Thursday, 12 June 2025
NewsFeed

‘นทท.จีน’ หลงเสน่ห์ ‘ป้าย ธ.Maybank’ บน Gaya Street มาเลเซีย ดันเป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตที่ต้อง ‘แชะภาพ-เช็กอิน’ อวดลงโซเชียล

กลายเป็น Maybank เมย์ใจ ชาวจีนไปเสียแล้ว เมื่อเกิดกระแสฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ที่แห่กันมาถ่ายรูปป้ายธนาคาร Maybank ที่ตั้งอยู่กลางสี่แยกถนน Gaya Street ในโกตากีนาบาลู เมืองหลวงของรัฐซาบะห์ ในมาเลเซีย จนกลายเป็นจุด Check in สุดฮิปยอดนิยมในโลกโซเชียลจีนอยู่ในขณะนี้

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า จุดเริ่มต้นของกระแสถ่ายป้ายธนาคาร Maybank ของนักท่องเที่ยวจีนเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่การแวะถ่ายป้ายธนาคาร Maybank เริ่มนิยมในหมู่เซเลปคนดังใน Xiaohongshu แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน และมีการส่งต่อกันจนกลายเป็นไวรัลไปทั่วจีน จึงเริ่มมีนักท่องเที่ยวจีนตามรอยมาถ่ายรูปป้ายธนาคาร Maybank ในสาขานี้กันเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนไม่น้อยที่เจาะจงเดินทางมาถึงเมืองโกตากีนาบาลู เพื่อถ่ายรูปป้ายธนาคารแห่งนี้โดยเฉพาะ

ปรากฏการณ์กระแสป้ายธนาคาร Maybank สร้างความประหลาดใจให้กับหลายคน ว่าเหตุใด ป้ายชื่อธนาคารสีเหลืองเรียบ ๆ ที่มีโลโก้หัวเสือโคร่ง และชื่อธนาคารอักษรสีดำ ที่เห็นทั่วไปในมาเลเซีย จึงกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังถนนแห่งนี้ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนะนำอีกแห่งสำหรับการถ่ายรูปลง Instagram ของโกตากีนาบาลู

และกระแสความนิยมนี้ ส่งผลให้ธนาคารอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ต้องปรับลุคป้ายธนาคารใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปเช่นเดียวกัน 

กระแสความธรรมดา ที่ไม่ธรรมดานี้ ถือเป็นโอกาสที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวในรัฐซาบะห์ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ และ ร้านอาหารดี ๆ มากมายไม่แพ้รัฐอื่น ๆ ในมาเลเซีย เพียงแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะยังไม่รู้จัก 

ซึ่ง โทนี่ เฟอร์นานเดซ CEO ของสายการบิน AirAsia กล่าวว่า ถึงเราจะไม่เข้าใจว่า ทำไมป้ายธนาคาร Maybank ของที่นี่ถึงได้ฮิตนัก แต่ถ้าสามารถใช้เป็นจุดขายในการโปรโมตการท่องเที่ยว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับธุรกิจสายการบินเช่นกัน และเขาหวังว่าจะสามารถรักษากระแสความนิยมนี้ให้ไปต่อได้เรื่อย ๆ 

แต่ในความเห็นของ ดร.แฮมซา ชาฮาบ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการตลาดดิจิทัล ของมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม มาเลเซีย ให้ความเห็นว่า กระแสของป้ายธนาคาร Maybank อาจไม่ใช่ความบังเอิญ แต่สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบ และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวสมัยใหม่ที่เริ่มเปลี่ยนไป

จากเดิมที่เคยนิยมมาเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำยอดนิยมตามคู่มือท่องเที่ยว แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่สะท้อนวิถีความเป็นท้องถิ่นที่จริงใจ ที่บ่งบอกถึงความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องที่นั้นจริง ๆ ที่หาไม่ได้ในคู่มือท่องเที่ยว อีกทั้งกระแสที่ส่งผ่านทางโซเชียล ยิ่งกระตุ้นให้เกิดกระแสตามรอย เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์

