Thursday, 26 June 2025
Politics

“ชัยชนะ” ยัน “ปชป.” หนุนประสานประโยชน์ทุกฝ่ายในสภา เพื่อประโยชน์ของ ปชช. ในการแก้ รธน. - ย้ำบัตร 2 ใบ สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงมากกว่า - ชี้คนให้ ส.ส. มากหรือน้อยไม่ใช่กติกา แต่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตัดสินใจเลือก

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความคืบหน้าไปมาก โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า จะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันเสนอ จำนวน 7 ฉบับ ซึ่งได้เพิ่มเติมจากร่างของพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องการเพิ่มเรื่องอำนาจสิทธิและการคุ้มครองประชาชนในการรับบริการของรัฐ มาประกอบด้วย และจะมีการพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้ทันกับการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายนนี้ 

“ทางพรรคฯ ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อบกพร่องที่สำคัญหลายประการ ที่ไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์แบบได้ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ และอีก 2 พรรคการเมือง จึงได้เสนอร่างแก้ไข ที่มีเนื้อหาที่สามารถประสานประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายในสภา โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักใหญ่ใจความ เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด” รองโฆษกปชป. กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องกระบวนการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่า ทิศทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนกับในรัฐธรรมนูญ 2540 เพราะนอกจากประชาชนมีความคุ้นเคยในการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เหมือนกับที่ผ่านๆมาแล้ว การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนได้มากกว่า เพราะการที่ประชาชนมีความลำบากใจในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วจากบัตรใบเดียว แต่มีเพียงไม่กี่หน่วยงานที่ได้ประโยชน์เนื่องจากเป็นการประหยัดงบประมาณ แต่กลับสร้างปัญหาในการทราบความต้องการที่แท้จริงของประชาชนนั้น ถือเป็นการบิดเบือนพื้นฐานของประชาธิปไตย ที่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไขให้ถูกต้องจากตัวแทนของประชาชน 

นายชัยชนะ กล่าวว่า ส่วนที่มีข้อวิจารณ์ว่า พรรคการเมืองหลายพรรคอาจจะได้ประโยชน์ภายหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นเรื่องของการเลือกตั้ง ว่าจะได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นหรือเป็นการสกัดกั้นไม่ให้บางพรรคการเมือง กลับมามี ส.ส.ได้อีกนั้น ตนว่า คนที่จะให้พรรคการเมือง มี ส.ส. มากหรือน้อยนั้น ไม่ใช่กฎกติกาตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ตนกลับมองว่า ประชาชนคนไทยที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคน เป็นผู้ให้คำตอบว่า พรรคใดจะมี ส.ส. มากหรือน้อย 

ดังนั้นแทนที่จะวิจารณ์เรื่องตัวระบบ ตนคิดว่า ควรกลับไปคิดหาบุคคลที่ประชาชนให้การยอมรับในพื้นที่นั้นๆ และคิดหานโยบายที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน โดยไม่สร้างภาระงบประมาณในภายหลัง รวมทั้ง ต้องมีแนวคิดและทัศนคติทางการเมืองที่เหมาะที่ควร ไม่สร้างความลำบากใจให้กับคนส่วนรวม เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกในวันเลือกตั้งจะดีกว่า

“จุรินทร์” นำคณะ เยี่ยมชาวสวนปาล์ม ชูบริหารเชิงรุกดึงราคาปาล์มพุ่ง เปิดโครงการผลิตน้ำประปาช่วยคนบ้านคลองหวายเล็กหลายร้อยครัวเรือนมีน้ำสะอาดบริโภค ทริปต่อไปทัวร์อีสาน

ที่เทศบาลตําบลคลองพนพัฒนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์  รวมถึง น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนายณธรรมรักษ์ จงรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลคลองพนพัฒนา ได้ร่วมกันลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรใน อ.คลองท่อม และมอบถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 

