Thursday, 5 June 2025
NewsFeed

กลุ่มเชียงราย No เผด็จการ ร่วมกับคนเสื้อแดงเชียงราย จัดคาร์ม็อบรอบเมือง ยื่นหนังสือ 2 สภ. เรียกร้อง ทำงานเพื่อประชาชน อย่าทำงานเพื่อนักการเมือง!! ขอไม่ใช้ความรุนแรงกับม็อบหากส่งกำลังควบคุมฝูงชุนไปร่วมที่กรุงเทพฯ

เวลา 16.30 น.วันที่ 15 ส.ค.64 ที่หน้า สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ แกนนำกลุ่มเชียงราย No เผด็จการ ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย จัดคาร์ม็อบครั้งที่ 3 โดยมีรถยนต์เข้าร่วมขบวนกว่า 50 คัน รถจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยได้รวมตัวกันที่หน้า สภ.บ้านดู่ เพื่อยื่นหนังสือให้กับ ผกก.สภ.บ้านดู่ มีเนื้อหาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน โดยไม่เข้าข้างนักการเมือง หลังจากอ่านแถลงการแล้วได้มอบหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดู่เพื่อส่งมอบให้กับ ผกก.บ้านดู่

จากขบวนรถคาร์ม็อบได้เคลื่อนขบวนจาก หน้า สภ.บ้านดู่ ไปยัง สภ.เมืองเชียงราย โดยใช้เส้นทาง มุ่งหน้าแยกไฟแดงวัดห้วยปลากั้ง เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปแยกบ้านใหม่ เลี้ยวขวาตรงไป สภ.เมืองเชียงราย โดยที่ สภ.เมืองเชียงราย ได้ยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.อ.โสภน ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย โดยมีเนื้อหา ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงราย ที่จะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่กรุงเทพฯ ไม่ใช้ความรุนแรง กับผู้ชุมนุม อย่างที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากที่อ่านแถลงการณ์แล้ว ก็ได้มอบหนังสือให้กับ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย เพื่อส่งให้กับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

โดยระหว่างทางได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ผู้ที่ขับจักรยานยนต์ที่นำขบวนคาร์มอบเปียกฝนแต่ขบวนก็ไม่ได้หยุด และยังเคลื่อนต่อไปโดยใช้เส้นทางผ่านหน้า สภ.เมืองเชียงราย มุ่งหน้าแยกแม่กร เลี้ยวซ้าย เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้าแยกมังราย  ระหว่างทางก็ได้มีการบีบแตรรถ แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว โดยรถแต่ละคันได้ติดป้ายต่อว่าการทำงานของรัฐบาล ป้ายเสียดสีการเมือง เรียกร้องวัคซีน  ก่อนจะรวมตัวกันทำพิธีสาปแช่งนากรัฐมนตรี และแยกย้ายกัน

'ดร.เสรี วงษ์มณฑา' ตอกกลับ นักกีฬาหญิงทีมชาติไทยคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ย้ำ หาข้อเท็จจริงก่อน

16 ส.ค. 64 ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่อยากด่าใครตรง ๆ ว่าโง่ แต่นักกีฬาคนหนึ่งที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศอย่างคนที่ไม่รู้จริงนั้นขอด่าว่าโง่บัดซบ เธอโง่ที่แสดงความคิดเห็นแบบคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย

การที่มีคนได้ตำแหน่งในองค์การนานาชาติมาจากประเทศใดไม่ได้แสดงว่าประเทศนั้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เขามีปัจจัยอื่น ๆ ในการเลือก คนที่มาจากประเทศกำลังพัฒนาก็มี ประเทศด้อยพัฒนาก็มี

คนไทยก็ได้ตำแหน่งในองค์การนานาชาติตั้งหลายคน ไม่รู้เลยใช่ไหม

การไปว่าพม่าว่าไม่เจริญมาหลายปีแล้ว นี่โง่มากนะ ไปด่าเขาทำไม

การบอกว่าไทยเราจัดการโควิดได้แย่มากนั้น ไม่มีประเทศที่สถานการณ์เลวร้ายกว่าประเทศไทยเลยหรือ และที่เราเป็นเช่นนี้เป็นเพราะรัฐบาลเท่านั้นหรือ

พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ตามครรลองประชาธิปไตย ไม่รู้เลยหรือ

คนเก่งจะย้ายประเทศกันหมดแล้วจริงหรือ มโนเองแบบโง่ ๆ หรือเปล่า

คนที่เขาย้ายไปเพราะเขาคิดว่าประเทศไทยเลวร้าย หรือเขาไปหาโอกาส หรือมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ และเขาไม่ได้ไปเพราะชังชาติ เขาอยู่ต่างแดนแต่ก็ยังรักชาติ

หาเรื่องคอร์รัปชันเชิงประจักษ์มากล่าวหารัฐบาลไม่ได้ ก็หาว่าตรวจสอบไม่ได้ สมัยนี้ถ้าหากมีอะไรที่โกงจริง ถ้าจะหาหลักฐานมาแสดง รับรองว่าต้องหาได้

พูดถึงสลิ่มอย่างด้อยค่าว่าสลิ่มโง่ ไม่รับผิดชอบ เธอไม่รู้หรอกหรือว่าสลิ่มเห็นการคิดของพวกคนรุ่นใหม่แล้วห่วงใย ว่าคิดกันแบบนี้จะอยู่เย็นเป็นสุขได้ยังไง

รู้ไม่จริง คิดไม่เป็น ตรรกะวิบัติ เชื่อคนง่าย ยอมถูกปั่นถูกหลอกโดยคนชั่ว มีการกระทำรุนแรง พูดจาหยาบคาย ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่ภูมิใจในความเป็นไทย แบบนี้หรือจะมาจัดวางอนาคตของตนเอง

หาข้อมูลให้รู้จริงมากกว่านี้แล้วค่อยแสดงความคิดเห็นนะหนู

ทั้งนี้ผู้ใช้แอปพลิเคชันไอจีชื่อว่า “bbbumbimbim” หรือบุ๋มบิ๋ม หรือ ชัชชุอร โมคศรี นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ได้โพสต์ระบุข้อความว่า...

“เมื่อก่อนพม่าเจริญกว่าไทย พม่าได้เป็นถึงเลขาฯ UN แต่พอโดนทหารยึดอำนาจยาวนานกว่า 50 ปี สุดท้ายดูสภาพพม่าทุกวันนี้ ประเทศชาติถอยหลังไปเป็น 100 ปี ตอนนี้บ้านเราเจริญรอยตามพม่ามา 7 ปีละ ความคิดเห็นส่วนตัวถ้าภายใน 2-3 ปีนี้เราแก้ปัญหาระบบนี้ไม่ได้ประเทศเราจะเกิดภาวะสมองไหล คนเก่ง ๆ จะเริ่มหนีออกไปหาโอกาสในต่างประเทศ ย้ายถิ่นฐาน ย้ายสัญชาติและในอนาคตประเทศไทยจะไม่เหลือคนเก่งเลย เพราะประเทศอยู่ด้วยระบบเส้นสาย และการ CORRUPTION ที่ตรวจสอบและจัดการไม่ได้ ในขณะที่พวกสลิ่มก็จะขับไล่คนเก่ง ๆ ที่ไม่ยอมก้มหัวให้ทหารออกนอกประเทศไป และ 20-30 ปี หลังจากนี้พวกสลิ่มทั้งหลายก็จะทยอยตายไปตามอายุขัยและไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ทิ้งมรดกความพังพินาศไว้ให้พวกเราทนรับสภาพต่อไป จะมีการสืบทอดอำนาจต่อไปไม่รู้จบ เหมือนพม่าปัจจุบัน ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศด้อยพัฒนาที่หาทางกลับขึ้นมาไม่ได้อีกเลย”


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/113435


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จันทบุรีก็มี! กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกาศรวมตัวสนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย ปราศรัยขับไล่นายกรัฐมนตรี 'พลเอกประยุทธ' โดยมี อดีต สส.พรรคเพื่อไทยแบบบัญชีรายชื่อร่วมด้วย

