Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

กสม. ส่งหนังสือถึงนายกฯ ให้รัฐบาลชะลอเสนอขึ้นทะเบียนป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกก่อน จนกว่าแก้ปมสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์กระเหรี่ยงบางกลอยคลี่คลาย

สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่รัฐบาลจะนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเพื่อรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 16 – 31 ก.ค. 2564 นั้น กสม. โดย น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกสม.ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ลงวันที่ 12 ก.ค.64 เสนอให้รัฐบาลชะลอการเสนอขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติออกไปก่อน จนกว่าปัญหาสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยจะคลี่คลาย

โดยระบุว่า กสม. เห็นถึงคุณค่าของการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชนกรณีกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน รวมทั้งที่ได้เคยตรวจสอบกรณีดังกล่าว กสม. มีข้อเสนอเพื่อพิจารณาในประเด็นดังนี้ 1. คณะกรรมการมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้มีข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งในปัจจุบัน ยังปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหากรณีดังกล่าว อาทิ การโต้แย้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิในพื้นที่ดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย

2. แม้ภาครัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยการจัดสรรพื้นที่ให้กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยที่ถูกย้ายออกจากพื้นที่ดั้งเดิมแล้ว แต่ในทางปฏิบัติกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยยังประสบปัญหาในการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ได้รับการจัดสรรอย่างจำกัด ไม่ครบถ้วน และสภาพดินไม่สามารถทำกินได้อย่างเพียงพอ ต่อมา เมื่อประมาณต้นปี 64 กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยบางส่วนได้กลับเข้าไปทำกินและอยู่อาศัยในพื้นที่ดั้งเดิม ทำให้ถูกจับกุม และเกิดข้อขัดแย้ง กระทั่งได้มีการแก้ไขปัญหาตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 67/2564 ลงวันที่ 16 มี.ค.64 และมีการตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ด้านขึ้นมา เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผลการดำเนินการและข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม ในขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ซึ่งถูกจับกุมกำลังถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

3. กสม. ขอเสนอให้รัฐบาลชะลอการเสนอขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติออกไปก่อน จนกว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เมื่อปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมแล้ว กสม. พร้อมที่จะสนับสนุนการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติต่อไป

โดยกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมีลักษณะเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ซึ่งควรได้รับการคุ้มครองสิทธิในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของตน รวมทั้งมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามที่รัฐธรรมนูญ60 และหนังสือสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามได้ให้การรับรองไว้

‘กรณ์’ วอนรัฐ ปรับปรุงกติกา ลดภาระประชาชน คนยากจนเข้าถึงการตรวจรักษาฟรี

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ความต้องการเตียงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่ม ‘กล้าอาสา-หาเตียง’ ได้ปรับการทำงานเพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยด้วยการแบ่งเป็น 7 ทีม โดยที่มีหนึ่งทีมโดยเฉพาะไว้ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว อีกทีมดูแลเคสผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง แต่ละทีมมีอาสา 3-5 คน ทำงานกันเกือบตลอด 24 ชม.

โดยทางทีมงานประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันทุก ๆ 4-5 วัน เพื่อซักซ้อมและปรับตัวตามมาตรการของทางราชการที่ก็มีการปรับตามสถานการณ์เช่นกัน และเราคุยกันเพื่อตรวจเช็คสภาพจิตใจของอาสาแต่ละคน เพราะการทำงานอาสานี้ต่างกับการทำงานในช่วงภัยพิบัติประเภทต่าง ๆ ที่ผ่านมา

