Wednesday, 18 June 2025
Politics

“เสรีพิศุทธ์” เสียใจกับ ปชป.ที่เสียแชมป์ให้กับกลุ่มคนที่ตัวเองยอมเป็นนั่งร้านให้ เปรียบนโยบายแจกเงินของรัฐเหมือนกับการเสพฝิ่น ลดการเจ็บปวดชั่วขณะแต่รักษาโรคร้ายไม่ได้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องเขต 3 นครศรีธรรมราชทุกท่านที่ได้ลงคะแนนให้กับผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค แม้คะแนนเสียงที่ได้รับจะยังไม่มาก แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการจุดประกายความคิดเรื่องการสร้างประชาธิปไตยในภาคใต้

โดยทางพรรคพร้อมที่จะคิดค้นนโยบายส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องชาวภาคใต้ต่อไป แม้จะเป็นเพียงพรรคเล็กๆ แต่ด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นก็เชื่อว่าพี่น้องชาวใต้จะให้การยอมรับในวันข้างหน้า

"ขอแสดงความเสียใจกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเสียแชมป์หมดสภาพทางการเมือง เพราะกลุ่มคนที่พวกท่านยอมเป็นนั่งร้านให้เพื่อแลกกับการได้ร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์บางคนอุตส่าห์ไปเป่านกหวีด ล้มรัฐบาลเลือกตั้งจนได้ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพวกเข้ามา แต่วันนี้คนที่พวกท่านมีส่วนสร้างขึ้นมาได้ล้มท่านเองโดยไม่ให้ค่าและไม่เห็นประชาธิปัตย์อยู่ในสายตา ไม่รู้ว่าพวกท่านทนอยู่ร่วมกันได้อย่างไร"

ส่วนพรรคที่ชนะก็อย่าได้ลำพองจนเกินไป เพราะแม้กระทั่งคนของประชาธิปัตย์เองยังออกมาเแฉว่ามีการเคลมมาตรการแจกเงินว่าเป็นโครงการของพรรคเขาพรรคเดียวเท่านั้นไม่ใช่ของพรรคร่วมรัฐบาล จนถึงขนาดไปปล่อยข่าวว่าถ้าได้ ส.ส.ประชาธิปัตย์เข้ามาจะมีการล้มโครงการคนละครึ่ง

นอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจผ่านกลไกรัฐทุกรูปแบบ มีการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินใกล้พื้นที่เลือกตั้ง มีการใช้รถตำรวจนำขบวน มีข่าวการซื้อเสียงอย่างหนัก จนชาวบ้านเองต้องออกมาโวยว่าถูกอ้างชื่อ แต่ กกต.กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นไปได้อย่างไร

"สรุปว่างานนี้ โครงการคนละครึ่งชนะประกันราคา เพราะคนละครึ่งแจกเงินได้ครอบคลุมกว่า วันนี้สังคมกำลังเคลิบเคลิ้มกับการแจกเงินผ่านโครงการต่าง ๆ เพราะมันได้ง่าย ได้ตรง ยิ่งกว่าประชานิยมในอดีต แต่เชื่อว่าพอประเทศหมดเงินเมื่อไรก็จะมีการรีดภาษีจากพวกเรานี่แหละ เพราะรู้กันอยู่ว่าพวกทหารหาเงินไม่เป็นถนัดแต่ยึดอำนาจ

ตอนนี้ยังใช้โควิดบังหน้าได้แต่ต่อไปจะเห็นได้ชัด การแจกเงินก็เหมือนกับการเสพฝิ่น ทำให้เคลิบเคลิ้มลดความเจ็บปวด แต่รักษาโรคร้ายไม่ได้จริง พรรคเสรีรวมไทยเป็นพรรคเล็กที่คอยเตือนสติผู้คนว่ามีแต่แนวทางประชาธิปไตย เท่านั้นที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

