Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

ฮีโร่ ทหารเรือ! พันจ่า นาวิกโยธิน ช่วยชีวิตชายหัวใจหยุดเต้น นำข้อบกพร่อง-ประสบเหตุในอดีตเป็นแรงบันดาลใจศึกษาด้านกู้ชีพ ดีกรี แน่น วิศวกรรมโยธา ครูฝึกหลักสูตรร่มร่อน-ร่มบิน หน่วย SEAL

พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา พันจ่าส่งกำลัง สังกัด กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ กู้ชีพชายที่นอนหมดสติด้วยการทำ CPR เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 12.00 น. บริเวณถนนสุขุมวิท กม.2 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือจากประชาชนในที่เกิดเหตุให้รีบประสานโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 จัดรถพยาบาลฉุกเฉิน พร้อมเจ้าหน้าที่ มาให้การช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน นอกจากนี้แล้วยังได้ช่วยระบายรถ เพื่อให้ผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ล่าสุด กองทัพเรือ เปิดเผยถึงเรื่องราวของพันจ่าเอก ธนาวุฒิ ระบุว่า พันจ่าเอก ธนาวุฒิ สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนจ่านาวิกโยธินกองทัพเรือ รุ่นที่ 48 นอกจากนั้นยังสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธา เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญเงิน เป็นภาคีวิศวกรของสภาวิศวกร รวมถึงหลักสูตรเก็บกู้วัตถุระเบิด และยังเป็นครูฝึกในหลักสูตรร่มร่อน ร่มบิน ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ 

พันจ่าเอก ธนาวุฒิ เล่าว่า ตนเอง มีความรักในงานอาชีพกู้ภัย หลังจากที่ได้ประสบเหตุด้วยตนเองและพบข้อบกพร่องขณะให้การช่วยเหลือผู้อื่น จึงได้ไปศึกษาด้านกู้ชีพเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้นำความรู้มาช่วยเหลือและเผยแพร่ให้กับผู้อื่น โดยมีแนวทางในการดำเนินการว่า เผย การเริ่มต้นในการช่วยเหลือที่ดี โอกาสรอดยิ่งมากขึ้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ นาวาโทจีรศักดิ์ หวังวรวัฒนากุล ผู้บังคับกองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ แก่ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ นับเป็นความภาคภูมิใจของ หน่วยในการที่ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ได้ให้การช่วยเหลือประชาชน ในครั้งนี้
 

สรรพสามิต แจกปมจนท. รีดภาษีคนขายน้ำส้ม 12,000 บาทไม่จริง

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังมีข่าวว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้าทำการจับกุมผู้ขายน้ำส้ม จำนวน 500 ขวด และมีการเรียกค่าปรับเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท นั้น กรมสรรพสามิตขอชี้แจงว่าได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่เสียภาษีอย่างถูกต้องว่ามีบางโรงอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ได้มาตรฐานและยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต 

ทั้งนี้กรมสรรพสามิตได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้าทำการตรวจสอบและได้ดำเนินการให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเข้าระบบและเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้ว โดยที่ผ่านมามีจำนวน 4 ราย ซึ่งรายนี้เป็นรายที่ 5 โดยโรงอุตสาหกรรมของผู้ใช้เฟซบุ๊ครายดังกล่าว ผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ได้มาตรฐานและยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจึงได้ทำการให้คำแนะนำเพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบและเสียภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้อง โดยไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน จำนวน 12,000 บาท ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้มอบนโยบายไปยังเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารพร้อมทั้งให้คำแนะนำไปยังผู้ประกอบการให้เข้ามาอยู่ในระบบ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป

“ปริญญ์” นำธุรกิจบันเทิง-กลุ่มอาชีพอิสระร้อง “ศปก.ศบค.” เร่งปลดล็อกเปิดบริการได้ภายใน 1 ก.ค. อนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นั่งดริ๊งก์ในร้านได้ 

ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง ธุรกิจภาคกลางคืน และธุรกิจอิสระ อาทิ ฟิตเนส ธุรกิจรับจัดคอนเสิร์ตและอีเวนท์ ผับ บาร์ เข้าพบ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่อาคารสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล หลังได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 ทั้ง 3 ระลอก นานกว่า 200 วัน ซึ่งกังวลว่าธุรกิจไปต่อไม่ไหว 