และจากกระแสนี้ ยังส่งผลย้อนกลับให้ชาวมาเลเซียหันมาลองสำรวจเมืองท้องถิ่นของตัวเอง หรือแม้แต่มาตามรอยที่ Gaya Street เพื่อหาคำตอบว่านักท่องเที่ยวจีนหลงใหลสิ่งใดในถนนสายนี้ ที่เป็นเสน่ห์ของมาเลเซีย ที่ชาวมาเลยเซียแท้ ๆ มองข้ามไป 

แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ จากกระแสป้ายธนาคาร Maybank คือ คุณค่าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลงทุนข้ามน้ำ ข้ามทะเล เพื่อมาตามหา อาจเรียบง่ายกว่าที่เราคิด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนปรุงแต่งอย่างอลังการ จนความเป็นท้องถิ่นของเราหายไปก็เป็นได้ 

'ปชป.' แง้ม!! พร้อมเป็นทั้ง 'ฝ่ายค้าน-รัฐบาล' ยัน!! ยังไม่มีเทียบเชิญ มั่นใจ!! ไม่ทำพรรคแตก

(19 ส.ค. 67) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล โดยยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย ถ้ามีการประสานงานมา จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และขอมติจากทั้งกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค ทันที หากที่ประชุมว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งขอย้ำว่า ต้องเป็นมติพรรค และทุกคนต้องปฏิบัติตามมติพรรค เพราะตนเป็นหัวหน้าพรรคที่ยึดในหลักการของพรรค

"วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย ถ้าเขามีการประสานงานมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ คือ ในพรรคประชาธิปัตย์ต้องผ่านข้อบังคับพรรค คือ ผ่านกรรมการบริหารแล้วไป สส.เพราะฉะนั้นถ้าผ่านกรรมการบริหาร และผ่าน สส.ยืนยันว่าทุกคนต้องยึดมติของพรรค ดังนั้น แน่นอนว่าถ้าไปร่วมก็ต้องไปทั้งพรรค แล้วจริง ๆ ผมไม่เคยออกมาพูดเลยว่ากี่คนกี่คน เพราะผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีระเบียบมีวินัย ไม่อย่างนั้นเราจะตั้งข้อบังคับพรรคกันทำไม เพราะข้อบังคับพรรคจะต้องผ่านการจดทะเบียนจาก กกต.ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เราจะตั้งขึ้นมาเองได้ ทุกอย่างมีกฎหมายมีระเบียบรองรับทั้งหมด" นายเฉลิมชัย กล่าว

เมื่อถามว่า ที่มีข่าวว่า ผู้ใหญ่ หรือ สส.อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) อาจจะไม่ยอมร่วมด้วยนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ก็ต้องไปถามท่านเหล่านั้น ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ส่วนตัวในฐานะที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 20 กว่าปี ก็ยังเชื่อมั่นว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์มีระเบียบมีวินัยและเคารพในกฎกติกา ซึ่งถ้าเราบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว หากไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของพรรคก็จบเห่ ซึ่งจะเห็นว่าตอนที่ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี สส.ทุกคน ก็ปฏิบัติตามมติของพรรค เป็นมติของ สส.ไม่ใช่มติของกรรมการบริหารพรรค

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า เพราะขณะนี้เศรษฐกิจแย่ยิ่งกว่าการเมือง ดังนั้น จึงคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่วันนี้อย่าเพิ่งบอกว่าเราจะทำอะไร และย้ำว่าไม่ใช่ว่าเรายากเป็นรัฐบาลแล้วโยนมา คนเรายังมีศักดิ์ศรีเลยในแต่ละคน แล้วพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมือง ก็ต้องมีจุดยืนมีศักดิ์ศรีของเรา บางทีมีการไปพูดกันเหมือนเราไม่มีค่า อย่างนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ย้ำในสมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ทุกอย่างต้องมีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะเรารักสถาบันของเรา และรักประเทศชาติ

เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการเชิญร่วมรัฐบาลก็พร้อมที่จะทำงานใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ และเชื่อว่าไม่น่าจะมีการไปดิวกับแกนนำคนอื่น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้แล้ว เนื่องจากมอบอำนาจให้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคในการตัดสินใจ ซึ่งในส่วนของตน หากมีการประสานมาก็ต้องนำเข้าที่ประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคทันที หากที่ประชุมว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น รับก็รับ ไม่รับก็ไม่เป็นไร