กลุ่มผู้ชุมชมเคลื่อนไหวทางการเมือง จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวกัน ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ด้วยระบบ carmob โดยใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหะนะในการรวมกลุ่ม ซึ่งมีรถยนต์กว่า 60 คัน และรถจักรยานยนต์ เกือบ 100 คัน  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคนจนถึงสูงอายุ เข้าร่วมกว่า 200 คน 

นำโดยนายธีรภัทร์ วงษ์ศรีวรโชติหรือนายสำเริง / นายเสริม ศรีสวัส  ป๋าแก่) / นายชินวัฒน์  หาบุญพาด อดีตสมาชิกวุฒิสภาแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายปกร ฐานเดช (ป๋าเสริม) ซึ่งการชุมนุม ได้เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายตลอดเวลา แต่กลุ่มผู้ชุมชุน ไม่ยอมแพ้  มีการ ขึ้นปราศรัย เป็นช่วง ๆ โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อเป็นเวที พร้อมติดป้าย ตามรถต่าง ๆ ด้วยคำพูดโจมตี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี  

จากนั้นได้มีการเคลื่อนขบวนไปยังตัวเมืองจันทบุรี ขณะเดียว ใช้รถประกาศขับไล่ซึ่งระหว่างการชุมนุมนั้นได้มีการพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาโดยมีการขับไล่ด้วยคำพูด ”คนจันทบุรีไม่ทนคนจังไรประยุทธ์ออกไป” และมีการพูดถึงประเด็นการนำวัคซีนการบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด-19 ที่ล้มเหลวรวมทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ ตลอดระยะเวลา  2 ชั่วโมง โดยแกนนำจะสลับสับเปลี่ยนกันพูด หลังจากนั้นได้กลับมารวมตัวกัน ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชยตามเดิม เพื่อทำการเคารพธงชาติ ในเวลา 18.00 น.


ภาพ/ข่าว  ผู้สื่อข่าวจันทบุรี

'หมอยง' โต้กลับ ไม่เคยพูด 3 เข็มซิโนแวคเอาเชื้อเดลตาอยู่หมัด วอนอย่า Fake News

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ 'หมอยง' หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระบุว่า...

Fake News!!

โควิด-19 วัคซีน!!

ผมไม่เคยพูดเรื่อง 3 เข็มของเชื้อตาย (Sinovac) ไม่เคยทำการศึกษา

และผมจะไม่พูดสิ่งที่ไม่ได้ทำการศึกษาที่ศูนย์ฯ

มีแต่การศึกษาว่าการให้เชื้อตาย 2 เข็มแล้วตามด้วยไวรัสเวกเตอร์ (AstraZeneca) เป็นเข็มที่ 3 ได้ภูมิต้านทานที่สูงมาก ๆ ครับ

ซึ่งขณะนี้ก็มีข้อมูลจำนวนมาก และกระทรวงสาธารณสุข ก็สนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ดังกล่าว และมีการฉีดเข็ม 3 ที่เป็น AZ ไปแล้ว ในบุคลากรทางการแพทย์ร่วมแสนคน (ข้อมูลจาก อว.)

# กรุณาอย่าแชร์เรื่องที่ไม่เป็นความจริงครับ...


ที่มา : https://www.facebook.com/100000978797641/posts/6136117156430850/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สพช. เร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ MSME 2 ประเทศ สปป.ลาว และประเทศไทย ในบริบทพื้นที่ชายแดน

วันที่ 16 สิงหาคม 2564 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการของ 2 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศไทย โดยบูรณาการการพัฒนาผู้ประกอบการผ่านกระบวนการฝึกอบรมทางไกล (online) โดยโปรแกรม Zoom ร่วมกับเครือข่ายธุรกิจ MOC บิสคลับ ประเทศไทย วิทยาลัย ศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสภาการค้าและอุตสาหกรรม สปป.ลาว ดำเนินการเปิดอบรม หลักสูตร การพัฒนาผู้ประกอบการ MSME ด้านการบริหารและการจัดการธุรกิจยุคใหม่ในบริบทพื้นที่ชายแดน (Professional MSME Entrepreneurship Development in Admiration and Modern Business Management in Border Areas)