โดยนายปริญญ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เราได้เห็นกลุ่มอาชีพธุรกิจกลางคืน สถานบันเทิง และอาชีพอิสระ ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการของภาครัฐในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และออกมาเรียกร้องเรื่องนี้กันมาระยะหนึ่งแล้ว ทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ จึงประสานงานในการพาตัวแทนผู้ประกอบการดังกล่าว เข้าพบผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. เพื่อแบ่งปันมุมมองและเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา และถ้าเป็นไปได้ อยากเสนอแนะให้ ศบค.เปิดโอกาสให้ประชาชนหรือตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจประเภทต่างๆ เข้าไปร่วมการประชุมก่อนออกมาตรการใหม่ทุกครั้งด้วย เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันทำให้มาตรการของภาครัฐเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น  

ขณะที่ นายนนทเดช บูรณะสิทธิพร เจ้าของร้าน The Rock Pub กล่าวว่า  กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน สถานบันเทิงและธุรกิจอิสระ ได้เสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้

1.) ขอให้ยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม โดยให้ปิดเฉพาะสถานบันเทิงที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง เป็นเวลา 14 วัน เพื่อทำความสะอาดร้านตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้กักตัว  

2.) ขอให้มีคำสั่งปลดล็อกให้ธุรกิจกลางคืนและสถานบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการ และจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศบค.และกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด  

3.) ขอให้ผ่อนปรนให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านได้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ยืนยันว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อ  

4.) ขอให้ผ่อนปรนให้สามารถจัดมหรสพในพื้นที่ปิดได้ โดยต้องจัดที่นั่งแบบ 2 เว้น 1 และรักษาระยะห่างตามความเหมาะสม
 นายนนทเดช กล่าวอีกว่า  

5.) ขอให้พิจารณาการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจกลางคืน ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจอิสระเร็วที่สุด โดยให้มีสิทธิ์เข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว  

6.) ขอให้พิจารณาให้มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการเยียวยา การพักชำระหนี้ และการกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจและการจ้างพนักงานจากการปิดธุรกิจชั่วคราว โดยพิจารณาการงดเว้นเก็บภาษาบางประเภท เช่น ภาษีสรรพสามิตร ภาษาใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ภาษีป้าย เป็นต้น  

7.) ขอให้เปิดช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อให้ทราบถึงมุมมอง ผลกระทบ ความยากลำบากของผู้ประกอบอาชีพแต่ละกลุ่ม ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาตรการต่างๆ  

8.) ขอให้ศบค.หารือกับกระทรวงแรงงานให้ผ่อนปรนเรื่องการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน กรณีที่นายจ้างต้องลดเงินเดือนพนักงานลงเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ แทนการปลดพนักงานออก 

ด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า  ศบค.ทราบดีถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่มาตรการของภาครัฐที่ออกมา เกิดจากความเห็นชอบร่วมกันของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพราะการฟื้นฟูสถานการณ์ในวิกฤตโควิด-19 ไม่ได้มีแค่ในแง่ของสาธารณสุข  อย่างไรก็ตาม ศบค.พร้อมรับฟังปัญหาของทุกคน และหลังจากนี้จะพยายามหารือมาตรการช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรมที่ทำให้แต่ละฝ่ายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

โฆษกกห. เผย ผลการประชุม รมว.กห.อาเซียน กับ รมว.กห.ประเทศคู่เจรจา (ADMM-Plus) ครั้งที่ 8

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทน รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน กับ รมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 (ADMM-Plus) ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดย กระทรวงกลาโหมบรูไนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น

