Thursday, 12 June 2025
NewsFeed

‘ชรินทร์ นันทนาคร’ เสียชีวิตด้วยโรคชรา ในวัย 91 ปี พร้อมเป็นผู้ริเริ่มร่วมสร้างสรรค์เพลง ‘สดุดีมหาราชา’

(20 ส.ค. 67) รายงานข่าวแจ้งว่า ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 เป็นศิลปินนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวไทย ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็น ‘ศิลปินแห่งชาติ’ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2541 สมรสกับนางเพชรา เชาวราษฎร์ ได้เสียชีวิต วันที่ 20 สิงหาคม 2567 ด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี

สำหรับผลงานของ ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ ที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่นิยมสูงสุด ได้แก่ เพลงเรือนแพ, มนต์รักดอกคำใต้, หยาดเพชร, อาลัยรัก, ทาษเทวี, เด็ดดอกรัก, ผู้ชนะสิบทิศ, ที่รัก, นกเขาคูรัก, แสนแสบ, ท่าฉลอม, สักขีแม่ปิง, ทุยจ๋าทุย, เพราะขอบฟ้ากั้น ฯลฯ

โดย ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ ได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากเพลง ‘อาลัยรัก’ ก่อนจะผันไปเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ. 2508 มีผลงานในฐานะผู้ผลิตภาพยนตร์ทั้งหมดกว่า 19 เรื่อง โดยมีภาพยนตร์เรื่อง รักข้ามคลอง ที่ทำรายได้สูงที่สุด

ทั้งนี้ ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ขับร้องเพลงไทยสากลผสมผสานกับเพลงไทยเดิม มีท่วงทำนองสูงต่ำเอื้อนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ชวนฟัง ออกเสียงอักขระได้ชัดเจน มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงประมาณ 1,500 เพลง

นอกจากนี้ ‘ชรินทร์ นันทนาคร’ เป็นผู้ริเริ่มร่วมสร้างสรรค์เพลง ‘สดุดีมหาราชา’ ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ ‘สังข์เงิน’ สาขาใช้ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์

“พล.ต.ท.ประจวบฯ” ยกระดับงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ บช.น. พร้อมตรวจเยี่ยมกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน

วันนี้ (19 สิงหาคม 2567) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) มอบนโยบายพร้อมขับเคลื่อนและกำชับการปฏิบัติงาน ความมั่นคงและกิจการพิเศษ แก่หน่วยกองบัญชาการตำรวจนครบล (บช.น.) ณ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) ตรวจเยี่ยมและมอบของบำรุงขวัญแก่กำลังพล กก.อารักขา 1 และ 2, กก.ควบคุมฝูงชน 1 และ 2, กองร้อยน้ำหวาน, ชุดตอบโต้, ชุดช่างสนาม และชุดพยาบาลสนาม พร้อมเยี่ยมชมและตรวจความพร้อมของยานพาหนะและยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจของ บก.อคฝ. โดยมี ผู้แทน บช.น., บก.อคฝ., รอง ผบก.ที่รับผิดชอบงาน มค และ กศ, ผบ.ร้อย คฝ. ในสังกัด บช.น. พร้อมข้าราชการตำรวจ บก.อคฝ. ร่วมให้การต้อนรับและรับฟังนโยบาย เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ ที่มุ่งให้ความสำคัญในการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงในทุกรูปแบบ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้บรรลุผลสำเร็จอย่างสูงสุด โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน รักษาความมั่นคงของประเทศ และสร้างความสงบเรียบร้อยแก่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า งานความมั่นคงและกิจการพิเศษ มีความสำคัญยิ่งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดชอบและถือปฏิบัติให้เรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะภารกิจการถวายความปลอดภัยจะเกิดความผิดพลาดไม่ได้ บช.น.ถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเป็นเมืองหลวง และมีที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น เขตพระราชฐาน สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ ตลอดจนเป็นพื้นที่ที่มีบุคคคลสำคัญพำนัก พักอาศัยอยู่จำนวนมาก และเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ถือเป็นพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของประเทศ การปฏิบัติภารกิจในงานความมั่นคงและกิจการพิเศษของ บช.น. จึงถือเป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ

ในโอกาสนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้มอบนโยบายด้านงานถวายความปลอดภัย โดยต้องถือหลัก "ปลอดภัยสูงสุด สมพระเกียรติ เป็นไปตามพระประสงค์ และส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด" ต้องติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายให้กับสถาบัน และส่งมอบข่าวให้กับหน่วยที่มีหน้าที่ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ แผน ในการปฏิบัติภารกิจถวายความปลอดภัย ทั้งในส่วนของเขตพระราชฐานที่ประทับ หรือในการเสด็จพระราชดำเนิน และต้องมีการประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและนอกสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่เสมอ รวมทั้งให้มีการซักซ้อมและทบทวนการปฏิบัติตามแผน กำลังพลต้องมีความพร้อมทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ การแต่งกาย บุคลิกภาพ และทัศนคติที่ดีต่อสถาบัน ตลอดจนอุปกรณ์และยานพาหนะต้องมีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานและเพียงพอกับภารกิจ

ในส่วนด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ เช่น งานรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และสถานที่สำคัญ งานจราจร งานบรรเทาสาธารณภัย งานดูแลการชุมนุมสาธารณะ งานกำกับดูแลนักท่องเที่ยว งานอาชญากรรมข้ามชาติ งานต่อต้านการก่อการร้าย งานตรวจคนเข้าเมือง ต้องศึกษาทำความเข้าใจเนื้องานในความรับผิดชอบ มีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่ (IPB) จัดเก็บสารบบบุคคลกลุ่มเสี่ยง และปรับปรุงฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ในส่วนของคนไทยต้องทราบข้อมูลทั้งในส่วนบุคคลท้องถิ่นและผู้ย้ายถิ่น ส่วนคนต่างชาติ หากเป็นกรณีนักท่องเที่ยวต้องมีการประสานงานกับผู้ให้บริการที่พักและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่วนคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานก็ต้องมีการประสานงานกับเจ้าของแรงงานนั้นและกระทรวงแรงงาน มีการวิเคราะห์ภัยคุกคามและแสวงหาข้อมูลด้านการข่าว และต้องพร้อมปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายในทุกสถานการณ์

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ อย่างเสียสละและเต็มกำลังความสามารถมาโดยตลอด ขอเป็นกำลังใจและพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเต็มที่ และมีความมุ่งหวังว่าการระดมสรรพกำลังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกภาคส่วน ในการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย จะประสบผลสำเร็จ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ประชาชนและสังคมมีความสงบเรียบร้อย มั่นคงอย่างยั่งยืนสืบไป

อีอีซี ร่วม ทน.แหลมฉบัง เซ็น MOU ส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City)

ที่ ห้องประชุมเมืองใหม่ 2 เทศบาลนครแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศนตรีเทศบาลนครแหลมฉบัง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การอนุญาต หรือรับแจ้ง รวมถึงการบังคับการตามกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกฎหมายว่าด้วยโรงาน และเรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยมี นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี และนายสันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง  คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า การลงนามฯ MOU ระหว่าง อีอีซี และเทศบาลนครแหลมฉบัง ครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการในเขตส่งเสริมพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ได้รับบริการจากภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (EEC One Stop Service) และจะช่วยลดขั้นตอนในการประกอบธุรกิจให้นักลงทุน หรือผู้ที่ต้องการขอใบอนุมัติ ใบอนุญาต ได้รับบริการสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอีอีซี จะเป็นผู้ให้บริการทั้งในส่วนการรับคำขอรับใบอนุญาต ใบรับแจ้งตามกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และเทศบาลนครแหลมฉบัง จะร่วมสนับสนุนในกระบวนการออกใบอนุญาต ใบรับแจ้ง และใบรับรองตามกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นการบูรณาการการปฏิบัติงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐทั้งสองหน่วยงาน อันเป็นการส่งเสริมการลดขั้นตอนการประกอบธุรกิจให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การลงนาม MOU ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในพื้นที่ อีอีซี ทั้ง 2 หน่วยงาน จะร่วมกันสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมดิจิทัล หรือระบบบริการเมืองอัจฉริยะ รวมทั้งจะสนับสนุนบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ทั้งด้านพัฒนาข้อมูล และพัฒนาระบบให้บริการเมือง ที่เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมบริการดิจิทัล เพื่อการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของเทศบาลนครแหลมฉบัง นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีเทศบาลนครแหลมฉบัง กล่าวเสริมว่า ทางเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมให้การสนับสนุนโครงการร่วมกับ อีอีซี ซึ่งทางรัฐบาลได้มอบหมายให้พื้นที่นครแหลมฉบัง เป็นส่วนหนึ่งของอีอีซี  ซึ่งในวันนี้ทางนครแหลมฉบัง ได้มีโอกาสลงนามความร่วมมือ MOU นับเป็นแนวทางการดำเนินการร่วมกันในการอนุมัติ  การขออนุญาตถมดินขออนุญาตก่อสร้างในพื้นที่แหลมฉบัง การอนุญาตตามขอบเขตของกฎหมาย มุ่งเน้นการพัฒนาการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทั้งสอง ลดความสับสน และความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ และจะเป็นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร หรือ One Stop Service ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงได้ร่วมกันสนับสนุนขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่จะเป็นโอกาสสำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และประชาชนทั่วไป ถึงการพัฒนาพื้นที่ อีอีซี ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพื้นที่และชุมชม เพื่อพัฒนาให้แหลมฉบังเจริญเติบโตตามนโยบายของรัฐบาล ได้อย่างต่อเนื่อง