นางสาวสุขศรี ไล่กสิกรรม ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเทคโนโลยีส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม ทุกพื้นที่ ทุกประเทศ ผนวกกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน จึงเป็นสิ่งเร่งรัดให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการมีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการเปิดฝึกอบรม หลักสูตร การพัฒนาผู้ประกอบการ MSME ด้านการบริหารและการจัดการธุรกิจยุคใหม่ในบริบทพื้นที่ชายแดน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถปรับตัวและรับมือกับอุตสาหกรรมยุคใหม่ ตลอดจนเข้าถึงเทคโนโลยี ก้าวทันยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก สร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศได้ การดำเนินการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการการพัฒนาผู้ประกอบการผ่านกระบวนการฝึกอบรม ระหว่างสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ /เครือข่ายธุรกิจ MOC บิสคลับ ประเทศไทย วิทยาลัย ศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสภาการค้าและอุตสาหกรรม สปป.ลาว

ผอ.สุขศรีฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การฝึกอบรมในครั้งนี้ เป็นการฝึกอบรมทางไกล (online) โดยโปรแกรม Zoom ดำเนินการในระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2564 เป็นการจัดฝึกอบรมให้กับบุคลากรภาครัฐและเอกชน จำนวน 80 คน ซึ่งเป็นหัวหน้า เจ้าหน้าที่ด้านการค้า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย จังหวัดชายแดนของ 2 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 12 แขวง

1. บ่อแก้ว   

2. หลวงน้ำทา

3. อุดมไซ

4. ไชยบุรี

5. หลวงพระบาง

6. นครหลวงเวียงจันทน์

7. สะหวันนะเขต

8. บอลิคำไซ  

9. หัวพัน

10. อัดทะปือ

11. เชียงขวาง และ

12. พงสาลี

และประเทศไทย 11 จังหวัด ครอบคลุมทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย

1. เชียงราย 

2. เชียงใหม่

3. อุตรดิตถ์

4. กำแพงเพชร

5. กรุงเทพฯ

6. มุกดาหาร

7. ฉะเชิงเทรา

8. สมุทรปราการ

9. ชลบุรี

10. ลพบุรี และ

11. ชุมพร

หากมีผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 222 หมู่ที่ 2 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 0 5377 7471 หรือติดตามข่าวสารการรับสมัครฝึกอบรมได้ที่ Facebook สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ

‘รมว.เฮ้ง’ ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้ประกันตน ม.33 เข็มสอง ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนเซ็นทรัลพระราม 9 พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนห้างเซ็นทรัล พระราม 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน คุณรนิดา รตนชัยโชติ ผู้จัดการทั่วไป เซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์พระราม 9 พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

โดย นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และประชาชนทั่วไปจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาตินั้น และกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงการคลัง โดยธนาคารกรุงไทย และสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายออกสู่วงกว้างทั้งในโรงงาน และสถานประกอบการ 

“ในวันนี้ ผมและคณะลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนห้างเซ็นทรัล พระราม 9 ซึ่งศูนย์แห่งนี้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 3 มีศักยภาพการฉีด 1,500 คนต่อวัน มีทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกรจากโรงพยาบาลเปาโลโชคชัย 4 เป็นผู้ดำเนินการฉีดในเข็มที่ 2 สำหรับการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรุงเทพมหานครมีจำนวน 26 จุด ตั้งแต่วันที่ 16 - 27 สิงหาคม 2564 เป็นวัคซีนยี่ห้อ AstraZeneca ทั้งหมด โดยภาพรวมเข็มแรกได้ฉีดให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไปแล้วกว่า 1.3 ล้านราย ทั้งนี้ การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19  เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงแรงงาน ให้การป้องกันรักษาโดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามนโยบายรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มแรงงาน เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

บมจ.การบินไทย หรือ THAI รายงานผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก 2564 มีกำไร 1.1 หมื่นล้านบาท หลังขายทรัพย์สิน และปรับโครงสร้างหนี้ ตามแผนฟื้นฟูกิจการ

16 ส.ค. 64 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินงาน งวดครึ่งปี 2546 (ม.ค.-มิ.ย.) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 64 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทมีรายได้ รวมทั้งสิ้น 10,220 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งสิ้น 24,555 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรก ขาดทุนจากการดำเนินงาน รวมทั้งสิ้น 14,335 ล้านบาท

