Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

'ศิริกัญญา' อัด จัดการล้มเหลว ปล่อยลัดคิววัคซีน-เบิกจ่ายงบเครื่องมือแพทย์ล่าช้า แนะนายกฯ ทุบโต๊ะให้เบิกจ่ายเร็วขึ้น ด้าน 'วรรณวรี' ตั้งคำถาม ทำไมวัคซีนไทยจึงยังวนเวียนอยู่แค่ 2 ยี่ห้อ

นางสาว ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ตั้งคำถามต่อกระทรวงสาธารณสุข ถึงเรื่องประสิทธิภาพในการจัดการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 โดยกล่าวว่า การกระจายวัคซีนบิดเบี้ยวไม่เป็นไปตามลำดับความสำคัญตามยุทธศาสตร์ มีบางจังหวัดที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามเกณฑ์ใด ๆ เลย แต่กลับได้รับวัคซีนสูงที่สุดเป็นอันดับ 11 ของประเทศ คือจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นปัญหาที่วนเป็นงูกินหาง หลายคนยังไม่ได้วัคซีน โดนยกเลิกแล้ว ยกเลิกอีก แต่กลับมีคนบางกลุ่มได้รับวัคซีนก่อน รวมทั้งมีการลัดคิวฉีดวัคซีนจำนวนมาก โดยใช้เส้นสายของผู้บริหารโรงพยาบาลและนักการเมือง ทำให้ผู้ที่ต้องการวัคซีนจริง ๆ ได้รับการฉีดวัคซีนน้อย และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพราะไม่ได้รับวัคซีน

"จากตัวเลขที่เปิดเผยมาพบว่าผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรคได้รับวัคซีนเพียง 3.5% และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีน เพียงแค่ 0.9% เท่านั้น"

อีกเรื่องที่มีความสำคัญกับการรับมือกับโควิด-19 คือ Rapid Antigen Test ซึ่งในต่างประเทศมีราคาที่แตกต่างหลากหลาย บางประเทศแจกฟรี และหลายประเทศมีราคาถูกกว่าเรา ทั้งที่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้ว ค่าครองชีพของประเทศเขาสูงกว่าเรามาก

"โอกาสที่จะได้รับการตรวจของคนไทย ต้องแลกมาด้วยการเอารองเท้าไปต่อคิว เอาขวดน้ำไปต่อคิว ก็ต้องขอให้ท่านช่วยอุดหนุนราคา และควบคุมราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจได้มากขึ้น ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งกับการรักษาชีวิตพวกเขา"

นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังตั้งคำถามถึงการเบิกจ่ายเงินกู้ก้อนแรกจาก พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน ที่อนุมัติไปหมดแล้ว แต่เพิ่งเบิกจ่ายไปได้ 1.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น สำหรับสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อดูการเบิกจ่ายยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีการอนุมัติไปตั้งแต่ พ.ย. 63 และ ม.ค. 64 มาถึงเดือน ก.ค. มีเบิกจ่าย และ PO รวมกันเพียง 26% เท่านั้น

"เมื่อไปเช็คใน ThaiMe แผนที่จะจัดซื้อเครื่องมือแพทย์บอกว่าจะทำไม่เกินเดือนเมษายน และรายการทั้งหมดมีความสำคัญกับการรอดชีวิต แต่ผ่านมาจนถึงเดือนกรกฎาคมแล้วยังกลับเบิกจ่ายได้อย่างล่าช้า ไม่ได้คุยเพื่อมาชี้นิ้วหาคนผิด แต่เรามาคุยกันเพื่อหาทางออกว่ามีวิธีไหนทำให้ดีกว่านี้ไหม"

"ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ. จัดซื้อ 2560 มีข้อยกเว้นมากมายสำหรับกรณีโรคระบาดให้สามารถจัดซื้อด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ ก็ต้องขอ สตง. ว่าสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดซื้อเหล่านี้ได้หรือไม่ หรือต้องการให้มีรัฐมนตรีมาทุบโต๊ะสั่งการ ถึงจะสามารถดำเนินการได้เร็วกว่านี้"

ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า เมื่อดูของกรมการแพทย์ ก็ปรากฎว่ามีโครงการที่ประมูลเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ในปัจจุบันก็ยังเบิกจ่ายไม่ได้ สำหรับกรมสุขภาพจิต โครงการจัดซื้อต่าง ๆ อนุมัติไปตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีการ PO หรือเบิกจ่าย เข้าใจว่ากรมสุขภาพจิตวางแผนการเบิกจ่ายไว้ในเดือนสิงหาคม แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ในสถานการณ์โรคระบาด ควรจะวางแผนการจัดซื้อและอนุมัติให้รวดเร็วกว่านี้หรือไม่