นายจุรินทร์ กล่าวแสดงความยินดีกับชาวสวนปาล์มที่วันนี้ปาล์มราคาดีอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 6.80 บาท และ 7 บาทในบางช่วง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการบริหารจัดการเชิงรุกที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติในการกำหนดมาตรการหลายเรื่อง อาทิ การสกัดการลักลอบนำเข้าปาล์มจากต่างประเทศ การสนับสนุนผู้ส่งออกน้ำมันปาล์ม กก.ละ 2 บาทเพื่อส่งเสริมให้การส่งออกและรับซื้อผลปาล์มในประเทศ แต่มีเงื่อนไข คือสต๊อกปาล์มในประเทศต้องเกิน 300,000 ตัน และราคาปาล์มต่างประเทศต้องต่ำกว่าในประเทศ แต่ถ้าราคาตก ยังมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรมาช่วยชาวสวนปาล์มให้ได้รับเงินส่วนต่าง  

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อกังวลของเกษตรกรเรื่องปุ๋ยราคาแพงนั้น มีสาเหตุมาจากบริษัทผลิตแม่ปุ๋ยใหญ่คือประเทศจีน มีประเทศอินเดียมาประมูลแม่ปุ๋ยจากจีนไปล็อตใหญ่เพื่อใช้ในการเกษตร และจีนเริ่มฤดูไถหว่านฤดูใหม่ ทำให้เขาต้องสต๊อกปุ๋ยเอาไว้ใช้ในประเทศ ทำให้ปุ๋ยในตลาดโลกขาดแคลน ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้เชิญผู้นำเข้าปุ๋ยมาพูดคุยเพื่อหาจุดสมดุล ด้วยการกดราคาปุ๋ยลงมา แต่ให้พอมีกำไรบ้าง ไม่ให้กระทบกับเกษตรกรเกินไป และมีมาตรการเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน เพื่อที่จะสามารถซื้อปุ๋ยราคาพิเศษได้ โดยกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ จับมือการช่วยแก้ปัญหาด้วยการประสานงานกับพาณิชย์จังหวัดและเกษตรจังหวัดให้รวมตัวกันซื้อปุ๋ยราคาพิเศษในนามกลุ่มจะช่วยลดราคาลงไปได้ 

จากนั้น นายจุรินทร์และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการระบบผลิตน้ำประปา หมู่ที่ 6 บ้านคลองหวายเล็ก ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดนนายจุรินทร์ กล่าวว่า ระบบผลิตน้ำประปาแห่งนี้เป็นระบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งได้ขึ้นทะเบียนนวัตกรรมที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถดูดน้ำจากแหล่งน้ำที่มีอยู่ผ่านขั้นตอนกระบวนการถังกรองฆ่าเชื้อและสูบไปหอสูงประมาณ 20 เมตร และมีระบบกระจายน้ำลงมายังครัวเรือนได้ 200-500 ครัวเรือน จะช่วยให้ประชาชนในชุมชนสามารถมีน้ำอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพ ถึงขั้นบริโภคได้โดยปลอดภัย และเรื่องค่าใช้จ่ายรายปีในการดำเนินการเรื่องต้องซื้อสารฆ่าเชื้อและเปลี่ยนวัสดุกรอง รวมถึงการดูแลระบบบริหารจัดการบำรุงรักษา เมื่อติดตั้งระบบเสร็จแล้วเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ ชุมชนสามารถใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีองค์กรที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารน้ำ คือสหกรณ์กลุ่มผู้ใช้น้ำบ้านคลองหวายเล็ก ต้นทุนประมาณคิวละ 4 บาท ที่เหลือเป็นระบบบริหารจัดการและกำไรเข้าสหกรณ์ใช้ช่วยเหลือดูแลหมู่บ้านต่อไป  
 
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ ตนจะทำกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยจะเดินทางไปยัง จ.อุดรธานีในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ จากนั้นจะไปที่ จ.ขอนแก่นในวันที่ 18 มิ.ย. ตามด้วยวันที่ 19 มิ.ย. จะลงพื้นที่จ.นครราชสีมา

“เสี่ยโจ้” อัดนายกฯ สอบตก ถามม้าตอบช้าง ไม่มีรายละเอียดใช้เงินกู้ ซัดกองทัพเรือยังจะซื้อเรือดำน้ำทั้งที่ประเทศต้องกู้เงิน จี้ทำโพลถาม ปชช.ควรซื้อไหม