นายเฉลิมชัย ย้ำด้วยว่า ในฐานะที่นั่งหัวหน้าพรรค หากมีการตัดสินใจใด ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นพรรคแตกอย่างแน่นอน ตนมั่นใจ

'เซ็นทารา ไลฟ์' ทำถึง!! ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ลูกค้า 'ทรู-ดีแทค' 'จัดส่วนลดห้องพัก-ตักอาหารเช้าได้ถึง 4 โมงเย็น-ไม่จำกัดเวลาเช็กอิน'

(19 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เครือโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือในการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทรูและดีแทค ผนึกกำลังตอกย้ำแนวคิด ‘Better Together’ ภาพของการเติบโตและก้าวใหม่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ควบคู่ไปกับแคมเปญจากเซ็นทารา ไลฟ์ ที่ต้องการยกระดับความสุขให้คุ้มกว่าใคร โดยขอมอบอิสระแห่งการพักผ่อนที่มาพร้อมส่วนลดห้องพักและสิทธิพิเศษอีกมากมายให้กับลูกค้าทรูและดีแทค ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ทุกแห่งทั่วไทย เพื่อตอบโจทย์ความตั้งใจของเซ็นทารา ไลฟ์ ที่ต้องการให้ทุกการพัก…อัปไปอีกขั้น

ลูกค้าทรูและดีแทคจะได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างอิสระและการบริการอย่างสะดวกสบายสูงสุด ตามหัวใจหลักของแบรนด์เซ็นทารา ไลฟ์ คือ Elevating the Essentials หรือ อิสระแห่งการพักผ่อน อาทิ การเข้าพักแบบเต็มอิ่ม 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดเวลาเช็กอินและเช็กเอาต์, บริการอาหารเช้าถึง 16.00 น., โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม (เมนูที่ร่วมรายการตลอดการเข้าพัก)

พร้อมส่วนลดห้องพักเพิ่มเติม 100 บาท เมื่อเข้าพักที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ทั้ง 8 แห่งในไทย สามารถรับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2567 ทางแอปทรูไอดี และดีแทคแอป โดยสามารถเข้าพักได้ถึง 31 ธันวาคม 2567

🔍ส่อง 10 ธุรกิจ ที่บริจาคเงินสนับสนุนพรรคการเมืองในสหรัฐฯ มากที่สุดในปี 2024

ปีนี้จะเป็นอีกปีที่มีเหตุการณ์สำคัญระดับโลกอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะมีคณะกรรมการการดำเนินการทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้น เพื่อรวบรวมและบริจาคเงินทุนจากบุคคลและกลุ่มต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองที่พวกเขาต้องการ

ซึ่งจากข้อมูลของ Quiver Quantitative เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลบริษัท 10 อันดับในสหรัฐฯ ที่มีการบริจาคเงินสูงสุดเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยการบริจาคจะมีทั้งให้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน รวมถึงพรรคการเมืองเล็กๆ พรรคอื่นด้วย และจากข้อมูลการบริจาคของทั้ง 10 บริษัทจนถึงวันที่เก็บข้อมูลนั้น แสดงผลการบริจาคว่ามีการบริจาคให้ทั้ง 2 พรรคที่สูสีกัน แต่พรรคที่ได้รับการบริจาคมากกว่าอยู่นิดหน่อยคือพรรครีพับลิกัน

และใน 10 บริษัทนั้นมีถึง 4 บริษัทที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทผู้รับเหมาด้านกลาโหมของสหรัฐ และเป็นบริษัทที่จัดการสินค้าหรือให้บริการกับหน่วยงานทางการทหารและมีกระทรวงกลาโหมเป็นลูกค้ารายใหญ่อย่างเช่น Boeing, Northrop Grumman, L3Harris Technologies และ Lockheed ด้วย 

ส่วนผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะออกหน้าไหน เราคงต้องไปรอลุ้นกันในการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งต้องมารอดูกันว่าหลังจากที่พรรคเดโมแครตได้มีการเปลี่ยนตัวผู้ชิงตำแหน่งจากการถอนตัวของโจ ไบเดนมาเป็น กมลา แฮร์ริส จะสามารถทำให้เดโมแครตสามารถได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้อีกครั้งหรือไม่?