ศิริกัญญา ยังได้ถามถึง มติ ครม. ที่จัดซื้อวัคซีน Sinovac เนื่องจากได้สืบค้นจากเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว พบเพียงแค่ 2.5 ล้านโดส ที่มีมติ ครม. รองรับ แต่อีก 6 ล้านโดสไม่มี ปกติถ้าเป็นแบบนี้เป็นเพราะเป็นวาระที่ติดชั้นความลับ เป็นความจริงหรือไม่ ถึงจะลับก็ขอเอกสารแล้วตีลับมาก็ได้

นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังได้ถามว่ากรมควบคุมโรคได้เซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไฟเซอร์ไปแล้วหรือยัง และองค์การเภสัชได้เซ็นสัญญาจัดซื้อโมเดอร์นาไปแล้วหรือยัง รวมทั้ง ขอทราบสต็อกออกซิเจน ว่ายังมีเพียงพอหรือไม่ และสต็อกยาฟาวิพิราเวีย และมีแนวทางจะใช้ยาตัวอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 บ้างหรือไม่ เช่น monoclonal antibody เป็นต้น

ด้าน วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีน โดยกล่าวว่า ตนเองได้รับวัคซีน Sinovac 2 เข็มแล้ว ไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าภูมิขึ้นเพียง 41 U/ml เท่านั้น โดยแพทย์บอกว่าถ้าฉีดแอสตร้าเซนเนกาภูมิจะขึ้นหลักร้อย ถ้าฉีดไฟเซอร์ภูมิจะขึ้นหลักพัน เมื่อเห็นตัวเลขนี้แล้วทำให้ตนต้องระมัดระะวังในการลงพื้นที่มากขึ้น ไม่สามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่

"ดิฉันตั้งคำถามว่าทำไมประเทศเราถึงมีวัคซีนวนเวียนอยู่แค่ 2 ยี่ห้อ นี้เท่านั้น สำหรับคนมีเงินอาจสามารถฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ได้ แต่ประชาชนที่ไม่มีเงินจะทำอย่างไร"

นอกจากนี้ วรรณวรี ยังเรียกร้องให้นำผลตรวจที่เป็นบวกจาก Rapid Antigen Test ไปรับการตรวจ RT-PCR เพิ่มเติมได้ เพราะจะมีผลกับการแอดมิดและหาเตียง


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

หากประเทศไทยผลิต ‘ยาฟาวิพิราเวียร์’ ได้เอง จะเกิดผลดีอย่างไร?

เมื่อวานมีข่าวดี รัฐบาลออกมาอัปเดตความคืบหน้าในการผลิต ‘ยาฟาวิพิราเวียร์’ ขึ้นเองในประเทศไทย โดยเป็นความร่วมมือของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ บริษัท ปตท. ที่ได้ร่วมกันวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารตั้งต้น (Active Pharmaceutical Ingredients : API) ของการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ โดยล่าสุดสามารถสังเคราะห์สารตั้งต้นที่มีความบริสุทธิ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว

สเต็ปต่อมา คาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ จะผ่านกระบวนการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และต่อจากนั้น จะเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 ภายในประเทศ ได้ใช้ในการรักษาต่อไป

ถือเป็นความสำเร็จ และเป็นข่าวดี ท่ามกลางสภาวะที่มียอดผู้ป่วยโควิด-19 มากขึ้นทุกวัน โดยปัจจุบัน ยาฟาวิพิราเวียร์ ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำหน้าที่ขจัดเชื้อไวรัสออกไปจากร่างกาย ช่วยป้องกันอาการเชื้อลงปอดและภาวะอักเสบ แต่มีผลข้างเคียงที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่โดยรวมถือเป็นยาที่มีความสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ในเวลานี้

THE STATES TIMES ไปรวบรวม ‘ข้อดี’ หากว่า ‘ยาฟาวิพิราเวียร์’ จะได้รับการผลิตขึ้นเองภายในประเทศ มาบอกกัน...