ที่ประชุมโดย รมว.กลาโหม ทั้ง 18 ประเทศ รับทราบพัฒนาการความร่วมมือของอาเซียนที่ผ่านมา และได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศร่วมกัน ซึ่งภาพรวมที่ประชุมให้ความสำคัญกับการรับมือกับความท้าทายที่เป็นปัญหาร่วมกันและส่งผลกระทบกับภูมิภาค โดยเฉพาะภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยจากไซเบอร์ การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งภัยคุกคามจากโรคระบาด COVID-19 ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ซึ่งทุกประเทศจำเป็นต้องร่วมกันรับมือกับความท้าทายที่เป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงการสนับสนุนฟื้นฟูประเทศร่วมกัน

นอกจากนั้น ยังมีความกังวลร่วมกันถึงปัญหาความมั่นคงทางทะเล ทั้งคาบสมุทรเกาหลีและทะเลจีนใต้ ที่ทุกประเทศจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจและเคารพกันและกัน ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช้กำลังทหารแก้ปัญหา ร่วมกันหาทางออกด้วยสันติวิธี โดยใช้ทุกกลไกที่มีอยู่ร่วมแก้ปัญหา เพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากนิวเคลียร์ และให้ทะเลจีนใต้ เป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างและเสรีในการคมนาคม สำหรับปัญหาในเมียนมา ที่ประชุมได้เรียกร้องไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ร่วมแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีและคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม โดยให้เป็นไปตามฉันทามติ 5 ข้อ ของการประชุมผู้นำอาเซียน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำความสำคัญของการร่วมมือและช่วยเหลือกันและกันรับมือกับ COVID-19 อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดตั้งกองทุนอาเซียนและแผนการฟื้นฟูอาเซียน ภายหลัง COVID-19 ร่วมกับการขับเคลื่อนความร่วมมือของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนและเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ด้านเคมี ชีวภาพและรังสี  พร้อมทั้งให้ความสำคัญร่วมรับมือกับภัยคุกคามจากไซเบอร์ จากกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มก่อการร้าย ที่มีการใช้ไซเบอร์มากขึ้นภายใต้สถานการณ์ COVID-19 พร้อมทั้งยืนยัน ไทยสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ระหว่างทุกฝ่ายและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงสนับสนุนเมียนมาในการรับมือกับ COVID-19 ในฐานะครอบครัวอาเซียนด้วยกัน

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาบันดาร์ เสรี เบกาวัน ของการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน กับรมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจา ว่าด้วยการส่งเสริมและการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต สันติภาพและความมั่นคงของอาเซียน ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมความร่วมมือตอบสนองสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 การเตรียมความพร้อมและรับมือกับภัยคุกคามในภูมิภาคถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยคุกคามด้านเคมี ชีวภาพและรังสี การส่งเสริมความร่วมมือในบทบาทและการมีส่วนร่วมของสตรีในการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคง รวมทั้งบทบาทของความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียน เพื่อร่วมเสริมความมั่นคงของภูมิภาคให้มีความยั่งยืนร่วมกัน

‘จตุพร’ แจงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เผยปิดพีซ ทีวี 30 มิ.ย. ยุติออกอากาศอำลาสถานีประชาธิปไตยเพื่อปชช. ชี้ไปต่อไม่ไหวไร้ทุนสนับสนุนจากฝ่ายการเมือง ยันยืนหยัดเคียงข้างฝ่ายปชต. ปรับตัวใช้ช่องทางโซเชียลสู้ระบอบประยุทธ์

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จัดรายการ PEACE TALK ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในหัวข้อ “ชะตากรรม พีซ ทีวี” ระบุสถานีโทรทัศน์ พีซ ทีวี เป็นสถานีที่อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก เป็นสถานีที่ถูกกสทช. ใช้อำนาจปิดมากที่สุด เคยถูกถอนใบอนุญาตและได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครองกลาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด 

“ในโลกของความเป็นจริง กว่าจะได้รับการคุ้มครองจากศาลก็ใช้เวลากว่า 3 เดือน ซึ่งสถานีฯ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากมายและกว่าที่สื่อโฆษณาจะกลับมาสนับสนุนก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และก็โดนคำสั่งปิดตามมาอีกสองถึงสามครั้ง ซึ่งยืนหยัดอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็นับว่าเป็นปาฎิหาริย์ เพราะฉะนั้นเมื่อมาเจอวิกฤติจากการเป็นทีวีที่ไม่มีการสนับสนุนใดใด จากฟากฝ่ายใดของฝ่ายการเมืองเลย เป็นสถานีประชาธิปไตยที่ยืนหยัดแม้ว่าจะเจอคำครหามากมาย แต่พีซ ทีวี ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่รายงานข่าวประชาธิปไตยอย่างซื่อสัตย์ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้มีอำนาจตลอดมา จึงไม่มีสปอนเซอร์ที่จะกล้ามาเสี่ยงตายกับพีซ ทีวี”