‘อั้ม พัชราภา’ ก้าวสู่ปีที่ 28 กับบ้านหลังเดิม ‘ช่อง 7’ ต่อสัญญาแบรนด์แอมฯ อีก 1 ปี รับ!! 20 ลบ. พร้อมหุ้น

(19 ส.ค. 67) ถือเป็นซุปเปอร์สตาร์ตัวแม่ที่อยู่คู่กับช่อง 7 HD มาอย่างยาวนาน สำหรับนางเอกเบอร์ 1 ตลอดกาลอย่าง ‘อั้ม พัชราภา’ กับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 28 ของการทำงาน นับตั้งแต่ละครเรื่องแรก ‘มณีเนื้อแท้’ ที่ออกฉายในปี 2540 จวบจนมาถึงปัจจุบันที่สาวอั้มก็ยังคงอยู่เคียงข้างช่อง ไม่หนีหายไปไหน อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับช่องอีกด้วย

ซึ่งล่าสุดแม่อั้มก็เพิ่งเซ็นต่อสัญญาการเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับช่องอีก 1 ปี กับค่าตัวสุดปัง 20 ล้านบาท พร้อมกับได้หุ้นส่วนธุรกิจร่วม

โดยทาง 7HDSocietyFc7 ได้โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ ก้าวสู่ปีที่ 28 กับบ้านหลังเดิม Ch7hd เซ็นสัญญาเพิ่มแล้ว รับจุก ๆ 20 ล้านบาท พร้อมหุ้นส่วนธุรกิจร่วม เตรียมขยายตลาดสู่ต่างประเทศเร็ว ๆ นี้ อั้มนางเอกตัวแม่หนึ่งเดียวในไทยที่ปัจจุบันยังไม่มีใครล้มเธอได้ ส่วนละครเจ้าตัวพร้อมจะมาบอกเองนะคะ

🔎ส่องราคาน้ำมันเฉลี่ยในประเทศอาเซียน ราคา ณ วันที่ 19 ส.ค. 67

รายงานราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน ประจำวันที่ 19 สิงหาคม 2567 โดยราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ มีปัจจัยทางด้านราคา ดังนี้

1.แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน

2.ในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่

3.ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2567 อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2567 *ประเทศไทย อ้างอิงราคาจาก ปตท. และ บางจาก และเป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด

สามารถดูราคาย้อนหลังได้ที่ EPPO - Energy Data Visualization หรือคลิกที่ https://public.tableau.com/app/profile/epposite/viz/EPPO_Inter_OilPrice/SUMMARYOILPRICING 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเยี่ยมให้กำลังใจ รอง สว.กก.สืบสวน ภ.จว.สมุทรสาคร ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปิดล้อมจับกุมคนร้ายยิง 2 ศพ

วันนี้ (19 สิงหาคม 2567) เวลา 14.20 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจ ร.ต.ต.อิทธิพัทธ์ ชัยนา รอง สว.กก.สืบสวน ภ.จว.สมุทรสาคร ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุร่วมออกติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีอาญา หลังคนร้ายหลบหนีไปซ่อนตัวในพื้นที่บ้านหมู่ที่ 6 ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี แล้วใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงคนเสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นอกจากนี้ ยังพบเด็กอายุ 2 ขวบ 2 เดือน ถูกกระสุนถากเข้าที่เอว 1 นัด หลังก่อเหตุได้ไปหลบหนีไปซ่อนตัวในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ที่ 6 ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ต่อมาวานนี้ (18 สิงหาคม 2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร สนธิกำลัง กก.สส.ภ.จว.สิงห์บุรี และ สภ.พรหมบุรี ปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อม คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ เป็นเหตุให้ ร.ต.ต.อิทธิพัทธ์ ชัยนา รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลพรหมบุรี ส่วนคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งต่อมานำตัว ร.ต.ต.อิทธิพัทธ์ฯ ส่งต่อมารักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบกระเช้าเยี่ยม และเงินช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ร.ต.ต.อิทธิพัทธ์ฯ พร้อมสั่งการผู้บังคับบัญชาให้เร่งรัดการดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อไป

ศรชล. ร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ให้ความรู้ “โครงการรู้จัก รู้รักษ์ ทะเลบ้านเกิด” แก่นักเรียน

