Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

ปลัดกทม.ตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนนอกรพ. ณ SCB สนง.ใหญ่

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทดสอบระบบ สถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย" ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เขตจตุจักร

สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร-สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย-ธนาคารไทยพาณิชย์-โรงพยาบาลในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ซึ่งเป็น 1 ใน 25 สถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนที่ลงทะเบียนฉีดวัคชีนโควิด-19 ในโครงการ ไทยร่วมใจ "กรุงเทพฯ ปลอดภัย" Safe Bangkok ทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.ไทยร่วมใจ.com แอปพลิเคชันเป๋าตัง และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ

โดยจะเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ 3,000-5,000 คน/วัน เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและสถานที่ โดยมีสถานที่กว้างขวาง เป็นสัดส่วน มีระบบการจัดการเป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุข อาทิ การคัดกรองอุณหภูมิ การให้บริการแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ การจัดระยะห่างระหว่างบุคคล การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ได้มีการทดสอบระบบด้วยการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่สำนักอนามัย กทม. ได้นำเข้าข้อมูลไว้ในระบบแล้ว อาทิ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และกลุ่มอาชีพเสี่ยง จำนวน 500 ราย

อนึ่ง ประชาชนที่เข้ามารับบริการฉีดวัคซีนควรเตรียมตัวเองให้พร้อม ได้แก่ งดการออกกำลังกายอย่างหนัก 2 วันก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน นอนพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารมาให้เรียบร้อย ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 500-1,000 ซีซี งดชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และนำบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย

ผู้ว่าการ กนอ. เผย 4 โปรเจกต์ด่วน ดูดลงทุนจากต่างชาติ เดินหน้า Smart Park เร่งบริหารจัดการน้ำ พร้อมลุยตั้งบริษัทลูกต่อยอดธุรกิจ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยในการแถลงข่าว “เปิดใจ ผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ กับภารกิจสุดท้าทายในยุค Digital Transformation” ผ่านการประชุมแบบออนไลน์ด้วยระบบ Zoom โดยระบุถึงภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ว่า หลังเข้ารับตำแหน่งได้เปิดแผนการดำเนินงานไว้ 6 ด้าน และได้มีการคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าในระยะ 3-4 เดือนต่อจากนี้ สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา (COVID 2019) สถานการณ์จะคลี่คลาย และสภาพเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว เนื่องจากในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และประเทศมหาอำนาจ เช่น สหภาพยุโรป อังกฤษ และจีน ต่างก็เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศ และเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้ว ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการที่ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เริ่มหาแนวทางลงทุนในต่างประเทศแล้ว เช่น สหรัฐฯ จีน รวมทั้งญี่ปุ่น ซึ่ง กนอ.ก็จะใช้โอกาสในการแสวงหาการลงทุนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน โดยการทำการตลาดออนไลน์และประสานงานกับสถานทูตของประเทศกลุ่มเป้าหมายนำหน้าไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นโอกาสที่ดีของ กนอ.ที่นักลงทุนที่ได้จองเช่าและซื้อที่ดินไว้ก่อนหน้าได้เริ่มเข้ามาดำเนินกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.63-เม.ย.64) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 153.36 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ต.ค.62-เม.ย.63) ที่มีมูลค่าสูงถึง 113,393.90 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 68,637.75 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซี 102,176.52 ล้านบาท และนอกพื้นที่อีอีซี 11,217.52 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน รวม 8,783 คน ขณะที่ยอดขาย/เช่าพื้นที่ในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 773.20 ไร่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ขายได้ 1620 ไร่ ประมาณ 847.24 ไร่ ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนไม่สามารถเดินทางเข้ามาดูพื้นที่ได้ ดังนั้นในปี 2564 กนอ.จึงได้ปรับเป้าประมาณการณ์ขาย/เช่าที่ดินของปีนี้ลงจากเดิมที่ตั้งไปไว้ที่ 1,500 ไร่ เหลือ 1,200 ไร่ 

“ปี 64 กนอ.จะมีการปรับลดเป้าการซื้อ/ขาย ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลง เหลือประมาณ 1,200 ไร่ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นจากการที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรมและ GDP ที่เพิ่มขึ้น และการที่นิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินการ อย่างเช่น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องต้องกันว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเริ่มฟื้นตัวแน่นอน” นายวีริศ กล่าว