อ้างอิง : https://www.gpo.or.th/view/425, https://www.thaihealth.or.th/Content/54569

https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6506350


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แง้ม กลับไทยแน่นอน แต่ยังไม่บอกวัน วิเคราะห์ นายกฯ อาจจะอยู่ไม่ครบเทอม

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ Tony Woodsome พูดในรายการ CARE Talk x CARE Clubhouse : "ล็อกดาวน์ แล้วยังไงต่อ? โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าตนเป็นนายกฯ จะไม่ปล่อยให้เป็นขนาดนี้ ไม่ให้คนต้องมานอนรอคิวแน่นอน เรื่องวัคซีนผมดิ้นรนหาแน่ ไม่ใช่กระจุกเป็นบางที่ แต่ต้องกระจายวัคซีนให้ทั่วและไม่ใช่ให้คนต้องมานอนรอคิวแบบที่เห็น

ส่วนเรื่องวัคซีน ถ้าสหรัฐฯ ให้ไฟเซอร์ ก็ควรให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพราะเป็นด่านหน้าที่ต่อสู้โรค แล้วตกลงที่สั่งไฟเซอร์มา 20 ล้านโดส แต่วันนี้สัญญายังไม่ไปถึงไหนเลย อย่าคิดให้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบเลย เอาประชาชนก่อนไหม

"เรื่องโควิดทำไมมันแพงทุกอย่าง วันนี้คนลำบาก คนจนก็เยอะ เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่อะไรก็แพงหมด Rapid Test ในเยอรมนี วางขายร้านทั่วไป 35 บาท แต่บ้านเราขาย 300-400 บาท มันแพงได้ยังไง วัคซีนก็เหมือนกัน ประชาชนต้องจ่ายแพงกว่าประเทศอื่น ทำไมแพง ส่วน ศบค. ยุบทิ้งไปเถอะ เพราะอำนาจความเป็นนายกฯ สั่งอะไรก็ได้อยู่แล้ว ศบค. เป็นเหมือนหน่วยที่ปรึกษาที่ใช้อำนาจนายกฯ รัฐมนตรีทำอยู่แล้ว คนไหนไม่ได้เรื่องก็ปรับเลยคณะรัฐมนตรี วันนี้ถ้าไม่ปรับออก แสดงว่านายกฯ เองนั้นแหละไม่ได้เรื่อง"

นอกจากนี้นายทักษิณ ยังย้ำเรื่องการกลับประเทศไทยว่า กลับแน่นอน แต่ขออุบไว้ก่อนว่าเมื่อไหร่ ถ้ากลับไปไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ ทั้งนี้ถ้าพล.อ.ประยุทธ์บอกว่า พี่ ๆ ปรึกษาหน่อย ผมก็พร้อมช่วย เวิร์ค ฟอร์ม ดูไบ ให้เลยเต็มที่ เขาเคยเป็นลูกน้องผม ตอนที่ผมเป็นนายก เขาเป็นพันเอก ถ้าเขามาปรึกษาผม ผมพร้อมช่วย คนเคยเป็นนายกฯ ไม่รักบ้านเมืองก็โง่แล้ว

มีคนถามว่า ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันที่จะไม่ยอมแพ้ ให้วิเคราะห์แบบไม่ต้องเกรงใจกันเลยว่าน่าจะอยู่อีกนานเท่าไหร่ นายทักษิณ กล่าวว่า รัฐบาลน่าจะดึงยาวที่สุด ส่วนจะดึงแบบไหนเนี่ยคิดว่าช้าที่สุดก็คงยุบสภาไม่น่าจะเกินเดือนมกราฯ -กุมภาฯ ปีหน้า หรืออาจจะสิ้นปี อันนี้เดาแบบการเมือง ไม่ได้เดาแบบรู้ใจ ดูแล้วคิดว่าอาจจะมีการเลือกตั้งช่วงเดือนกุมภาฯ บวกลบนิดหน่อย ไม่อยู่ครบเทอมหรอก ตนไม่ได้ประเมินแบบเกรงใจ แต่ประเมินจากความทนทาน

เมื่อถามต่อว่า ถ้ามีการยุบสภา แต่ส.ว.ยังยกมือเลือกพล.อ.ประยุทธ์อีกเหมือนเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า มันอยู่ที่พรรคการเมืองไหนจะได้อันดับหนึ่ง ถ้าพรรคที่ชนะพรรคพลังประชารัฐมาก ๆ ถล่มทลาย ตนเชื่อว่า ส.ว. ก็คงยกมือให้ไม่ไหว ผู้นำจีนชอบพูดว่า ถ้าจะครองเมือง ต้องครองใจประชาชนให้ได้ก่อน เพราะฉะนั้นถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะกลับมา ในช่วงจากนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาฯ ก็ต้องหาวิธีการครองใจประชาชนให้ได้ก่อนถึงจะได้ครองเมือง แต่ถ้าคิดว่าจะกลับมาโดยไม่ครองใจประชาชนก็คงลำบาก

