Saturday, 14 June 2025
NewsFeed

‘จีน’ ชี้ ‘อเมริกา’ คือ ‘ตัวอันตราย’ ใหญ่หลวง เป็น ‘เจ้าโลก’ ด้วยการข่มขู่ ประชาคมนานาชาติ

(18 ส.ค.67) อเมริกาคือตัวอันตรายใหญ่หลวงที่สุดของโลก เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงของความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ จากความเห็นของจาง เสี่ยวกัง โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (16 ส.ค.) โดยปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตัน ‘มักตัดสินใจต่าง ๆ โดยไร้ความรับผิดชอบ’ ในความพยายามรักษาไว้ซึ่งความเป็นเจ้าโลก ในนั้นรวมถึงผ่านการข่มขู่ประชาคมนานาชาติ ด้วยคลังแสงนิวเคลียร์

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการแถลงตอบโต้การตัดสินใจของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ที่จะยกระดับกองกำลังอเมริกาในญี่ปุ่น เป็นกองบัญชากองกำลังร่วม ซึ่งบังคับบัญชาของโดยพลระดับ 3 ดาวรายหนึ่งที่อยู่ภายใต้บัญชาการของกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิก แห่งกองทัพสหรัฐฯ

ถ้อยแถลงดังกล่าวดำเนินการโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ตามหลังการพบปะหารือกันระหว่างเหล่าหัวหน้านโยบายกลาโหมและต่างประเทศของอเมริกาและญี่ปุ่น

ในตอนนั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยกย่องพัฒนาดังกล่าว ว่าเป็น ‘การปรับปรุงความสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างเรากับญี่ปุ่น ครั้งเข้มแข็งที่สุดในรอบกว่า 70 ปี’ เขายังบอกด้วยว่าทั้ง 2 ฝ่าย ได้จัดประชุมระดับรัฐมนตรีอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ในด้านการป้องปรามอย่างครอบคลุม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ระหว่างการพบปะหารือ สหรัฐฯ ประกาศ "ปกป้องญี่ปุ่นด้วย: แสนยานุภาพต่างๆ ของเราอย่างเต็มพิกัด ในนั้นรวมถึง: แสนยานุภาพทางนิวเคลียร์" ออสติน กล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคม

ในวันศุกร์ (16 ส.ค.) จาง เสี่ยวกัง ชี้ว่าวอชิงตันและโตเกียวเล่นไพ่ใช้คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านการทหารของจีน เป็นข้ออ้างสำหรับความเคลื่อนไหวของพวกเขา "พฤติกรรมต่าง ๆ เช่นนี้รังแต่ยั่วยุการเผชิญหน้าและบ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค" ทั้งนี้ในถ้อยแถลงเมื่อเดือนกรกฎาคมของเพนตากอน พวกเขายังได้พาดพิงถึงการ "ขยายคลังแสงนิวเคลียร์ของจีน" เช่นเดียวกับหัวข้ออื่นๆ ระหว่างประชุมเกี่ยวกับการขยายขอบเขตการป้องปราม

โฆษกของกระทรวงกลาโหมจีนบอกว่า "สหรัฐฯ เสี่ยงเป็นภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ใหญ่หลวงที่สุดต่อโลก เนื่องจากพวกเขาครอบครองคลังแสงนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก และเดิมตามนโยบายหนึ่ง ๆ ซึ่งอนุญาตให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อน"

ยุทธศาสตร์ป้องกันตนเองแห่งชาติสหรัฐฯ (NDS) ที่เผยแพร่โดยเพนตากอนเมื่อปี 2022 ระบุ รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน เป็น 4 ศัตรู สำหรับแผนอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งมันเปิดประตูสำหรับการใช้นิวเคลียร์ชิงโจมตีก่อน โดยอนุญาตให้ใช้อาวุธดังกล่าวเล่นงานศัตรู เพื่อสกัดการโจมตี

เมื่อปี 2018 สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยปานกลาง (INF) ที่ทำไว้กับรัสเซีย ซึ่งแบนทั้ง 2 ฝ่ายจากการพัฒนาและประจำการขีปนาวุธศักยภาพติดอาวุธนิวเคลียร์ที่ประจำการบนภาคพื้นบางรุ่น ณ ตอนนั้น วอชิงตันอ้างว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีอาวุธดังกล่าว เนื่องจากอย่างน้อย ๆ จีน ก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในข้อตกลงทวิภาคี INF