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

🔎เปิด 10 อันดับเมืองที่มี ‘มหาเศรษฐี’ มากที่สุดในปี 2024

THE STATES TIMES ชวนมาดู 10 อันดับเมืองที่มี ‘มหาเศรษฐี’ มากที่สุดในปี 2024 โดยสำหรับ ‘กรุงเทพมหานคร’ ของประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 11 มีจำนวนมหาเศรษฐีอยู่ที่ 49 คน

สำหรับคำว่า ‘มหาเศรษฐี’ หรือ Billionaire หมายถึงผู้ที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35,000 ล้านบาท) ขึ้นไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สนับสนุนค่าพาหนะ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 170 จังหวัดตรัง

วานนี้ (วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานขาเทียมแก่คนพิการขาขาด ของมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ เฝ้าฯ รับสเด็จ  พร้อมมอบค่าพาหนะ และเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช รองเท้าฟองน้ำ ยาพาราเซตามอล ยาตำราหลวง ผลิตภัณฑ์โปรตีนเสริม เสื้อสำเร็จรูป และหน้ากากอนามัย ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 170 รวมจำนวน 180 คน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 287,022 บาท (สองแสนแปดหมื่นเจ็ดพันยี่สิบสองบาทถ้วน) โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากนั้น ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้สนับสนุนกิจการมูลนิธิขาเทียมฯ พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ อาทิ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมในพิธี ณ ห้องนครา แกรนด์บอลรูม โรงแรมเรือรัษฎา อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘สาว’ จอดรถในที่คนพิการ แกล้งทำขาเป๋ แม้ตัวเองปกติ เจอชาวเน็ตแห่อวยพรสนั่น ขอให้สมหวังอย่างใจคิด

(20 ส.ค. 67) กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เมื่อเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว 3 ได้แชร์คลิปหญิงรายหนึ่ง จอดรถในที่คนพิการ ซึ่งมีป้ายติดชัดเจน และมีข้อความว่า ‘ที่จอดรถผู้ใช้รถเข็น Handicapped Parking’ โดยหญิงรายนี้ได้จอดรถกระบะแล้วเดินลงจากรถ พร้อมกับทำท่าทางเหมือนคนขาเป๋ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนปกติ โดยคลิปดังกล่าวระบุข้อความว่า "POV : ไผสิฉลาดกว่าผู้ใหญ่" 

อย่างไรก็ตาม เพจดังกล่าวได้เขียนข้อความระบุว่า "เป็นถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็อยากจะพิการให้ได้" ซึ่งภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์ถึงความไม่เหมาะสม อาทิ ทำคอนเทนต์ หรือทำจริงหะ จริงนะขำไม่ออกเลย, สาธุ ขอให้เป็นดั่งหวัง!, ขอให้สมปรารถนา, มันมีอยู่จริง ๆ นะคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดในเรื่องโง่ ๆ อะ, คอนเทนต์โง่ ๆ ขยันทำกันนัก, พฤติกรรมน่ารังเกียจมากค่ะ, สาธุ ขอให้มันพิการเหมือนคอนเทนต์, ไม่ได้เรียกว่าฉลาด เรียกเห็นแก่ตัวค่ะ, เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ยังเอารัดเอาเปรียบสังคม นี่หรือคนที่จะอาสามาดูแลชาวบ้าน, ผช.บ้านไหนนะ ชาวบ้านคงภูมิใจมาก, คนพิการแค่ร่างกาย แต่มันก็ยังสู้คนที่พิการทางสมองไม่ได้ ทำแล้วก็ให้คนอื่นถ่ายคลิป นั่นแหละคือการประจานตัวเองแท้ ๆ เป็นต้น 