'อ.ปริญญา' ยกข้อกฎหมายยันให้ขังแกนนำม็อบที่ไม่ใช่เรือนจำ

จากกรณีศาลอาญามีคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำม็อบราษฎร ประกอบด้วย

1.) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง

2.) นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์

3.) นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน

จากกรณีอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.116, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ป.อาญา ม.215, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ป.อาญา ม.112 ที่ผ่านมา

ล่าสุด ผศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Prinya Thaewanarumitkul เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า…

การได้รับการประกันตัวในคดีอาญาหรือที่กฎหมายใช้คำว่า ‘ปล่อยชั่วคราว’ นั้นเป็นสิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องหาและจำเลยทุกคน ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 107 ว่า #ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

แม้ว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ศาลจะมีดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวได้ แต่สิ่งที่บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมอาจจะลืมไปคือ ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์นั้น หากศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว #ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะถูกเอาไปขังไว้ในเรือนจำกับนักโทษที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว และจะถูกปฏิบัติเหมือนกับนักโทษแทบจะทุกประการ

และนี่คือปัญหาใหญ่มาก!!

เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า #ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด แสดงว่าบุคคลใดกระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น #เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ การเอาบุคคลซึ่งยังเป็นแค่ผู้ต้องหาหรือจำเลยไปขังไว้ในเรือนจำรวมกับนักโทษ ก็คือการปฏิบัติกับเขาเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว ซึ่งย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง

ดังนั้น หากศาลท่านจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ก็ต้องสั่งให้ไป #กักขังในที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ และให้ปฏิบัติต่อเขาแบบคนที่ยังไม่ถูกศาลพิพากษาด้วยครับ หรือไม่งั้นก็ต้อง #อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้เขาสู้คดีนอกคุก อย่างหนึ่งอย่างใด หาไม่แล้วจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง ที่คุ้มครองประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกปฏิบัติเยี่ยงนักโทษก่อนศาลพิพากษา ด้วยความเคารพครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3980182318692343&id=100001018415956

นายกรัฐมนตรี ลั่นไม่ขอก้าวล่วง ชี้ ! เป็นอำนาจศาลพิจารณาปล่อยตัวแกนนำชุมนุมผิด ม.112

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดตามมาตรา 112 ว่า ต้องไปดูข้อกฎหมาย ซึ่งเมื่อกระทำความผิดก็ต้องต่อสู้คดี และรัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ ต้องนึกถึงว่าหากเป็นรัฐบาล เป็นศาล หรือเป็นเจ้าหน้าที่เอง คิดว่าจะทำได้หรือไม่ และต้องนึกถึงคดีอื่นๆ ด้วยว่าทำได้หรือไม่ เพราะจะเป็นการทำให้ข้อกฎหมายเสียหายไปทั้งหมด เมื่อกระทำความผิด ก็ต้องต่อสู้คดี รัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะทำอย่างไรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้น

พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่ถ้าชุมนุมแล้วเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น และเมื่อศาลพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ก็เป็นดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาเช่นกัน ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร เพราะกฎหมายเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะสามารถละเว้นกฎหมายได้

อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องน่ายินดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมมือวางระเบิดไปป์บอมได้ แต่ไม่ควรตั้งคำถามว่าเป็นการจัดฉากของรัฐบาลหรือไม่ โดยยืนยันว่าไม่มีนโยบายให้ทำเช่นนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และไม่กล้าทำอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่หลักฐานว่าเป็นใคร ซึ่งคนที่ถูกจับได้ก็ให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนทำเอง

ครม.ขยายระยะเวลากดยืนยันตัวตน “ม33 เรารักกัน” ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม นี้ หวังให้ผู้ประกันตน ม33 ได้รับสิทธิอย่างทั่วถึง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยมติคณะรัฐมนตรีรับทราบการปรับปรุงโครงการ ‘ม33 เรารักกัน’ โดยขยายระยะเวลายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิรับวงเงิน 4,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (G-wallet) ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 โดยกลุ่มผู้ลงทะเบียนรอบแรกที่ผ่านการคัดกรอง กดใช้งานและยืนยันตัวตน ใน 3 ช่วงเวลานี้ คือ