ศรชล.โดย ศรชล.จว.ตร./ศคท.จว.ตร. ร่วมศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดตราด ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ระยอง) ให้ความรู้ใน “โครงการรู้จัก รู้รักษ์ ทะเลบ้านเกิด” แก่นักเรียน รร.บ้านดงกลาง อ.เขาสมิง จ.ตราด เพื่อให้นักเรียน มีความตระหนักและเห็นคุณค่าของทะเลไทย มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องทะเลและมหาสมุทร ซึ่งในการดำเนินกิจกรรม มีการบรรยาย องค์ความรู้ด้านทะเลและมหาสมุทร ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และทรัพยากรทางทะเล ในจังหวัดตราด รวมถึงบรรยายเกี่ยวกับสัตว์ทะเลหายาก เนื่องในวันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ 17 สิงหาคม ของทุกปี เพื่อรำลึกถึงการจากไปของน้องมาเรียม พะยูนน้อย ตระหนักถึงความสำคัญของพะยูน และรณรงค์แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'สภาผู้บริโภค' ลั่น!! เพราะไทยพัฒนาถนนมากไป จึงทำรถส่วนตัวเต็มเมือง จี้!! ขนส่งสาธารณะควรเร่งลดราคา เพื่อยั่วยวนให้คนเลิกใช้รถ

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวอิศรารายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ส.ค. สภาผู้บริโภคได้จัดกิจกรรม ‘สภาผู้ใช้ระบบบริการขนส่งสาธารณะเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 1’ เพื่อเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรับฟังความเห็นและแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งฯ และส่งเสริมให้เกิดแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรม

น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการพัฒนาระบบบริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ ที่หลากหลายรูปแบบต่อความต้องการของผู้บริโภค ในทางกลับกันการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในส่วนภูมิภาคกลับล่าช้า เนื่องจากขาดการส่งเสริมนโยบายด้านการขนส่งสาธารณะในระดับจังหวัด มุ่งเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางถนนที่รองรับการใช้รถส่วนบุคคล ส่งผลให้ประเทศกลายเป็นเมืองของรถยนต์ส่วนบุคคลและมอเตอร์ไซค์ 

“ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือคนที่ไม่ได้ใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นผู้กำหนดอนาคต คนคิดไม่ได้ใช้บริการ คนใช้บริการกับคนให้บริการไม่มีสิทธิคิด ทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุดหรืออาจสร้างปัญหาเพิ่ม เช่น เรื่องการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้บริการสะดวกขึ้น กลับสร้างปัญหา เพราะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจดจำ เกิดความยุ่งยาก การที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงได้จึงเป็นเรื่องจำเป็น” น.ส.บุญยืนกล่าว

ขณะที่น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงความท้าทายงานคุ้มครองผู้บริโภคนั้น หนึ่งในเป้าหมายประเด็นขับเคลื่อนปี 2568 โดยมีเรื่องการพัฒนาบริการขนส่งสาธารณะใน 7 เมืองหลัก ประเด็นเรื่อง ‘ถนนสำหรับทุกคน’ หรือ ‘Road For All’ เป้าพัฒนาเมืองและระบบขนส่งสาธารณะไปด้วยกัน ทำให้เกิดเมืองที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตและพัฒนาร่วมกันได้ มีความเป็นธรรมกับทุกคน สนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคทุกจังหวัด

“สิ่งหนึ่งที่อยากเกิดขึ้นคือค่าโดยสารขนส่งสาธารณะมีราคาถูก ยั่วยวนให้คนเลิกใช้รถ เงินทุนที่จะมาสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ภาษีที่ดินฯ ภาษีลาภลอย (Windfall Tax) ค่าธรรมเนียมจากรถยนต์ ที่นำส่งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการยกเลิกทางด่วนสองชั้น (double deck) ซึ่งต้องใช้งบประมาณถึง 3.4 หมื่นล้านบาท หากนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า หรือพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะก็จะสามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาระบบขนส่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้มากขึ้น สภาผู้บริโภคเชื่อว่า ประเทศเรามีงบประมาณเพียงพอ เพียงแต่จะจัดลำดับการใช้งบประมาณอย่างไร” น.ส.สารีระบุ