ข้อตกลงทวิภาคีที่มีผลผูกพันฉบับสุดท้ายที่จำกัดคลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และรัสเซีย คือข้อตกลง New START ซึ่งมีกำหนดหมดอายุลงในปี 2026 อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว รัสเซียระงับการมีส่วนร่วมในข้อตกลง New START อ้างถึงนโยบายที่เป็นปรปักษ์ของสหรัฐฯ แต่ประกาศว่าจะยังคงปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักของมัน ซึ่งจำกัดอาวุธนิวเคลียร์และระบบปล่อยอาวุธนิวเคลียร์

ในเดือนตุลาคม 2023 เพนตากอนกล่าวหา จีน "ยกระดับขยายคลังแสงนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว" ในขณะที่คณะกรรมาธิการยุทธศาสตร์ของสภาคองเกรสสหรัฐฯ เรียกร้องวอชิงตันให้เตรียมพร้อมสำหรับทำสงครามกับทั้งปักกิ่งและมอสโก และต่อมาในเดือนเดียวกัน อเมริกายังได้แถลงแผนเกี่ยวกับการปรับปรุงระเบิดนิวเคลียร์ของพวกเขาให้มีความทันสมัย

การตัดสินใจและพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบของสหรัฐฯ ก่อผลลัพธ์แผ่ขยายความเสี่ยงทางนิวเคลียร์ และความพยายามรักษาไว้ซึ่งความเป็นเจ้าโลก และข่มขู่โลกด้วยแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ถูกแฉออกมาเต็มตาแล้ว จางกล่าว พร้อมระบุว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดในญี่ปุ่น รังแต่ซ้ำเติมความตึงเครียดในภูมิภาค และเพิ่มความเสี่ยงแพร่ขยายนิวเคลียร์และความขัดแย้งทางนิวเคลียร์

ประเมินสถานการณ์ 'EV' ปีหน้าจะเริ่มถูกกว่ารถสันดาปในหลายรุ่น หลังราคาแบตฯ รถยนต์ไฟฟ้ากำลังลดลงอย่างรวดเร็วถึง 90%

(18 ส.ค.67) Business Tomorrow เปิดเผยว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้า EV กำลังเริ่มใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป โดยการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกหลักของผู้บริโภคในอนาคตอันใกล้ จากปัจจัยดังนี้...

1) ราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้ทยอยปรับตัวลดลงถึง -90% ตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2023 (รายงานจาก Department of Energy สหรัฐฯ)

2) ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่ EV อยู่ที่ประมาณ 130 ยูโรต่อ kWh ลดลงจาก 1,319 ยูโรต่อ kWh ในปี 2008

3) การลดลงของราคาแบตเตอรี่ EV เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเพิ่มการยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก

4) ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นอาจเท่ากับรถยนต์สันดาปได้เร็วที่สุดในปี 2025

5) ค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำลงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น

6) Gartner ที่ปรึกษาระดับโลกคาดการณ์ว่าภายในปี 2027 ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกกว่ารถยนต์ 

7) การศึกษาของ JD Power พบว่าต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในระยะเวลา 5 ปีนั้น ต่ำกว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์ ICE ใน 48 จาก 50 รัฐของสหรัฐฯ

8) แม้ว่าต้นทุนแบตเตอรี่จะลดลง แต่การเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้ายังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

#อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในอนาคตอันใกล้ รถยนต์ไฟฟ้า EV กำลังจะมีราคาถูกกว่ารถยนต์สันดาปมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จากต้นทุนแบตเตอรี่ที่ทยอยปรับตัวลดลง ซึ่งจะกลายเป็นอนาคตที่น่าติดตาม 

‘แพทองธาร ชินวัตร’ รับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เผย!! จะทำเพื่อความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด

(18 ส.ค.67) เวลา 09.29 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยได้อัญเชิญไปยังสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ

จากนั้น เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31  ความว่า

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567
เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
ประธานสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการว่า 

เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม  แต่งตั้งให้ดิฉัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับเป็นเกียรติยศ และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต

ดิฉัน ครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้นทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชนสนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ

ดิฉัน ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรคแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ดิฉันในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารจะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง

พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านคะ ภารกิจยิ่งใหญ่นี้ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดิฉันมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วนทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชนและพี่น้องประชาชน