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชรภารณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท.ร่วมแถลงข่าว โดยนายยุทธพงศ์ ในฐานะโฆษกรรมาธิการงบประมาณฯ กล่าวถึงความคืบหน้าของกรรมาธิการงบประมาณ 65 ว่า เราเริ่มประชุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยสภาพัฒน์ฯ ยืนยันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 4-5 ส่วนงบประมาณ 65 จำนวน 3.10 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจัดเก็บ 2.60 ล้านบาท เงินกู้ 7 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่าจะจัดเก็บตามเป้าได้ ส่วนงบประมาณปี 64 ที่กำลังใช้อยู่ประมาณ 3.30 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ 2.67 ล้านบาท ซึ่งปีนี้กระทรวงการคลังคาดว่าจัดเก็บต่ำกว่าเป้าประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จะพิจารณาตั้งอนุกรรมาธิการรวม 8 คณะโดยจะตั้งอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และในสัปดาห์นี้จะพิจารณากระทรวงการคลังต่อ กระทรวงพาณิชย์ และกระทวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้เปิดเพจเรือดำน้ำทางเฟซบุ๊ก "เรือดำน้ำไทย Thai Submarine" โดยยอมรับว่าตั้งงบซื้อเรือดำน้ำใหม่ 2 ลำ จำนวน 22,500 ล้านบาทอยู่ในงบประมาณปี 65 โดยอ้างว่ามีความจำเป็น เพราะเคยมีเรือดำน้ำประจำการมาก่อนตั้งแต่ปี 2481 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถึงตอนนี้มีความจำเป็นเพราะเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ทางทะเล แต่ตอนนี้มีวิกฤตเศรษฐกิจ คนอดอยาก และการแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้เราไม่มีเงินจะซื้อ ต้องไปกู้เงินมา โดยปี 65 กู้ 7 แสนล้านบาท และสัปดาห์ที่ผ่านมาก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท ถามว่าเรือดำน้ำสำคัญอย่างไรกว่าปากท้องและวัคซีนประชาชน หากกองทัพเรือมั่นใจว่าเรือดำน้ำเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ขอท้าให้กองทัพเรือทำโพลสอบถามประชาชน ว่าในภาวะเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะซื้อเรือดำน้ำใหม่อีก 2 ลำ ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาว่ากรรมาธิการฯ คัดค้านหรือมีอคติกับกองทัพเรือ แต่วันนี้ประเทศไม่มีงบประมาณ เป็นความเดือดร้อนของประชาชน อีสานบ้านตนตอนนี้วัวยังติดเชื้อ ไม่มีเงินช่วยเขาเลย ดังนั้นกู้เงินมาแล้วก็ต้องเอามาช่วยประชาชนก่อน

นายยุทธพงศ์ กล่าวถึงการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทที่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายกฯ ตอบไม่ตรงคำถาม ใช้เทคนิคถามม้า ตอบช้าง ไม่ตอบสาระสำคัญ พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายว่าเหมือนตีเช็คเปล่าให้นายกฯ 5 แสนล้าน โดยไม่มีรายละเอียดการใช้เงิน มีเนื้อหาเพียง 3 บรรทัดว่า เพื่อแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากไวรัสโควิด-19 ใช้ในการแพทย์และสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและเกษตรกร 3 แสนล้านบาท และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่เงินกู้เก่า 1.0 ล้านล้านบาท ก็ยังเหลืออยู่ 2.9 แสนล้านบาท ดังนั้นที่ฝ่ายค้านเสนอให้ออก พ.ร.บ.งบประมาณกลางปีเพื่อให้ตรวจสอบการใช้งบได้ ก็ไม่ยอมทำ ตอนนายกฯ มาถึงสภาฯ ก็ไม่ตอบคำถาม แถมมาก็ยังมาพูดข่มขู่ว่าพวกพูดข้างนอกให้ระวัง ตนถือว่าสอบตกเพราะชี้เแจงไม่ได้เลย ส่วนที่บอกว่าไม่โง่หรอกที่จะกู้ถึง 60% ก็ไม่อธิบาย ไปพูดสำนวนโวหาร แล้วก็พูดเลยไปพูดถึง ส.ส.พปชร.ที่ไปพาใครมาแถลงข่าวแทน สรุปไม่ตอบคำถามเรื่องวัคซีนเลย ไม่ตอบว่าจะเอาเงินกู้ไปทำอะไร ที่สำคัญที่ฝ่ายค้านถามเรื่องวัคซีนแอสตร้าฯ ว่าซื้อเท่าไร กำหนดส่งมอบเมื่อไร ที่บอกจะฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา สุดท้ายก็ฉีดได้ 4.1 แสนคน ฉีดไม่ถึงวันละ 5 แสนคนตามที่ตั้งเป้าไว้

