Tuesday, 3 June 2025
NewsFeed

สมุทรปราการ-บอกลาปัญหาน้ำท่วม!! 'อรัญญา สุวรรณบุตร' นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มุ่งมั่นดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังอย่างยั่งยืน

นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญปัญหาน้ำท่วมขังจึงประชุมวางแผนและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ภายในซอยโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) ชั้นประถม ถนนแพรกษา ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง สมุทรปราการ 

โดยการผลักดันและการสนับสนุนของ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา โดยได้มีการประชุมวางแผนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังภายในซอยโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา เนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดน้ำท่วมขังอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากสภาพถนนด้านในนั้นเป็นพื้นที่ต่ำ ประกอบกับหากเกิดมีฝนตกเป็นจำนวนมากก็ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังภายในซอยแห่งนี้ ทำให้นักเรียนและผู้ปกครองที่จะเดินทางมาส่งบุตรหลานต้องประสบกับปัญหาความยากลำบากในการเดินทาง เข้า-ออก เนื่องจากมีน้ำท่วมขัง

กระทั่งล่าสุดทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังอย่างยั่งยืน โดยการวางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมทั้ง ดำเนินการเทพื้นคอนกรีตให้มีขนาดความสูงมากกว่าเดิมและแข็งแรงคงทน ซึ่งขณะนี้ทางผู้รับเหมาอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงพื้นถนนทางเข้า-ออก โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา คาดว่าคงจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ต่อจากนี้คงต้องบอกลาปัญหาน้ำท่วมขังเพราะทางเทศบาลตำบลแพรกษาบอกเลยว่า “ของเค้าดีจริง” 

 

'สหายใหญ่' บนเก้าอี้เสนาบดีกลาโหม 'อดีต' บอก 'อนาคต' อะไรควรไม่ควรทำ

ถ้าจะเอ่ยนามอดีตนักศึกษา ปัญญาชนที่เข้าป่าจับปืน ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในห้วงปี 2519-2525 เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลภายใต้ธงทฤษฎีของ พคท.ในขณะนั้นว่า "อำนาจรัฐได้มาด้วยกระบอกปืน" แต่สุดท้ายต้องคืนรังกลับมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) และมีโอกาสเข้าสู่วงการการเมือง มีบทบาท มีชื่อเสียง...ก็ต้องบอกว่ามีหลายสิบหรือนับร้อย...

หาได้มีเฉพาะ ภูมิธรรม เวชยชัย 'บิ๊กอ้วน' หรือ 'สหายใหญ่' รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่กำลังเป็นตำบลกระสุนตกอยู่ในขณะนี้ไม่...

ขอเอ่ยชื่อ 'บิ๊กเนม' อดีตสหาย ที่ออกจากป่าเมื่อ 40-50 ปีก่อน สู่สภาหรือเป็นเสนาบดีพอเป็นตัวอย่างสักจำนวนหนึ่ง....

มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา, ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรมต., พินิจ จารุสมบัติ อดีตสส./รมต., จาตุรนต์ ฉายแสง สส./อดีตรมต., นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรมต., ประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสว., อดิษร เพียงเกษ สส./อดีตรมต., ประพันธ์  คูณมี อดีตสว., นพ.เหวง จิราการ อดีตสส., ศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯ, นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตสว./รมต. ฯลฯ

คนเหล่านี้ก็เหมือนกับนักศึกษา ประชาชนอีก 2-3,000 คนที่หนีกระเจิงหลังการล้อมปราบในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ไปร่วมกับ พคท. โดย หงา  คาราวาน, อ.ธีรยุทธ บุญมี, ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ฯลฯ ก็อยู่ในชะตากรรมนี้...ก่อนที่ทั้งหมดจะพบว่า พคท. ก็ไม่ใช่ทางออกของประเทศ...

การทำสงครามประชาชนระหว่าง พคท.กับ รัฐบาลนับแต่วันเสียงปืนแตก 7 ส.ค.2508 จนถึงวันที่นักศึกษาประชาชนถั่งโถมโหมแรงไฟ...ในห้วงเวลาดังกล่าว ปิดฉากลงด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายที่แสนแพง ทั้งชีวิตเลือดเนื้อของทั้งสองฝ่าย และความขัดแย้งแตกแยกของสังคมไทย...
 