ทั้งนี้ กนอ.มีโปรเจกต์ที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการการก่อสร้างและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ที่ล่าสุดนักลงทุนให้ความสนใจที่จะมาลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานทางเลือก ซึ่งปัจจุบันโครงการฯ มีความคืบหน้าในเรื่องของการจัดหาบริษัทที่จะมาดำเนินการก่อสร้างที่คาดว่าไม่เกิน 6 เดือน-1 ปี น่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ โดย กนอ.จะพิจารณาแผนการตลาดเพื่อดึงดูดการลงทุนเข้ามาในพื้นที่ให้มากขึ้น เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านทีมีศักยภาพ เป็นคู่แข่งสำคัญ และมีค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่า ดังนั้นอาจต้องมีการหารือกับทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจนักลงทุน เนื่องจากค่าจ้างแรงงานของไทยเป็นแรงงานฝีมือ ดังนั้นอาจจะปรับเพิ่มในเรื่องการยกระดับเทคโนโลยี เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนสนใจมากขึ้น

ขณะเดียวกันในส่วนของการบริหารจัดการความเสี่ยงเรื่องสาธารณูปโภคโดยเฉพาะเรื่องน้ำในพื้นที่อีอีซี ได้มีการหารือกันในเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการหาแหล่งน้ำสำรอง โดยที่ กนอ.อาจไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามต้องศึกษาถึงแนวทางความเป็นไปได้ในเบื้องต้นก่อน

เช่นเดียวกับการจัดตั้งบริษัทลูกของ กนอ.เพื่อต่อยอดการทำธุรกิจ อยู่ระหว่างการเร่งศึกษาจะเป็นลักษณะของการร่วมลงทุน โดยที่ต้องศึกษาในแนวทาง และจัดตั้งทีมดำเนินงาน และอาจตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญพิเศษเข้ามาดำเนินการได้ โดยจะดูเป็นรายโปรเจกต์ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการจัดตั้งทีม ประมาณ 6 เดือน-1 ปี น่าจะได้เห็นเป็นรูปธรรมได้ รวมถึงแนวทางธุรกิจใหม่ๆ ของ กนอ.ในอนาคตด้วย โดยที่ทุกการดำเนินการต้องอยู่ในกรอบที่รับได้ และไม่เกิดข้อผิดพลาดเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เคยได้ดำเนินการมาในอดีต

“จากที่ได้เข้ามาเริ่มงาน จนถึงวันนี้ 1 เดือน กับอีก 8 วัน มีเรื่องที่ตั้งเป้าดำเนินการใหญ่ๆ 4 เรื่อง และเรื่องเร่งด่วนคือ เรื่องวัคซีนโควิด-19 ที่เบื้องต้น ได้ทำการขอไปแล้วว่านิคมฯ จะใช้ประมาณ 1 ล้านโดส โดยจะเป็นการฉีดให้กับทุกนิคมฯที่ขอเข้ามา โดยแต่ละนิคมฯ ต้องประสานกับทางสาธารณสุขจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด โดย กนอ.อาสาเป็นจุดให้บริการฉีดวัคซีนให้นิคมอุตสาหกรรมที่ได้ประสานไว้เบื้องต้น ซึ่งขณะนี้มี 3 นิคมฯ ที่ได้ขึ้นทะเบียนไปแล้ว อย่างไรก็ตามคงต้องรอให้ได้รับวัคซีนจากทางกรมควบคุมโรคก่อน” นายวีริศ กล่าว

จากกระแสข่าวในโลกโซเชียลที่มีการแชร์การเปิดเมืองในยุโรปกันมากขึ้น และมองว่ายุโรปกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วนั้น ล่าสุดจากเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ของนายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ได้ให้มุมมองพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า…

จากกระแสข่าวในโลกโซเชียลที่มีการแชร์การเปิดเมืองในยุโรปกันมากขึ้น และมองว่ายุโรปกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วนั้น ล่าสุดจากเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ของนายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ได้ให้มุมมองพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า…

เห็นโซเชียลเริ่มเอาข่าวผิดๆ เรื่องการเปิดเมืองในยุโรปมาแชร์ รวมถึงบอกว่าสถานการณ์ในยุโรปกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว อยากหนีไปอยู่ยุโรป ส่วนประเทศไทยกลายเป็นไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้

เช้านี้ผมเลยจะเอา fact มาแชร์เป็นข้อๆ โดยใช้ตัวอย่าง 3 ประเทศที่มีขนาดใกล้เคียงกับไทย