ด้านนายจิรพงษ์ กล่าวว่า คนที่มีฐานะสามารถไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ท่านทำได้ แต่ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างของประเทศกลับไม่มีสิทธิเลือกวัคซีนได้เลย คนที่ป่วยยังต้องไปนอนโรงพยาบาลสนาม สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้อย่างชัดเจน รัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่จำนวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลับลดลงเรื่อยๆ จนหมอชนบทออกมาแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุข ออกมาพูดความจริงว่าวัคซีนไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็เครียดเพราะกังวลเรื่องการถูกเพ่งโทษ ขณัที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง ไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงได้ ให้ใช้งบฯจากโรงพยาบาลไปก่อน ตนจึงขอเรียกร้องให้นำเงินจากการกู้เงินนำมาจัดสรรให้บุคลากรเหล่านี้ด้วย

อนุทิน โพสต์ ชี้ ปมวัคซีน มีบางคนพยายามทำให้ปัญหามันใหญ่ขึ้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟสบุ๊ก ในเพจ Like Anutin ระบุข้อความว่า อย่าให้คนทำงาน กลายเป็น "แพะ" เรื่องการบริหารจัดการวัคซีนนั้น ต่างฝ่าย ต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบตามตัวบทกฎหมายที่กำหนด กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ในการจัดหา และกระจายไปตามแผนที่ ศบค.กำหนด เมื่อวัคซีนถึงพื้นที่ ก็เป็นบทบาทของหน่วยงานในพื้นที่นั้นๆ ต้องบริหารจัดการวัคซีนตามที่แสดงเจตจำนงค์ไป ทุกอย่างชัดเจน 

ทว่ายามมีปัญหา ทั้งใน กทม.และจังหวัดอื่นๆ กลับกลายเป็น สธ.ต้องถูกวิจารณ์อย่างสาหัส ทั้งที่ได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนสุดความสามารถแล้ว อย่าแปลกใจ หากเราจะเห็น คน สธ.ออกมาชี้แจงรัวๆ เรื่องการเลื่อนฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างๆ โดยเน้นย้ำว่า ทางหน่วยงาน ไม่ได้มีอำนาจรับผิดชอบตรงนั้น หากเข้าไปแทรกแซงจะกลายเป็นก้าวก่าย เพราะมาจุดนี้ ดูเหมือนคนทำงาน ที่มีสภาพไม่ต่างจากแพะ ก็ทนแบกรับปัญหาของคนอื่นต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน 

เรามักจะพูดเสมอว่าเรื่องโควิด เราต้องช่วยกัน แต่ในความเป็นจริง บางคนก็พยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา แต่บางคนกลับพยายามจะทำให้ปัญหามันใหญ่ขึ้นไปอีก 

“ครูกัลยา” ให้ความเชื่อมั่น เด็ก-ผู้ปกครอง เปิดเทอมได้เรียนอย่างปลอดภัยจากโควิด-19 ย้ำรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้ครูในพื้นที่เสี่ยงสีแดง กรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเร็วที่สุด

ที่กระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความเชื่อมั่นกับนักเรียนและผู้ปกครอง เปิดเทอมวันนี้นักเรียนทุกคนจะได้เรียนอย่างครบถ้วนผ่านช่องทางและแพลตฟอร์มที่เหมาะสม อย่างปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 พร้อมย้ำรัฐบาลเร่งฉีดวัคซันให้ครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสียง กรุงเทพฯและปริมณฑลโดยเร็วที่สุด 

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2564 ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ว่า ขณะนี้มีโรงเรียนหลายประเภทได้เปิดเรียนไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 แล้วเนื่องจากพื้นที่หรือจังหวัดที่โรงเรียนนั้นตั้งอยู่ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 หรือมีน้อยมาก จึงสามารถทำการปฏิบัติการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้ปกติภายใต้มาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดนั้น และเป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด

โดยกระทรวงศึกษาธิการขอให้ความมั่นใจว่าโรงเรียนทุกแห่งที่ได้เปิดการเรียนการสอนไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และที่ได้เปิดในวันนี้ (14 มิถุนายน 2564) มีความพร้อมทั้งในเรื่องการเรียนการสอน รวมถึงเรื่องความปลอดภัยซึ่งให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยโรงเรียนจะจัดการเรียนการสอนใน 5 รูปแบบ คือ 1.) On-site เรียนที่โรงเรียน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 (ศบค.) 2.) On-air เรียนผ่านมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ DLTV 3.) On-demand เรียนผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ 4.) On-line เรียนผ่านอินเตอร์เน็ต และ 5.) On-hand เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัด หรืออาจใช้วิธีอื่นๆ เช่น วิทยุ เป็นต้น เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่  

“กระทรวงศึกษาธิการเรามีประสบการณ์ เกี่ยวกับการเรียนการสอนในทุกช่องทาง และทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง On-line On-air On-hand On-demand ต่างๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ทำให้คุณครูและผู้บริหารโรงเรียนสามารถจัดการให้ความพร้อมและความปลอดภัยในการที่นักเรียนจะมาเรียนที่โรงเรียนเลย หรือจะเรียน On-line หรือช่องทางต่างๆ ด้วยอุปกรณ์ที่ครบถ้วน จึงมั่นใจว่านักเรียนทุกคนจะสามารถเรียนได้ในหลายรูปแบบ คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองก็จะได้สบายใจว่าบุตรหลานของท่านจะได้รับการศึกษาอย่างครบถ้วนและปลอดภัยที่สุด โควิด-19 จะไม่สามารถที่จะมาหยุดการเรียนการสอนของเราได้”ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว

นอกจากนี้คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้กับคุณครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการศึกษาที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ ให้ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนโดยเร็วที่สุด 
 

เผย! มีผู้รับเหมาหลายรายเสนอใช้ทีโออาร์สายใต้ ประมูลทางคู่เหนือ-อีสาน แต่เหลว!

ก่อนประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายอีสานช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้สอบถามความเห็นจากผู้รับเหมาที่สนใจจะเข้าประมูล ปรากฏว่ามีผู้รับเหมาหลายรายเสนอให้ ร.ฟ.ท. นำข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (ทีโออาร์) ของสายใต้ช่วงนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร มาใช้ แต่ ร.ฟ.ท.ปฏิเสธ

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2400347180110171&id=232025966942314
 

ราเมศ ย้ำ ปชป เปิดตัวผู้สมัคร ทำพื้นที่ พร้อมทุกสถานการณ์

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัครในพื้นที่เขตเลือกตั้งต่างๆ ว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับบุคลากรของพรรคตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแล้ว ว่าทุกเขตเลือกตั้งจะต้องไม่หยุดนิ่งในการทำพื้นที่โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มีทั้งอดีตผู้สมัคร ส.ส.และตัวแทนพรรคประจำจังหวัดรวมถึงสาขา ขณะนี้มีประจำทุกเขตเลือกตั้งครบ 350 เขต กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ทุกประการ รวมถึงการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคซึ่งมีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นประธาน ก็ได้มีการติดตามดูการทำพื้นที่ในทุกพื้นที่เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการสรรหาตัวผู้สมัคร

การประกาศตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งก็เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ผู้สมัครจำต้องเปิดตัวเพื่อให้สมาชิกรวมถึงประชาชนได้รู้จักและพร้อมทำงานร่วมกัน สมาชิกและประชาชนจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการสรรหา ในส่วนของสมาชิกสำคัญที่สุดเพราะในเขตพื้นที่ที่เปิดตัวผู้สมัครจะเป็นส่วนสำคัญในการมีส่วนร่วมกับพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคก็ดำเนินการให้มีส่วนร่วมมากที่สุด เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายพรรคการเมือง 

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า การเปิดตัวไม่ได้มีสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการยุบสภา แต่เป็นการทำตามขั้นตอนที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด และเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลาเป็นเรื่องปกติ ขณะนี้หัวหน้าพรรคได้กำชับให้ทุกคนในพรรคทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะยุบสภาตอนไหนคงไม่มีใครสามารถตอบได้เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีการเตรียมความพร้อมในส่วนของพรรคในฐานะสถาบันทางการเมืองทำทุกเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องใดน่ากังวล