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พยายามหาทางออก เช่น ปรับลดเงินเดือนพนักงานควบคู่การปรับลดเวลาการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไปไม่ไหวจนค้องตัดสินใจปิดกิจการ และไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานได้อย่างเต็มที่ และถ้าไม่มีปาฎิหาริย์ใด วันที่ 30 มิ.ย. นี้ก็ต้องปิดสถานีพักการออกอากาศ ซึ่งการใช้ช่องทางโซเชียลมิเดียก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะยังต้องใช้บุคลากรจำนวนมากพอสมควร

“ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากนี้ ผมเองพยายามคิดหาหนทางในโซเชียลมิเดียทั้งยูทูป เฟสบุ๊คทั้งของผม และพีซ ทีวี มีผู้ติดตามประมาน 1.5 ล้านคน หากพนักงานคนใดมีสินค้าก็สามารถมาฝากขายผ่านเพจนี้ได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะหารายได้ในช่วงที่ยากลำบาก วันนี้เราได้ยืนหยัดและไม่มีหลังพิงใดใดทางการเมือง ในอนาคตผมเองก็รอดูสถานการณ์ ประวัติศาสตร์ของ พีซ ทีวี มีทั้งความภาคภูมิใจ และความเลวร้ายที่เจ็บปวด อย่างไรก็ตามก็พยายามหาหนทางแสงสว่างแม้ในยามมืดมนก็ตาม ”

นายจตุพร กล่าวยืนยันถึงการต่อสู้กับระบอบประยุทธ์ ว่า อย่างไรก็ยังดำรงอยู่แม้ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานในฐานะประชาชน ถึงแม้พีซ ทีวี จะไม่มีปาฎิหาริย์ก็ต้องใช้ช่องทางสงครามโซเชียลมิเดีย ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องชะตากรรมของ พีซ ทีวี ส่วนภาระหน้าที่ของคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ซึ่งเป็นคนละส่วนกับพีซทีวี ก็ต้องยืนหยัดและยังดำเนินกิจกรรมตามปกติ วันที่ 24 มิ.ย. ก็จะไปทำเนียบรัฐบาลส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรก็จะได้มีการพูดคุยและแถลงกันต่อไป

มานูเอล โลคาเตลลี เหมาคนเดียว 2 ประตู และชิโร่ อิมโมบิเล่ ซัดปิดกล่อง พา อิตาลี เชือดนิ่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เก็บชัย 2 นัดรวด คว้า 6 แต้มเต็ม การันตีเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นทีมแรกแน่นอนแล้ว

มานูเอล โลคาเตลลี เหมาคนเดียว 2 ประตู และชิโร่ อิมโมบิเล่ ซัดปิดกล่อง พา อิตาลี เชือดนิ่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เก็บชัย 2 นัดรวด คว้า 6 แต้มเต็ม การันตีเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นทีมแรกแน่นอนแล้ว

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่ที่สาม เป็นเกมการแข่งขันในกลุ่ม A อิตาลี หนึ่งในเจ้าภาพร่วม เปิดสตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม พบกับ สวิตเซอร์แลนด์

เกมที่แล้ว อิตาลี โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม มีแนวรุกที่เฉียบคม ไล่ต้อนตุรกี มา 3-0 ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ โดนตีเจ๊า ทำได้แค่เสมอกับ เวลส์ 1-1

โรแบร์โต มันชินี กุนซืออิตาลี ยึดผู้เล่น 11 คนแรกแทบจะเหมือนในเกมก่อน เปลี่ยนแปลงแค่ตำแหน่งแบ็คขวา ส่ง จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ่ เล่นแทนอเลสซานโดร ฟลอเรนซี ส่วนคนอื่นๆ นำทัพมาโดย ชิโร่ อิมโมบิเล่, โดเมนิโก แบราร์ดี, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่

ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ของกุนซือวลาดิเมียร์ เปตโควิช เกมนี้ใช้ผู้เล่น 11 คนแรกเป็นชุดเดียวกับเกมที่แล้ว นำโดย 2 กองหน้า อย่าง แฮริส เซเฟโรวิช กับบรีล เอ็มโบโล่ โดยมี กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรูเลอร์ คุมเกมแดนกลาง และใช้ เซอร์ดาน ชากิรี เป็นจอมทัพ

ครึ่งแรกเป็นอิตาลี ที่ทำได้ดีกว่า เป็นฝ่ายที่ครองบอลเหนือกว่า มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า และในนาทีที่ 26 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โดเมนิโก แบราร์ดี ลากเลื้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตบเข้ากลางให้ มานูเอล โลคาเตลลี วิ่งมาแปบริเวณกรอบ 6 หลาเข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังในนาทีที่ 52 อิตาลี มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะที่ นิโคโล่ บาร์เรลล่า จ่ายให้ มานูเอล โลคาเตลลี ซัดไกลบริเวณหัวกะโหลก บอลพุ่งแรงเสียบมุมเสาสองอย่างสวยงาม

นาทีที่ 88 อิตาลี มาได้ประตูตอกฝาโลง 3-0 จากจังหวะที่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ศูนย์หน้าตัวเก่ง ซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งกระดอนพื้น 1 จังหวะ ผ่านมือแยน ซอมเมอร์ เข้าไป เป็นประตูที่ 25 ในนามทีมชาติของเจ้าตัว และเป็นประตูที่ 2 ในทัวร์นาเมนต์นี้

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที อิตาลี เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 3-0

จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ อิตาลี มีเพิ่มเป็น 6 คะแนน ยิงได้ 6 ประตู และยังไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม A การันตีการเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นที่แน่นอนแล้ว 100 เปอร์เซนต์ โดยเกมหน้าพวกเขาจะต้องแย่งแชมป์กลุ่มกับ เวลส์ ทีมอันดับ 2 ที่มี 4 คะแนน ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ มี 1 แต้มรั้งอันดับ 3 และตุรกี รั้งบ๊วย ยังไม่มีแต้ม

สำหรับโปรแกรมนัดถัดไปของกลุ่ม A อิตาลี พบ เวลส์ และสวิตเซอร์แลนด์ พบ ตุรกี ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ เวลา 23.00น. ตามเวลาประเทศไทย

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อิตาลี : จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า (GK), จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์จิโอ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า, จอร์จินโญ่, นิโคโล่ บาร์เรลล่า, มานูเอล โลคาเตลลี, โดเมนิโก แบราร์ดี, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่

สวิตเซอร์แลนด์ : แยน ซอมเมอร์ (GK), นิโค่ เอลเวดี, ฟาเบียน ชาร์, มานูเอล อาคานยี, ริคาร์โด โรดริเกวซ, เรโม่ ฟรูเลอร์, กรานิต ชาก้า, เควิน เอ็มบาบู, เซอร์ดาน ชากิรี, บรีล เอ็มโบโล่, แฮริส เซเฟโรวิช

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058398


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อารอน แรมซีย์ ซัดเบิกร่อง ก่อนที่ คอนเนอร์ โรเบิร์ต มาซัดปิดกล่องช่วยให้ ‘เวลส์’ เอาชนะ ‘ตุรกี’ ไปด้วยสกอร์ 2-0 เก็บสามคะแนนแรกในยูโร 2020

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่ที่สอง เป็นเกมการแข่งขันในกลุ่ม A ทีมชาติตุรกี พบกับ ทีมชาติเวลส์ ฟาดแข้งกันที่ บากู โอลิมปิย่า สตาดินู เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

