจีน

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

 

ที่มา : https://mgronline.com/factcheck/detail/9640000053919


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ธิษะณา กลุ่ม Re-solution’ ชวนประชาชนเข้าชื่อแบบใหม่ ส่งไลน์ได้ ไม่ต้องใช้สำเนาบัตร ไม่ต้องส่งเอกสาร วอนประชาชนช่วยกันเร่งเข้าชื่อแก้ รธน. สกัดสืบทอดอำนาจภาค 2 และรัฐบาลเฮงซวย

นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ แกนนำกลุ่ม Re-solution กล่าวถึง กรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรครัฐบาลที่มีข้อเสนอพยายามรวบหัวรวบหางแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยทำไปเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ปล่อยให้พรรครัฐบาลสามารถยื่นแก้ไขได้อย่างสะดวก ทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะได้รัฐธรรมนูญตามที่ฝ่ายรัฐบาลสืบทอดอำนาจต้องการ ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ก็ยังมีอยู่ต่อไป สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกหย่อมหญ้า 

“หากพวกเราปล่อยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของพรรครัฐบาล ประเทศไทยจะยังมี ส.ว.250 คน ที่สามารถมาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้อยู่ แล้วพวกเขาก็จะเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนของระบอบประยุทธ์อย่างไม่แตกแถวเหมือนที่ผ่านมา แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ก็ตาม และพวกเขาจะกระโดดป้องผลประโยชน์ของชนชั้นนำ ขัดขวางผลประโยชน์และร่างกฎหมายของประชาชน หากพวกเขาเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะขัดขวางผลประโยชน์และลดอำนาจของพวกเขาเอง ทั้งๆ ที่การมี ส.ว.250 คน ไม่ได้มีประโยชน์กับประชาชน และเป็นอุปสรรคขัดขวางประเทศ และผลาญเงินภาษีของประชาชนปีละหลายพันล้านบาทด้วย” นางสาวธิษะณา ระบุ

นางสาวธิษะณา ในฐานะแกนนำกลุ่ม Re-solution ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ประเทศไทยก็ยังจะมีองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อิสระจากประชาชน แต่ไม่อิสระจากคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจ ทำงานค้านสายตาประชาชน ปกป้องคนของระบอบประยุทธ์ กำจัดคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นศัตรูทางการเมืองของระบอบ รวมทั้งประเทศของเราก็จะยังมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศที่เป็นโซ่ตรวนฉุดรั้งประเทศทำให้นโยบายที่สร้างสรรค์ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ในประเทศแห่งนี้ และประเทศไทยก็อาจจะยังมีกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ สมคบกันสร้างสถานการณ์ปูทางให้เกิดการรัฐประหาร เกิดวงจรอุบาทว์การรัฐประหารไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายก็จะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพ และใช้งบประมาณสุรุ่ยสุร่ายไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนที่ผ่านมา 

“อย่าปล่อยให้พวกเขาสามารถสืบทอดอำนาจภาค 2 ได้สำเร็จ มาร่วมกันเข้าชื่อรื้อระบอบประยุทธ์กันให้ถล่มทลายและรวดเร็วที่สุด เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนดีขึ้น ไม่ต้องเจอกับรัฐบาลเฮงซวยภาค 2 และเพื่อส่งเสียงบอกพวกเขาว่าหยุดลุแก่อำนาจ หยุดกินรวบประเทศ ประชาชนรู้ทันพวกเขาหมดแล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร ประชาชนจะใช้เสียงของตัวเองขัดขวางกลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ประชาชนจะผลักดันร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนให้เป็นร่างแก้ไขหลักที่พิจารณากันในสภาแทนที่จะเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองที่มุ่งรวบหัวรวบหางแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่และกลุ่มคนไม่กี่คน แทนที่จะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ” นางสาวธิษะณา กล่าว

นางสาวธิษะณา ระบุว่าสืบเนื่องจากที่ พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2564 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายหรือร่างรัฐธรรมนูญต่อสภาได้สะดวกมากขึ้น ประเด็นสำคัญคือทำให้การเข้าชื่อเสนอกฎหมายง่ายขึ้น และมีหลากหลายช่องทาง รวมทั้งไม่ต้องมีเอกสารเยอะเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน และสามารถส่งผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยที่ไม่ต้องส่งแผ่นกระดาษ ดังนั้นพวกเรา กลุ่ม Re-solution จึงเปิดช่องทางการเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลากหลายช่องทางผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนที่ทนไม่ไหวกับระบอบประยุทธ์สามารถมาร่วมเข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญด้วยกันได้สะดวกมากขึ้น 

โดยสามารถโหลดเอกสารแบบฟอร์มได้จาก : https://bit.ly/3t04VTR เมื่อกรอกเอกสารและลงลายมือชื่อเรียบร้อยแล้ว จะถ่ายรูปส่งมาหรือส่งเป็นไฟล์ก็ได้ โดยสามารถส่งมาได้หลากหลายช่องทาง จะส่งผ่านไลน์ https://page.line.me/resolutioncon 

กล่องข้อความเฟสบุ๊กเพจ : https://www.facebook.com/resolutionconstitution/ 

กล่องข้อความทวีตเตอร์ : https://twitter.com/ResolutionCons

กล่องข้อความอินสตราแกรม : @ResolutionCon

ส่งผ่านอีเมล : [email protected] ก็ได้

สำหรับประชาชนที่สะดวกส่งเอกสารทางจดหมาย ก็สามารถส่งมาได้ที่ “Re-Solution สำนักงานคณะก้าวหน้า 1768 อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ชั้น 5 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310” และเรายังมีโต๊ะรับลงชื่อในหลายจังหวัด หากใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นได้เลย

“หน่วยมั่นคง ทหาร-ตร.” พร้อมเข้าควบคุม พื้นที่โดยเฉพาะในแคมป์คนงานก่อสร้าง ห้ามมีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปมาระหว่างแคมป์

พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่าในขณะนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้รับมอบหมายจาก ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้ฝ่ายทหารและตำรวจ บูรณาการความร่วมมือในการการจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลควบคุมการ เข้า-ออก ของคนงานในบริเวณที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่เขตหลักสี่และชุมชนคลองเตย เพื่อเป็นการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานไปมาระหว่างแคมป์ต่างๆ แล้ว

สำหรับ การเข้าไปควบคุมหรือสั่งปิดพื้นที่นั้น อยู่ในดุลยพินิจและอำนาจของเขต หรือจังหวัด โดยหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้กำลังในด้านต่างๆ มากขึ้น จะพิจารณาสนธิกำลังทหาร-ตำรวจ เข้าสนับสนุนการปฏิบัติของ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ในการควบคุมดูแลพื้นที่ที่อาจมีความสุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อต่อไป

พปชร. เย้ยโควิด ยกโขยงประชุมใหญ่ 18 มิ.ย.นี้ จ.ขอนแก่น ยัน! เป็นไปตามมาตรการคุมโควิด-19

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพปชร. มีมติจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จ.ขอนแก่น ทั้งนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น อนุญาต ภายใต้มาตรการป้องกันโรคและควบคุมโรคติดต่อโควิด-19 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top