“เลขาฯ สมช.” ยัน สธ.-กทม. ไร้เกาเหลาปมวัคซีน รับ ปัญหาต่างคนต่างสื่อสาร ปัดตอบหมอชนบท จวกการบริหารของ ศบค.รับเหตุขัดข้องเพราะไร้วัคซีน โวทีมพร้อมหลักพัน รอของเข้าพร้อมฉีดทันที 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ กทม.ระบุว่าไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่วนสธ.แย้งว่าการเป็นการบริหารของศบค. ว่า การจัดการทั้งหมดยังเป็นไปตามแผน โดยศบค. จะพิจารณาการจัดสรรวัคซีนเป็นรายเดือน แจกจ่ายให้เป็นงวด ไม่ใช่ได้รับโควต้าเดือนนั้นๆทีเดียวรวดเดียว ทุกส่วนยังทำหน้าที่ของตัวเองได้หมด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะทยอยส่งวัคซีนให้ หน่วยฉีดก็ฉีดตามโควต้าที่ได้รับไปจนครบ 1 เดือน ก็เป็นไปตามแผนที่ศบค.เห็นชอบ ไม่มีปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่าเป็นไปตามแผนหมายถึงแผนการจัดหาวัคซีนหรือแผนการฉีดวัคซีน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า แผนจัดหาวัคซีน ตามที่เคยชี้แจงไปแล้วว่าเดือนมิ.ย.จะมีวัคซีนเข้ามา ประมาณ 6 ล้านโดส และขณะนี้ก็กำลังทยอยเข้ามา 

เมื่อถามว่ากทม.ออกมาระบุว่า ตั้งแต่ 15 มิ.ย.ไม่มีวัคซีนฉีดทางศบค.จะดูแลอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เป็นไปตามข้อเท็จจริงเพราะวัคซีนไม่มา วันนี้จะให้กทม.ชี้แจงเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าวัคซีนจะทยอยเข้ามาสัปดาห์ต่อไป ปัจจุบันไม่มีใคร ยืนยันว่าวัคซีนจะเข้ามาเมื่อใด แต่ก็ทราบว่าจะเข้ามาในเดือนนี้ กทม. จึงใช้วิธีประมาณการณ์ ไปว่าจะจัดฉีดวัคซีนให้หลังจากวัคซีนเข้ามาแล้ว เมื่อถามว่า ทางศบค. จะเข้าไปช่วยกทม.ในการจัดสรรวัคซีนหรือไม่ เลขาฯสมช. กล่าวว่า ทางศบค. จะดูในภาพรวม 

เมื่อถามว่าหากวัคซีนมาล็อตเดียวจำนวนมากเป็น 5 ล้านโดส จะบริหารจัดการทันหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าทันแน่นอน ความจริงเพราะมีขีดความสามารถสูงมาก ทำให้เมื่อวัคซีนเข้ามาน้อยจึงมีปัญหาเล็กน้อย ความจริงเราเตรียมการว่าหากวัคซีนมาจำนวนมาก 10 ล้านโดส จะฉีดได้ทันหรือไม่ และปัจจุบันทั่วทั้งประเทศมีหน่วยบริการฉีดเป็นพันหน่วย หากมา 10 ล้านโดส เราฉีดทันแน่นอน แต่เมื่อวัคซีนเข้ามาน้อยจึงไม่สอดคล้องกับขีดความสามารถที่มีอยู่ เมื่อวัคซีนมาเยอะเราจะสามารถฉีดอย่างเพียงพอ เมื่อถามว่าการจัดการวัคซีนในล็อตต่อไป กทม.ควรจะเน้นไปผู้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม หรือของกทม. ก่อน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เดี๋ยวไปต้องไปหารือกัน 

เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการสื่อสารให้ประชาชนไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นทำนองนั้น โดยวันนี้จะมีการคุยกับผู้รับผิดชอบ เพราะแผนใหญ่ก็เป็นไปตามแผนอยู่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าศบค.จะเข้าไปจัดการความขัดแย้งกับกทม. และ สธ.หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ไม่มีอะไรขัดแย้ง เพียงแต่แต่ละส่วนต่างชี้แจงในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ ศบค.ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพบูรณาการยังทำไปตามแผนไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามย้ำกรณีที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท ออกมาระบุว่า ปัญหา ทั้งหมดเกิดจากศบค. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค. พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า "ผมขออนุญาตไม่ตอบ" 

เมื่อถามว่าการผ่อนคลาย 5 กิจการในกรุงเทพฯในวันนี้ จะมีประกาศออกมาเป็นอย่างทางการหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าคาดว่าจะออกประกาศในวันนี้ ต้องดูว่านายกฯ เน้นย้ำในรายละเอียด เมื่อประกาศให้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่กำกับจะต้องเป็นไปตามเรียบร้อย เพราะในสังคมยังมีส่วนให้ผ่อนคลาย และยังห่วงใย 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการขยายเวลาให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐปฏิบัติงานจากที่บ้านหรือเวิร์กฟอร์มโฮม ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.หรือไม่ เลขาฯ สมช. พยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวว่าเป็นไปตามประกาศของหน่วยงานต่างๆ 

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ จ.ระยอง ติดตามโครงการส่งน้ำ "คลองสะพาน-ประแสร์ " พอใจได้ผลตามเป้า  เตรียมผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เสริมน้ำต้นทุน มั่นใจปชช. มีน้ำใช้เพียงพอภาคตะวันออก สร้างความเชื่อมั่น นักลงทุน รองรับ EEC

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม./ผอ.กอนช.ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการดำเนินงานมาตรการรับมือฤดูฝนปี 64 ในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.รง.,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กษ.และ ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.รง. ร่วมคณะ ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ประแสร์ อ.วังจันทร์  จ.ระยอง ทั้งนี้มี นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางถึง บริเวณโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ประแสร์ จ.ระยอง รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และการพัฒนาเศรษฐกิจ EEC จากรองเลขาฯสทนช.,เลขาฯ EEC และอธิบดีกรมชลประทาน ตามลำดับ ซึ่งมีความคืบหน้า อย่างน่าพอใจ และเป็นไปตามนโยบายที่เคยมอบไว้ เมื่อครั้งมาตรวจพื้นที่ เมื่อ 15 พ.ค.63 โดยคาดว่าในอนาคตอันใกล้ พื้นที่ภาคตะวันออกจะสามารถพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ และมีน้ำต้นทุนภายใต้ระบบโครงข่ายน้ำต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมที่จะรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ ทั้งภาคประชาชน เกษตรกรรม การบริการ การท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรม ได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น และเป็นแรงจูงใจให้แก่นักลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลได้ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายที่สำคัญ ให้แก่ สทนช.,กษ.,ทส.,การนิคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างมีคุณภาพ ภายใต้ 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี64 และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก รวมถึงการกักเก็บน้ำสำรอง ทั้งบนดิน ใต้ดิน ไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า และเตรียมการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากภัยแล้ง และน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ เสริมความเชื่อมั่นด้านน้ำ สามารถรองรับให้กับทุกภาคส่วน และ EEC ได้อย่างยั่งยืน ต่อไป

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทาง ต่อไปยังบริเวณจุดติดตั้งสถานีสูบน้ำ คลองสะพาน-ประแสร์ โดยได้เยี่ยมชมการทำงานของระบบสูบน้ำ พร้อมกดปุ่มเปิดการทำงานของเครื่องสูบน้ำ และได้กำชับกรมชลประทาน จะต้องดูแลรักษาเครื่องสูบน้ำให้สามารถใช้งานได้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่า ก่อนเดินทางกลับ กทม.