เกมที่แล้ว ตุรกี ต้านทานความแข็งแกร่งของ อิตาลี ไม่ไหว พ่ายแพ้ไปแบบขาดลอย 0-3 ยังไม่มีแต้ม ขณะที่ เวลส์ เกมที่แล้วรอดตายอย่างหวุดหวิด ไล่ตามตีเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 คว้า 1 คะแนนไปครอง

ช่วงท้ายครึ่งแรก ในนาทีที่ 42 เวลส์ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล ตักบอลผ่านไลน์แนวรับของตุรกี มาให้ อารอน แรมซีย์ หลุดมาในเขตโทษ ก่อนยิงผ่านมือนายทวารคู่แข่งเข้าไป และหมดเวลา 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ตุรกี เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเพื่อหวังทำประตูตีเสมอ แต่แล้วในนาทีที่ 60 มาได้จุดโทษ แต่แกเร็ธ เบล ซูเปอร์สตาร์ตัวเก่ง ซัดข้ามค้านแบบไม่ได้ลุ้น สกอร์ยังเป็น 1-0

10 นาทีสุดท้าย ตุรกี เดินหน้าบุกใส่เวลส์อย่างหนักเพื่อทำประตูตีเสมอ แต่ไม่สามารถหาจังหวะเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ แต่แล้วในนาทีที่ 90+5 เวลส์ มาได้ประตูตอกฝาโลง 2-0 จากจังหวะที่แกเร็ธ เบล ลากเลื้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ คอนเนอร์ โรเบิร์ต ซัดเข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลา 90 นาที เวลส์ เอาชนะ ตุรกี 2-0 จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เวลส์ มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน จากการเก็บชัย 1 นัด เสมอ 1 นัด ส่วน ตุรกี ลงเล่นมา 2 นัดแพ้รวด ยังไม่มีแต้ม

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ตุรกี : อูกูร์คาน ชาคีร์ (GK), เมห์เมต เซคี เชลิค, คาอัน อายฮาน, ชากลาร์ โซยุนชู, อูมุต เมราส, โอคาย โยคุสลู, เซนกิส อุนแดร์, โอซาน ทูฟาน, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, เคนาน คารามาน, บูรัค ยิลมาซ

เวลส์ : แดนนี วอร์ด (GK), คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, คริส เมแพม, โจ โรดอน, เบน เดวีส์, โจ อัลเลน, โจ มอร์เรลล์, ดาเนียล เจมส์, อารอน แรมซีย์, แกเร็ธ เบล, คีฟเฟอร์ มัวร์

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058382


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กองกำลังสุรสีห์ จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง 31 คน ชายเเดนกาญจนบุรี เเละประจวบคีรีขันธ์"

กกล.สุรสีห์ โดย ฉก.ลาดหญ้า ร่วมกับ สภ.เมืองกาญจนบุรี, สาธารณสุข เเละฝ่ายปกครอง อ.เมืองกาญจนบุรี จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจำนวน 15 คน (ช.10, ญ.5) บริเวณชายป่า บ.ห้วยน้ำขาว ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากการซักถามได้ข้อมูลว่าเดินทางมาจาก จ.ทวาย เเละ จ.ย่างกุ้ง จะเข้าไปทำงานที่ จ.ปทุมธานี

ต่อมาฉก.จงอางศึก ร่วมกับ สภ.อ่าวน้อย, ร้อย.ตชด.146, สาธารณะสุข เเละฝ่ายปกครอง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจำนวน 16 คน (ช.9, ญ.7) บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองห้วยทราย ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการซักถามได้ข้อมูลว่าเดินทางมาจาก จ.เมียวดี, จ.ย่างกุ้ง, จ.ทวาย เเละ จ.พะโค จะเข้าไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร 

โดยหน่วยได้ส่งข้อมูลให้กับ รอง กอ.รมน.จังหวัด เเละทำการตรวจวัดอุณหภูมิขั้นต้น ไม่พบผู้มีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส และนำตัวส่ง สภ.เมืองกาญจนบุรี เเละ สภ.อ่าวน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