‘พีระพันธุ์’ ตอบชัดปมเข้าร่วมรัฐบาล ลั่น!! ไม่อยากยืนอยู่ฝั่งเดียวกับศัตรูของชาติและสถาบัน

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบชัดถึงอีกปมประเด็นคำถามจากสังคมว่า ‘ทำไม รวมไทยสร้างชาติ จึงต้องเข้าร่วมรัฐบาล อย่างชัดเจน’ โดยนายพีระพันธุ์ระบุว่า…

"ในสภาไม่มีตรงกลาง ถ้าเราไม่ร่วมรัฐบาล เขาก็จะจัดสรรเราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ต้องอยู่ภายใต้กำกับดูแลของหัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นใครก็รู้อยู่...

"มันไม่มีอะไรที่จะถูกใจได้ทั้งหมด แต่อันไหนที่พอจะดีกว่า แย่น้อยกว่า เสียน้อยกว่า และสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ นี่คือสิ่งที่ใช้ตัดสินใจ...

"เราไม่อยากยืนคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรู ของชาติ ของแผ่นดิน และของสถาบัน...

"การเมืองเป็นเรื่องความรู้สึก และความรู้สึกที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและสถาบัน..."

สุดท้ายนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการที่รวมไทยสร้างชาติได้ร่วมรัฐบาลอีกว่า จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างที่สุด 

"ในปีหน้า ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เรายังได้กำกับดูแลที่เดิม ประชาชนจะได้รับของขวัญ เป็น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน อย่างแน่นอน!!!" 

‘หยวนต้า’ วิเคราะห์!! ‘นักลงทุนต่างชาติ’ เริ่มกลับมาสนใจซื้อหุ้นไทย หลังได้นายกฯ คนใหม่-ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว มีโอกาสฟื้นตัวใน 1-2 เดือน

(20 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Business Tomorrow’ โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘1,400 จุดแค่เอื้อม ฝรั่งเล็งเดินเครื่องช้อนหุ้นไทย ‘หยวนต้า’ ชี้เป็นจุดน่าซื้อที่สุดรอบ 2 ปี’ ระบุว่า…

คุณภาดล วรรณรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทาง Live สด กับ Business Tomorrow เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2567 กล่าวว่า…

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดีขึ้นจากปัจจัยการเมืองไทยคลายล็อกจุดเปลี่ยนสำคัญคือก้าวขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เบื้องต้นประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของดัชนีฯ แตะ 1,400 จุดภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า 

สำหรับปัจจัยสนับสนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน คาดว่าเกิดจากกระบวนการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะเห็นโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ภายในสิ้นเดือน ส.ค. และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเริ่มทำงานในเดือน ก.ย.นี้ 

นอกจากนี้ ตลาดจับตาการทบทวนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต อาจจะเห็นการเปลี่ยนรูปแบบในมิติลดความเสี่ยงภาระหนี้ของประเทศ หรืออาจปรับเปลี่ยนให้เกิดผลบวกต่อการบริโภคในประเทศโดยตรง เป็นลักษณะนโยบายประชานิยม ส่วนหนึ่งเพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งในอีก 3 ปีข้างหน้า

"ตอนนี้ต้องบอกว่าแนวโน้มหุ้นไทยโดยรวมอยู่ในช่วงที่มีนารีขี่ม้าขาวมาช่วย ไม่ใช่ม้าธรรมดาแต่เป็นม้าบินจะพาหุ้นไทยติดปีก ทำให้คาดหวังได้ว่าใน 1-2 เดือนข้างหน้ามีโอกาสเห็น 1,400 จุด และในปีนี้ต้องบอกว่าหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในความรู้สึกส่วนตัวมองว่าหุ้นไทยกำลังเป็นบรรยากาศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในรอบ 2 ปีทั้งจากปัจจัยต่างประเทศที่เอื้อและการเมืองไทยคลายกังวล" คุณภาดล กล่าว 