“งานนี้อาสาเราต้องพบกับสภาพความกดดันในการทำงานเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วย การจะได้เตียงหรือไม่หลายครั้งหลายคราหมายถึงความเป็นหรือความตายของผู้ป่วย อาสาเราต้องคอยให้กำลังใจ และต้องดิ้นรนทุกหนทางเพื่อช่วยเหลือผู้ที่สถานการณ์บังคับให้ต้องพึ่งเรา เราเองก็ไม่มีอำนาจพิเศษอะไรนอกจากความตั้งใจในการต่อสู้ให้เขามีโอกาสได้รับการรักษา เราเองก็คอยเป็นกำลังใจให้กับอาสาทุกคนว่าถ้าไม่ไหวต้องพัก อย่ากดดันตัวเองจนไปไม่ไหว อย่าเข้าสู่สภาวะซึมเศร้า ปัญหาตอนนี้ คือ ผู้มีอาการหนักเคสสีเหลืองเข้ม และสีแดง ผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีความจำเป็นต้องพึ่งหมอ พึ่งพยาบาล เราจึงสนับสนุนทุกมาตรการที่สามารถลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้บุคลากรทางแพทย์ด่านหน้าต้องติดเชื้อไวรัสเอง” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาจากที่เราพบจากการลงมือทำของทีม ‘กล้าอาสา-หาเตียง’ คือ ความล่าช้าในการรับการรักษา คือ ปัญหาหลักที่ทำให้เรามีผู้ป่วยหนักมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจัยสำคัญ คือ เงื่อนไขการตรวจ PCR นี่คือสาเหตุที่เราจึงได้ออกมาเรียกร้องว่ารัฐบาล ข้อเสนอคือ รัฐบาล ต้องจัดหาอุปกรณ์การตรวจแบบ Rapid Antigen ให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงได้โดยสะดวกและไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ทำไปแล้วคือแค่บอกว่าอนุญาตให้ใช้ได้ ซื้อได้ แต่ขอย้ำว่า พื้นที่สีแดง ควรต้อง ฟรี! โดยเฉพาะในวินาทีนี้ และขอให้ผ่อนปรน หากรู้ผลตรวจ Rapid Antigen แล้วพบว่าติดเชื้อ ควรเข้าสู่ระบบหาเตียงรักษาพยาบาลได้ทันที และในหลายชุมชนในพื้นที่สีแดง คนส่วนใหญ่เป็นคนยากคนจน ควรจะได้สิทธิ์รับการตรวจแบบ Rapid Antigen ฟรี ซึ่งรัฐจัดให้ได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากนัก แต่ถ้าให้ไปซื้อตรวจกันเองในราคา 300 ถึง 500 บาท คงจะเป็นภาระให้กับประชาชนในสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้ จึงฝากถึงรัฐบาลให้ปรับปรุงกติกา ลดภาระประชาชน

“วิกฤติครั้งนี้เมื่อสองเดือนก่อนยังไกลตัวประชาชนส่วนใหญ่ แต่วันนี้แทบทุกคนมีผู้ป่วยที่เรารู้จักเป็นการส่วนตัว แม้แต่เศรษฐีที่พยายามใช้เงินเพื่อซื้อความช่วยเหลือให้ลูกน้องที่ป่วยโควิด แต่ปรากฎว่าแม้มีเงินเขาก็ซื้อบริการทางการแพทย์ (ผ่านการรักษาในรพ.เอกชนที่ราคาแพง) ที่ต้องการไม่ได้ เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน จริงอยู่วันนี้คนมีสตางค์อย่างไรก็ยังมีความได้เปรียบ แต่แม้แต่เงินก็ไม่เป็นหลักประกันที่เพียงพอว่าจะช่วยคนได้ ผมประเมินว่าเราจะอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้ไปอีกอย่างน้อย 2 เดือน และจะพ้นวิกฤตินี้ไปได้ต้องมีวัคซีนอย่างเดียว ระหว่างนี้ที่พวกผมทำได้ คือ ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเสนอมุมมองและข้อเสนอจากฝ่ายปฏิบัติเพื่อให้รัฐบาลรับรู้ทุกมิติของปัญหา และหวังว่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลจะใส่ใจเท่ากับอาสาทุกคน ทั้งที่ทำงานอยู่กับเรา และกลุ่มอื่น ๆ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย” นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ ริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย ชาวชุมชน ใช้ลานกีฬาใต้ทางด่วน ตั้งเต็นท์ล้อมสแลน ทำจุดพักคอยชุมชน (Community Isolation) แยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัว ป้องกันการระบาดในชุมชนกันเอง ด้วยความเป็นห่วง ตนพร้อมด้วยทีมงานพรรคกล้า ทั้ง ครูเป็ด มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร กรรมการบริหารพรรค นายสมเกียรติ ปัญญะธารา ผู้กล้า - ยานนาวา รีบนำหน้ากากอนามัยโครงการ ‘แจกแมสก์ 5,000,000 ชิ้น’ , ยาฟ้าทะลายโจร , อาหารแห้ง มาช่วยพี่ ๆ น้อง ๆ ที่กักตัวในศูนย์พักคอยที่ทำกันเอง ก่อนจะย้ายไปศูนย์พักคอยที่วัดสะพาน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุข และ กทม. เพื่อให้ผู้ที่มีอาการหนักขึ้นเข้าสู่การรักษาพยาบาลได้

