Friday, 13 June 2025
NewsFeed

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนอย่าหลงเชื่อเพจปลอมเลียนแบบเพจดัง พร้อมย้ำช่องทางรับแจ้งความออนไลน์มีเว็บไซต์เดียวเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ฟันธงเลยว่ามิจฉาชีพแน่นอน

วันนี้ (19 สิงหาคม 2567) พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันพบว่ามีมิจฉาชีพสร้างเพจปลอมในหลายรูปแบบ เพื่อหลอกลวงพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์จำนวนมาก โดยพบว่ามักมีการสร้างเพจปลอมเลียนแบบเพจจริงที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก และการสร้างเพจปลอมเพื่อหลอกขายสินค้าหรือหลอกให้บริการต่าง ๆ แล้วหลอกให้กดลิงก์ หลอกขายสินค้าถูกกว่าท้องตลาด สร้างโปรโมชั่นลดแรง ดึงดูดใจผู้บริโภค แล้วบูสต์โพสต์ด้วยการยิงโฆษณาพร้อมลงข้อความขายสินค้าแบรนด์ดังต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบมิจฉาชีพที่เปิดเพจปลอมแอบอ้างว่าสามารถรับแจ้งความออนไลน์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมไซเบอร์ หากหลงเชื่อติดต่อสอบถาม มิจฉาชีพเหล่านี้จะมีกลโกงหลอกขอข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการ หรืออื่นๆ ทำให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อซ้ำซ้อนจำนวนมาก จึงได้สั่งการอย่างเข้มงวดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและปราบปรามมิจฉาชีพลักษณะดังกล่าว พร้อมให้ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่พี่น้องประชาชน เพื่อสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ในลักษณะนี้

วิธีสังเกตเพจปลอมเบื้องต้นคือ เพจปลอมส่วนใหญ่จะไม่มีเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Facebook verified badge) ที่เป็นเครื่องหมายถูกสีฟ้าด้านหลังชื่อบัญชี , มีผู้ติดตามเพจจำนวนน้อย , เพจถูกสร้างมาได้ไม่นาน , ซื้อโฆษณาจากแพลตฟอร์มต่างๆ มากผิดปกติ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อที่ระบุไว้ไม่ตรงกับหน่วยงานจริง โดยหากพบเพจลักษณะดังกล่าว ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม อย่างหลงเชื่อ เลิกสนใจ ไม่คลิกดู ไม่คลิกลิงก์ใดๆ และไม่ติดต่อทางช่องทางแช็ตใดๆ เด็ดขาด ทั้งนี้ ก่อนสั่งซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ ควรตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน เช่น ความโปร่งใสของเพจ จำนวนผู้ติดตาม บัญชีปลายทาง หากไม่มั่นใจสามารถนำบัญชีปลายทางตรวจสอบได้ที่ checkgon.com หรือ โทร.ปรึกษาสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉายฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีเพจเฟซบุ๊กจำนวนมากที่เกี่ยวกับการรับแจ้งความ หรือรับปรึกษาคดีอาชญากรรมออนไลน์ แต่ไม่ใช่ช่องทางการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้ประชาชนระวังมิจฉาชีพใช้วิธีนี้หลอกลวงซ้ำซ้อน โดยบางเพจไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะชวนลงทุนต่างๆ ซึ่งประชาชนอาจหลงเชื่อและเกรงใจ เนื่องด้วยเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวจริงที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความ  แต่บางเพจเรียกค่าดำเนินการด้วย ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัว หรือการโอนเงินในกรณีที่ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ หากพบเจอเหตุการณ์ที่มีลักษณะดังกล่าว ขอให้ติดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือโดยทันที ซึ่งขอย้ำว่าช่องทางการรับแจ้งความออนไลน์มีเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th ไม่มีการรับแจ้งความหรือให้ความช่วยเหลือทางแพลตฟอร์มอื่น หรือช่องทางอื่น หากพบเห็นทางช่องทางอื่นนอกเหนือจากเว็บไซต์นี้ ขอให้มั่นใจได้ว่าเป็มิจฉาชีพทั้งสิ้น อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด!!