อังกฤษมีประชากร 60 ล้านคน ติดเชื้อต่อวันล่าสุด 2,539 คน ยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดต่อวันเคยขึ้นไปถึง 60,000 คน เสียชีวิตไปแล้ว 128,000 คน

เยอรมันมีประชากร 83 ล้านคน ติดเชื้อต่อวันล่าสุด 5,607 คน ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันเคยขึ้นไปถึง 25,000 คน เสียชีวิตไปแล้ว 88,000 คน

อิตาลีมีประชากร 60 ล้านคน ติดเชื้อต่อวันล่าสุด 4,186 คน ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันเคยขึ้นไปถึง 35,000 คน เสียชีวิตไปแล้ว 126,000 คน

ไทยมีประชากร 65 ล้านคน ติดเชื้อต่อวันล่าสุด 2,992 คน เสียชีวิตไปแล้ว 837 คน

สถานการณ์ในยุโรปยังไม่ได้เข้าสู่สภาวะปกตินะครับ!!

เพียงแต่จากการที่เคยมีการระบาดที่รุนแรง เจ็บ-ตายต่อวันสูงมาก สภาพบ้านเมืองจึงถูก Lockdown รุนแรงเป็นระลอก ทำให้คนเกิดความเครียด

พอเริ่มปล่อย ก็จึงออกมานอกบ้านกันเหมือนว่าเหตุการณ์ยุติแล้ว รวมถึงการถอดหน้ากากในที่สาธารณะเพราะอึดอัดมานาน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้ถือว่าเป็นทัศนคติที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเลย

ส่วนตัวผม 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ถ้าให้เลือกอยู่ซักประเทศ ก็จะเลือกอยู่ไทยนี่แหละครับ

เวลาประเทศเจอปัญหา สังคมไทยต้องไม่ “งอแง” ไปซะทุกเรื่อง เหมือนเด็กไม่ได้กินอมยิ้มแล้วด่าพ่อล่อแม่ ตอนนี้เกิดการจัดการวัคซีนไม่ดี ก็ด่าว่าประเทศตัวเอง ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่

ระบบสาธารณสุขที่เราทำมาดีมากในตลอด 100 ปี เป็นกำลังต่อสู้กับวิกฤตินี้ได้ดีมาเป็นปี ผมขอบคุณเจ้าฟ้ามหิดล สมเด็จย่า และบุคลากรทางสาธารณสุขเสมอ

อันนี้ต้องชื่นชมกัน

ส่วนที่ทำรั่วเข้ามาด้วยธุรกิจสีเทาข้าราชการ-นักการเมือง รวมถึงการจัดการวัคซีนที่ดูไม่มีฝีมือ อันนี้ก็ต้องช่วยกันหาทางออก และกดดันให้เกิดการลงโทษข้าราชการชั้นนักการเมือง

ใช้ปัญญาในการอยู่ด้วยกัน แล้วประเทศจะเจริญครับ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4327887633888008&id=100000004424101


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รวบหนุ่มจีน หลอกชาวสวนไทย ความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., ,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.อภิมุข  กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า เจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม., ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รอง สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม., ส.ต.ต.รดิศ สิทธิประศาสน์ ผบ.หมู่ กก.4.บก.สส.สตม.,ส.ต.ต.สืบสกุล สุขเสนีย์ ผบ.หมู่ กก.4.บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม. ร่วมทำการสืบสวนกรณีที่มีประชาชนที่ทำอาชีพเกษตรกรในภาคใต้ ได้ร้องเรียนมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ว่าได้มีชายชาวจีน ไม่ทราบชื่อนามสกุลที่แท้จริง ทราบเพียงแค่ชื่อ อาหม่า ได้เข้ามาทำการติดต่อชาวสวนในเขคพื้นที่ภาคใต้ โดยทำการติดต่อขอซื้อผลไม้และวัสดุที่ใช้ห่อหุ้มผลไม้สำหรับส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยอ้างว่าตนเป็นพ่อค้าจะนำผลไม้ส่งออกไปยังต่างประเทศต้องการจำนวนมาก ต่อมาได้มีชาวสวนได้หลงเชื่อและตกลงที่จะขายผลไม้และวัสดุในการห่อหุ้มผลไม้ ให้แก่คนร้ายที่ทราบชื่อเพียงว่าอาหม่า แต่ต่อมาปรากฏว่าเมื่อคนร้ายได้รับสินค้าแล้วกลับหายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้อีก จนทำให้มีชาวสวนหลายรายเดือนร้อน ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า อาหม่า คือ MR.MA (ปกปิดชื่อนามสกุลจริง) และได้ทำการสืบสวนจนสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่าคนร้ายได้ทำการหลบหนีจากพื้นที่ภาคใต้มาพักอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและทำการจับกุม

MR.MA (ปกปิดชื่อนามสกุลจริง) อายุ 56 ปี สัญชาติจีน  ตามหมายจับศาลแขวงนครศรีธรรมราชที่ จ. 46/2564 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2564 ข้อหา ฉ้อโกง

โดยจากการสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหารายนี้จะเข้าไปติดต่อทำการขอซื้อผลไม้จากชาวสวน โดยอ้างว่าจะนำส่งออกไปยังปะเทศจีน ซึ่งเมื่อได้รับสินค้าที่เป็นผลไม้และวัสดุที่นำมาใช้ในการห่อหุ้มผลไม้แล้ว ก็จะหลบหนีไป ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลายรายและความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

เจ้าหนี้ ยื่นค้านแผนฟื้นฟู ‘การบินไทย’ ศาลนัดฟังคำสั่ง 15 มิ.ย.นี้

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันที่ 28 พ.ค. 2564 ศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านแผนฟื้นฟูกิจการและศาลรับไว้ จำนวน 2 ฉบับ ศาลล้มละลายกลางเห็นสมควรให้งดสืบพยานและให้โอกาสผู้ทำแผน และเจ้าหนี้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และกำหนดนัดฟังคำสั่งศาลเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 15 มิ.ย. 2564

ทั้งนี้บริษัทฯ แจ้งว่า หากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนก็จะมีผลทำให้การบินไทยสามารถดำเนินกระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไปได้ โดยการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตามแผน การจัดการกระแสเงินสดและทรัพย์สินของบริษัทบางส่วนจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการ

สำหรับผู้บริหารแผนที่ถูกเสนอชื่อตามแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่แก้ไข คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายพรชัย ฐีระเวช นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายไกรสร บารมีอวยชัย และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารธุรกิจ ของบริษัทฯ และดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กก.1 บก.สส.สตม. รวบไอวอรี่โคสต์ หลบ Blacklist ค้าแข้งสโมสรดัง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.

มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย  หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชาติชาย ตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายดิกโก้  (MR.DICKO ABOU) สัญชาติไอวอรี่โคสต์ หนังสือเดินทางไอวอรี่โคสต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลอาชีพตำแหน่งศูนย์หน้าของสโมสรดังในไทยลีก 3 มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเข้ามาในประเทศไทยโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวตรวจสอบในระบบ Biometrics จนทราบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมย่าน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี จึงได้ไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าวและเชิญตัวมาที่ กก.1 บก.สส.สตม. จากนั้นจึงได้นำตัวนายดิกโก้ อะบู (MR.DICKO ABOU) มาพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบในระบบ E-Fingerprint และ BIOMETRICS ผลปรากฏว่าลายพิมพ์นิ้วมือตรงกับนายดิกโก้ (MR.DICKO) ซึ่งเคยถูก ตม.จว.สงขลา จับกุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ในความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (จำนวน 774 วัน) และเป็นบุคคลห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ 1/2558 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 เป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2561 จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2571

และจากการสอบถาม  นายดิกโก้ อะบู (MR.DICKO ABOU) ได้ให้การยอมรับว่า ตนเองเป็นบุคคลเดียวกับนายดิกโก้ (MR.DICKO) จริง โดยสาเหตุที่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากหลังจากถูกผลักดันกลับไปยังประเทศไอวอรี่โคสต์ แล้วได้ไปเพิ่มชื่อจากเดิม และเปลี่ยนปีเกิดจาก “ค.ศ.1992” เป็น “ค.ศ.1998” จากนั้นได้ไปขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่เพื่อหลบเลี่ยง Blacklist เข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในสโมสรไทยลีก 3 โดยได้รับเงินเดือน 50,000 บาท กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยของนายดิกโก้ อะบู (MR.DICKO ABOU) เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12 (10) รัฐมนตรีไม่อนุญาตให้เข้ามาในราอาณาจักร ตามมาตรา 16 นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อควบคุมรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th  จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์’ ลั่น ‘ซิโนฟาร์ม’ เป็นวัคซีนทางเลือกให้สังคมเดินหน้าต่อ ยัน ใช้งบองค์กร ขายโดยไม่คิดค้ากำไร ยังไม่เคาะราคาจำหน่าย เข้าไทย 1 ล้านโดสภายในเดือนมิ.ย.นี้