แต่ปัญหาตอนนี้ที่กลุ่มกล้าอาสา-หาเตียงพบ คือ ผู้ป่วยระดับสีเหลือง สีส้ม สีแดง เข้าไม่ถึงเตียงรักษา เพราะเงื่อนไขราชการต้องมีผลตรวจ RT- PCR รับรองก่อน ทำให้ประชาชนต้องรอคิวข้ามคืนเพื่อใช้สิทธิ์การตรวจ แม้ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไขให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจ Rapid Antigen แล้ว แต่ยังต้องตรวจ PCR เพื่อยืนยันผลอีก ถึงจะเข้าสู่ระบบรอที่รักษาได้ กลายเป็นอุปสรรคต่อพี่น้องประชาชนที่ป่วยอยู่แล้ว บางคนคนป่วยนอนติดเตียงยิ่งลำบาก ถ้าต้องออกไปอีก ยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยง


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษก ทร. เผย ยศ.ทร. ส่งกำลังพลสนับสนุนช่วยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 ของจังหวัดนครปฐม

พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าพลเรือโท เคารพ แหลมคม เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ สั่งการให้จัดกำลังพล จำนวน 10 นาย พร้อมรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ จำนวน 1 คัน ให้การสนับสนุนโรงพยาบาลพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ในการขนย้ายอุปกรณ์ในการจัดเตรียมตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ และช่วยดำเนินการประกอบเตียงกระดาษสำหรับใช้ในการรองรับผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการดูแลรักษา ซึ่งจังหวัดนครปฐมกำลังดำเนินการเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่ม  หลังพบการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยในพื้นที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงได้ดำเนินการเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเป็นแห่งที่ 5 ณ บริเวณอาคาร 100 สมเด็จพระญาณสังวร พุทธมณฑล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.กิจการอวกาศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศไทย 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ว่า ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ เพื่อกำหนดให้มีองค์กรทำหน้าที่จัดทำนโยบายและแผนกิจการอวกาศ กำหนดหลักเกณฑ์และให้บริการรับคำขอและชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุญาตด้านอวกาศ เพื่อให้ดำเนินการกิจการอวกาศเป็นไปด้วยความเหมาะสม สอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และภาครัฐสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศได้เพิ่ม 

โดยสาระสำคัญ กำหนดให้มีนโยบายและแผนกิจการอวกาศ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการพัฒนากิจการอวกาศก่อให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ และกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายกิจการอวกาศ ตามขอบเขตของพระราชบัญญัติ และสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ ทำหน้าที่เลขานุการให้กับคณะกรรมการฯกำกับดูแล ส่งเสริมกิจการอวกาศ เป็นหน่วยรับแจ้งเหตุในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรืออุบัติการณ์จากการดำเนินกิจการอวกาศก่อนประสานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อการแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนั้นกำหนดลักษณะและประเภทการอนุญาต รวมถึงมาตรการเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ดำเนินกิจการอวกาศ เพื่อก่อให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยใช้ทรัพยากร เทคโนโลยี และองค์ความรู้จากการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ขับเคลื่อนผ่านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจให้บริการนำส่งดาวเทียม ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ธุรกิจสำรวจอวกาศให้กำหนดโทษผู้ดำเนินกิจการอวกาศ โดยไม่ได้แจ้งหรือไม่มีใบอนุญาตดำเนินกิจการอวกาศ เป็นต้น 

ทั้งนี้ให้ ครม. จัดสรรทุนประเดิมให้แก่สำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติระยะเริ่มแรกตามความจำเป็น และให้นายกรัฐมนตรี เสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาให้ข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐ มาปฏิบัติงานเป็นพนักงานของสำนักงานฯ เป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่ ครม. กำหนด และกำหนดให้รายได้ของสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติเป็นของหน่วยงาน ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน 

เพจเฟซบุ๊ก​ 'ความเห็นของผม'​ ได้โพสต์เรื่องราวของอีกบุคคลที่ปิดทองหลังพระ​มาตลอด​ 3​ เดือน...'ครูลิลลี่'​ พร้อมยกเป็นแบบอย่างที่ดี

จากเพจเฟซบุ๊ก​ 'ความเห็นของผม'​ ได้โพสต์เรื่องราวของอีกบุคคลที่ปิดทองหลังพระ​มาตลอด​ 3​ เดือน...