ถามอีกว่า พี่โทนี่มีอะไรจะบอกคนที่ยังเชียร์พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน เราต้องรักเพื่อนร่วมชาติ ต้องไม่มีอคติต่อกัน วันนี้อาจจะชอบ พรุ่งนี้อาจจะไม่ชอบ เหมือนอย่างตน ก่อนหน้านี้มีคนชอบ ต่อมาก็ไม่ชอบ แล้วก็มาชอบ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีสติ อะไรที่ดีที่สุดสำหรับประเทศให้เลือกสิ่งนั้น คิดกันให้รอบคอบ ต้องรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี แล้วไปตัดสินกันที่การเลือกตั้ง


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/587453


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“คกก.กองทุนฟื้นฟูฯ” อนุมัติเงิน 163 ล้านบาท คาดช่วยปลดหนี้เกษตรกร280 ราย

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงงบประมาณจากงบดำเนินการ ประจำปี 2564 ที่คาดว่าจะเหลือจ่าย จำนวน 103 ล้านบาท และอนุมัติงบประมาณ หมวดงบเพื่อการจัดการหนี้  จำนวน 60 ล้านบาท จากกองทุนจัดการหนี้เกษตร รวม 163 ล้านบาท นำไปใช้จ่ายในการชำระหนี้เกษตรกร คาดว่าจะช่วยเหลือได้ 280 ราย

นอกจากนั้น เห็นชอบรายชื่อเกษตรกรสมาชิก ที่ทางกองทุนฟื้นฟูฯจะเข้าไปซื้อทรัพย์ที่ถูกขายทอดตลาด (NPA) จำนวน 40 ราย ยอดเงินรวม 34 ล้านบาท และอนุมัติเพิ่มรายชื่อสถาบันการเงินที่กองทุนฯสามารถเข้าไปซื้อหนี้สมาชิกกองทุนได้ คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัทบริหารสินทรัพย์แอคนรีทีพี่(ไทยแลนด์) บริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์พหลโยธิน

“ผบ.ทบ.” สั่งแจ้งความ 9 มือโพสต์ ปม ทหารไปบูสต์วัคซีนเข็ม 3 สหรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการภาพกำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) กับกองทัพบกสหรัฐ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค.64 ที่สนามบินไปเผยแพร่และบิดเบือนโดยกล่าวหาว่าเดินทางไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 และใช้ภาษีประชาชนเป็นค่าตั๋วเครื่องบินในการเดินทางนั้น

ล่าสุด พล.อ.ณรงพันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ทำหน้าที่แทนดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับบุคคลที่นำภาพไปบิดเบือน จนทำให้กองทัพบกเกิดความเสียหาย พร้อมให้ พ.อ.ณครสม เนาวบุตร ผู้อำนวยการกองคดี สำนักพระธรรมนุญทหารบก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลล็อตแรก จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย ผู้ในเฟซบุ๊ก จำนวน 8 ราย ทวิตเตอร์ จำนวน 1 ราย และจะมีการทยอยแจ้งความกับบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีก ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘แรมโบ้’ ซัด ‘โทนี่’ คงไม่มีใครโทรปรึกษานักโทษหนีคดี คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ย้ำนายกฯ ไม่คิดลาออก และไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองใคร แนะหากอยากกลับประเทศไทย ทำได้ 2 ข้อคนไทยส่วนใหญ่จะยอมรับได้

14 กรกฎาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ร่วมเสวนาผ่านคลับเฮาส์ พร้อมให้นายกฯ โทรหา เพื่อขอคำปรึกษาและระบุว่าหากอยากไล่นายกฯ ให้ไปฟ้องพลเอกประวิตร รวมถึงคนเป็นนักการเมืองจะแคร์ประชาชน คนที่มาจากการปฏิวัติไม่แคร์ประชาชน โดยนายเสกสกลระบุว่า คำพูดเหน็บแนมของนายโทนี่ ที่อยากจะเสนอแนะและให้คำปรึกษาไม่ได้ออกมาจากใจเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองมากกว่า

ตนเองมองว่าคำปรึกษาของนายโทนี่นั้นคงไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ ไม่ได้ลงมาสัมผัสกับความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง ขณะเดียวกันในสถานะของคนทำผิดที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเช่นนายโทนี่คงไม่สมควรที่จะโทรไปปรึกษา เพราะปรึกษากับนักโทษที่มีคดีทุจริตติดตัวคงไม่ได้ประโยชน์อะไร