1.) ระหว่างวันที่ 15 - 21มีนาคม 2564 ได้รับวงเงิน 1,000 บาท/สัปดาห์ ระยะเวลา 4 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน (22,29 มีนาคม 5 และ 12 เมษายน 2564)

2.) ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 11 เมษายน 2564 ได้รับวงเงินครั้งแรกในวันที่กดใช้งานฯ เป็นยอดวงเงินสะสม จนถึงวันที่กดใช้งานฯ และรับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนครบ 4,000 บาท เช่น ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์วันที่ 29 มีนาคม 2564 จะได้รับวงเงินครั้งแรกวันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 2,000 บาท (วงเงินสะสมของสัปดาห์แรก คือ 22 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท และสัปดาห์ที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท) จากนั้นจะได้รับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท ในวันที่ 5 และ 12 เมษายน 2564

3.) ระหว่างวันที่ 12 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ ครั้งเดียว จำนวน 4,000 บาท

สำหรับกลุ่มผู้ขอทบทวนสิทธิและผ่านการคัดกรองเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ สามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 ยืนยันเพื่อรับสิทธิ์ระหว่างวันที่ 5 - 11 เมษายน2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่ 12 เมษายน 2564 จำนวน 4,000 บาท และหากยืนยันระหว่างวันที่ 12 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ จำนวน 4,000 บาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายระยะเวลายืนยันตัวตนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 หวังให้ผู้ประกันตน ม 33 ได้รับสิทธิรับสิทธิรับวงเงิน 4,000 บาท อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับโครงการเราชนะที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยืนยันตัวตน

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เร่งเข้าร่วมยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ซึ่งภายหลังการปิดลงทะเบียนเมื่อ 7 มี.ค. เวลา 23.00 น สรุปข้อมูลโครงการ ม33 เรารักกัน ผู้สมัครสำเร็จมีจำนวนทั้งสิ้น 8,208,286 คน

เขตลาดพร้าวนำร่อง!! เตรียมรวบกลุ่มมอเตอร์ไซต์วิน - ไรเดอร์ส่งอาหาร ฝ่าฝนขับ - จอดบนทางเท้าช่วง 06.00 - 19.00 น.

นางสุภาพร ศรีศาสนวงศ์ ผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว นำคณะผู้บริหาร ร่วมกับตำรวจสน.โชคชัย 4 ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของทางเท้าและทางจักรยาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชนชาวลาดพร้าวในการสัญจรผ่านไป-มา

ทั้งนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ ออกปฏิบัติหน้าที่ตามแผนการตั้งด่านกวดขันจับกุม ผู้ฝ่าฝืน ขับขี่หรือจอดรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์บริการรับส่งอาหาร บนทางเท้าและทางจักรยาน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 19.00 น. เพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ใช้ทางเท้าและทางจักรยานหากฝ่าฝืนจะทำการจับกุม เปรียบเทียบปรับในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมายรักษาความสะอาดฯ และเป็นไปตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร ณ บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม

นอกจากนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ข่าวสารและข้อกฎหมายให้กับผู้ขับขี่โดยตรงกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานยนต์บริการรับส่งอาหาร เช่น แกร็บฟู้ดแพนด้า และไลน์แมน รวมทั้งผ่านทางกลุ่มไลน์ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่เขตลาดพร้าวจำนวน 57 วินเพื่อขอความร่วมมือ ผู้ขับขี่ไม่ให้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย และช่วยแจ้งข่าวสารทางกลุ่มไลน์หากพบผู้ฝ่าฝืนขับขี่หรือจอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้าทางจักรยาน ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายอีกช่องทางหนึ่ง


ที่มา: https://www.naewna.com/local/557992

เสรีพิศุทธ์ แฉ 2 พรรคใหญ่ ซื้อเสียงเลือกตั้งซ่อมเมืองนคร ยุ ปชป.ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล เตือนไม่มีที่ยืนหากคิดไม่เป็น ลั่นระวังแพ้เสรีรวมไทย ชี้ ศาลไม่ควรก้าวล่วงอำนาจสภาแก้รธน.