'ครูลิลลี่'​

โดยเธอไม่สนกระแสดราม่าใด ๆ​ แต่ทำด้วยความเป็นผู้ให้​ สมความเป็นครูอย่างแท้จริงว่า...

โพสต์นี้ขอพูดถึงครูภาษาไทยคนหนึ่งเสียหน่อย

ครูสอนภาษาไทยคนนี้ ไม่มีเรื่องดราม่าใด ๆ ใครจะว่าอย่างไรไม่เคยตอบโต้ ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างเดียวเท่านั้น ทำเงียบ ๆ แค่โพสต์ในพื้นที่โซเชียลของตัวเองเท่านั้น ครูคนนี้ก็คือ “ครูลิลลี่” นั่นเองงง

หากใครยังไม่ทราบ ครูลิลลี่ทำอาหารแจกให้กับบุคคลากรทางการแพทย์มานานกว่า 3 เดือนแล้วครับ แกจะโพสต์การทำอาหารของแกทุกวัน ทั้งของคาว และของหวาน ของหวานส่วนมาก อย่าเรียกว่าส่วนมาก เรียกว่าทั้งหมดทุกวันเลยดีกว่า จะเป็นขนมไทยครับ บอกเลยว่าน่ากินมากกกกกก

โดยในทุก ๆ วัน ก็จะมีคนมาสมทบทุนเพื่อซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหาร บริจาคเงินมั่ง หรือ รับเป็นเจ้าภาพในวันนั้น ๆ บ้าง ครูลิลลี่กับทีมงาน บางวันก็จะมีเพื่อน ๆ นิเทศศาสตร์ จากจุฬาฯ รุ่น 24 มาช่วยทำอาหารด้วย (เห็นมั้ย ผมดูคลิปครูลิลลี่ทำอาหารทุกวันจนจำได้แล้วว่าครูลิลลี่จบนิเทศฯ จุฬาฯ รุ่น 24 ????????????????)

และในคลิปของครูลิลลี่บางคลิปก็จะสอนภาษาไทยควบคู่ไปด้วย เช่น แฟนเพจผม รู้หรือไม่ว่า “ปิ้ง” กับ “ย่าง” ต่างกันยังไง..?

ปิ้ง คือเอาเนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ๆ เสียบไม้ วางบนไฟอ่อน ๆ ใช้เวลาเผาไฟไม่นาน

ย่าง คือเอาเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ วางบนไฟแรง ใช้เวลาเผานาน

หรือเวลาเราเห็นข้าวเหนียวที่ห่อด้วยใบตอง แล้วมีไม้ไผ่เส้นบาง ๆ มัดใบตองอยู่ ไม้ไผ่เส้นบาง ๆ นั้นเขาเรียกว่า “ไม้ตอก” เป็นที่มาของสำนวนว่า “สิ้นไร้ไม้ตอก” คือคนโบราณเขาเปรียบเปรยว่า ยากจนมาก แม้กระทั่งไม้ตอกจะมัดของก็ยังไม่มีเลย

นี่แหละครับ คลิปทำอาหารที่มาพร้อมความรู้ ผมก็เพิ่งรู้เรื่องคำภาษาไทย สำนวนไทย ในหลาย ๆ เรื่อง ก็จากคลิปที่ครูลิลลี่ทำอาหารนี่แหละ

นี่แหละครับ “ปิดทองหลังพระ” ของจริง ใครจะดราม่า ใครจะด่าคนนั้น จะตำหนิคนนี้ ใครจะ call out แกไม่รู้ ไม่สน ฉันจะทำอาหารเพื่อช่วยเหลือบุคคลากรทางการแพทย์ แล้วแกทำทุกวัน ทุกวันจริง ๆ ตื่นตีสามตีสี่ มาเตรียมของนั่งทำ แล้วครูก็มีความสุข ผมก็ดูคลิปสนุก บางครั้งบอกเคล็ดลับการทำอาหารอีกต่างหาก

นี่แหละครับ คุณครูตัวอย่าง เป็น “ครูผู้ให้” อย่างแท้จริง ครูแบบนี้สิน่านับถือเคารพยกย่อง