เอฟเคไอไอ.เตรียมเสนอวาระเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

'อลงกรณ์' ชี้โมเดลค้าออนไลน์แบบ TEMU เป็นปัญหาความเป็นความตายของเอสเอ็มอี และเศรษฐกิจไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(FKII Thailand) เปิดเผยวันนี้ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเปรียบเสมือนโควิดทางเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นความตายของ เอสเอ็มอี.กว่า 3 ล้านกิจการและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและอาเซียนโดยรวม ”สถาบันเอฟเคไอไอ.จึงได้จัดสัมนาFKII NATIONAL DAILOGUEเรื่อง “อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย ปัญหาและทางออก“ ในวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30-17.00 น. ณ สวนเสียงไผ่ ทาวน์อินทาวน์ โดยระดมความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นต่างๆเช่น หัวข้อ“โอกาสและภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย”โดย ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตสว.  อดีตปลัดกระทรวงการคลัง
หัวข้อ“มาตรการรับมือ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน” โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธาน FKII ร่วมด้วยวิทยากรท่านอื่นๆได้แก่

นายชยดิฐ หุตานุวัชร์
ประธานสถาบันทิวา
นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งตลาดดอตคอม และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด
นายภาวัต พุฒิดาวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท GoShip จำกัด
และผู้แทนองค์กรต่าง ๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเสนอปัญหาและทางออก

“โรงงานปิดเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งจากปีที่แล้วเป็นกว่า100 แห่งต่อเดือนเกือบทั้งหมดเป็นเอสเอ็มอี. เรารอต่อไปไม่ได้
เอฟเคไอไอ.ฯ.จะเสนอเป็นวาระเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทั้งในมุมโอกาสและภัยคุกคามจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเช่นTEMU ในฐานะประธานFKIIและ อดีตรองปธ.สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรมช.พาณิชย์ ทำหน้าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ผมยืนยันว่า ประเทศไทยเคารพหลักการเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม การคุ้มครองเศรษฐกิจในประเทศ(Domestic economy)เป็นมาตรการที่อยู่ภายใต้กติกาขององค์การการค้าโลก ดังนั้นข้อเสนอของเอฟเคไอไอ.จะเป็นมาตรการที่เด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาและไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และส่วนหนึ่งของมาตรการจะต้องเป็นความร่วมมือระดับอาเซียนด้วย”
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธาน FKII อดีตรองปธ.สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรมช.พาณิชย์ กล่าวในท้ายที่สุด

'สื่อมวลชนอาวุโส' แนะ!! รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ต่อยอด 'คนละครี่ง' กระตุ้น ศก. ชี้!! อย่ากังวลเป็นนโยบายพรรคอื่น หากนโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

(19 ส.ค. 67) เถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ตื่นเช้ามา…เจอคุณกนกอ่านข่าว เอกชนเสนอรัฐบาลรีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในแต่ละเรื่องต้องใช้เวลามาก

เงินดิจิทัลก็ยังรอความพร้อมรอทบทวน ยิ่งเป็น แพทองธาร มารับงานนายกฯ ครอบครัวต้องพิถีพิถันเพราะถ้าไม่รอบคอบก็คือยุ่งยากทั้งชีวิต

จริง ๆ แล้ว ถ้าจะแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ >> ลองหยิบ คนละครึ่ง มาพิจารณาก็ดีนะครับ  

1. เป็นนโยบายที่ทุกคนคุ้นเคย

2. ทุกฝ่ายยอมรับว่า มันได้ผล รั่วไหลน้อยมาก

3. ทำได้เร็วเพราะมีระบบรองรับ

4. นำมา Upgrade ให้ทันสมัย 

5. ใส่เงินมากขึ้นอีกนิดหน่อยก็ได้

6. ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะถูกว่า เอานโยบายรัฐบาลประยุทธ์มาใช้ เพราะตอนนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน

7. และนโยบายเพื่อไทย สมัยเป็น ไทยรักไทย มีคนเอามาใช้จนถึงวันนี้มากมาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP

8. นโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

9. ถ้าสำเร็จก็ได้มิตร ได้มวลชน ได้เยียวยาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า  

#วันนี้ขอเขียนแบบเป็นคนฝันดีโลกสวยอีกวัน

‘จีน’ หวังสกัด ‘โรคฝีดาษลิง’ หลังยอดระบาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จ่อ ‘ซักข้อมูลสุขภาพ-ฆ่าเชื้อโรคสิ่งของ’ ผู้เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง

(19 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการจีนเพิ่มความพยายามป้องกันการระบาดของโรคเอ็มพอกซ์หรือโรคฝีดาษลิงภายในประเทศ ขณะจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยทางด้านสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีนระบุว่า ผู้เดินทางมาจากประเทศและภูมิภาคที่มีผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์ต้องสำแดงข้อมูลสุขภาพแก่ศุลกากร หากเคยสัมผัสหรือมีอาการของโรค เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองบวม หรือมีผื่น โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินมาตรการทางการแพทย์ พร้อมเก็บตัวอย่างและตรวจโรคเอ็มพอกซ์กับบุคคลดังกล่าว