นายเสกสกลยังย้ำว่า ที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล สามารถแก้ไขปัญหาเองได้ และตนเองก็เห็นแล้วว่าทำได้ดี ทั้งต้องแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทิ้งเอาไว้ เช่น โครงการรับจำนำข้าว และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่สะสมมานาน ได้พัฒนาประเทศต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ทุกภาคส่วน บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนได้ร่วมมือกันอย่างดี เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องขอคำแนะนำจากนายโทนี่ ถ้านายโทนี่จะช่วยประเทศชาติได้ในภาวะนี้ คือ หยุดพูดสร้างความสับสนและด้อยค่าคนอื่น หยุดพูดเหน็บแนมคนอื่น หยุดพูดสร้างความแตกแยกให้กับคนไทยได้แล้ว นี่คือสิ่งที่จะช่วยได้มากที่สุดในยามนี้

ส่วนที่นายโทนี่บอกว่านักการเมืองทั้งเก่งและไม่เก่งจะแคร์ประชาชน แต่คนที่มาจากการปฏิวัติไม่แคร์ประชาชนนั้น ตนเองอยากให้นายโทนี่ อย่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไป บางทีคนที่อ้างว่ามาจากประชาชน เอาประชาชนมาเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์ทุจริตโกงกินมากมายจนต้องติดคุกติดตารางหรือหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ อย่างนี้ใช่ใหม? หรือออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ตัวเองใช้เสียงข้างมากลากไปจนถูกเรียกเป็นเผด็จการรัฐสภาหรือระบอบทักษิณ การกระทำเช่นนี้ของนักการเมืองใช่ไหม ที่เรียกว่าแคร์ประชาชนหรือเห็นเงาหัวประชาชน ตนเห็นว่าคนที่เป็นนักการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยนั้นไม่เห็นแคร์ประชาชนอะไรเลย เพราะวัน ๆ มีแต่ปากออกมาพูด เพื่อสร้างความสับสนให้กับประชาชนไม่หยุด เช่นเดียวกับนายโทนี่ไม่คิดช่วยประชาชนในยามวิกฤตโควิด คิดแต่จะล้มรัฐบาลกลับมามีอำนาจไว้ในมืออีก ในขณะที่บ้านเมืองต้องการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ซึ่งตนเองก็อยากให้นายโทนี่ออกมาเตือนคนในพรรคเพื่อไทยด้วยว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่สมควรทำอย่างยิ่งในขณะนี้

"ตนเองยังยืนยันว่านายกฯ จะต้องทำงานแก้ไขปัญหาจนครบเทอม จะไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใครทั้งนั้น ดังนั้น คงไม่ต้องไปบอกพลเอกประวิตรให้ไปบอกนายกฯ ประยุทธ์ให้ลาออก และการที่นายโทนี่ออกมาพูดไม่หยุดนั้นตนเองก็มองว่าไม่ได้อยากจะช่วยเหลือบ้านเมืองอะไร เพราะการออกมาพูดแต่ละครั้งไม่มีเนื้อหาสาระอะไรที่เป็นประโยชน์ แต่พูดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น อยากมีบทบาทช่วยพรรคเพื่อไทยเป็นการตีกินทางการเมือง กลัวคนจะลืม โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร หวังแต่ว่าการออกมาพูดจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้เข้ามามีอำนาจเป็นรัฐบาล เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือตัวเองให้พ้นผิดและได้กลับประเทศไทยเล่นนั้นใช่ไหม แต่ตนเองมองว่าหากนายโทนี่อยากกลับประเทศไทย และแน่จริงก็ขอให้กลับมาเลยตอนนี้ กลับมารับโทษที่ตัวเองได้ทำผิดเอาไว้ แค่นี้ก็ได้กลับประเทศไทยแล้วโดยไม่ต้องรอเวลา

แต่ก่อนจะกลับมาประเทศไทย ตนจะต้องถามกลับสองข้อสั้น ๆ ว่า...

1.) ถ้ากลับมาพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ประเทศชาติประชาชนในโครงการที่เกิดการทุจริตในยุครัฐบาลนายทักษิณและยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ หรือไม่

2.) พร้อมที่จะกลับเข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่

ถ้านายโทนี่และนางสาวยิ่งลักษณ์พร้อมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ ตนคิดว่า พี่น้องคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ขัดข้องที่จะให้กลับได้ถ้าทำตามสองข้อนี้ ไม่ว่านายโทนี่กับน้องสาวจะเดินเข้าทางช่องประตูหน้าหรือประตูหลังหรือประตูไหน ๆ ก็ตาม ตนมั่นใจคนไทยส่วนใหญ่ยอมรับได้อย่างแน่นอน" นายเสกสกล กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ศักดิ์สยาม” ประชุมคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยแห่งชาติ เตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุประสบภัย

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยแห่งชาติ ประชุมคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ด้วยระบบ Video Conference โดยมี ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้แทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยาน และเรือที่ประสบภัย ในฐานะกรรมการเข้าร่วมการประชุม การประชุมครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัย ประจำปี 2564 – 2565 ครั้งที่ 41 – 42 (SAREX 2021 - 2022) ซึ่งได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 

โดยมีสำนักงานคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยาน และเรือที่ประสบภัย ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงาน ค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัย ตลอดจนดำเนินการเกี่ยวกับการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยาน ประสบภัยของประเทศ และประสานงานในการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลืออากาศยานที่อยู่ในภาวะอันตราย หรืออากาศยานที่สูญหายหรือขาดการติดต่อ และต้องการ การค้นหา และช่วยชีวิตผู้ที่ประสบภัยจากอากาศยานได้อย่างทันท่วงที คณะกรรมการฯ ได้รับทราบการเตรียมความพร้อมฯ ดังกล่าว และมีมติที่ประชุม ดังนี้ 

1.เห็นชอบในหลักการของแผนการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยแห่งชาติ พ.ศ. ... พร้อมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย กับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หารือในรายละเอียดร่วมกัน เพื่อให้มีความครอบคลุม ครบถ้วนยิ่งขึ้น 

2. อนุมัติการจัดการฝึกซ้อมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัย ประจำปี 2564 – 2565 ครั้งที่ 41 - 42 (SAREX 2021 - 2022) โดยมอบหมายให้

2.1 สำนักงานคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยาน และเรือที่ประสบภัย ทำหน้าที่เป็นแกนกลาง และเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรูปแบบการฝึกซ้อม ณ ที่ตั้งหน่วย ในปีงบประมาณ 2564 ประกอบด้วย การฝึกซ้อมการติดต่อสื่อสาร (Communication Exercise), การฝึกซ้อมการประสานงาน (Coordination Exercise) และการอบรมสัมมนาหน่วยงานในระบบค้นหา และช่วยเหลือฯ ในเรื่องของแผนการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยแห่งชาติ

2.2 กองทัพเรือ ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการฝึกซ้อมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัย ในปีงบประมาณ 2565 เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 คลี่คลาย

3.  แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดเขตความรับผิดชอบในการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยของไทย ซึ่งมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ จำนวน 13 หน่วย โดยมี รองปลัดกระทรวงคมนาคม ด้านอำนวยการ เป็นประธานอนุกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดเขตความรับผิดชอบในการค้นหา และช่วยเหลือฯ ของประเทศไทย ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ต่อไป 

4. มอบหมายให้เชิญผู้แทนศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยแห่งชาติ เพื่อช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรณีที่เกิดเหตุอากาศยานประสบภัยทางทะเล

ศบค.ย้ำ ร้านเสริมสวย-ตัดผม นอกห้างฯ เปิดได้!! แต่พบติดเชื้อพุ่ง ก็ถูกสั่งปิดได้

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีข้อสงสัย คลินิกเสริมความงาม ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ ร้านสัก ในพื้นที่ล็อกดาวน์สามารถเปิดได้หรือไม่ ว่า ตามข้อกำหนดฉบับที่ 27 ที่ได้ประกาศระบุ 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ เท่านั้น ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 4 จังหวัดทางภาคใต้นั้นไม่ได้อยู่ในหลักการเดียวกันนี้

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า โดยสรุปได้เป็นในส่วนของที่ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า และนอกห้างสรรพสินค้า หรือคอมมูนิตี้มอล ซึ่งส่วนที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า เช่น ร้านตัดผม, ร้านเสริมสวย, ร้านทำเล็บ, สักผิวหนัง, คลินิกทันตกรรม, คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก, คลีนิคเวชกรรมเสริมความงาม, รวมไปถึง ร้านบริการล้างรถ, ซักรีด จะต้องปิดทั้งหมด ซึ่งโดยรวมแล้วกรมควบคุมโรคมีคำแนะนำว่าห้างสรรพสินค้า หรือคอมมูนิตี้มอล จะเป็นที่รวมกลุ่มของคนจำนวนมาก

ดังนั้น จึงต้องขอให้สถานบริการเหล่านั้นที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าจำเป็นจะต้องปิดด้วยทั้งหมด แต่ถ้าร้านหรือคลีนิคเหล่านั้นเปิดอยู่นอกห้างสรรพสินค้าขอให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัด หากจังหวัดไหนพิจารณาให้เปิดดำเนินการได้ ก็ขอให้ฟังประกาศของจังหวัดที่ท่านตั้งอยู่

แต่อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำว่าหากมีการเปิดดำเนินการแล้วมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็เป็นไปได้ที่จังหวัดนั้น ๆ จะพิจารณาสั่งปิดในโอกาสต่อ ๆ ไป