แต่ครูลิลลี่เลือกที่จะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นบนพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเอง ปิดทองหลังพระไปเงียบ ๆ

แต่วันนี้อาจจะไม่เงียบแล้วนะครับครู ผมขอนำเรื่องของครูออกมาให้คนได้เห็นหน่อย ว่า “ครู” ที่เป็นแบบอย่างที่ดี ให้ลูกศิษย์ได้ทำตาม นั้นจะต้องเป็นแบบไหน คนแบบไหนที่เราจะเรียกเขาว่า “ครู” ได้เต็มปาก

ใครจะนับถือคุณครูแบบไหน ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ผมนับถือคุณครูแบบครูลิลลี่ครับ

ทั้งหมดทั้งมวลคือ “ความเห็นของผม” นะครับ

 

ที่มา : https://www.facebook.com/278356012859325/posts/772111503483771/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘โน้ส อุดม’ เข้าพิธีอุปสมบทเรียบง่าย รับฉายาทางธรรม ‘อธิจิตโต - ผู้มีจิตสูง’

หลังจากที่เพจมนุษย์ตุ๊ดได้ออกมาโพสต์ภาพ โน้ส อุดม แต้พานิช ห่มผ้าเหลือง บวชศึกษาพระธรรม พร้อมกับข้อความว่า ‘ขอร่วมอนุโมทนบุญ กับ พระโน้ส อุดม ด้วยค่ะ ตอนนี้ท่านบวชเป็นพระโดยมีชื่อว่า 'อธิจิตโต' แปลว่า ผู้มีจิตสูง สาธุๆ นะคะ **ลูกเพจส่งรูปนี้มา ไม่แน่ใจว่าบวชวัดไหน ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมแจ้งมาได้นะคะ’

ล่าสุด วันนี้ (13 ก.ค.) เพจ เดี่ยว ได้เผยภาพ ‘โน้ส อุดม’ ขณะกำลังเข้ารับการอุปสมบท พร้อมข้อความว่า…

‘พระอุดม อธิจิตฺโต อุปสมบท ณ วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ในวันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 15.46 นาฬิกา’

ก่อนหน้านี้ โน้สได้ตัดสินใจปิดกิจการร้านไอศกรีม iberry garden ที่จังหวัดเชียงใหม่เพราะทนพิษโควิดไม่ไหว หลังพยายามยื้อมานาน 2 ปี รวมไปถึงประกาศเลื่อนการแสดงเดี่ยว 13 Thai Stand Up Comedy ที่แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอไปเป็นเป็นวันที่ 22 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2565 อีกด้วย

 

ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000068183

https://www.facebook.com/photo?fbid=354773396010498&set=pcb.354773902677114


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'เวียดนาม' เอาด้วย!! ลุยฉีดวัคซีน 2 ยี่ห้อ เข็มแรก AstraZeneca เข็มสอง Pfizer

กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามตัดสินใจฉีดวัคซีน 2 ชนิดให้กับประชาชนที่เคยได้รับวัคซีน AstraZeneca เข็มแรกไปแล้ว ให้ได้รับวัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่สอง ซึ่งถือเป็นการบริหารวัคซีนที่ได้มาอย่างจำกัด เพื่อให้โครงการวัคซีนของรัฐบาลไม่สะดุด

สำหรับรัฐบาลเวียดนามนั้น ได้สั่งซื้อวัคซีน Pfizer เข้ามาจำนวน 745,000 โดส คาดว่าจะทยอยมาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ นั่นจึงทำให้ทางรัฐพิจารณาเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่เพิ่งได้วัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มแรกไปแล้ว 8-12 สัปดาห์ ให้มาฉีดวัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่สองได้ทันที

ส่วนประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนใดใดมาก่อนเลย สามารถฉีด Pfizer เป็นเข็มแรกได้ แต่ทั้งนี้ยังไม่ยืนยันว่าเข็มที่สองจะยังเป็น Pfizer หรือไม่

แต่ทั้งนี้ การเข้ารับวัคซีนชนิดใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้รับวัคซีนเป็นหลัก ว่าพอใจที่จะรับวัคซีนแบบ 2 เข็ม 2 ยี่ห้อ หรือต้องการจะฉีดเพียงยี่ห้อเดียวให้ครบโดสตามมาตรฐาน แต่ยังแนะนำให้ประชาชนมาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน Covid-19 ที่ตอนนี้เริ่มระบาดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในเวียดนาม

ส่วนการกระจายวัคซีน Pfizer จะเน้นไปที่ 4 เมืองหลักที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในประเทศ ได้แก่ 'โฮจิมินห์ ซิตี้' ได้ 55,000 โดส 'ฮานอย' 38,000 โดส 'บิ่ญเซือง' และ 'ด่งนาย' ได้เมืองละ 25,000 โดส ส่วนที่เหลือ กระจายไปยังเมืองต่าง ๆ อีก 60 แห่งทั่วประเทศ

ถึงจะมีแผนการกระจายวัคซีนไว้พร้อมแล้ว แต่เวียดนามก็ยังไม่ได้วัคซีนครบ 745,000 โดสตามที่ได้สั่งจองไว้ และเพิ่งได้มาเพียง 97,000 โดสเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเริ่มทยอยจัดส่งภายในสิ้นเดือนนี้ ที่ยังไม่สามารถยืนยันจำนวนได้ว่าจะมาเท่าไหร่

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามจึงตัดสินใจให้มีการฉีดวัคซีน 2 ชนิด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเวียนนามตัดสินใจอนุญาตให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค 2 ประเภทให้กับผู้รับวัคซีน 1 คน โดยมีเคสที่พบในหลายประเทศเป็นกรณีศึกษาที่มีการฉีดวัคซีน Covid-19 ต่างชนิดกัน โดยเชื่อว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น

โดยยกตัวอย่างกรณีของประธานาธิบดีอังเกล่า มาร์เคิล แห่งเยอรมัน ที่รับวัคซีนเข็มแรกเป็น AstraZeneca ส่วนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนจาก Moderna หรือกรณีในประเทศไทยที่ใช้ AstraZeneca เป็นการกระตุ้มภูมิสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ไปแล้ว 1-2 เข็ม และมีอีกหลายประเทศ ที่กำลังพิจารณาฉีดวัคซีน 2 ชนิดเพื่อต่อสู้กับเชื้อ Covid-19 กลายพันธุ์ เนื่องจากวัคซีน Covid-19 แต่ละประเภทมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าทางองค์การอนามัยโลกจะได้ออกมาเตือนถึงกระแสการฉีดวัคซีนแบบผสมว่าเสี่ยงอันตราย และยังมีงานวิจัยสนับสนุนน้อยมา

ตอนนี้ในเวียดนามได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนไปแล้วกว่า 4 ล้านคน แต่มีเพียง 280,000 คน ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และยังคงรอวัคซีนที่มาอย่างล่าช้า จึงต้องมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนแบบผสม 2 ชนิดในครั้งนี้ ให้โครงการเดินหน้าต่อโดยไม่สะดุดนั่นเอง


อ้างอิง : VN Express
ผู้เขียน : ยีนส์ อรุณรัตน์ เปรมสิริอำไพ

รัฐบาล รับส่งมอบวัคซีนอาจมีปัญหา ยันไม่หยุดเจรจานำเข้าให้มากที่สุด ย้ำ"ไฟเซอร์-จอห์นสันฯ-สปุตนิควี"จ่อเพิ่มเติมเข้ามา 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามนายกรัฐมนตรีภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงแผนการส่งมอบหรือแผนการกระจายวัคซีนที่หลายฝ่ายมองว่าไม่เป็นไปตามเป้า ว่า จากการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ครม.ว่า อาจจะมีการส่งมอบวัคซีนที่เป็นการนำเข้ามาซึ่งปัจจุบันหากมีปัญหาทางกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ยังมีการเจรจาเพิ่มเติมกับผู้ผลิตรายอื่นๆ รวมทั้งการนำเข้าจากผู้ผลิตทั้ง บริษัทไฟเซอร์ ฯ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันและ สปุตนิก วี (Sputnik V)
ซึ่งจะมีการเพิ่มเติมเข้ามาซึ่งรัฐบาลจะเร่งนำเข้าวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับแผนการกระจายวัคซีน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อกระจายตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขโดย ศบค. ได้พิจารณาจากการประชุมร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้เสนอต่อที่ประชุม ศบค. เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายตามคำแนะนำของคณะแพทย์ว่าวัคซีนที่นำเข้ามาควรจะฉีดให้กับใครและกระจายไปในพื้นที่จุดใด 