ด้านยานพาหนะ ตู้คอนเทนเนอร์ สินค้า และสิ่งของอื่น ๆ จากประเทศและภูมิภาคที่มีผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์จะถูกทำการฆ่าเชื้อโรค หากปนเปื้อนหรือมีความเสี่ยงปนเปื้อน

ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. และมีระยะเวลา 6 เดือน

สำนักบริหารการควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ และคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กระตุ้นเตือนหน่วยงานระดับท้องถิ่นเสริมสร้างความร่วมมือและการแบ่งปันข้อมูลกับศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจหาและจัดการกับผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์อย่างทันท่วงที

อนึ่ง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีนระบุว่า เชื้อไวรัสเอ็มพอกซ์มักแพร่กระจายผ่านการสัมผัสใกล้ชิดทางกายภาพ โดยเฉพาะระหว่างทำกิจกรรมทางเพศ ขณะการสัมผัสในชีวิตประจำวันมีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยหลี่ต้งเจิง ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลปักกิ่ง โย่วอัน เผยว่าผู้ที่เคยสัมผัสกับเชื้อไวรัสเอ็มพอกซ์หรือมีอาการควรพบแพทย์ทันที

ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคเอ็มพอกซ์เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) พร้อมยกระดับการเตือนภัยระดับโลกสู่ระดับสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี โดยทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ เผยว่าทุกฝ่ายควรเป็นกังวลเพราะมีความเสี่ยงระบาดเพิ่มเติมในแอฟริกาและที่อื่น ๆ

‘ญี่ปุ่น’ เล็งใช้ AI ‘วาด-แปลภาษา’ ผลงานใน ‘อุตฯ อนิเมะ-มังงะ’ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน-เพิ่มผลิตภาพในเวลาอันรวดเร็ว

(19 ส.ค. 67) นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า อุตสาหกรรมแอนิเมชันของญี่ปุ่นกำลังเปิดรับศักยภาพของ Generative AI หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Gen AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ เพื่อหยุดยั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้สร้างสรรค์อยู่มากก็ตาม

โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เคแอนด์เคดีไซน์ (K&K Design) เผยว่าใช้ Gen AI ในขั้นตอนการทำงานลงสีและวาดภาพพื้นหลัง ซึ่งสามารถลดเวลาวาดภาพพื้นหลังจากหนึ่งสัปดาห์ลงมาเหลือแค่ห้านาทีได้

ฮิโรชิ คาวาคามิ (Hiroshi Kawakami) ผู้อำนวยการบริษัทเคแอนด์เคดีไซน์ กล่าวว่า จำเป็นต้องทำงานโดยใช้ Gen AI เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานขณะที่ต้องรักษาคุณภาพของการผลิตไว้ด้วย

การเติบโตของสตรีมมิ่งอนิเมะผ่านอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ได้เรียกร้องให้การผลิตมีคุณภาพและความเร็วในมาตรฐานที่สูงมาก และการขาดแคลนแรงงานเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ต้องใช้ Gen AI 

ตามข้อมูลจากสมาคมแอนิเมชันญี่ปุ่น (Association of Japanese Animations - AJA) รายงานว่า อุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น มีมูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านเยนในปี 2022 (ราว 6.78 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า 

ถึงแม้อย่างนั้น การขยายตัวของตลาดถูกรั้งไว้ ส่วนหนึ่งเนื่องด้วยค่าจ้างที่ต่ำและชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน

ในแบบสำรวจแรงงานอุตสาหกรรมแอนิเมชันโดยสมาคมอนิเมะและภาพยนต์ญี่ปุ่น (Nippon Anime & Film Cultural Association) พบว่า 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีรายได้ต่อเดือนจากงานที่เกี่ยวกับอนิเมะต่ำกว่า 200,000 เยน (ราว 47,000 บาท) ชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 219 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าเวลาทำงานปกติถึง 1.3 เท่า

การมอบหมายงานบางส่วนให้กับ AI อาจช่วยให้มนุษย์สามารถจดจ่ออยู่กับการวางแผนและการออกแบบตัวละครได้ ซึ่งผลิตภาพที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ขณะที่การเพิ่มความหลากหลายของงานอาจช่วยเสริมการส่งออกไปยังต่างประเทศ