ด้านนายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวถึงภาพรวมของการทำงานด้านระบบขนส่งสาธารณะของสภาผู้บริโภคว่า ประเด็นเรื่อง Road for All ครอบคลุมในหลายส่วน ซึ่งอยู่ในแผนงานด้านขนส่ง ปัจจุบันสภาผู้บริโภคมีพื้นที่ทำงาน 33 จังหวัด โดยเน้น 7 จังหวัดหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ขอนแก่น อยุธยา ภูเก็ต สงขลา และกรุงเทพมหานคร

สำหรับแนวทางการทำงานเพื่อผลักดันให้เกิด ‘Road for All’ มี 4 ข้อ คือ 1) ตั้งเป้าหมายการพัฒนาเมืองและระบบขนส่งสาธารณะไปด้วยกัน ทําให้เกิด เมืองที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิต และพัฒนาร่วมกันได้ (Just City) มีความ เป็นธรรมกับทุกคน 2) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคทุกจังหวัด (User Group) ในการพัฒนาและติดตามคุณภาพการให้บริการขนส่งสาธารณะ 3) สนับสนุนการใช้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟฟ้า ลดปริมาณการใช้ รถยนต์ส่วนบุคคล และ 4) สนับสนุนการดัดแปลงรถยนต์เก่าเป็นรถไฟฟ้า และการใช้พลังงาน แสงอาทิตย์

นายคงศักดิ์ กล่าวถึงข้อเสนอต่อการจัดระบบบริการขนส่งสาธารณะ 1) จัดลําดับการใช้งบประมาณ มีเป้าหมายในการผลักดันให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ขั้นต่ำ 2) การตั้งกองทุนจัดบริการขนส่งสาธารณะ กระจายอำนาจ งบประมาณ แนวปฏิบัติ ให้ อปท. สามารถจัดบริการในพื้นที่ได้ 3) มีเป้าหมายลดโลกเดือดและอุณหภูมิที่ร้อนทั่วประเทศ ลดการใช้พลังงานฟอสชิล ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างชัดเจน 4) การสนับสนุนภาคเอกชนที่พร้อมในการจัดบริการขนส่งสาธารณะ และ 5) สนับสนุนให้แผนพลังงาน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 ในปี 2570

ขณะที่นายภัณฑิล น่วมเจิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสิทธิผู้บริโภคกับการเข้าถึงบริการขนส่งมวลชนนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลส่วนกลางรวบอำนาจ ไม่กระจายอำนาจไปยังท้องถิ่น ทำตัวเป็น ‘คุณพ่อรู้ดี’ จัดบริการขนส่งสาธารณะโดยนั่งอยู่บน ‘หอคอยงาช้าง’

ทั้งนี้ การบริการขนส่งสาธารณะควรมีการกระจายอำนาจไปยัง อปท. ให้มีอำนาจจัดการ เช่น การกำหนดเส้นทางการให้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่ได้เอง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่า คนพื้นที่ ขณะที่ประเด็นระบบตั๋วร่วม ค่าโดยสารร่วม เพื่อให้สามารถใช้ระบบขนส่งด้วยความสะดวก มีต้นทุนการเดินทางที่สมเหตุสมผลนั้น ฟันธงอีก 4 ปี การดำเนินนโยบายเรื่องนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น

ส่วนนายอภิสิทธิ์ มานตรี ผู้ดูแลเพจรถเมล์ไทย (Rotmaethai) สะท้อนปัญหาระบบรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า ปัญหาหลักคือเลขสายรถเมล์ทำให้เกิดความสับสน จากการรับฟังความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเลขสายแบบเดิม แต่เสนอเข้าไปในชั้นกรรมาธิการ 2 รอบยังไม่ได้รับการตอบรับ นอกจากนี้ ปัจจุบันองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้มีการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ 269 เส้นทาง ซึ่งมีเพียง 107 เส้นทางที่ ขสมก. เดินรถเอง ส่วนอีก 158 เส้นทางให้สัมปทานเอกชนในการเดินรถ นอกจากนี้ยังเกิด 4 เส้นทางที่เป็น ‘ฟันหลอ’ กล่าวคือมีการยกเลิกสายเดิม โดยยังไม่มีรถมาแทน