คุณภาดล ยังประเมินอีกว่า มีโอกาสสูงที่นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง เนื่องจากค่าเงินบาทส่งสัญญาณแข็งค่า ทำให้ต่างชาติรับส่วนต่างกำไรเพิ่มขึ้นจากค่าเงิน ถึงแม้ว่าเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ต่างชาติมีสถานะขายสุทธิเกือบ 1.05 หมื่นล้านบาท แต่หากพิจารณาพบเป็นผลกระทบจากรายการบิ๊กล็อตหุ้น SCCC มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ฉะนั้นหากตัดรายการดังกล่าวจะพบต่างชาติกำลังเดินเครื่องซื้อสุทธิหุ้นไทยราว 1.5 พันล้านบาท

ฟังสัมภาษณ์หุ้นไทยจะบินหรือจะตก ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ นายกฯ คนใหม่ (ภาดล วรรณรัตน์)
https://www.youtube.com/watch?v=RhrjqiQk-g4

‘ไทยสมายล์บัส’ เปิด 13 เส้นทางวิ่งรถ 24 ชม. ‘เที่ยงคืน-ตี 5’ หวังรองรับการเดินทางช่วงกลางคืนของพี่น้องประชาชน

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.67) น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ กรุ๊ป หรือ TSB ผู้นำการให้บริการรถเมล์และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทที่เป็นผู้รับใบอนุญาตเดินรถอย่างถูกต้องจากกรมการขนส่งทางบกในการให้บริการพี่น้องประชาชน ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีรถให้บริการช่วงเวลากลางคืนในหลายพื้นที่ หลังจากผู้ประกอบการรายเดิม ยกเลิกวิ่งกะกลางคืนในบางเส้นทางไปก่อนหน้านี้

ทางด้านบริษัทได้พิจารณาถึงความต้องการเดินทางในช่วงกลางคืนของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย จึงได้ทยอยจัดเพิ่มการเดินรถกะสว่าง หรือรถ 24 ชั่วโมง ขณะนี้ให้บริการแล้วใน 13 เส้นทาง นับตั้งแต่เวลา 00.00 น. (เที่ยงคืน) ถึงเวลา 05.00 น. มีรถเมล์โดยสารพลังงานไฟฟ้าออกให้บริการในเส้นทางต่าง ๆ ตลอดทุกชั่วโมง อีกทั้งจะทยอยเพิ่มจำนวนรถต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องไปกับความต้องการของผู้โดยสาร

สำหรับสายรถที่ ไทยสมายล์บัส เปิดวิ่งให้บริการช่วงกลางคืน ประกอบด้วย

1. สาย 1-3(34) เส้นทางบางเขน-ถนนพหลโยธิน-หัวลำโพง
ให้บริการตั้งแต่เวลา : 23.00 น., 00.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.00 น., 05.00 น.
2. สาย 1-37(27) เส้นทางมีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 00.00 น., 05.00 น.
3. สาย 1-39(71) เส้นทางสวนสยาม-คลองเตย
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 22.40 น., 00.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.45 น., 04.00 น., 04.15 น., 04.30 น., 04.45 น., 05.00 น.
4. สาย 2-15(97) เส้นทางกระทรวงสาธารณสุข-รพ.สงฆ์
ให้บริการเวลา : 23.00 น., 00.00 น., 01.30 น., 03.00 น., 04.00 น., 04.10 น., 04.20 น., 04.30 น., 04.40 น., 04.50 น., 05.00 น.
5. สาย 2-38(8) เส้นทางแฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 23.00 น., 00.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.45 น., 04.00 น., 04.10 น., 04.20 น., 04.30 น., 04.40 น., 04.50 น., 05.00 น.