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ตอนนี้พบว่าคลินิกเสริมความงามหรือร้านเสริมสวยต่าง ๆ ที่แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้า โดยหลักการทางจังหวัดอนุญาตให้เปิดได้แต่เจ้าของกิจการคลินิกเหล่านี้หลายที่ ก็พบว่าปิดดำเนินการชั่วคราวในช่วงนี้เพื่อเป็นการช่วยกันเวิร์คฟอร์มโฮมให้มากที่สุด

ก็ต้องขอขอบคุณคลินิกเหล่านี้ที่มีความเป็นห่วงและร่วมด้วยช่วยกันอาจจะต้องเดือดร้อนสูญเสียรายได้แต่ในระยะที่ปิดชั่วคราวนี้ ก็เพื่อลดการเดินทางลดการที่ประชาชนจะออกนอกบ้านถือได้ว่าให้ความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผบ.ทบ. มอบหมายให้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. แจ้งความเอาผิดกับ 9 มือโพสต์ เป็นผู้ใช้เฟซบุ๊ก 8 ราย ทวิตเตอร์ 1 ราย โพสต์กล่าวหาส่งกำลังพลไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ ชี้ทำให้กองทัพบกเสียหาย

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการภาพกำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) กับกองทัพบกสหรัฐฯ ณ Fort Bragg รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค. 64 ที่สนามบินไปเผยแพร่และบิดเบือน โดยกล่าวหาว่าเดินทางไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 และใช้ภาษีประชาชนเป็นค่าตั๋วเครื่องบินในการเดินทางนั้น

.ล่าสุด พล.อ.ณรงพันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ทำหน้าที่แทนดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับบุคคลที่นำภาพไปบิดเบือน จนทำให้กองทัพบกเกิดความเสียหาย พร้อมให้ พ.อ.ณครสม เนาวบุตร ผู้อำนวยการกองคดี สำนักพระธรรมนูญทหารบก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลล็อตแรก จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย ผู้ในเฟซบุ๊ก จำนวน 8 ราย ทวิตเตอร์ จำนวน 1 ราย และจะมีการทยอยแจ้งความกับบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีก ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผอ.สศค’ เผย! เตรียมคุยออนไลน์ฟู้ดเดลิเวอรี่ ดึงร่วม ‘คนละครึ่ง’ ภายใน ก.ค.นี้ ด้าน ‘ร้านอาหาร-ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ประสานเสียงหนุนรัฐปลดล็อก จ่ายคนละครึ่งผ่านแอปฯ ซื้ออาหาร-เครื่องดื่ม

‘ผอ.สศค’ เผย! เตรียมคุยออนไลน์ฟู้ดเดลิเวอรี่ ดึงร่วม ‘คนละครึ่ง’ ภายใน ก.ค.นี้ ยกเว้น! รายที่มีปัญหา ระบุ! รอเจรจาค่า GP เหตุมีการโปรโมทให้ร้านค้าและไรเดอร์ ด้าน ‘ร้านอาหาร-ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ประสานเสียงหนุนรัฐปลดล็อก จ่ายคนละครึ่งผ่านแอปฯ ซื้ออาหาร-เครื่องดื่ม

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีฟู้ดเดลิเวอรี่ต้องการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลว่า ล่าสุด ได้หารือกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery) อย่างไม่เป็นทางการ 2 ราย จากผู้ให้บริการทั้งหมด 4 ราย โดยผู้ให้บริการยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งอย่างไม่มีปัญหา ยกเว้นผู้ให้บริการหนึ่งรายที่กระทำผิดกฎหมายอยู่ในขณะนี้ ไม่ตอบข้อหารือของสศค. หลังจากที่ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า ‘ไม่ว่าง’

“สศค.จะไม่ตัดสิทธิผู้ให้บริการรายใดออกไป แต่ต้องการทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นการชำระเงินระหว่างกันโดยตรงไม่ผ่านตัวกลาง (Face to Face)” น.ส.กุลยา ย้ำว่าภายในเดือนนี้จะเชิญผู้ประกอบการมาหารือผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสรุปแนวทางการเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ โดยในระหว่างนี้ สศค.ได้หารือกับธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ให้บริการ ‘เป๋าตัง’ ในประเด็นการชำระเงินจากภาครัฐไปสู่ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ และจากฟู้ดเดลิเวอรี่ไปยังผู้ค้า เป็นต้น

ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องคำนึงถึงความโปร่งใส และไม่มีปัญหาเรื่องทุจริต ที่ผ่านมาสศค.ได้ตรวจพบการทุจริตโครงการคนละครึ่ง และได้ดำเนินการเข้มงวดแล้ว จึงไม่ต้องการเห็นเกิดช่องโหว่ของการทุจริตกลับมาอีก