“เดือนสิงหาคมนี้จะยกเลิกการเดินรถ 14 เส้นทาง ไม่มีการประชาสัมพันธ์ เอกชนที่จะนำรถไฟฟ้าพลังงานสะอาดมาเดินรถก็ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อลงพื้นที่สำรวจกลับพบว่า ไม่ได้มีรถเมล์เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลหลังบ้านจากบริษัทเอกชน ว่าปัจจุบัน 123 เส้นทางของเอกชน ไม่ได้เดินรถตามที่ได้สัมปทาน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งกรมการขนส่งทางบกก็ไม่ได้เข้ามาจัดการปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม”

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนประเภทรถเมล์ที่ให้บริการซึ่งส่งผลต่ออัตราค่าโดยสาร เช่น การเปลี่ยนจากรถครีมแดงเป็นรถเมล์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้ค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 8 บาทเป็นเริ่มต้น 15 บาท ทั้งยังมีประเด็นเรื่องการขั้นบันไดของการเก็บค่าโดยสารที่ค่อนข้างกว้าง โดยเพิ่มขึ้น 5 บาท ทำให้ค่าโดยสารอยู่ที่ 15 20 และ 25 บาท ซึ่งกระทบต่อผู้ใช้บริการในบางระยะทาง จึงมีข้อเสนอในการปรับลดค่าโดยสารและเพิ่มความถี่ของขั้นบันไดให้ถี่มากขึ้นเพื่อความเป็นธรรมของผู้ใช้บริการ

นายอดิศักดิ์ สายประเสริฐ นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงการทำงานวิจัยเรื่อง “บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรมในเมืองหลักส่วนภูมิภาคของไทย” และได้ร่วมทำงานในการผลักดันเรื่องฟีดเดอร์ หรือระบบขนส่งสาธารณะรอง โดยปัญหาร่วมที่พบคือถนนสายหลัก และสายรองไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ ถึงแม้ประชาชนจะสะท้อนปัญหา ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หลายครั้งไม่ได้รับการตอบสนอง อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ เสนอว่า หากต้องการผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จจำเป็นต้องทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรที่มีอำนาจในพื้นที่นั้น ๆ เช่น การผลักดันระบบขนส่งในกรุงเทพฯ หากทำงานร่วมกับ สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) จะทำให้สามารถผลักดันได้อย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นได้จริง

นายอดิศักดิ์ได้เสนอให้แก้องค์ประกอบของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องการเรื่องระบบขนส่ง เนื่องจากปัจจุบันไม่มีตัวแทนของประชาชนหรือผู้บริโภคเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการ เชื่อว่า จะทำให้เสียงของประชาชนถูกสะท้อนออกมาได้ตรงจุด

นอกจากนี้ ในส่วนของกิจกรรม (Focus Group) ผู้เข้าร่วมประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหาระบบส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรมเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีข้อเสนอ การปฏิรูปรถเมล์ การเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ที่สร้างความสับสน การขยายเส้นทางรถไฟฟ้า หรือระบบฟิดเดอร์ที่ครอบคลุมการเดินทางของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยให้สภาผู้บริโภคเป็นตัวกลางในการเชิญกลุ่มผู้ใช้และหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ เกี่ยวข้องกับงานขนส่งสาธารณะประชุมระดับนโยบายเพื่อพิจารณาหรือนําเสนอแนวทางการดําเนินการต่อไป และให้สภาผู้บริโภคผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นกลไกการขับเคลื่อนนโยบายของผู้บริโภคควบคู่ไปกับสภาผู้บริโภค

‘มิ้นท์ I Roam Alone’ ประกาศเดินทางรอบโลกครั้งสุดท้าย ปักหมุด ’คาซัคสถาน‘ แบบไม่ใช้เครื่องบิน ก่อนปิดฉาก 12 ปี