"บิ๊กตู่"ย้ำจำเป็นยกระดับมาตรการหลังเดลตาระบาดหนักทั่วโลก กำชับคุมราคาวัคซีนทางเลือก-ชุดตรวจไว Antigen Test Kit ต้องไม่แพงไม่ และเป็นภาระปชช. “ปลื้ม”ข่าวดีไทยผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เอง เตรียมเร่งกระจายสถานพยาบาล-รพ.สนามทั่วประเทศ ยันไม่สต๊อกที่ส่วนกลาง 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนนายกรัฐมนตรี หลังการประชุม ครม.ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์​การณ์แก้ปัญหาโควิด-19 ที่ค่อนข้างหนักหน่วงในเวลานี้ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออกเปิดทางให้คนอื่นมาแก้ปัญหาแทน ว่า เนื่องจากปัจจุบันการแพร่ระบาดโควิด มีสายพันธุ์เดลตาที่มีความรุนแรงและติดต่อได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้กลายเป็นปัญหาทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ4 จังหวัดภาคใต้ จึงมีการออกข้อกำหนด เพื่อลดการแพร่ระบาด ซึ่งการบริหารจัดการของรัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนและปลดล็อคในหลายเรื่องเพื่อเอาชนะโควิดให้ได้โดยเร็ว

นายอนุชา กล่าวย้ำว่า ในส่วนการจัดหาและฉีดวัคซีนจะจัดหาโดยเร็วและฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ฉีดไปแล้วมากกว่า 12 ล้านโดสและในปัจจุบัน รัฐบาลจะเร่งกระจายและเร่งฉีด ขณะนี้กระจายไปกว่า 5.4 ล้านโดส เพื่อลดการสูญเสียในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลในพื้นที่สีแดงต้องระดมฉีดให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านโดส ในช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ไป และจะมีการจำกัดการเคลื่อนย้าย การเข้าออกพื้นที่จะให้สถานการณ์ กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมได้โดยเร็ว 

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนประสิทธิภาพของวัคซีนมีผลการศึกษา จากการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มตัวอย่างในปัจจุบันประมาณ 7 แสนคนที่ได้รับวัคซีนแล้วทั้งซิโนแวคและแอสตราเซเนกา มีรายงานว่าในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้อ 707 คน คิดเป็น 0.01 % ของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนแล้ว มีอาการหนัก 3 รายและเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งหากเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตในภาพรวมของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศก็สะท้อนให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนแมวป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ 100 % แต่ก็ลดความรุนแรงและลดการเสียชีวิตได้เป็นอย่างมาก

นายอนุชา กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้มีการปลดล็อคในเรื่องการตรวจคัดกรอง ทั้งในส่วนการปลดล็อคให้โรงพยาบาลรับการตรวจให้ประชาชน แม้จะไม่มีเตียงรองรับ โดยให้ลงทะเบียนเข้าระบบแยกกับตัวและรักษาต่อไปตามความรุนแรงของอาการ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องปฏิเสธการตรวจโดยทันที นอกจากนี้ยังปลดล็อคการให้ใช้ชุดตรวจไวหรือที่เรียกว่า Antigen Test Kit โดยกระจายให้โรงพยาบาลหรือคลีนิคชุมชนสามารถใช้ได้ทันที พร้อมส่วนกลางที่จะให้ประชาชนซื้อไปใช้เองในระยะต่อไป โดยรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการเรื่องกฎระเบียบต่างๆเพื่อปลดล็อคให้ได้ และให้ประชาชนสามารถไปใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป รวมถึงเรื่องการควบคุมราคา โดยนายกฯ ได้กำชับว่าราคาต้องไม่แพงและประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งในส่วนของวัคซีนทางเลือกและชุดตรวจไวหรือAntigen Test Kit ซึ่งย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้เก็บภาษีนำเข้าในส่วนเหล่านี้