ส่วนกรณี การลดค่าธรรมเนียม หรือ Gross Profit (GP) นั้น สศค. อยู่ระหว่างพิจารณาถึงความเหมาะสม และเตรียมหารือกับผู้ประกอบการฯ ทั้งนี้ อยากเห็นการมีส่วนร่วมของฟู้ดเดลิเวอรรี่ต่อประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการเคยให้ข้อมูลว่า มีการจัดโปรโมชันให้กับร้านค้า ไรเดอร์ และผู้สั่งซื้ออาหารอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เช่น โรบินฮู้ด ไม่เก็บค่าขนส่งลูกค้า เป็นต้น โดยมองว่าเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายช่วยเหลือสังคมในช่วงที่ล็อกดาวน์

ด้านนายวรพจน์ พูลถนอมสุข เจ้าของร้านอาหาร ‘เป่าซิงสุกี้’ ย่าน ถ.เจริญลาภ กล่าวว่า เดิมร้านมี 5 สาขา ปัจจุบันเหลือ 3 สาขาและกำลังจะปิดอีก 1 สาขา เหลือเพียง 2 สาขาเพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายสุกี้ฯ โดยหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด และรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้รายได้จากยอดขายลดลงมากกว่า 35%

ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะปลดล็อก เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิในโครงการของรัฐ โดยเฉพาะ ‘คนละครึ่ง’ สามารถจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มผ่านแอปฯ ของฟูดเดลิเวอรี่แล้ว เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่ซบเซาจากนโยบายของรัฐ พอจะกระเตื้องขึ้นมาได้ โดยอยากให้ภาครัฐเร่งดำเนินในทันที ข้ามกฎระเบียบและขั้นตอนใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้โครงการดังกล่าวเกิดความล่าช้า เนื่องจากเวลาที่ทอดยาวออกไป ยิ่งเป็นการทำลายโอกาสของผู้ประกอบการร้านอาหารฯ

ขณะที่ น.ส.รัตนาภรณ์ เวชสวรรค์ เจ้าของร้านข้าวมันไก่ ‘ป.เจริญชัยไก่ตอน’ ย่าน ถ.ประชาราษฎร์ ห้วยขวาง กล่าวว่า ร้านได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิดและมาตรการของรัฐ ทำให้ยอดขายหายไปราว 30-40% ส่วนหนึ่งเพราะประชาชนประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ที่สำคัญคือ ประชาชนไม่ออกจากบ้าน เพราะการประกาศล็อกดาวน์ของรัฐ ทำให้โอกาสที่ร้านฯ จะขายอาหารแก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่งยิ่งน้อยลงไปอีก

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐคลายล็อก และเปิดให้มีการใช้จ่ายค่าอาหารฯ ในโครงการคนละครึ่ง ผ่านแอปฯ เป๋าตังโดยเร็ว และเปิดให้ทุกแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่สามารถรับเงินแทนร้านอาหารได้ ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติได้อย่างแน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในตอนนี้คือ การกระตุ้นให้เกิดยอดขาย ไม่ว่าจะจากทั้งรัฐบาล หรือแอปพลิเคชัน เพื่อให้ร้านต่าง ๆ ยังมีสภาพคล่องและรักษาธุรกิจต่อไปได้

ส่วนผู้บริหารระดับสูงของแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่รายหนึ่ง (ค่ายสีชมพู) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ แพลตฟอร์มผู้ให้บริการแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่หลายแห่ง ได้ใช้เวทีการประชุมร่วมกับหน่วยงานของรัฐ เสนอแนวทางการชำระเงินค่าอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่มาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หากภาครัฐจะเปิดให้มีการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่จริง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่บริษัทเจ้าของแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่เท่านั้น เพราะผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือ ผู้บริโภคและร้านอาหาร รวมถึงระบบเศรษฐกิจในภาพรวมที่จะกระเตื้องตามกันไป

ดร.เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผอ.ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บเฝ้าติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฟู้ดเดลิเวอรี่สามารถเข้าร่วมได้ ทางแกร็บก็พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน และพร้อมให้ภาครัฐตรวจสอบตรวจสอบความโปร่งใส

ส่วนในทางปฏิบัติ หากภาครัฐปลดล็อกให้มีการใช้จ่ายเงิน (สิทธิ) ในโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่ แกร็บก็พร้อมร่วมหารือในรายละเอียดกับธนาคารกรุงไทย ที่ดูแลแอปฯ เป๋าตัง ถุงเงิน และระบบการชำระเงินในโอกาสต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top