วันที่ 28 พ.ค. 2564 ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ พล.อ.ต.นพ.สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกันแถลงความคืบหน้ากรณีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เตรียมนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกของ ‘ซิโนฟาร์ม’ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน

ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ กล่าวว่า วัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ราชวิทยาลัยฯ จะนำเข้ามาเป็นของ บ.ไบโอจีนีเทค จำกัด ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว สามารถใช้ได้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุที่ไม่จำกัดอายุ การทำงานจะเป็นไปตามข้อบังคับและภายใต้กฎหมายซึ่งจะทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการกระจายวัคซีนไปยังหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเข้าถึงประชาชนมากที่สุด

‘เพราะฉะนั้น ในการที่จะได้วัคซีนเข้ามาเพิ่มขึ้นไปช่วยเหลือในที่ต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจ และกิจกรรมดำเนินการต่อไปได้อย่างไม่สะดุด...การนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มครั้งนี้ เป็นการทำงานคู่ขนานกันไปในการกระจายวัคซีนเพื่อให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว’ ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ กล่าว

ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ เปิดเผยต่อด้วยว่า ‘ตัวเลขการนำเข้า เบื้องต้นได้ติดต่อกับ บ.ที่กรุงปักกิ่งแล้ว ทราบว่าจะนำเข้ามาก่อน 1 ล้านโดส ภายในเดือนมิ.ย.นี้ ส่วนเรื่องราคาจำหน่ายต่อโดสยังไม่ได้มีการสรุปราคา เพราะต้องรอดูตัวเลขการนำเข้าอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าราชวิทยาลัยฯ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร’

“สำหรับราคา ต้องคิดต้นทุน การขนส่ง และการจัดเก็บ ทางราชวิทยาลัยฯ เอง คงไม่ได้คิดกำไร ส่วนใครจะไปคิดค่าฉีดกันเองเท่าไหร่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ กล่าว

ทั้งนี้ ยอมรับว่างบประมาณในการนำเข้า เป็นงบประมาณรายได้ของราชวิทยาลัยฯ เอง ไม่เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน และหากหน่วยงานใดต้องการซื้อ ให้มาติดต่อกับราชวิทยาลัยฯ โดยตรง ขณะนี้ มีองค์กรที่ติดต่อขอซื้อวัคซีนแล้ว คือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กับ บมจ.ปตท. และในอนาคตคาดว่าจะมีการนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นอีก เพราะส่วนหนึ่งต้องนำมาศึกษาวิจัยตามภารกิจของราชวิทยาลัยฯ

ด้าน พล.อ.ต.นพ.สันติ ศรีเสริมโภค เปิดเผยว่า มีหน่วยงานราชการบางแห่งติดต่อสอบถามเพื่อขอซื้อวัคซีนเข้ามาบ้างแล้ว แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือถึงแผนการกระจายวัคซีน เพราะ อย.เพิ่งจะอนุมัติขึ้นทะเบียน สำหรับประชาชนที่จองวัคซีนผ่านระบบของราชวิทยาลัยฯ จะใช้การจัดสรรวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัคซีนซิโนฟาร์ม เป็นคนละส่วนกัน

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า นับเป็นพระกรุณาธิคุณที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ไม่ทรงทอดทิ้งประชาชนไทย พระองค์ได้พระราชทานเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์มาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้พึ่งพาอาศัยสนับสนุนกันมาหลายโอกาส ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าวัคซีนทางเลือกของคนไทยเกิดขึ้นจริง โดยผ่านการประสานจากราชวิทยาลัยฯ

อย่างไรก็ดี นายอนุทิน ยืนยันว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติ เป็นสถาบันทางการแพทย์ สามารถที่จะติดต่อกับหน่วยงานใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับคู่เจรจาที่จะยอมพูดคุยด้วย ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้แต่งตั้งองค์กรใดเป็นผู้แทนในการไปเจรจากับบริษัทวัคซีน