โชคดีที่ประเทศไทยในห้วงเวลาดังกล่าวมี ในหลวง ร.9 ที่มีพระราชวิสัยทัศน์อันลุ่มลึกยาวไกลดังที่ได้พระราชทานให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า...การที่พระองค์ทรงพระกรณียกิจทั้งปวงไม่ได้เป็นการต่อสู้กับ พคท. หากแต่สู้กับความยากจนของคนไทยทั้งหมด หากแก้ปัญหาได้คนไทยเหล่านั้นก็จะได้ประโยชน์ด้วย...

และปี 2523-2525 เรายังมีความโชคดีที่มาถูกที่ถูกเวลา คือ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ( และ 65/2525) ว่าด้วยการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ คนที่ 16 เป็นผู้ลงนาม...แม้เป็นเพียงคำสั่งสำนักนายกฯ แต่พลานุภาพมากล้น ช่วยหยุดความขัดแย้งและการหลั่งเลือดล้มตาย...

กรณีของ 'สหายใหญ่' ที่โดนอดีตทหารหาญบางส่วนต่อต้าน คงไม่ได้ต่อต้านไม่ให้เป็นรัฐมนตรี แต่ติดใจที่ทำไมต้องมานั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม แต่ 'สหายใหญ่' ก็พยายามชี้แจงแล้วทำนองว่า เหตุการณ์ในอดีตร่วม 50 ปีก็ให้มันผ่านพ้นไป วันนี้ตนเข้าใจและมั่นใจในการอยู่ร่วมกับกองทัพและช่วยกันพัฒนา...

วิเคราะห์และมองแบบไม่สลับซับซ้อน มองโลกในแง่ดี ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนว่าสหายใหญ่คงรู้โจทย์ดีว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ นั่งกินกาแฟกับอดีตรมว.หลาโหม สุทิน คลังแสง สักสองถ้วยก็มองทะลุแล้ว...

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.คุณเปลว สีเงิน เจ้าสำนักไทยโพสต์ ก็เขียนบทความยาวเกี่ยวกับเรื่องบิ๊กอ๊วน...แต่บทสรุปอยู่ตรงชื่อเรื่องว่า 'เก้าอี้กห.นั่งได้ -แต่อย่าซน'

ทีมงานบิ๊กอ้วนและตัวบิ๊กอ้วน ควรหาอ่านเป็นเครื่องเตือนใจ...และถ้าเป็นไปได้ช่วยสำเนาไปให้คนชื่อ 'ทักษิณ' อ่านด้วย...เพราะจะว่าไปป๋าเปลวแกไม่ได้ระแวงคนชื่อภูมิธรรม แต่แกไม่ไว้ใจทักษิณ...

เดิมทีวันนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' ตั้งใจจะวิเคราะห์ประเด็นโผทหาร...เผือกร้อนในมือ 'บิ๊กอ้วน' แท้ ๆ แต่นำร่องซะยืดย้วย...ขอยกเรื่องโผทหารไปตอนหน้าล่ะกัน

‘โจวเทียนเฉิน’ ยกย่องคุณธรรม ความซื่อสัตย์ของ ‘น้องบอส’ ไม่ยึดติดกับชัยชนะ เดินไปบอก ‘กรรมการ’ ว่า ‘อาโจว’ ได้แต้ม

(7 ก.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Pump ตกผลึก’ ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ การแข่งขันแบดมินตัน รายการ Taipei Open 2024 ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ‘โจวเทียนเฉิน’ จากไต้หวัน (มือวางอันดับ 9 ของโลก) กับ ‘น้องบอส’ ศรัณย์ แจ่มศรี ของไทย สังกัดบ้านทองหยอด (มือวางอันดับ 135 ของโลก) โดยได้ระบุถึงความประทับใจว่า ...

เหตุเกิด ณ การแข่งขันแบดมินตัน รายการ Taipei Open 2024 ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 

1. เป็นการพบกันระหว่าง โจวเทียนเฉิน จากไต้หวัน (มือวางอันดับ 9 ของโลก) (คนไทยเรียก อาโจว) และ น้องบอส ศรัณย์ แจ่มศรี ของไทยเรา สังกัดบ้านทองหยอด (มือวางอันดับ 135 ของโลก)

2. ในช่วงเกมที่ 2 ระหว่างที่ทั้งคู่แข่งกันอย่างดุเดือด มีอยู่ลูกหนึ่งที่อาโจวตีออก แล้วน้องบอสสัมผัสได้ว่าลูกโดนตัวเองนิดหนึ่งก่อนจะออก แต่กรรมการไม่เห็นครับ ซึ่งถ้าปล่อยเงียบไว้ แต้มย่อมเป็นของน้องบอส