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมาว่า มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยพรรครัฐบาล เพราะเป็นไปได้อย่างไรที่อยู่ดีๆ พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์จะได้เสียงเพิ่มมาหมื่นกว่าเสียง ซึ่งผู้สมัครก็ยังไม่ได้ทำความดีอะไรเลย และยังไม่มีใครได้เข้าสภา แต่ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยได้ทำงานมาโดยตลอด

“พรรคพลังประชารัฐยังมีการขนคนลงไปช่วยกันซื้อเสียงเต็มที่ ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้วัดกันที่กำลังเงิน ผมมีข้อมูลแต่สามารถเอาผิดได้แค่ตัวเล็กๆ ในครั้งนี้จึงจะไม่มีการฟ้องร้องใด ๆ เพราะในครั้งที่มีการเลือกตั้งที่จังหวัดลำปางและสมุทรปราการมีหลักฐานชัดเจนได้ยื่น กกต.ไปแล้วแต่เรื่องก็ยังเงียบเฉย ดังนั้นครั้งนี้ผมจะฟ้อง กกต.แทน

ซึ่ง กกต.ไม่มีปัญญาในการป้องกันการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ยังลงไปสร้างภาพ ปล่อยให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงขนาดนี้ ประธาน กกต.ยังด้านอยู่ พูดหลอกประชาชนไปเรื่อย ดังนั้นควรลาออกจากการเป็นประธาน กกต.” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการที่พลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเพราะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคลงพื้นที่ไปเอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเดินไม่ไหวอยู่แล้ว สุดท้ายขึ้นเวทีก็ยังต้องทำลิฟต์ให้ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาทำลิฟต์ให้ในทำเนียบอีก แบบนี้จะไปช่วยอะไร แล้วอย่าบอกว่าพรรคพลังประชารัฐเดินเคาะประตูตามบ้าน เพราะตนไม่เคยเห็น

“ระหว่างหาเสียงผมก็ได้เตือนประชาชนตลอดว่าเงิน 500 บาท กินไม่กี่วันก็หมดแล้ว ขอให้คิดกันให้เป็น แต่ผลออกมาพี่น้องประชาชน ก็เลือกสิ่งที่ใกล้มือ ดังนั้นสองพรรคจะปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่มีการซื้อเสียง เพราะผมมีหลักฐานอยู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นบทเรียนให้พรรคประชาธิปัตย์ได้คิดว่า หากยังไม่คิดถึงอนาคต อยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปจะหมดอนาคตในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีที่ยืน ถึงขั้นอาจแพ้พรรคเสรีรวมไทย ดังนั้นควรใคร่คิดให้ดี เพราะเร็ว ๆ นี้จะมีการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดชุมพรและสงขลา ก็จะออกมาในรูปแบบเดียวกันอีก พรรคพลังประชารัฐก็จะสู้เต็มที่โดยไม่สนใจมารยาททางการเมือง แล้วประชาธิปัตย์จะสู้เขาได้หรือ สุดท้ายประชาธิปัตย์จะถูกพลังประชารัฐยึดไปทุกเขต

“ขอฝากไปยังพรรคประชาธิปัตย์ คุณยังจะยอมเป็นเบี้ยให้เขาย่ำยีอยู่อีกเหรอ ควรจะคิดถึงอนาคตของคนของคุณ หากผมเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะลาออกจากรัฐบาล เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่