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.67) เพจ ‘I Roam Alone’ หรือ ‘มิ้นท์’ มณฑล กสานติกุล ยูทูบเบอร์เจ้าของช่องท่องเที่ยวคนดัง ซึ่งผ่านดรามามามากมาย เช่น เดินทางไปอัฟกานิสถานคนเดียว หรือการพูดข้อดีของโควิด-19 หรือแม้แต่การเลิกแฟนหนุ่มที่เคยประกาศเตรียมแต่งงานหลังถูกเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน Gateway to Hell ประเทศเติร์กเมนิสถาน ตามที่เคยนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุด มิ้นท์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ‘การเดินทางครั้งสุดท้ายของ I Roam Alone | I Roam Alone's Last Journey’ พร้อมระบุว่า "ขอบอกลา I Roam Alone ด้วยการเดินทางครั้งสุดท้าย กับการเดินทางรอบโลกโดยไม่ใช้เครื่องบิน" ซึ่งเริ่มต้นคลิปมิ้นท์ถึงกับเช็ดน้ำตา และว่า "นี่เป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของ I Roam Alone แล้วค่ะ ถ้าเทียบเป็นรถ รถคันนี้ก็ขับมา 12 ปีแล้ว เป็นรถที่รักมาก และไม่เคยคิดที่จะเลิกขับเลย แต่ช่วงชีวิตก็เปลี่ยนไป พลังงานก็ไม่เหมือนเดิม วันนี้รถคันนี้จึงไม่ใช่รถที่เหมาะกับเราที่สุดอีกต่อไป คนขับก็ขับมา 12 ปีแล้ว อยากออกไปยืดเส้นยืดสาย ไปขับอย่างอื่น ลองนั่งอย่างอื่นบ้าง แต่การบอกลา I Roam Alone จะให้เรามานั่งบอกลาเฉย ๆ คงไม่ได้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางส่งท้าย เพื่อบอกลา I Roam Alone อย่างเป็นทางการ ด้วยการออกเดินทางรอบโลกแบบไม่ใช้เครื่องบิน

ทุกอย่างที่อยากทำ แล้วก็ยังไม่เคยได้ทำ ก็จะเอามาทำในทริปนี้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นโบกเรือสินค้าเพื่อข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก การนั่งรถไฟชั้น 3 ในขบวนรถไฟของโซเวียต โบกรถข้ามประเทศ และอื่น ๆ อีกเยอะแยะเลยค่ะ การเดินทางครั้งนี้มีเวลาวางแผนแค่ 1 สัปดาห์เพราะกลัวเปลี่ยนใจ เพราะสิ่งที่เรารักมาก เรารู้แล้วว่ามันถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยน แล้วเราต้องเดินต่อ ไม่ได้แปลว่ามันง่ายที่เราจะปล่อยมันไปได้ เลยตัดสินใจ 1 สัปดาห์แล้วก็ประกาศ และจะออกเดินทางเลย

โดยสิ่งที่ตั้งใจไว้สำหรับการเดินทางครั้งนี้คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะตามแผนหรือเปล่า ไม่ว่าจะได้ทำอย่างที่เราต้องการหรือเปล่า แต่มิ้นท์จะเอนจอยกับมันทุกวินาที และจะซึมซับทุกอย่างบนโลกใบนี้ให้มากที่สุด แล้วก็ให้ปัจจุบันมันสว่างไสวที่สุด

จริง ๆ ความรู้สึกของการเดินทางครั้งนี้ เหมือนตอนทำ I Roam Alone ครั้งแรก ไม่มีความกดดัน เพราะมันเป็นการเดินทางเพื่อเราแล้ว

จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ จะบินไปที่คาซัคสถาน เพื่อเริ่มต้นการเดินทางรอบโลก เหตุผลง่าย ๆ คือ ยังไม่เคยไปคาซัคสถาน และเป็นประเทศที่อยากไปมาก ๆ ความท้าทายของการเดินทางครั้งนี้ คือการข้ามมหาสมุทรใหญ่ ๆ ทั้ง 2 แห่ง อย่างแอตแลนติก และแปซิฟิก โดยไม่ใช้เครื่องบิน แล้วก็จะไม่นั่งเรือเดินสมุทรที่เป็นเรือสำราญด้วย เราจะพยายามโบกเรือไป หรือไม่ก็นั่งเรือสินค้าไป เอาเป็นว่าทุกคนสามารถติดตามการเดินทางของมิ้นท์ได้ จะอัปเดตทาง IG Facebook และ TikTok ถ้าเป็นคลิปเต็มต้องรอหลังจากที่มิ้นท์เดินทางกลับมาถึงไทยแล้ว เอาเป็นว่าเรามาเริ่มต้นการเดินทางสู่ตอนจบของ I Roam Alone กันค่ะ" หลังจากนั้นในคลิปเป็นการย้อนการเดินทางที่ผ่านมาของมิ้นท์ตลอด 12 ปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top