3. ต้องจินตนาการนิด ว่ามันเป็นการแข่งขันแบดมินตันระดับโลก ที่มีรางวัล และชื่อเสียงประเทศเป็นเดิมพัน ไม่เหมือนไปตีเล่นตามก๊วนหลังเลิกงานนะครับ ฉะนั้น ทุกคนที่เข้าร่วมย่อม ‘อยากชนะ’ แบบสุด ๆ และทุกแต้มมันมีความหมายมาก ๆ ถ้าเจอกรณีแบบนี้ นักกีฬาบางคนจึงปล่อยเงียบ เพราะเขาถือว่า มันเป็นเรื่องของโชค ซึ่งอาจเกิดกับคู่แข่งได้เหมือนกัน

ทว่า สิ่งที่น้องบอสทำคือ เดินไปบอกกรรมการว่าลูกโดนตัวเขาก่อน แต้มนั้นจึงกลายเป็นของอาโจว

สุดท้าย ใน match นั้น อาโจว ชนะ น้องบอส ไป 2 เกมรวด และหลังจบเกม ภาพที่น่าประทับใจก็เกิดขึ้นครับ

อาโจวขอแลกเสื้อกับน้องบอส ถ่ายรูปร่วมกัน และแชร์เรื่องราวนี้ผ่าน IG ส่วนตัว

4. ผมแปลแบบเข้าใจง่ายนะ บนคอร์ตวันนี้ เราทั้งคู่คือ ‘ผู้ชนะ’ ใน match นี้ครับ ในช่วงเกม 2 
คู่แข่งของผม ศรัณย์ แจ่มศรี จากประเทศไทย เดินไปแจ้งกรรมการว่าลูกแบดสัมผัสร่างกายของเขาทำให้ผมได้แต้มนั้นมา

ผมเชื่อว่า ความสัตย์ซื่อถือมั่นในคุณธรรม อยู่เหนือชัยชนะทั้งปวง และวันนี้ ศรัณย์ได้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬาผ่านความซื่อสัตย์ของเขา เขาไม่เพียงแต่ชนะใจพวกเรา แต่จิตใจที่น่ายกย่องของเขา ยังเป็นเกียรติแก่ทีมโค้ชที่สอนเขามาอย่างดี

5. น้องบอสได้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬา ที่ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้คู่แข่ง แต่ยังเป็น Soft Power ให้ประเทศไทยเราด้วย

และอาโจวก็แสดงให้เห็นถึงการให้เกียรติ เคารพนับถือคู่แข่ง แม้ตัวเองจะเป็นมือที่เหนือกว่า

ซึ่งผมว่า ในระยะยาว การกระทำเหล่านี้ มันมีคุณค่ามากกว่าชัยชนะในเกมอีกครับ งดงามมาก ๆ จริง ๆ

6. เรื่องราวนี้กำลังให้บทเรียนผมว่า "อย่ายึดติดกับชัยชนะหรือความสำเร็จ จนมองข้ามคุณธรรมและความดีที่ควรมีให้ผู้อื่น"

ในโลกแห่งทุนนิยม ที่ทุกคนต่างแข่งขัน ไม่ว่าจะกีฬา ธุรกิจ ฐานะ ชื่อเสียง เกียรติยศ มันเป็นเรื่องง่ายครับที่จะหมกมุ่นในชัยชนะหรือความสำเร็จ จนอาจเผลอเล่นไม่ซื่อ ทำผิดต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะบรรยากาศมันพาไป

7. แต่ท้ายที่สุด เราต่างรู้ว่า ต่อให้ได้มันมา ถ้าใช้วิธีที่ไม่โปร่งใส หรือเอาเปรียบใคร เราก็ไม่ภูมิใจกับมันอยู่ดีครับ

เพราะนั่นเป็นแค่เกมย่อย ๆ ในชีวิต ที่ต่อให้เราชนะสักกี่ครั้ง มันก็แค่เกม และอย่าลืมว่าพอจบเกมเหล่านั้น (เลิกงาน, กลับบ้าน, พักผ่อน ฯลฯ) เราจะไม่ใช่ หัวหน้า ผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้ยิ่งใหญ่จากไหนแล้วนะ แต่เป็นแค่ ‘มนุษย์’ ธรรมดา ๆ คนหนึ่งนี่แหละ

8. มนุษย์ที่…อยากมีความสัมพันธ์ที่ดี อยากมีคนรักและห่วงใย อยากมอบสิ่งดี ๆ ให้ใคร ๆ เพื่อเติมเต็มหัวใจต่อให้ยากดีมีจนแค่ไหน ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ไม่อยากได้สิ่งเหล่านี้