6. สาย 3-1(2) เส้นทางปากน้ำ-ท่าเรือสะพานพุทธ
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 00.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.00 น., 03.50 น., 04.05 น., 04.20 น., 04.35 น., 04.50 น., 05.00 น.
7. สาย 3-6(25) เส้นทางโรงเรียนปทุมคงคาสมุทรปราการ-สถานีขนส่งเอกมัย (เพิ่ม 1 คัน)
ให้บริการเวลา : 22.40 น., 23.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 04.30 น., 04.45 น., 05.00 น.
8. สาย 3-36(4) เส้นทางท่าเรือคลองเตย-ท่าเรือภาษีเจริญ
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 23.30 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.30 น., 04.00 น., 04.30 น., 05.00 น.
9. สาย 34 เส้นทางรังสิต-หัวลำโพง
ให้บริการเวลา : 22.10 น., 00.00 น., 03.40 น., 04.20 น., 05.00 น.
10. สาย 4-36(7) เส้นทางโรงเรียนศึกษานารี-หัวลำโพง
ให้บริการเวลา : 23.30 น., 01.00 น., 02.30 น., 03.45 น., 04.00 น., 04.10 น., 04.20 น., 04.30 น., 04.40 น., 04.50 น., 05.00 น.

11. สาย 4-44(80A) เส้นทางหมู่บ้าน วปอ.11-สวนหลวงพระราม 8
ให้บริการเวลา : 22.30 น., 01.00 น., 04.45 น., 05.00 น.
12. สาย 4-46(84) เส้นทางวัดไร่ขิง-BTS กรุงธนบุรี
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 23.00 น., 00.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.00 น., 04.00 น., 04.10 น., 04.20 น., 04.30 น., 04.40 น., 04.50 น., 05.10 น.
13. สาย 4-15(82) เส้นทางท่าน้ำพระประแดง-บางลำพู
ให้บริการเวลา : 22.00 น., 23.00 น., 00.00 น., 01.00 น., 02.00 น., 03.00 น., 04.00 น.(04.29), 04.30 น.(04.31), 04.40 น., 05.00 น.

ขณะเดียวกัน TSB ยังคำนึงถึงปัญหาค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน โดยรถเมล์ไฟฟ้าสีน้ำเงินทุกคันจะรองรับบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ HOP Card ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ ‘เดลิ แมกซ์ แฟร์’ (Daily Max Fare) ให้ผู้โดยสารสามารถขึ้น-ลง กี่ครั้ง กี่ต่อ ไม่อั้นภายในหนึ่งวัน ด้วยการจ่ายค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 40 บาทต่อวันเท่านั้น หรือนั่งรถต่อเรือ เรือต่อรถ ชำระค่าโดยสารสูงสุดเพียง 50 บาทเท่านั้น แต่หากผู้โดยสารท่านใดไม่ได้นั่งบ่อยก็จ่ายตามจริง เริ่มเพียง 15-20-25 บาท

‘ตาวัย 83 ปี’ ต้องออกมาขับแท็กซี่ ดูแลภรรยาป่วยติดเตียง เผย ถ้าไม่ทำก็อดตาย แม้บางวันรายได้ไม่พอค่าเช่ารถ

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘แจ้งข่าว-ล่าสุด’ โพสต์ข้อความระหว่างการสนทนากับคนขับแท็กซี่ ในวัย 83 ปีรายหนึ่ง โดยระบุว่า…

เรา : เบื่ออยู่บ้านเหรอถึงมาขับแท็กซี่ แล้วลูกหลานไปไหนหมด
ลุงแท็กซี่ : ผมไม่มีลูก ผมเช่าบ้านอยู่ 2 คนตายาย แฟนผมนอนติดเตียง ผมต้องออกมาขับแท็กซี่ไม่งั้นก็อดตาย
เรา : แล้ววัน ๆ หนึ่งพอใช้เหรอ
ลุงแท็กซี่ : บางวันก็ได้ไม่พอค่าเช่ารถ ไม่มีคน
เรา : ผมฝากเงินช่วยค่ายาแฟนลุงนะ และขอเบอร์ลุงไว้เผื่อเรียกใช้บริการ

#ใครผ่านมาแถวเซ็นทรัลศาลายา เรียกใช้บริการลุงได้นะครับสงสารแกไม่อยากคิดเลย ถ้าวันไหนขับรถแท็กซี่ไม่ไหวสองคนตายายจะอยู่กันยังไง (ใครอยากใช้บริการแท็กซี่ของลุง เบอร์คุณลุงนะครับ 0645139583 ขอบคุณเจ้าของภาพ)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top