แต่เมื่อพิจารณาผลการดำเนินการสุทธิในช่วง 6 เดือนแรก กลับพบว่าบริษัทฯ และบริษัทย่อย สามารถพลิกกลับมีกำไรสุทธิ 11,121 ล้านบาท ในขณะที่ปี ก่อนขาดทุนสุทธิ 28,030 ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 139%

โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 168,582 ล้านบาท ลดลงจาก วันที่ 31 ธ.ค. 63 จำนวน 40,715 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.58% มีหนี้สินรวมจำนวน 285,066 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 63 จำนวน 52,896 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.7%

ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว จำนวน 25,899 ล้านบาท จากการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ อาทิ...

>> กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,004 ล้านบาท

>> กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 95 ล้านบาท

กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 8,675 ล้านบาท

>> รายการปรับปรุงผลประโยชน์พนักงาน 8,323 ล้านบาท จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทฯ และผลประโยชน์ของพนักงาน

>> ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินและสินทรัพย์สิทธิการใช้และอุปกรณ์การบินหมุนเวียน จำนวน -18,459 ล้านบาท

>> ผลขาดทุนจากการด้อยค่า ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 จำนวน -163 ล้านบา

ทั้งนี้รายงานดังกล่าวเผยอีกว่า การดำเนินการในระหว่างฟื้นฟูกิจการ การบินไทยได้พยายามแก้ไข ปรับปรุง รวมถึงได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ รวมกว่า 600 โครงการ โดยได้เริ่มดำเนินโครงการตามแผนปฏิรูปธุรกิจทั้งองค์กร และปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม พร้อมทั้งได้ดำเนินการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ได้แก่ การลดต้นทุนด้านบุคลากร, การลดต้นทุนค่าเช่า, เครื่องบิน, ลดต้นทุนในการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ และหารายได้ในช่วงที่สถานการณ์การบินยังไม่กลับมาเป็นปกติ


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/economics/news_6565336

https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/154160


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"นักรบหมวกฟ้า" ร่วมภารกิจรักษาสันติภาพในนามสหประชาชาติร่วมฟื้นฟูเซาท์ซูดานหลังสงครามกลางเมือง พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงภารกิจของทหารไทยที่ร่วมรักษาสันติภาพภายใต้สัญลักษณ์หมวกสีฟ้าในนามสหประชาชาติที่เซาท์ซูดานว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 เริ่มภารกิจตั้งแต่ 21 ก.ย.2563 จัดกำลังพลจากกรมการทหารช่าง กองทัพภาคที่ 1, กรมแพทย์ทหารบก และหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้อรวม 273 นาย เดินทางไปสานต่อภารกิจในนามสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ได้รับความเสียหายหลังจากเกิดสงครามกลางเมือง

นับเป็นปฏิบัติการรักษาสันติภาพที่ใหญ่ที่สุดของสหประชาชาติในปัจจุบัน โดยภารกิจล่าสุด ที่สหประชาชาติมอบหมายให้ทหารไทย คือการก่อสร้าง ซ่อมแซม ปรับปรุงเส้นทางคมนาคมสายหลัก และสายรอง ในพื้นที่รับผิดชอบเขตเมืองจูบา และเมืองรุมเบค รวมระยะทาง 582 กิโลเมตร
เพื่อให้องค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ สามารถส่งมอบความช่วยเหลือได้ รวมถึงอำนวยความสะดวกประชาชน

ระหว่างปฏิบัติหน้าที่กำลังพลทุกนายต้องมีความพร้อมและไม่ประมาทต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด สวมใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ซึ่งกำลังพลทุกนายได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ให้มีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ภารกิจของทหารไทยในการรักษาสันติภาพ ที่สาธารณรัฐเซาท์ซูดานยังคงเดินหน้าต่อไป ในบทบาทการส่งเสริมสันติภาพ และการช่วยฟื้นฟูสังคม

'ตอลิบาน' ยัน! การเปลี่ยนแปลงในอัฟกานิสถาน 'ประชาชน - ธุรกิจ - ต่างชาติ' ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล

ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์/ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ตะวันออกกลางศึกษา) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Sarawut Aree ว่า...