ดังนั้น อย่ามัวแต่ยึดติดกับชัยชนะหรือความสำเร็จ จนมองข้ามคุณธรรมและความดีที่ควรมีให้ผู้อื่นเลยนะครับ

ซื่อสัตย์ในคุณธรรมที่ตัวเองยึดถือปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ ให้เกียรติและมอบสิ่งดี ๆ ให้กันและกันเหมือนที่น้องบอส และอาโจว แสดงให้เราเห็นกันครับ

นั่นอาจเป็นความหมายและความสุขในชีวิตเราก็เป็นได้

และนี่คือบทเรียนที่ผมตกผลึกได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

แหล่ง ‘แร่โมลิบดีนัม’ ขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านตัน ถูกค้นพบใน ‘มองโกเลีย’ ทางตอนเหนือของจีน

(7 ก.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แหล่งแร่โมลิบดีนัมขนาดใหญ่ที่คาดว่ามีปริมาณสำรองราว 100 ล้านตัน ถูกค้นพบในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในทางตอนเหนือของจีน

แหล่งแร่โลหะหายากดังกล่าวตั้งอยู่ในอำเภอเวิงหนิวเท่อ เมืองชื่อเฟิง โดยสำนักทรัพยากรธรรมชาติประจำอำเภอระบุว่าแหล่งแร่โมลิบดีนัมในท้องถิ่นยังประกอบด้วยแร่โลหะอื่นๆ อีกหลายชนิด อาทิ เงิน ทองคำ สังกะสี ตะกั่ว และทองแดง

โมลิบดีนัมสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มความแข็งและความเหนียวของเหล็กกล้าผสมได้ ขณะที่สารประกอบโมลิบดีนัมยังใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตสารเคมี ยา เชื้อเพลิง และน้ำมันหล่อลื่น

ทั้งนี้ เมืองชื่อเฟิงได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (nonferrous metals) ของจีน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของแหล่งสำรองตะกั่ว สังกะสี ดีบุก ทองคำ เงิน และโลหะอื่น ๆ อีกจำนวนมาก

'กองทุนน้ำมันฯ' พลังเดียวที่ 'พีระพันธุ์' ไว้ใช้แก้ปัญหาพลังงานในรอบ 1 ปี สู่การจัดตั้ง SPR เปลี่ยนหนี้หนุน ‘กองทุนฯ' ให้กลายเป็นทรัพย์สินของประเทศ

ท่ามกลางบรรยากาศของความรู้สึกคับข้องใจของบรรดาผู้ที่สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติถึงการเข้าร่วมรัฐบาลแพทองธาร 1 แต่หลาย ๆ คนอาจ หลงลืม เพิกเฉย หรือละเลยต่อผลงานหนึ่งปีของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ หัวหน้าพรรคฯ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

เป็นหนึ่งปีในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของ ‘พีระพันธุ์’ ที่สร้างประโยชน์โภคผลอันมหาศาลให้เกิดกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหมดทั้งมวล ด้วยการเดินหน้าเต็มที่ในการแก้ปัญหา ‘เชื้อเพลิงพลังงาน’ ที่หมักหมมมายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งแต่วิกฤตการณ์น้ำมันของโลกในปี 1973 ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกในตอนนั้นสูงขึ้นเกือบ 300%

ด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ กำกับ และดูแล ‘เชื้อเพลิงพลังงาน’ ไม่ได้ทำการศึกษาถึงต้นตอของปัญหาเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขอย่างจริงจัง อาทิ...

(1) ต้นทุนของน้ำมันเชื้อเพลิงที่แท้จริง ซึ่ง ‘พีระพันธุ์’ ได้ให้กระทรวงพลังงานออกประกาศของกระทรวงฯ ให้ผู้ค้าน้ำมันต้องรายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่อกระทรวงฯ ทุกเดือน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถรับรู้ต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบ 

(2) ‘ราคาน้ำมัน’ ต้องไม่ขึ้นลงรายวัน ‘พีระพันธุ์’ ได้สั่งให้มีการ ‘รื้อระบบการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง’ โดยผู้ค้าต้องแจ้งให้กระทรวงฯ ทราบก่อน และให้ผู้ค้าปรับราคาขายปลีกน้ำมันได้เพียงเดือนละหนึ่งครั้ง สิ้นสุด หมดยุคที่บรรดา ‘ผู้ค้าเชื้อเพลิงพลังงาน’ จะกำหนดราคาตามอำเภอใจ ‘พีระพันธุ์’ ได้สั่งให้มีการศึกษาข้อมูลของประเทศต่าง ๆ เพื่อเตรียม ‘สร้าง’ ระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นธรรมและยั่งยืนเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย เพื่อนำผลสรุปการศึกษามาพิจารณาในการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ทั้งหมด