ทั้งนี้ AI ยังช่วยในเรื่องการแปลภาษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำการค้ากับต่างประเทศ ออเร้นจ์ (Orange) สตาร์ตอัป AI ได้พัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการแปลมังงะมากถึง 10 เท่า และได้รับเงินร่วมลงทุนจากกองทุนซึ่งร่วมกับบรรษัทการลงทุนแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Investment Corporation)

ผู้บริหารกองทุนกล่าวเกี่ยวกับการลงทุนในออเร้นจ์ว่า เป็นโครงการที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

คาดว่าในญี่ปุ่นมีงานมังงะประมาณ 700,000 ชิ้นงาน แต่กลับมีเพียง 14,000 ชิ้นงานเท่านั้นที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ออเร้นจ์ยังพิจารณาถึงการขยายบริการไปยังประเทศที่พูดภาษาสเปนและอินเดีย ที่ซึ่งมีผู้อ่านจำนวนมาก

บริษัทผู้ผลิตเว็บตูนเอ็นดอลฟิน (En-dolphin) กำลังพัฒนา Gen AI ที่สามารถสร้างภาพประกอบโดยเรียนรู้จากผลงานของศิลปินมังงะในอดีต ด้วยการมอบสคริปต์หรือภาพร่างคร่าว ๆ ระบบสามารถสร้างผลงานที่มีรูปแบบและองค์ประกอบเหมือนกับผลงานของศิลปินต้นฉบับได้

รัฐบาลยังได้ส่งเสริมให้มีการใช้ AI ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์อีกด้วย โดยในเดือนกรกฎาคม กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry) เผยแพร่แนวทางการปรับใช้ AI ให้กับบริษัทเกมและแอนิเมชัน

แนวทางดังกล่าวระบุว่า Gen AI สามารถส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหาได้หลายแง่มุม ซึ่งในอนาคต รัฐบาลจะพิจารณามอบเงินอุดหนุนและการช่วยเหลืออื่น ๆ แก่บริษัทที่ใช้ AI โดยหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยแก้ปัญหาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้

แต่การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วก็มีความเสี่ยงเช่นกัน มีความกังวลว่าผลงานของญี่ปุ่นจะถูกนำไปรวมเข้ากับโมเดล AI ในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจนำไปสู่การเลียนแบบ

อย่างไรก็ตาม ก็มีกลุ่มนักวาดภาพประกอบชาวญี่ปุ่นมากกว่า 10,000 รายชื่อ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีข้อกฎหมายปกป้องผู้สร้างสรรค์ผลงานในปีที่ผ่านมา

'ชาวบ้าน' โวย!! ฝรั่งเลี้ยงหมาพาเดินชายหาด-ไล่กัดผู้คน ทำท่องเที่ยววูบ วอน!! จนท.เร่งจัดการ เพราะไม่กล้าเคลียร์เอง กลัวทำหมาแล้วจะติดคุก

(19 ส.ค. 67) ที่บริเวณชายหาดบ้านสวนหลวง ตำบลพงศ์ประสาศน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการร้องเรียนจากนายโรฟ วีเบอร์ อายุ 76 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ พักอาศัยอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวชาวไทยและคนที่อยู่บริเวณชายหาดแห่งนี้ว่าถูกสุนัขเลี้ยงของชาวต่างชาติรายหนึ่งที่บริเวณชายหาดสวนหลวงไล่กัดได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินออกกำลังกาย บริเวณชายหาด โดนหมาไล่กัดได้รับบาดเจ็บที่ขา อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาอย่างจริงจังกับเรื่องนี้

ทั้งนี้ นายโรฟ วีเบอร์ นักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ และชาวบ้านได้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ในคลิปเห็นฝูงสุนัขจำนวน 6 ตัว 1 ใน 6 ตัวในฝูงดังกล่าวได้ไล่กัดที่ขานายโรฟ วีเบอร์ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนายโรฟ วีเบอร์ เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่งานอยู่ต่างประเทศ ได้เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนที่ชายหาดบ้านสวนหลวง ตำบลพงศ์ประสาศน์ อำเภอบางสะพาน แห่งนี้เป็นประจำทุกปี โดยจะมาครั้งละ 3 เดือน

นายโรฟ วีเบอร์ นักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า ขณะเดินออกกำลังกายชายหาด เมื่อช่วงย็นเวลา 17.00 น.ของวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่เดินอยู่พบฝูงสุนัขประมาณ 6 ตัวเป็นหมาพันธุ์ไทยผสมตัวใหญ่พร้อมเจ้าของ 1 คนชื่อนายมาเทียส ไม่ทราบนามสกุล เมื่อหมาเห็นตน หมาตัว 1 ตัวได้วิ่งเข้ามากัดตนที่ขาขวา ใต้หัวเข่าลงมาจนได้รับบาดเจ็บ จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพฝูงสุนัขดังกล่าวเอาไว้ ส่วนเจ้าของหมาเป็นชาวต่างชาติเช่นเดียวกันบอกว่าอย่าไปแจ้งความนะเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนค่ารักษาจะออกให้เอง