16 พม่าเถื่อน มุดลวดหนามช่องทางธรรมชาติ หลบหนีเข้าประจวบฯ

วันที่ 16 มิถุนายน นายภิรมย์ เรืองโรจน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองเป็ดหงส์ หมู่ 11 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปหาปลา บริเวณอ่างเก็บน้ำพบต่างด้าวชาวพม่าชาย-หญิง 16 คนพร้อมกระเป๋าสัมภาระ หลบซ่อนตัวห่างจากแนวเทือกเขาตะนาวศรี ชายแดนไทยพม่าประมาณ 10 กิโลเมตร หลังรับแจ้งจึงสนธิกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ชรบ.พื้นที่หมู่บ้านชายแดน ร่วมกันตรวจสอบ พร้อมรายงานให้ฝ่ายปกครองอำเภอรับทราบ จากนั้นร่วมกันจับกุมแรงงานเถื่อน ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อ่าวน้อย โดยประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ติดตามข้อมูลการจับกุมที่โรงพัก ก่อนส่งชาวพม่าทั้งหมดไปกักตัว 14 วันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ

ตรวจสอบชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง มีชาย 9 ราย หญิง 7 ราย อายุระหว่าง 20-40 ปี ส่วนผู้นำพาเป็นชาวพม่า 2 ราย วิ่งหลบหนีไปได้พร้อมกับแรงงานเถื่อนอีกกว่า 20 คน สำหรับผู้ถูกจับกุมทั้งหมดสารภาพว่าเดินทางมาจากประเทศพม่า ทั้งเมืองย่างกุ้ง เมืองตะแว เมาะลำไย เมียวดี และ มะริด อาศัยจังหวะหลบหนีเข้าไทยในวันหวยออก เนื่องจากเชื่อว่าการป้องกันพื้นที่ชายแดนหละหลวม ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. เดินลาดตระเวน โดยก่อนหน้านี้ไปพักรวมพลที่บริเวณโรงน้ำแข็ง บ้านมูด่อง ก่อนเดินเท้าฝ่ารั้วลวดหนาม 3 ชั้น ข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติมาฝั่งไทย เพื่อไปทำงานที่แพกุ้ง โรงงานปลากระป๋อง จ้างทำงานก่อสร้างที่ จ.สมุทรสาคร เสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนตามระยะทางถึงชายแดน ตั้งแต่ 15,000 - 20,000 บาท บางรายจ่ายค่าเดินทางให้นายหน้าพม่าที่ด่านสิงขร หรือจ่ายส่วยเมื่อไปถึงโรงงานปลายทาง ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการจับกุมแรงงานด่างด้าวเถื่อนในรอบ 3 เดือน ไม่มีการขยายผลเพื่อจับกุมนายหน้าคนไทยและชาวพม่าแม้แต่รายเดียว


ภาพ/ข่าว  นิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

'ไบเดน-ปูติน' เปิดอกคุยที่เจนีวา ส่อ!! ไม่เป็นมิตร แต่ไม่เป็นศัตรู

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการไปเยือนยุโรปในฐานะประธานาธิบดีครั้งแรกของ โจ ไบเดน นอกเหนือจากการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ก็คือ การมาพบกันตัวต่อตัวกับผู้นำรัสเซีย 2 ทศวรรษ วลาดิมีร์ ปูติน

ซึ่งตั้งแต่ที่ โจ ไบเดน เข้ามารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ก็เปิดหน้าชนกับปูตินแทบจะทันที แม้กระทั่งเคยสัมภาษณ์ผ่านสื่อใหญ่อเมริกัน กล่าวหาว่าปูตินคือ ฆาตกร และเขาต้องชดใช้มาแล้ว

ดังนั้น การได้มาเจอกันของผู้นำชาติมหาอำนาจตะวันตกทั้งคู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จึงมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน

และตลอดระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่คุยกัน ก็ดูเหมือนจะราบรื่นดี แต่ถึงแม้จะไม่มีการโต้เถียงหักล้างกันรุนแรง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงมิตรภาพและความสนิทสนม

ดังนั้น การมาเจอกันของทั้งคู่ในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อหาเพื่อน แต่คุยกันเพื่อหาจุดสมดุลในผลประโยชน์ร่วมของทั้ง 2 ฝ่าย