(3) แก้ไขปัญหา ‘กองทุนน้ำมัน’ ซึ่งเป็นภาระหนักของประเทศและพี่น้องประชาชนคนไทย เพราะที่มาทุกยุคทุกสมัยและทุกรัฐบาลต่างก็ใช้ ‘กองทุนน้ำมัน’ ในการอุดหนุนและชดเชยทำให้สามารถตรึงราคา ‘เชื้อเพลิงพลังงาน’ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและก๊าซ LPG เพราะเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ด้วยเป็นเครื่องมือในระยะสั้นเพียงชั่วคราวและต้องคำนึงถึงระเบียบวินัยทางการเงินการคลังเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบันการณ์กลับกลายเป็นว่า ‘กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง’ ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2567 ติดลบสุทธิถึง 106,843ล้านบาท

ปัจจุบัน ‘กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง’ ยังเป็นเครื่องมือเพียงอย่างเดียวที่รัฐบาลใช้ในการแก้ไขปัญหาราคาเชื้อเพลิงพลังงาน เพราะไม่ว่าจะเป็น บทบาท อำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่มีอยู่ไม่สามารถเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพได้ ‘พีระพันธุ์’ จึงจำเป็นต้องใช้ ‘กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง’ เครื่องมือเดียวที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการลดทอนและบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซ LPG ของพี่น้องประชาชนคนไทยไปก่อน พร้อมกับเตรียมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพลิงยุทธศาสตร์ (SPR : Strategic Petroleum Reserve) ไปด้วย โดย ‘พีระพันธุ์’ จะเปลี่ยน ‘กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง’ ที่ใช้เงินและสร้างหนี้สาธารณะ ให้กลายมาเป็นทรัพย์สินของประเทศ ต่อไปกองทุนน้ำมันฯ ที่มีน้ำมันสำรองของประเทศ จะเป็นทรัพย์สินของประเทศไม่ใช่ภาระหนี้สินอีกต่อไป

ทั้งนี้ SPR นอกจากจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านพลังงานจากการที่รัฐบาลเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองเพียงพอใช้ในประเทศได้ 50-90 วันแล้ว ยังเป็นการสร้างเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิงอีกด้วย เพราะจะต้องมีการหมุนเวียน เข้าและออก มีการจำหน่ายถ่ายโอนให้โรงกลั่นและบริษัทที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดเวลา ด้วยปริมาณน้ำมันสำรองใน SPR เป็นทรัพย์สินที่รัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ 

ดังนั้นปริมาณน้ำมันสำรองใน SPR จะทำให้รัฐบาลมีอำนาจในการต่อรองและเพิ่มการถ่วงดุลให้กับระบบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศอีกด้วย เพราะจะสามารถรู้ต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาในประเทศได้ตลอดเวลา ราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ณ เวลาที่ซื้อมาหรือจำหน่ายออกไป ซึ่งที่สุดจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติกับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างมากมาย

นอกจากนั้นแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่ ‘พีระพันธุ์’ ได้ทำ กำลังทำ และจะทำ อาทิ (1) ‘ค่าไฟฟ้า’ หากไม่สามารถลดราคาได้ ก็ตรึงราคาไว้ไม่ให้ขึ้น ‘ค่าไฟฟ้าในหอพัก’ ต้องเหมาะสมเป็นธรรม สนับสนุนการติด ‘โซลาร์ รูฟ’ เพื่อแก้ปัญหาค่าไฟแพงอย่างยั่งยืน (2) สนับสนุนสร้างนวัตกรรมพลังงานราคาถูก เช่น ไฮโดรเจนซึ่งจะเป็นพลังงานแห่งอนาคต (3) ‘ก๊าซหุงต้ม’ กระทรวงฯ ต้องมีอำนาจในการกำกับ ดูแล อย่างเต็มที่ (4) เปิดช่องให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาแหล่งน้ำมันราคาถูกมาใช้ได้เอง

ระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ‘พีระพันธุ์’ ได้พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งหวังว่าจะสามารถ ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ ปัญหา ‘เชื้อเพลิงพลังงาน’ ที่เหลือทั้งหมดให้เสร็จสิ้นได้ภายใน 1 ปี โดย ‘พีระพันธุ์’ ขอให้มั่นใจว่าจะพยายามปรับปรุงและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชนคนไทยในเรื่องของพลังงานให้ดีที่สุด โดยไม่กลัวอิทธิพลอะไรและไม่อยู่ใต้อิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ‘พีระพันธุ์’ ฝากขอบคุณและขอให้พี่น้องของประชาชนคนไทยช่วยเป็นผนังกำแพงให้พิงเพื่อทำงานสำคัญนี้ให้สำเร็จแล้วเสร็จด้วย

พบ ‘ศพชายปริศนา’ อยู่ในฝ้าใต้สกายวอล์ก ข้ามแยก สาทร–นราธิวาส ตร.คาด!! เป็นขโมยเข้ามาก่อเหตุลักสายไฟ ก่อนถูกไฟดูดเสียชีวิต

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.67) จากกรณี พบศพชายปริศนา อยู่ในฝ้าใต้สกายวอล์ก ข้ามแยก สาทร–นราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 กันยายน 67 ที่ผ่านโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเป็นหัวขโมยเข้ามาก่อเหตุลักสายไฟ ก่อนถูกไฟดูดเสียชีวิตนาน 4-5 เดือน

ที่จุดเกิดเหตุพบว่า ใกล้บริเวณพบศพนั้นมีประตูอยู่โดยมีกุญแจล็อกไว้ จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ประตูนี้มีไว้ให้ช่างไฟหรือช่างซ่อมบำรุงขึ้นไปตรวจสอบเท่านั้น และไม่เคยมีใครเห็นว่ามีคนขึ้นไปนอกจากช่าง

นางสาวณี อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่กวาดถนน สังกัด กทม. เขตสาทร เผยว่า ตัวเองทำงานกวาดถนนอยู่บริเวณนี้ช่วงเช้าถึงบ่ายของทุกวัน ซึ่งทุกเช้ามืดตัวเองจะนำมอเตอร์ไซค์มาจอดบริเวณนี้ประจำจน เมื่อช่วงเดือนเมษายน ตัวเองเริ่มเห็นมีเลือดและน้ำหนองไหลออกจากฝ้าเพดานจุดนี้ และเริ่มส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง จึงได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาดด้านบนสกายวอล์ก เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดบอกว่าด้านบนสกายวอล์กได้กลิ่นแรงกว่าด้านล่าง แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ ที่เสียชีวิต และไม่คิดเลยว่าเป็นคน เพราะด้านในนั้นเป็นพื้นที่แคบ

เคยมีคนร้องเรียนไปยัง กทม. ว่าจุดนี้มีเลือดและน้ำหนองไหล เป็นจำนวนมาก ทาง กทม. จึงให้เจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดพื้นบริเวณนี้ แต่หลังทำความสะอาดก็ยังพบว่ามีเลือดและน้ำหนองไหลอยู่แต่ไม่มากเท่าไหร่ หลังเกิดเหตุส่วนตัวรู้สึกกลัวและตกใจที่เป็นคนตาย เพราะตัวเองพักอยู่ตรงจุดนี้เสมอ แต่ก็ไม่กังวลเพราะเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ขณะที่ นายหนุ่ย อายุ 42 ปี วินมอเตอร์ไซค์ เล่าว่า มีคนเห็นว่าจุดนี้มีไฟฟ้าช็อต จึงเรียกช่างไฟมาดู เมื่อช่างไฟมาตรวจสอบก็พบกะโหลกคนอย่างที่ปรากฏในสื่อ ส่วนตัวได้กลิ่นเหม็นนั้นมาเป็นปีแล้วแต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมากลิ่นนั้นเหม็นอย่างมาก แต่ตัวเองก็คิดแค่ว่าเป็นกลิ่นจากน้ำคลองหรือไม่ หลังเกิดเหตุเมื่อพบว่าเป็นคน ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นขโมยเพราะมีอุปกรณ์ประแจ และหากเป็นช่างซ่อมบำรุงก็น่าจะมีคนมาตามหาแล้ว

ส่วนบริเวณนี้นั้นส่วนใหญ่จะมีแต่คนเร่ร่อนที่พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง ส่วนขโมยนั้นส่วนตัวไม่ทราบว่ามีหรือไม่ แต่ก็ไม่เคยเห็น

จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ว่าเป็นใคร เนื่องจากขณะที่เจอตัวผู้เสียชีวิตนั้นไม่พบเอกสารส่วนตัวใด ๆ แต่จะตรวจสอบอีกครั้งว่าลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิตที่แห้งสามารถนำไปตรวจสอบได้หรือไม่ หรือตามสิ่งของเครื่องใช้ที่พบในที่เกิดเหตุมีลายนิ้วมือหลงเหลืออยู่หรือไม่ ส่วนนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ พฐ. อีกครั้ง นอกจากนี้ก็จะนำโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตไปกู้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าผู้เสียชีวิตมีการติดต่อใครบ้างก่อนจะเกิดเหตุ

ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีใครที่แสดงตัวเป็นญาติเดินทางมาติดต่อที่ สน. และในช่วงที่ผู้ตายเสียชีวิตนั้น ก็ไม่มีใครเดินทางมาแจ้งคนหายแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ขอยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง และต้องดูจากผลตรวจสอบอัตลักษณ์จากแพทย์อีกครั้ง

ชายเกษียณ ถูก ‘ยูโรลอตเตอรี่’ แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างอนาถา กินอาหารแจกฟรี ชี้!! เงินไม่เข้าบัญชี ทั้งที่รอมาเดือนกว่า ทุกครั้งที่โทรหา เจ้าหน้าที่ก็บอกปัด

(7 ก.ย.67) ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ ‘พีท เดลี’ ชายเกษียณอายุชาวอังกฤษได้รับแจ้งว่าเขาเป็นผู้ชนะรางวัล EuroMillions แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้รับเงินรางวัลที่ควรจะได้ ทำให้ต้องพึ่งศูนย์แจกอาหารชุมชนเพื่อความอยู่รอด

สำนักงานลอตเตอรี่แห่งชาติต้องออกมาขอโทษหลังจากเกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินรางวัล EuroMillions ให้กับชายคนนี้ ทำให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก

หลายคนฝันที่จะถูกรางวัลจากลอตเตอรี่ และสำหรับ พีท เดลี จาก วีร์รัล (Wirral) ความฝันนั้นก็กลายเป็นจริงเมื่อหมายเลขของเขาถูกรางวัล EuroMillions ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

การถูกรางวัลครั้งนี้ทำให้เขาได้รับเงินจำนวน £582.20 ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีจากการซื้อลอตเตอรี่เพียง £2.50

เมื่อ Pete โทรไปเพื่อขอรับเงินรางวัล เขาได้รับแจ้งว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วันก่อนที่เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของเขา แต่ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งเดือน เขาก็ยังไม่ได้รับเงินรางวัลดังกล่าว

พีท เดลี ต้องใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาศูนย์แจกอาหารชุมชน (ฟู๊ดแบงค์) หลังจากการจ่ายเงินรางวัล EuroMillions ของเขาถูกเลื่อนออกไปมากกว่าหนึ่งเดือน

แต่ความล่าช้าในการจ่ายเงินรางวัลของ Pete ทำให้เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางการเงินที่ยากลำบาก

พีท ให้สัมภาษณ์กับ Liverpool Echo ว่า "ผมถูกรางวัล £582.20 และทุกครั้งที่ผมโทรไปหาพวกเขา ผมจะได้รับคำตอบที่ต่างกันออกไป"

"ผมจ่ายเงินซื้อลอตเตอรี่มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว นั่นคือ £10 ต่อสัปดาห์ £1,040 ต่อปี รวมทั้งหมดแล้ว 30 ปี และในที่สุดผมก็ถูกรางวัล £500 แต่พวกเขากลับไม่ให้เงินผม"

เขาเล่าเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เขาจ่ายค่าต่อประกันรถยนต์ เขาก็ไม่มีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเลย

"ผมไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย เพราะผมจ่ายค่าประกันรถไปหมดแล้ว โดยตอนแรกคิดว่าจะได้เงินรางวัลนี้ภายใน 10 วัน"

ตอนนี้ Pete ต้องพึ่งศูนย์แจกอาหารชุมชน (ฟู๊ดแบงค์) และไม่สามารถจ่ายค่าตัดผมหรือซื้อรองเท้าใหม่ที่เขาต้องการได้จนกว่าจะได้รับเงินรางวัลที่ติดค้างอยู่

"ผมติดอยู่ในบ้าน ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะเติมน้ำมัน ผมต้องการเงินนี้จริงๆ ผมกำลังลำบาก เงินนี้คือสิ่งที่ทำให้ผมสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่การใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แค่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้" ชายวัยเกษียณจาก เพนส์บี (Pensby) ใน Wirral กล่าว