"อนุทิน" เปิดใจปมวัคซีน เร่งแก้ปัญหาการสื่อสาร กทม.-สธ. พร้อมขออภัยประชาชน หลังมีปัญหาขลุกขลัก เล็งใช้ศูนย์กลางบางซื่อ ฉีด "หมอพร้อม" คนกรุงฯ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงประเด็นการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า 

การทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เป็นผู้อนุมัติหลักการต่างๆ เพื่อให้หน่วยงสนระดับรองลงมานำไปปฏิบัติ กรณีการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 สธ.มีบทบาท จัดสรรวัคซีนตามที่ ศบค.เห็นชอบร่วมกันกับหน่วยงานราชการและการนำเสนอของกรมควบคุมโรค ดังนั้นหน่วยงานข้างต้น ต้องเห็นพ้องต้องกัน จึงสรุปออกมาว่า จะให้ สธ.จัดส่งวัคซีนไปที่ไหน อย่างไร เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) จังหวัดต่างๆ หน่วยงาน องค์การ หรือสมาคมห้างร้าน 

“กทม. ชัดเจนที่สุด คือว่า ศบค.จะตกลงกับกทม.และกรมควบคุมโรค ว่าเดือนมิ.ย. จะได้ตัวเลขจริงที่ 1 ล้านโดส โดยกรมควบคุมโรคต้องส่งวัคซีนไปตามจุดที่กทม. บอกมา ไม่ใช่ส่งไปที่คลังของกทม.เท่านั้น ยังส่งไปที่โรงพยาบาล (รพ.) เล็ก รพ.น้อย เราก็ส่งไปถึงรพ.นั้นๆ เพราะเราว่าจ้างบริษัทขนส่งให้ดำเนินการจัดส่งตามระบบลูกโซ่คงวามเย็น” 

เมื่อถามถึงการจัดสรรวัคซีนของศบค.ที่ให้กับกทม. ตลอดเดือนมิ.ย. จำนวนเท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า เริ่มต้นจาก 2.5 ล้านโดส แต่ว่ามีการจัดสรรให้กับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) 11 แห่ง 5 แสนโดส ต่อมามีสำนักงานประกันสังคม ผู้ประกันตนม.33 อีก 1 ล้านโดส ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกทม. ดังนั้น จะเหลือตัวเลขกลมๆ มาที่ กทม. ประมาณ 1 ล้านโดส โดยตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. กรมควบคุมโรค ส่งวัคซีนไปให้กทม.แล้ว 5 แสนโดสและปลายสัปดาห์นี้ก็จะส่งเพิ่มอีก 5 แสนโดส 

นายอนุทิน กล่าวว่า จะหาทางสื่อสารระหว่าง กทม.และกรมควบคุมโรค ให้ลงรายละเอียดกันมากกว่านี้ ต้องปรับปรุงการสื่อสาร ทั้งนี้ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า หากกรมควบคุมโรคมีมากก็ส่งให้มาก เพราะจริงๆ ส่งไปสัปดาห์ละ 2.5 แสนก็ได้ แต่มีมากเราก็ส่งไป 5 แสนโดสก่อน 

"จะกำชับกับกรมควบคุมโรคให้แจ้งกับหน่วยงานที่รับวัคซีนให้ชัดเจน เพื่อให้เฉลี่ยวัคซีนแต่ละสัปดาห์ โดยจะต้องหารือกันว่าหากส่งวัคซีนไปเท่าไหร่ ก็ให้บริหารจัดการตามเหมาะสม และอาจให้คาดการณ์จำนวนวัคซีนล็อตถัดไปด้วย แม้จะไม่ทราบวัน เวลาที่ส่งที่แน่นอน แต่ให้บอกช่วงการคาดการณ์ไป 

ซึ่งเหมือนกับที่ไทยรับวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ที่แจ้งเป็นรายสัปดาห์ ขณะนี้ 2 สัปดาห์แรก แต่ส่วนกลางต้องบริหารกว่า 100 ล้านโดส อาจขรุขระในช่วงต้นบ้าง ต้องขออภัยประชาชน"

เมื่อถามถึงการจองคิวฉีดวัคซีนในหมอพร้อม ที่มีการระบุในสัดส่วนของ กทม. นายอนุทิน กล่าวว่า ในช่วงแรกของการลงทะเบียนหมอพร้อม ก็เพื่อการฉีดให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ซึ่งกลุ่มนี้ที่อยู่ในกทม. ดังนั้นวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดสของกทม. จะต้องครอบคุลมการฉีดในหมอพร้อมด้วย 

โดยวันนี้ตนจะหารือกับอธิบดีกรมควบคุมโรค เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่จองผ่านหมอพร้อม โดยมีแนวทางว่าจะให้ไปรับวัคซีนที่ศูยน์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top