นายโรฟ วีเบอร์ ได้ฝากบอกอีกว่า ตนมาเที่ยวที่อ่าวบ้านสวนหลวงทุกปี เคยได้ยินข่าวเหตุการณ์แบบนี้ ทุกปีที่มาทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้นตนไม่ติดใจอะไร แต่ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีก จึงฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแลและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ซึ่งชายหาดบ้านสวนหลวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศและชาวไทยมากันมาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยเลย

"ที่ผ่านมาเหตุการณ์สุนัขกัดนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาเดินเล่นชายหาดแห่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับชาวต่างชาติและชาวไทยที่มาเดินออกกำลังกาย เดินเที่ยวที่ชายหาดแห่งนี้ ตัวเองซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลืออย่างจริงจังเสียที เพราะรายปีที่ผ่านมายังเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวบริเวณนี้ตลอด" นายโรฟ กล่าว

ด้านนายแซ้ม มานะแท้ อายุ 74 ปี ชาวบ้านตำบลพงษ์ประสาศน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า มีบ้านและเปิดร้านอาหารติดอยู่กับชายทะเลอยู่แถวนี้ เจอหมาอยู่ 6 ตัวเป็นหมาพันธุ์ไทยผสมเป็นประจำ ซึ่งเป็นของของชาวต่างชาติเลี้ยงไว้ เดือดร้อนมาก บางทีเด็กนั่งเล่นมันเดินมามันก็วิ่งมากัด บางทีแมวอยู่แถวนี้มันก็วิ่งขึ้นมากัด มันกัดหลายคนแล้ว เราจะทำอย่างไรกันดีต่อไป คนจะมาเที่ยวเยี่ยมชมทะเลแต่ไม่กล้ามา พอนักท่องเที่ยวลงไปอาบน้ำมันยังวิ่งลงไปกัดนักท่องเที่ยว แล้วต่อไปคงจะไม่มีใครมาเที่ยว ร้านค้าที่อยู่ตรงนี้ถ้านักท่องเที่ยวไม่มีมามันก็ขาดรายได้

"แม่ค้าชายหาดอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบบ้าง เรามันทำไม่ได้หรอก ถ้าเราทำ คนไปทำหมาไปก็มีโอกาสติดคุก ขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะผู้กำกับ สภ.บางสะพาน ท่านนายอำเภอด้วยให้ช่วยประชาชนด้วยครับ เพราะท่านคนมีอำนาจที่จะทำได้นายแซ้มมานะแท้กล่าว" นายแช้ม กล่าว

นส.สุนันต์ ชาติชาย อายุ 51 ปี อยู่หมู่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตนมีบ้านอยู่แถวนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อนจะมีกิจกรรมเก็บเศษไม้เศษขยะที่ลอยมาติดชายหาดเป็นประจำจะมีชาวบ้านและชาวต่างชาติช่วยกันทำกิจกรรมนี้ตลอดแต่มาช่วงปีที่แล้วและปีนี้ตนไม่กล้าลงไปเก็บแล้ว เพราะมีสุนัขของชาวต่างชาติรายหนึ่งที่ออกมาเดินชายหาดและวิ่งไล่กัดชาวบ้านเป็นประจำ จึงทำให้ไม่กล้าจัดกิจกรรมแบบนี้อีก

"เคยประสานไปกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อบต.พงศ์ประศาสน์ ทางอำเภอศูนย์ดำรงธรรม แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น ยังปล่อยหมาออกมาเดินชายหาดจนทำให้ชาวบ้านบริเวณแห่งนี้และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวพักรีสอร์ทไม่กล้าออกมาเดินชายหาดเพราะกลัวสุนัขวิ่งไล่กัด มีชาวต่างชาติหลายคนที่มาเที่ยวแล้วกลับไปประเทศเขาออกมาโพสต์ว่าประเทศไทยชายหาดแห่งนี้ไม่มีความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวเลยเรื่องนี้ทำความเดือดร้อนให้กลับเจ้าของรีสอร์ทและร้านอาหารที่เปิดอยู่บริเวณแห่งนี้ อยากจะฝากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ไม่งั้นก็จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แบบนี้อีกไม่รู้อีกกี่ครั้ง อยากให้ดำเนินการก่อนที่สุนัขกลุ่มนี้จะไปทำร้ายใครต่อใครอีก" น.ส.สุนันท์กล่าว