สำนักงานลอตเตอรี่แห่งชาติได้ออกมาขอโทษสำหรับความล่าช้าที่เกิดขึ้น และได้ให้เหตุผลว่าทำไมการจ่ายเงินให้กับผู้ถูกรางวัลวัย 71 ปีจึงใช้เวลานานเช่นนี้

โฆษกของบริษัท Allwyn (ออลวิน เป็นชื่อของบริษัทที่ดำเนินการลอตเตอรี่ในหลายประเทศ รวมถึงในสหราชอาณาจักร) กล่าวว่า "เราขออภัยอย่างยิ่งต่อความกังวลที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทางเราได้โทรไปแจ้งคุณ Daly แล้ว โดยปกติเราดำเนินการจ่ายเงินรางวัลหลายร้อยถึงหลายพันรางวัลให้เสร็จสิ้นในแต่ละสัปดาห์"

เมื่ออธิบายถึงสาเหตุของความล่าช้า พวกเขาเสริมว่า ความล่าช้านี้เกิดขึ้นหลังจากที่เราได้ปรับปรุงกระบวนการขอรับรางวัลใหม่เมื่อต้นปีนี้ เนื่องจากทางที่ทำการไปรษณีย์ตัดสินใจที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลลอตเตอรี่ที่ซื้อผ่านร้านค้าปลีกในระหว่างเงินจำนวน £500.01 ถึง £50,000 อีกต่อไป 

น่าเสียดายที่การเคลมรางวัลจำนวนหนึ่งมีความล่าช้าเนื่องจากสาเหตุต่างๆ อย่างไรก็ตาม เรากำลังพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการเคลมรางวัล และขอยืนยันกับผู้ถูกรางวัลทุกท่านว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน

‘กยศ.’ เผย!! นักศึกษามีความต้องการ ‘กู้เงิน’ เพื่อเรียนต่อเพิ่มมากขึ้น เร่ง!! อนุมัติขยายกรอบ ปรับเพิ่มวงเงินกู้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

(7 ก.ย.67) นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติอนุมัติขยายกรอบการให้กู้ยืมในปีการศึกษา 2567 ส่งผลให้นักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมได้รับโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น จากเดิม 769,009 ราย เป็นจำนวน 837,009 ราย พร้อมปรับวงเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นจากเดิมจำนวน 48,344 ล้านบาท เป็นจำนวน 51,278 ล้านบาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการศึกษาของนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง 

สำหรับความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืม กองทุนฯ ได้ขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้อีก 15 ปี ปลดภาระผู้ค้ำประกันทันที และให้ส่วนลดเบี้ยปรับที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100% หลังจากชำระหนี้เสร็จสิ้น ซึ่งกองทุนฯ ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2567 มีผู้กู้ยืมเงินเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 168,000 ราย สำหรับภาพรวมการรับชำระหนี้ในปีนี้ กองทุนฯ ได้รับชำระเงินคืนจำนวน 23,359 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567) ในโอกาสนี้ กองทุนฯ ขอขอบคุณผู้กู้ยืมทุกท่านที่มีความรับผิดชอบในการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้อง รวมถึงขอขอบคุณหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนสนับสนุนการดำเนินงานกองทุนฯ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในการเข้าถึงการศึกษาต่อไป 

‘เลขาฯ ไบโอไทย’ โดนหมายเรียกปม ‘ปลาหมอคางดำ’ ‘สตช.’ แจ้งข้อหา ‘หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา’

(7 ก.ย.67) เฟซบุ๊กเพจ ‘BIOTHAI’ ของ ‘มูลนิธิชีววิถี’ โพสต์ข้อความ ระบุว่าหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแจ้งความดำเนินคดี นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) มาถึงแล้ว โดยแจ้งว่าเป็นการฟ้องในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ในหมายเรียกแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ ในวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น.

อนึ่งเลขาธิการไบโอไทยให้ข้อมูลว่า เพิ่งได้รับหมายเรียกนี้เมื่อเย็นวานนี้ (วันที่ 6 กันยายน 2567 หลังจากประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสงครามพร้อมสภาทนายความเดินทางไปยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัทเอกชนเมื่อวันที่ 5 กันยายน เพียง 1 วัน) โดยที่หัวจดหมายระบุว่าเป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยมีเพียงเอกสารแผ่นเดียว ไม่พบ ‘รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายหมายเรียกผู้ต้องหา’ แต่อย่างใด

โดยเลขาธิการไบโอไทยได้แจ้งรายละเอียดการได้รับหมายเรียกนี้แล้วแก่ทีมทนายความที่นำโดย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม(EnLaw) ซึ่งได้รับมอบอำนาจ เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top