#แถลงการณ์ของตอลิบานเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดและการเปลี่ยนแปลงในประเทศอัฟกานิสสถาน

เราขอประกาศประเด็นต่อไปนี้ :

1.) แท้จริงแล้ว ภูมิภาคและรัฐต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเอมิเรตส์อิสลามนั้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความนิยมและการยอมรับของเอมิเรตส์อิสลามในหมู่ประชาชน เพราะการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่และรวดเร็วเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยกำลัง แต่แท้จริงแล้วเป็นชัยชนะและความโปรดปรานจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ จากนั้น จึงได้รับการสนับสนุนและการปกป้องจากผู้คน และเราทุกคนต้องขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งทางวาจาและการกระทำ

2.) สาธารณรัฐอิสลามเอมิเรตส์ให้ความมั่นใจแก่พลเมืองทุกคนว่าจะรักษาชีวิต เงินทอง และเกียรติยศของตน และจะสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยให้กับทุกคน ดังนั้นจึงไม่มีใครควรกังวลเรื่องนั้น

3.) มุญาฮิดีนแห่งอิสลามเอมิเรตส์ควระมัดระวังอย่างยิ่งกับเสาธารณูปโภค หน่วยงานของรัฐ เฟอร์นิเจอร์และทรัพย์สินของหน่วยงาน สวนสาธารณะ ถนน และสะพาน ล้วนเป็นของประชาชนควรรักษาอย่างเคร่งครัด

4.) บรรดาผู้ที่เคยร่วมงานกับผู้ยึดครองในอดีต หรือเคยช่วยเหลือ หรือยังอยู่ในกลุ่มบริหารที่ทุจริต เอมิเรตส์อิสลาม เปิดรับพวกเขาและประกาศนิรโทษกรรมทั่วไปแก่พวกเขา และเราขอเชิญทุกคนสักมารับใช้ประชาชนและประเทศชาติของตนอีกครั้ง

5.) ผู้ใดเข้าอยู่ภายใต้การปกครองของเอมิเรตส์อิสลาม ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ทางเอมิเรตส์อิสลามตั้งใจที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาเพื่อรับใช้ประชาชนและประเทศของพวกเขา ความสามารถและคุณสมบัติของพวกเขาจะถูกนำไปใช้ในการบริการของชาติและ พลเมืองจึงไม่มีใครต้องกังวลเรื่องนั้น

6.) ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเอมิเรตส์อิสลามควรดำเนินชีวิตตามปกติโดยเฉพาะหน่วยงานราชการ (ด้านการศึกษา สุขภาพ สังคม และวัฒนธรรม) พวกท่านไม่ควรออกจากพื้นที่นี้คือประเทศของเขา พวกเขาควรดำเนินชีวิตตามปกติเพราะประชาชนและประเทศชาติต้องการบริหารและพัฒนาด้วยความสามารถของท่าน อัฟกานิสถานเป็นบ้านสำหรับทุกคน และเราจะช่วยกันและสร้างมันไปพร้อมกัน

7.) รัฐบาลคาบูลเริ่มโฆษณาชวนเชื่อโดยให้ข้อมูลเท็จแก่บางประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ ต่อมูจาฮิดีนแห่งรัฐอิสลามเอมิเรตส์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ต่อรัฐอิสลามเอมิเรตส์ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

8.) อิสลามเอมิเรตส์แห่งอัฟกานิสถานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ใด (ไม่ใช่รถยนต์ ที่ดิน บ้าน ตลาด และร้านค้า) แต่ถือว่าการปกป้องเงินและชีวิตของผู้คนเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเรา

9.) ใครก็ตามที่เพิ่งได้รับข้อมูลโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูและย้ายออกจากพื้นที่ของเขาไปที่อื่นหรือออกจากประเทศพวกท่านควรจะกลับบ้านไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือพนักงานของรัฐก็ตาม ไม่มีอันตรายหรือภัยคุกคามจากเรา เราจะรับประกันในชีวิต ทรัพย์สิน และเกียรติยศของพวกเขา จะต้องปลอดภัย