ซึ่งจะทำให้ประชาธิปัตย์สามารถรักษาเก้าอี้ชุมพรและสงขลาไปได้ ผมจึงขอฝากไว้ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ แต่ถ้ายังคิดไม่เป็นก็ช่วยไม่ได้ ที่เตือนนี่ผมมองว่าประชาธิปัตย์ยังเป็นแค่คนรับใช้เผด็จการ ไม่ได้เป็นเผด็จการเอง ยังพอพูดคุยกับพรรคเสรีรวมไทยได้ แต่ถ้าเป็นเผด็จการตัวจริงผมไม่คุยด้วย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็นอำนาจนายกฯโดยตรง

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ศาลจะมีการวินิจฉัยว่าสามารถดำเนินการได้ทั้งฉบับหรือไม่นั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ศาลไม่ควรเข้ามาก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภา เพราะว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาที่จะดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการนัดประชุมกันวันศุกร์นี้ เพื่อเตรียมรองรับการแก้ไขปัญหา หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ อย่างไรก็ตามตนมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องได้รับการแก้ไขเพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวที่สุด เอาเปรียบกันมากที่สุด

'ศาสตรา' ชี้นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วาจาสถุลละเมิดผู้อื่น อาจารย์ปกป้อง สิ้นสภาพแล้ว มหาลัยนี้เสื่อม

โดย นายศาสตรา โตอ่อน อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นิติศาสตรมหาบัณฑิต (กฎหมายมหาชน) ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Sattra Janto Toaon ว่า…

“นศ.ธรรมศาสตร์จำนวนมากละเมิดสิทธิของผู้อื่นผ่านวาจาสถุลหลายกรรมหลายวาระ คณาจารย์ออกมาปกป้องแบบไม่ลืมหูลืมตาสิ้นสภาพแล้ว มหาลัยนี้ เสื่อม

“มหาลัยธรรมศาสตร์สร้างจากภาษีประชาชนถ้าประชาชนไม่โอบอุ้มจะไปรอดไหม หยุดส่งลูกเรียนธรรมศาสตร์ ถ้าดื้อให้มันหากินเองดูสิจะแน่แค่ไหน chicken!.”


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/95457

คมนาคมฯ เตรียมเปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง พ.ย.นี้ โดยมีอัตราค่าโดยสาร 14 - 42 บาท พร้อมเตรียมลดจำนวนเที่ยวเดินลดหัวลำโพง หลังเปิดสถานีกลางบางซื่อ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ โดยจะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ (2564) เพื่อให้รถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ - รังสิต และบางซื่อ - ตลิ่งชัน และสถานีกลางบางซื่อ สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก สบาย และปลอดภัย

ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรม และอนุกรรมการ การเตรียมการเปิดให้บริการและบริหารโครงการรวม 5 ด้าน คือ

1.) ด้านการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งระบบ รวมทั้งการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง

2.) ด้านสถานี

3.) ด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร

4.) ด้านการสื่อสารสาธารณะ

และ 5.) ด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า

ทั้งนี้ยืนยันว่า การเดินรถของรถไฟสายสีแดง จะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกสถานี เพื่อพร้อมเปิดให้บริการประชาชน และต้องมีระบบขนถ่ายผู้โดยสารจากสถานี เข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย

ขณะเดียวกันในส่วนของสถานีหัวลำโพง จะเริ่มมีการลดจำนวนเที่ยวการเดินรถไฟทางไกลที่เข้าสู่สถานีหัวลำโพง โดยพิจารณาถึงความจำเป็นในการให้บริการประชาชน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พร้อมทั้งให้ปรับปรุงพื้นที่ให้บริการในเชิงพาณิชย์ โดยให้อนุรักษ์ความเป็นรถไฟไทย ที่มีระบบเชื่อมต่อการเดินทางเข้าไว้ด้วยกัน

สำหรับอัตราค่าโดยสารสายสีแดง มีการเคาะราคาต่ำสุดที่ 14 บาท สูงสุดไม่เกิน 42 บาท และมีส่วนลดราคาให้กับบัตรโดยสารรายเดือน บัตรโดยสารร่วม บัตรนักเรียน บัตรผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้พิการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top