ด้าน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ย้ำว่า อย.เพิ่งจะได้อนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนซิโนฟาร์ม ของ บ.ไบโอจีนีเทค จำกัด เมื่อประมาณช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา โดยเป็นวัคซีนเชื้อตาย ยืนยัน วัคซีนมีคุณภาพความปลอดภัย มีประสิทธิผล และเหตุที่มีการอนุมัติได้รวดเร็ว ก็เพราะว่ามีเอกสารหลักฐานในการวิจัยที่ครบถ้วน รวมทั้งองค์การอนามัยโลกได้ให้การรับรองแล้ว

 

ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/148396


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วม 'สมาพันธรัฐสวิส' ดันไทยขยายยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรภายในปี 73

ที่ท่าเรือ CAT Tower เขต บางรัก กรุงเทพ มีพิธีการลงนามแถลงการณ์ความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระหว่าง ดร.รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Her Excellency Simonetta Sommaruga, Federal Councilor and Head of the Federal Departments of Environment, Transport, Energy and Communication, of the Swiss Confederation ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์โดยมี นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีลงนามในครั้งนี้ด้วย

นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย (MoNRE) และสำนักงานกลางเพื่อสิ่งแวดล้อมของสมาพันธรัฐสวิส (FOEN) ยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและข้อตกลงปารีสของราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิส ที่กำลังดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ โดยทั้งสองได้ส่งผลงานที่ได้รับการกำหนดระดับประเทศ (NDCs) ฉบับปรับปรุงในปี 2563 ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาที่มีความความก้าวหน้าได้อีกมาก

MoNRE และ FOEN มีมติที่จะทำงานร่วมกันและกับประเทศอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส MoNRE และ FOEN และยังคงยึดมั่นในการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนการยอมรับกฎพหุภาคีที่แข็งแกร่งภายใต้ข้อตกลงปารีสและผลสำเร็จของการประชุมภาคีในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ครั้งต่อไปที่กลาสโกว์ สวิตเซอร์แลนด์ผ่าน NDC มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2573 ต่ำกว่าระดับ 1990 ภายใต้กฎหมายระดับชาติที่ใช้โดยรัฐสภาสวิสลดให้ได้อย่างน้อย 75% ซึ่งอาจจะดำเนินการที่เหลือในต่างประเทศได้อีก 25% สภาสหพันธรัฐสวิส จึงได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำระยะยาวของสวิตเซอร์แลนด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ กับประเทศที่ตกลงความร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า และกระตุ้นให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญ ความจำเป็น และประโยชน์จากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดมลพิษในอากาศระยะยาว โดยเฉพาะการปล่อยมลพิษของรถยนต์สันดาปภายใน ถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือก และเกิดเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆ รวมถึงการออกกฎหมายควบคุมมลพิษจากยานยนต์เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากการกำหนดค่าไอเสียที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานการปล่อยมลพิษของตัวเอง เพื่อควบคุมและแก้ปัญหามลพิษ 

ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการตามแนวทางของ NDC Roadmap ว่า ด้วยการบรรเทาผลกระทบ พ.ศ. 2564-2573 และแผนปรับตัวแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% จากระดับ BAU ที่คาดการณ์ไว้ภายในปี 2573 ซึ่งกำลังดำเนินการตาม พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดข้อกำหนดการรายงานสำหรับภาคเอกชนอย่างเป็นทางการ และปรับปรุงการเงินด้านสภาพอากาศภายในประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการอนุมัติแผนงานยานยนต์ไฟฟ้าฉบับปรับปรุง และเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดต่อปีภายในปี 2573 แบ่งการทำงานเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น (2563-2565) ผลิตรถสำหรับรถราชการ รถสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ 60,000-110,000 คัน ระยะกลาง (2564-2568) จะผลักดัน ECO EV จำนวน 100,000-250,000 คัน และผลักดันสมาร์ท ซิตี้ บัส จำนวน 300,000 คัน ระยะยาว (2569-2573) ให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 750,000 คัน

“บิ๊กตู่” ย้ำตรึงเข้มชายแดน กำชับปราปราม ลักลอบเปิดพนันออนไล์ พร้อมร่วมกันกระจายกำลังตรวจเชิงรุกพื้นที่ชั้นในคุมป้องโควิดให้อยู่

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อมปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. ,หน่วยขึ้นตรวกระทรวงกลาโหม (นขต.กห.)  เหล่าทัพ และ ตร. เพื่อติดตามสนับสนุนการขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชนแก้ปัญหาโควิท 19 