10.) รัฐอิสลามแห่งเอมิเรตส์สั่งมูจาฮิดีนของตนจะไม่ให้เข้าไปในบ้านของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะไม่ทำเลือดใครตก และไม่แตะต่อง ทรัพย์สิน หรือเกียรติของพวกท่าน ตรงกันข้าม พวกเราต้องปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และเกียรติยศของผู้คน

11.) ศัตรูอาจจ้างคนบางคนมาทำร้ายผู้คนและทำร้ายพวกเขาในนามของมูจาฮิด ในการนี้ ประชาชนต้องร่วมมือกับมูจาฮิดีนของเอมิเรตส์อิสลาม

12.) เราขอส่งข้อความของเราถึงพ่อค้า นักลงทุน และเจ้าของแรงงานฝีมือและอุตสาหกรรมให้พวกท่านทำงานต่อไปด้วยความมั่นใจและให้บริการประชาชนของตนต่อไป และรัฐอิสลามจะสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับพวกเขาในการดำเนินการ ธุรกิจและกิจกรรมของพวกเขา ในเรื่องนี้ อิสลามเอมิเรตส์จะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ

13.) เราขอรับรองกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดว่าจะไม่ทำให้พวกเขามีปัญหาใด ๆ จากฝ่ายเรา ดังนั้นพวกเขาจะต้องมั่นใจอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เรารับรองนักการทูต ลูกจ้างของสถานทูต สถานกงสุล และสถาบันการกุศลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือพลเมืองในท้องถิ่น ว่าพวกเขาจะไม่ประสบปัญหาใด ๆ จากเอมิเรตส์อิสลามและไม่เพียงเท่านั้น ทางรัฐอิสลามจะจัดหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและให้ความมั่นใจแก่พวกเขา

หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์

อิสลามเอมิเรตแห่งอัฟกานิสถาน

4/1/1443

22/5/1400 AH - 13/8/2021 AD

: อาลีมาฮาอาระบี

abdulnaseed นำเสนอ


ที่มา : https://www.facebook.com/1053548533/posts/10224265379676171/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ.เปิดสอบนายสิบ 3,080 อัตราเพิ่มโควตาบุตรกำลังพลและนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล สมัครออนไลน์ พ.ย.64 นี้ 

พ.ท.หญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้พัฒนาระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นราชการทหาร โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการ เน้นการบูรณาการของหน่วยงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครมากยิ่งขึ้น รวมถึงกำหนดคุณสมบัติให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่และภารกิจของกองทัพบก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังพลในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังพลต้นน้ำ คือทหารกองประจำการที่มีความมุ่งมั่น มีใจรัก และจิตอาสา ส่งเสริมต่อยอดสู่เส้นทางของทหารอาชีพอย่างเป็นระบบ 

โดยปีงบประมาณ 2565 จะคัดเลือกบุคคลเป็นนายทหารชั้นประทวน​ คัดเลือกจากหน่วยต้นสังกัดและจากส่วนกลาง  โดยแบ่งเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 2500 นาย แยกเป็นโควตาทหารกองประจำการ จำนวน 2,000 นาย โควตาบุคคลพลเรือน จำนวน 500 นาย, คัดเลือกจากทหารกองหนุนในส่วนกำลังรบและสนับสนุนการรบ 5 เหล่า (  เหล่าทหารราบ, ทหารม้า, ทหารปืนใหญ่, ทหารช่าง และทหารสื่อสาร) จำนวน 200 นาย, คัดเลือกเป็นทหารอาสา 300 นาย และคัดเลือกจากทหารกองหนุนสายงานสัสดี จำนวน 80 นาย รวมทั้งสิ้น 3,080 นาย 

ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดแนวทางและรับสมัครแบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศ​ และเตรียมความพร้อมของสนามสอบต่างๆตามภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก มีนโยบายเพิ่มโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ​ มีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้มีโอกาสก้าวสู่เส้นทางทหารอาชีพ อาทิ นักเรียนสังกัดโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์, นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และนักเรียนในสถานสงเคราะห์ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนเพิ่มโควตาให้กับบุตรของกำลังพล และบุตรที่มีความสามารถพิเศษมีโอกาสเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก


ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ของกรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งจะเปิดรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ ในเดือน​ พฤศจิกายน 2564


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top