สรุปผลจากการพูดคุยในวันนี้ ในเรื่องดีก่อนก็คือ ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียจะยอมกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกันใหม่ ด้วยการส่งทูตกลับไปประจำในสถานทูตของแต่ละประเทศตามเดิม หลังจากที่มีการขับทูตรัสเซีย และสหรัฐฯ ออก เนื่องจากข้อกล่าวหารัสเซียเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ในช่วงเดือนเมษายน 2021

และทั้งสหรัฐฯ กับ รัสเซียยินดีที่จะเปิดการเจรจาเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กันใหม่ หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกือบทำคว่ำมาแล้ว ด้วยการตั้งเงื่อนไขให้จีนต้องเข้าร่วมวงเจรจาด้วย มิเช่นนั้น สหรัฐฯ จะถอนตัว

ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีของการจัดการข้อตกลงด้านอาวุธนิวเคลียร์ของ 2 ชาติ ที่มีหัวรบนิวเคลียร์สะสมอยู่มากที่สุดในโลก

ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นผู้โจมตีทางไซเบอร์ และปล่อยไวรัสเรียกค่าไถ่ ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบขนส่งท่อก๊าซธรรมชาติในเขตชายฝั่งตะวันออก และบริษัทจัดจำหน่ายเนื้อรายใหญ่ของสหรัฐฯ นั้น ปูตินปฏิเสธเด็ดขาดว่ารัฐบาลรัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ แม้ว่าโจ ไบเดนจะยืนยันว่ามีหลักฐานร่องรอยการโจมตีมาจากรัสเซียก็ตาม

เรื่องสิทธิมนุษยชน ก็เป็นประเด็นร้อนๆ อีกเรื่องในการเจอหน้ากันครั้งนี้ ซึ่งโจ ไบเดน ก็ได้เอ่ยถึงแกนนำผู้ต่อต้านปูตินคนดัง อเล็กเซ นาลวานี ที่ยังถูกจำคุกอยู่ในรัสเซีย และกำลังอดอาหารประท้วง ให้รู้ว่าสหรัฐฯ จับตาดูอยู่ หากเกิดอะไรขึ้นกับอเล็กเซ นาลวานี ที่ทำให้เขาต้องจบชีวิตในคุก รับรองว่ารัสเซียต้องเจอปัญหาใหญ่แน่นอน

แต่โจ ไบเดน ปัดประเด็นที่ปูตินอ้างถึง กระแส Black Lives Matter ในสหรัฐฯ และการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกเข้าไปในตึก The Capital อย่างรุนแรงว่าไม่เกี่ยวกัน และเป็นการเปรียบเทียบที่ไร้สาระ

นอกเหนือจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็นข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการพิจารณายูเครนในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO รวมถึงประเด็นเรื่องซีเรีย และอิทธิพลของจีน ซึ่งรัสเซียถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญของจีนในขณะนี้

และท้ายสุด โจ ไบเดน ย้ำเตือนปูตินว่าอย่าล้ำเส้น โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ และสหรัฐฯ พร้อมที่จะตอบโต้คืนทุกทาง

แม้จะดูเหมือนว่าสหรัฐฯ เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ เรียกร้องจากรัสเซียมากกว่า แต่ท่าทีของโจ ไบเดน ก็ไม่ได้มีปัญหากับการที่ปูตินจะทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญยืดอายุตำแหน่งของตัวเอง ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้นของสหรัฐฯ

ซึ่งแตกต่างจากท่าทีของโจ ไบเดนที่มีต่อจีน ที่ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักในการประชุม G7 เพื่อเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรสกัดอิทธิพลของจีนที่จะมากับโครงการ Belt and Road Initiative

จึงพอสรุปความสัมพันธ์บทใหม่ ระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย ในยุคของโจ ไบเดน ว่า ไม่เป็นมิตร ไม่เป็นศัตรู ต่างคนต่างอยู่ แค่นั้นพอ

 

อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2021/06/16/europe/vladimir-putin-met-joe-biden-and-got-what-he-wanted-intl-cmd/index.html

https://apnews.com/article/biden-putin-summit-23e73d69f1a7ca338850736a9cf032f5

https://www.bbc.com/news/world-europe-57504755


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top