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นอกจากนี้ในด้านการรักษา นอกจากมีการเพิ่มจำนวนเตียงเช่นที่รพ.บุษราคัม ที่เพิ่มเตียง จำนวน 1,000-2,500 เตียง ทำให้มีเตียงไม่ต่ำกว่า 3,000 - 4,000 เตียงแล้ว และยังได้เปิดศูนย์พักคอยอีก 17 แห่ง รองรับผู้ป่วย 2,560 เตียง และจะเสริมเป็น 3,000 เตียงต่อไป พร้อมกันนี้อนุมัติการแยกกับตัวที่บ้านหรือ Home isolation หรือการปรับตัวในชุมชนหรือ community isolationมาใช้ สำหรับผู้ติดเชื้อและไม่มีอาการหรืออาการน้อยในเกณฑ์สีเขียว โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์พร้อมการติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเต็มที่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและอาหารทุกมื้อ ไม่ต่างจากการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทั่วไป

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้ป่วยสีเขียวในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลขณะนี้ คิดเป็นร้อยละ 75 ของผู้ป่วยทั้งหมด ซึ่งหากบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วจะมีเตียงเพิ่มขึ้นอีก 40-50 % และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุข นอกจากนี้มีข่าวดีคือเราสามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ได้เองและกำลังขึ้นทะเบียนตำรับยาเพื่อนำมาใช้โดยทันทีลดการนำเข้า ซึ่งขณะนี้มีอัตราการผลิตอยู่ที่ 3-5 ล้านเม็ดต่อเดือน โดยจะเร่งกระจายไปยังสถานพยาบาลโรงพยาบาลสนามต่างๆทั่วประเทศอย่างพอเพียงและไม่สต๊อกไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้ตั้งแต่อาการเริ่มแรกและเพื่อลดผู้ป่วยอาการหนักตั้งแต่ต้น พร้อมการส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทยเช่นฟ้าทะลายโจรอย่างจริงจัง สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือผู้ป่วยที่แยกกับตัวที่บ้าน ควบคู่กับยาหลักตามคำแนะนำของแพทย์ 

ราเมศ แจง ปชช อย่ากังวล สื่อสารได้ตามปกติ ยึดหลักสุจริต “ไม่บิดเบือน”

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง ข้อห้ามที่กำหนดไว้ในประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) ในเรื่อง มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ว่า

หลักการสำคัญของเรื่องนี้ คือการออกข้อกำหนดมามีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ข้อกำหนดในข้อ 11 จึงระบุข้อความมีสาระสำคัญคือ

"มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิด ความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักรนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548" 

จากข้อความดังกล่าว มีความชัดแจ้งอยู่ในตัวคือ มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีการบิดเบือนด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จก็มีความผิด การนำข่าวสารที่ถูกต้องแน่ไปทำการบิดเบือนก็มีความผิด เช่นรัฐบาลประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อ จำนวนหนึ่ง แต่ไปบิดเบือนขยายต่อว่าผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากเสียชีวิตมากกว่าที่รายงานกล่าวหาว่ารัฐบาลปกปิดจำนวนที่แท้จริง อันนี้ชัดเจนผิดแน่นอน ภาพข่าวมีคนเดินๆอยู่แล้วเป็นลมล้มเสียชีวิต แต่มาบิดเบือนว่าเกิดจากเพราะการฉีดวัคซีน อันนี้ก็ผิดอยู่แล้ว ไม่มีข้อกำหนดนี้ก็อาจจะผิดตามกฎหมายอื่น

นายราเมศ กล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวลจนเกินไป ไม่มีข้อความใดในข้อกำหนดว่าห้ามโพสต์สร้างความหวาดกลัว แม้เป็นความจริง ขอให้ทุกคนยึดหลักสุจริต สื่อสารด้วยความจริง ไม่บิดเบือน จะเป็นเกราะคุ้มกันได้ดีที่สุด 
คนที่ออกมาบิดเบือนข้อกำหนดนี้ที่พยายามบิดเบือนทำให้สังคมหวาดกลัวโดยบอกว่าห้ามโพสต์สร้างความหวาดกลัว แม้เป็นความจริง น่าจะเป็นคนนำร่องผิดข้อกำหนดนี้เป็นคนแรก เพราะบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร นำไปสู่การทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ข้อเท็จจริงยุติว่าข้อความดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิด ความเข้าใจผิด ก็ต้องระมัดระวัง

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า หากสื่อสารด้วยความจริง สุจริต ไม่บิดเบือน ไม่ได้สร้างความสับสนให้สังคมเข้าใจผิด แล้วถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ให้แจ้งมาตนจะว่าความทำคดีให้ด้วยตนเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top