'พีระพันธุ์' เคลียร์ชัด!! เหตุ 'รวมไทยสร้างชาติ' ร่วมรัฐบาล เพื่อเดินหน้างานสำคัญ พร้อมย้ำ!! ดีกว่าต้องยืนย่ำคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรูของ 'ชาติ-แผ่นดิน-สถาบันฯ'

(19 ส.ค. 67) จากเพจ 'เชียร์ลุง' ได้เผยถ้อยคำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งตอบชัดถึงอีกปมประเด็นคำถามจากสังคมว่า "ทำไม รวมไทยสร้างชาติ จึงต้องเข้าร่วมรัฐบาล อย่างชัดเจน" ดังนี้...

"ในสภาไม่มีตรงกลาง ถ้าเราไม่ร่วมรัฐบาล เขาก็จะจัดสรรเราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ต้องอยู่ภายใต้กำกับดูแลของหัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นใครก็รู้อยู่...

"มันไม่มีอะไรที่จะถูกใจได้ทั้งหมด แต่อันไหนที่พอจะดีกว่า แย่น้อยกว่า เสียน้อยกว่า และสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ นี่คือสิ่งที่ใช้ตัดสินใจ...

"เราไม่อยากยืนคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรู ของชาติ ของแผ่นดิน และของสถาบัน...

"การเมืองเป็นเรื่องความรู้สึก และความรู้สึกที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและสถาบัน..."

สุดท้ายนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการที่ รทสช.ได้ร่วมรัฐบาลอีกว่า จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างที่สุด "ในปีหน้า ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เรายังได้กำกับดูแลที่เดิม ประชาชนจะได้รับของขวัญ เป็น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน อย่างแน่นอน!!!"

‘เทนนิส พาณิภัค’ คว้าปริญญาโท ม.กรุงเทพธนบุรี พ่วงโล่นักศึกษาดีเด่น - เงินรางวัลอีก 1 ล้านบาท

(19 ส.ค. 67) พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่เพิ่งคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในรุ่น 49 กิโลกรัม หญิง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นที่เรียบร้อย

โดย มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ประจำปีการศึกษา 2566 เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ‘เทนนิส-พาณิภัค’ ยังได้รับโล่นักศึกษาดีเด่น พร้อมรับเงินรางวัลจำนวน 1 ล้านบาท จากศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ในฐานะที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยอีกด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เป็นนักศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

ซึ่งหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เจ้าตัวจบการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2563

'มทร.สุวรรณภูมิ' ไล่ออก 4 นศ.รุ่นพี่ 'ทำร้ายนักศึกษา-ต่อยผู้ปกครอง' พร้อมขยายผลคนนอก เอี่ยวบ่มเพาะความเชื่อผิดๆ ให้ขัดหลักจริยธรรม

(19 ส.ค. 67) ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ อว. แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) วิทยาเขตนนทบุรี ถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายหลังไปขอลาออกจากระบบรับน้องโหด และขอย้ายคณะว่า

หลังจากที่ อว. เสนอแนะให้ลงโทษผู้กระทำผิดที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายผู้ปกครอง โดยให้ไล่ออกจากสถาบัน ในตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วพบว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยจริงทั้งหมดที่ก่อเหตุประมาณ 8 ราย และในจำนวนนี้มหาวิทยาลัยสั่งลงโทษด้วยการให้ออก 4 ราย ส่วนที่เหลืออีก 4 ราย อยู่ระหว่างการขยายผลไปสู่การจัดกิจกรรมรับน้องรุนแรงและสืบข้อเท็จจริงต่อไปว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

และในวันนี้ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในวันที่ 13 สิงหาคม มีการใช้ความรุนแรงโดยการพารุ่นน้องผู้ถูกกระทำไปทำร้ายร่างกายภายในสถาบันซึ่งในส่วนนี้ทางอว.ได้กำชับกับทางมหาวิทยาลัยให้สืบสวนและหาข้อมูลผู้กระทำผิดในเหตุการณ์วันที่ 13 สิงหาคม ภายใน 2 วัน โดยมหาวิทยาลัยยืนยันว่าจะลงโทษโดยการให้ออกจากสถานศึกษาเช่นกัน