โดย พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกระฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ กอ.รมน. รวมทั้งทุกเหล่าทัพ และ ตร. ให้ความสำคัญ เพิ่มการเฝ้าระวังป้องกัน สกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายและคุมเข้มมาตรการคัดกรองโรคในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะชายแดนมาเลเซีย เมียนมาและกัมพูชา เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่อาจมาพร้อมกับโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ยังพบสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา

พร้อมกับให้เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านการกักกัน ซึ่งตรวจพบโรคระบาดสัตว์ติดมา  ทั้งนี้ ขอให้ กอ.รมน.ประสานกับฝ่ายปกครอง กระจายเข้าตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่ เพื่อควบคุมและดำเนินการตามกฏหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้เกี่ยวข้องในทุกกรณี  

“ทั้งนี้ได้ให้ติดตามการลักลอบเปิดบ่อนพนันออนไลน์ ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องทุกระดับไม่มียกเว้น  ขณะเดียวกันขอให้ติดตามข่าวปลอมที่กระทบต่อความมั่นคงและสร้างปัญหาให้เกิดความเข้าใจผิดกับประชาชน ที่ปรากฎมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนโดยเร็ว”พล.ท.คงชีพ กล่าว  

นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ โดยย้ำขอให้ประสาน สธ. ขอรับการสนับสนุนวัคซีน เพื่อเร่งกระจายฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด่านหน้า

ก่อนปิดห่รประชุม พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ เตรียมความพร้อมสนับสนุนกำลังพล ยานพาหนะและสิ่งอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือ สธ.และฝ่ายปกครอง เพื่อเข้าบริหารจัดการควบคุมโรคเป็นพื้นที่ โดยเฉพาะ กทม.และ กรมราชทัณฑ์ ที่พบการแพร่ระบาดของโรคในที่พักคนงานและหลายชุมชน รวมทั้งเรือนจำต่างๆ  ทั้งนี้ขอให้มีมาตรการป้องกันและดูแลคัดกรองอย่างเข้มข้นในเรือนจำทหารควบคู่กันไปด้วย

‘เจ้เป้า’โล่ง ป.ป.ช. ยกคำร้อง คดีฝายแม้ว พ้อ 13 ปี เสียใจ-ทุกข์ใจ อนุกก.ไม่เคยเรียกสอบแม้แต่ครั้งเดียว   

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวกรณีที่คระกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. )มีมติยกคำร้อง คดีโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาท ว่า ขอขอบคุณป.ป.ช. ที่ให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมารู้สึกเสียใจและทุกข์ใจ วันนี้เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกช่วงที่ผ่านมาได้ เพราะมองหน้าใครไม่เต็มตามาเป็นเวลานานหลายปี เนื่องจากหลายคนเสพสื่อที่กล่าวหาตนต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 13 ปี เรื่องนี้เหมือนนวนิยายลึกลับ เพราะเริ่มจากมีคนร้องเมื่อปี 2551 แต่พอมีคนไปถามคนร้อง กลับบอกว่า ไม่ได้เป็นผู้ร้อง จากนั้นในปี 2552  ป.ป.ช. ส่งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่ผ่านมา 13 ปี เปลี่ยนคณะอนุกรรมการไปหลายชุด ก็ไม่เคยเรียกไปสอบปากคำแม้แต่ครั้งเดียว  และเมื่อกลางปี 2563 ก็ได้รับแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในข้อความ ก็เหมือนนิยาย เนื่องจากเวลาผ่านมานานมาก และก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสาร เพื่อประกอบคำชี้แจง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก 

“เอกสารที่เจอ คือ เขาไปตรวจพื้นที่สร้างฝาย เมื่อปี 62 แต่ฝายแม้ว มีอายุอย่างมาก 3-5 ปี  ซึ่งฝายชุดนี้ สร้างเมื่อปี 51 ผ่านมา 12 ปี เหลือให้เห็นบ้าง ก็ต้องยกให้เป็นวีรสตรีกันแล้ว  และที่สำคัญหลายปีมาแล้ว กรมบัญชีกลาง ก็แจ้งว่าราชการไม่เสียหาย แต่เขาก็ไม่นำมาประกอบการพิจารณา โดย ป.ป.ช.บางคนจะเอาผิดให้ได้ และการปรับงบประมาณในครั้งนั้น เกิดจากมติ ครม. รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน และต้องเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งหลายกระทรวงก็พากันทำฝาย รวมทั้งกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก” 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top