“นายกันจอมพลังยังได้หารือกับ อว. เนื่องจากมีข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่รุ่นพี่ที่กำลังศึกษาอยู่ด้วย แต่เป็นรุ่นพี่ที่ถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัยไปแล้ว โดยการจัดกิจกรรมรับน้องดังกล่าวมีนักศึกษาร่วมกิจกรรมประมาณ 50 คน โดยขณะนี้มหาวิทยาลัยกำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ มีผู้ที่ได้รับผลกระทบกี่ราย นอกจากนี้ อว. ยังได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากนายกันจอมพลังอีกว่า มีระบบการบ่มเพาะความเชื่อแบบผิด ๆ ในมหาวิทยาลัยที่ขัดต่อหลักจริยธรรม ดังนั้น อว. ได้สั่งการให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน” น.ส.สุชาดา กล่าว

น.ส.สุชาดา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่นักศึกษาผู้ถูกกระทำไม่อยากจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดิมและแจ้งขอความประสงค์จะย้ายไปเรียนที่อื่นนั้น อว. พร้อมจะประสานจัดหามหาวิทยาลัยแห่งใหม่ให้ อย่างไรก็ตามขอย้ำให้ทุกมหาวิทยาลัยรับทราบและถือเป็นแนวปฏิบัติว่า หากเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงในมหาวิทยาลัยให้ถือเป็นความบกพร่องของมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยจะต้องรับผิดชอบ

พร้อมมีมาตรการดำเนินการอย่างเด็ดขาดด้วย ซึ่งสำหรับกรณีนี้ทางมทร.สุวรรณภูมิได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสืบสวนและให้ข้อมูลหลักฐานกับทาง อว. แต่หากตรวจพบว่าผู้บริหารของ มทร.สุวรรณภูมิ บกพร่องและปล่อยปละละเลยให้มีการจัดกิจกรรมลักษณะนี้จะมีการดำเนินการลงโทษต่อไป

ด้าน นายสัญญา คำจริง รองอธิการบดีมทร.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ และตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยทันทีให้ความร่วมมือกับทางอว.และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ มหาวิทยาลัยยืนยันว่าไม่สนับสนุนกิจกรรมรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ และจากเหตุการณ์ดังกล่า

มหาวิทยาลัยจะมีการตรวจสอบบุคลากรภายใน หากพบว่ามีผู้รู้เห็นเป็นใจกับการจัดกิจกรรมจนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์มหาวิทยาลัยจะดำเนินการสอบสวนเท็จจริง และหากการตรวจสอบพบมีมูลความผิดจริงจะลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงต่อบุคคลากรเหล่านั้นอย่างแน่นอน

“เหตุการณ์ในวันนี้ต้องยอมรับว่ายังมีนักศึกษาส่วนน้อยที่มีความคิดแบบเดิม ๆ อยู่จึงนำไปสู่การจัดกิจกรรมรับน้องรุนแรงขอยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้และจะดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดต่อไป” นายสัญญา กล่าว

จับตา!! 'เอกนัฏ-จักรภพ' เข้าคิวเสียบ 'ครม.อุ๊งอิ๊ง' 'เพื่อไทย' โละรมต.สายนิด ตัดหาง 'วงษ์สุวรรณ'

หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีตามผลโหวตในสภาผู้แทนราษฎร โผการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีก็สะพัด มีทั้งคนที่จะหลุดโผ คนเข้ามาใหม่ และคนที่ยังอยู่ รวมถึงบางคนขยับขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง

ฝุ่นคงจะตลบไปอีก 2-3 วัน จนกว่าทุกอย่างจะนิ่ง สะเด็ดน้ำ อย่างในส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่ข่าวบางกระแสว่า รัฐมนตรีชุดสุดท้ายใน ครม.เศรษฐา ที่อาจจะไม่ได้กลับมาใน ครม.อุ๊งอิ๊ง ก็มีเช่น สุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม ที่ก่อนหน้านี้ได้ต่อวีซ่า ตอนปรับ ครม.เมื่อเมษายน 2567 ที่ผ่านมา แต่รอบนี้อาจจะหลุด

พิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกฯ และ รัฐมนตรีการคลัง ที่เป็นสายยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-เศรษฐา เพราะพิชัยเคยไปเป็นพยานขึ้นเบิกความที่ศาลฎีกาฯ ช่วยยิ่งลักษณ์ในคดีจำนำข้าว จึงต้องมีการตอบแทนกัน แต่ตอนนี้วีซ่าขาดแล้ว โดยลือกันว่า จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จะพาชั้นจาก รัฐมนตรีช่วยคลัง ขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการคลัง รวมถึง จักรพงษ์ แสงมณี อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มีชื่อว่าไม่ได้กลับมาเป็น รมต.อีกรอบ เป็นต้น  

ส่วนคนที่คาดว่า จะมีชื่อได้ลุ้นในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยมีชื่อ 'จักรภพ เพ็ญแข' รอเสียบเข้ามาในโผ ครม.อุ๊งอิ๊ง 1, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.หนึ่งเดียวของพรรคเพื่อไทย ที่ชนะก้าวไกลมาได้ 4 คะแนน ก็อาจได้ลุ้นเป็นรัฐมนตรีดูแล กทม.ของเพื่อไทยในอนาคต และยังมีชื่อ 'สรวงศ์ เทียนทอง' เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมา ทำงานสอดประสานกับอุ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นอย่างดี ก็มีข่าวว่า มีสิทธิ์ลุ้นตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นกัน

พอเริ่มมีข่าวโยนหินถามทางออกมาโผ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันว่า นักการเมือง-สส.เพื่อไทยสาย 'อุ๊งอิ๊ง' หรือที่เรียกกันในเพื่อไทยว่า 'แก๊งมินต์ช็อก' กำลังจะผงาดยกแผง ใน ครม.อุ๊งอิ๊ง เพราะเดิมที อดีต รมต.สายมินต์ช็อกหลายคนใน ครม.เศรษฐา ก็มีข่าวว่าก็ยังรักษาเก้าอี้ไว้ได้ ใน ครม.อุ๊งอิ๊ง ไม่ว่าจะเป็น จิราพร สินธุไพร อดีต รมต.สำนักนายกฯ, เผ่าภูมิ โรจนสกุล อดีต รัฐมนตรีช่วยคลัง รวมถึง สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีวัฒนธรรม 

เท่ากับว่า นักการเมือง-สส.เพื่อไทยกลุ่มมินต์ช็อก ที่คอยประกบซ้ายประกบขวาอุ๊งอิ๊งหลายคน อาจได้ผงาดใน 'ครม.แพทองธาร 1' ถ้าชื่อผ่านความเห็นชอบจากทักษิณ แต่ก็มีข่าวว่าบางชื่อตามข่าวอาจไม่ผ่าน เพราะวัยวุฒิ-ฝีมือ ยังไม่โดนใจทักษิณ จึงอาจต้องขัดใจลูกสาว กาหัวว่าไม่โอเค

แต่ข่าวที่ทำให้ลุงป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพลังประชารัฐหัวฟัดหัวเหวี่ยง คือ 'ไม่เอาวงษ์สุวรรณ' เป้าตรงไปยัง 'พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ' อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ จากพลังประชารัฐ

ทักษิณสุดทนกับ 'ลุงป้อม-พลเอกประวิตร' กับท่าทีหลายอย่าง ที่ไม่สนใจเพื่อไทย ล่าสุดก็ไม่ไปประชุมสภาฯ ร่วมโหวตให้ลูกสาวอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ เพราะแม้จะติดงานเลี้ยงฉลองนักกีฬาโอลิมปิกฯ แต่ของแบบนี้ทักษิณคงมองว่า ถ้าจะซื้อใจกันจริง ๆ ก็ตีรถแว่บไปสภาฯ โหวตให้ได้ ไม่ใช่ต้องอยู่ร่วมงานเลี้ยงจนไม่ยอมไปโหวตให้ หลังก่อนหน้านี้ ตอนเศรษฐาก็ไม่ไปโหวตให้ และที่ผ่านมาก็โนสนโนแคร์อะไรทั้งสิ้น ขนาดงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลหลายครั้งก็ไม่ไป-ไม่เบรกอดีต สว.กลุ่มบ้านป่าฯ ที่เข้าชื่อถอดถอนเศรษฐา ทำให้มีข่าวว่าทักษิณขอแตกหัก ไม่ให้มีชื่อ พล.ต.อ.พัชวาท ใน ครม.อุ๊งอิ๊ง

ส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติมีข่าวหนาหูว่า 'ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล' อาจจะหลุดโผกับผลงานที่ยังไม่น่าประทับใจนัก แต่ที่แน่ ไม่ต้องแช่แป้ง คือ 'ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' จะได้เข้าร่วม ครม.แน่นอน จากโควตารัฐมนตรีที่ยังว่างอยู่อีก 1 ตำแหน่ง

ส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรผิดสังเกต น่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

สัปดาห์นี้ทุกอย่างน่าจะลงตัวหมด รอให้สะเด็ดน้ำ ส่งรายชื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจประวัติ ก็นำรายชื่อ ครม.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top