ดิฉัน จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ และทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วของบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง

ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม ขอบคุณค่ะ

สมุทรปราการ-รองผู้ว่า 'โยธิน' ยกทีมลำพูนจัดงานเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เวลา 17.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การขาย และการจัดแสดงเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลำพูน ภายใต้โครงการสร้างแบรนด์อัตลักษณ์ลำพูน เมืองเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์เทศกาลท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 

โดยมี นายประทีป นทีทวีวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงานพร้อมทั้งกล่าวให้การต้อนรับคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนที่เดินทางมาจัดแสดงสินค้าและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูน ณ บริเวณ ชั้น 3 ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สมุทรปราการ 

โดยนางเกศกนก เดชมา การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ โดยมี นายธณัท ปภพธนานนท์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ นายพัฒนพันธุ์ หน่อบุญโยง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน นายนราวิชญ์ เวียงเหล็ก นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน ตลอดจน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ประกอบการที่เดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งจัดตั้งบูธแสดงสินค้าของดีจังหวัดลำพูน จำนวน 20 บูธด้วยกัน ภายในงานจัดให้มีกิจกรรมจำหน่ายสินค้าและกิจกรรมสาธิตประเพณี กิจกรรม Work Shop กิจกรรมส่งเสริมการขาย กิจกรรมเสวนาศีลปวัฒนธรรม และ กิจกรรมการแสดงดนตรี 

ด้านนายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดลำพูน ได้รับการขนานนามว่า เป็นแสงแรกแห่งล้านนาเป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา มีเป้าหมายหลักเพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม บนฐานความหลากหลายของทรัพยากรการท่องเที่ยว โดยเน้นวัฒนธรรมและภูมิปัญญาล้านมา และการสร้างคุณค่าและมูลค่าจากทรัพยากรการท่องเที่ยวทางธรรมชาติวัฒนธรรม สู่การเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์อย่างยังยืนและเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากแห่งหนึ่งของภาคเหนือ มีภูมิประเทศอันงดงาม ทรัพยากรที่มั่นคง มีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ ภูมิอากาศที่น่าอยู่ประชากรมีวิถีชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมเก่าแก่ และความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก

จึงจำเป็นต้องเร่งผลักดัน ส่งเสริมสนับสนุนและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัด เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภาค และประชาชนในจังหวัดเองได้มาสัมผัสประเพณี ศิลปะวัฒนะธรรม สินค้า อาหาร และธรรมชาติ ของจังหวัดลำพูนให้มากยิ่งขึ้น และเป็นการกระจายและขยายฐานนักท่องเที่ยวให้เกิดการรับรู้และยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดใหม่ ๆ สนับสนุนให้กับผู้ประกอบการออกสู่ตลาดภายนอกให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงได้กรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์เทศกาลท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนให้สอดรับกับกับกับสถานท่องเที่ยวในปัจจุบันให้มีความทันสมัย ตรงกับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวครั้งนี้ 

จังหวัดลำพูน จึงได้ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและพันธ์เทศกาลท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน ในระหว่างวันที่ 16 - 20 สิงหาคม 2567 บริเวณชั้น 3 ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไดล์ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเชื่อมโยงและขยายมูลค่าการค้า การลงทุนของผู้ประกอบการเป้าหมายในจังหวัดลำพูนเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป พร้อมทั้งภาพลักษณ์ที่ดี และขยายโอกาสในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้า/บริการศักยภาพของจังหวัดตลอดจนเพื่อให้มีกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นให้การตัดสินใจในการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนต่อไป

‘ชาร์ป’ ประกาศเดินหน้าธุรกิจในอาเซียน หลังตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ายังเติบโตต่อเนื่อง พร้อม!! ลงทุนโรงงานใน ‘ประเทศไทย’ เพื่อส่งออกสินค้าไปไกล ขายให้ทั่วโลก

(18 ส.ค.67) ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น (Sharp) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคและโซลูชันสำหรับภาคธุรกิจ จัดงานใหญ่ระดับภูมิภาค ‘SHARP Sync-Up 2024’ ขึ้นที่ประเทศไทย เพื่อเผยถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจ

นายโมโมกิ ทามุระ รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และผู้จัดการทั่วไปธุรกิจไฟฟ้าและโซลูชั่นอัจฉริยะ บริษัท ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ภูมิภาคอาเซียน มีประชากรกว่า 671 ล้านคน เป็นตลาดสำคัญของบริษัทฯ สะท้อนจากภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในอาเซียน (อ้างอิง Euromonitor) ปี 2567 คาดการณ์เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 1.4 ต่อปี และชาร์ปยังเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของอาเซียน ในกลุ่มตู้เย็นและไมโครเวฟ

ขณะที่ประเทศไทย เป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญ ทั้งการสร้างยอดขาย และเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของชาร์ปฯ โดยมี 2 โรงงาน สำหรับผลิตไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ ส่งออกตลาดทั่วโลก ล่าสุดมีโรงงานเพิ่งย้ายฐานผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ในอนาคตบริษัทฯ เตรียมจะลงทุนในไทยเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา

นอกจากนโยบายการทำธุรกิจแล้ว ภายในงานยังนำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี สมาร์ทโฮมโซลูชัน ‘Cocoro Home’ และนวัตกรรม ‘AIoT’ ใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ เช่น เตาอบไมโครเวฟแบบลิ้นชักที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โดยมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic Design) เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในซีกโลกตะวันตก การันตีด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านเครื่องในประเทศสหรัฐอเมริกา 

จากผลตอบรับนี้ ชาร์ป จึงเตรียมเปิดตัวเตาอบไมโครเวฟนี้ในตลาดอาเซียน โดยมีระบบการปรุงอาหารด้วยเซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัยแต่ใช้งานง่าย สามารถปรับเวลาในการปรุงอาหารและความร้อนได้หลายระดับ ให้ทุกคนสามารถทำเมนูเพื่อสุขภาพด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน 

นอกจากนี้ ฝาประตูยังมาพร้อมกับระบบ Easy Wave Open ที่ใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับความเคลื่อนไหว ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารหกเลอะเทอะ พื้นที่ด้านในกว้างขวาง เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ และระดับความสูงที่เหมาะสมกับสรีระ จึงเหมาะกับผู้ใช้ทุกคน

‘ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง’ ใส่ชุดขาวเต็มยศ เข้าพิธีรับพระบรมราชโองการนายกรัฐมนตรี สีหน้าสดใส!! เผยความดีใจ ‘สส.เพื่อไทย-พรรคร่วมรัฐบาล’ ร่วมยินดี

(18 ส.ค.67) ที่อาคารวอยซ์สเปซ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ทำการใหม่ของพรรคเพื่อไทย บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีและสส. ของพรรคเพื่อไทยทยอยกันเดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

ในส่วนของพิธีรับพระบรมราชโองการนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นั้น ได้จัดขึ้นที่บริเวณห้องโถงกลาง อาคารว้อยซ์สเปซ ซึ่งจะมีเฉพาะบุคคลสำคัญที่ได้รับอนุญาตเข้าร่วมในพิธีการดังกล่าวและอนุญาตให้เฉพาะ ช่างภาพจากสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

ต่อมาเวลา 07.49 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงด้วยรถตู้เบนซ์ทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย เมื่อสื่อมวลชนถามว่าเมื่อคืนนอนหลับฝันดีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “หลับค่ะ รีบนอนเลยเพราะกลัวตื่นสาย”

จากนั้นครอบครัวของ น.ส.แพทองธาร ทั้ง น.ส.พินทองทา ชินวัตรคุณากรวงศ์ ได้เดินทางมาสมทบ โดย น.ส.พินทองทาได้ช่วยน้องสาวจัดแต่งชุด เครื่องแบบปกติขาว พร้อมยืนรอรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดา ที่เดินทางมาถึงในเวลา 07.50 น. โดย น.ส.แพทองธารได้เดินไปรับถึงหน้าประตูรถ ซึ่งทันทีที่นายทักษิณลงจากรถได้เข้าสวมกอดพร้อมกับหอมแก้มบุตรสาว เพื่อแสดงความยินดี ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายกับสื่อมวลชน เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายทักษิณว่าดีใจหรือไม่ นายทักษิณยิ้มพร้อมตอบว่า “ดีใจสิ”จากนั้นทั้งสองคนได้ หันมาให้สื่อมวลชนเก็บภาพอย่างอารมณ์ดีก่อนที่น.ส.แพทองธาร จะจับมือนายทักษิณพาเข้ามาทักทายบรรดารัฐมนตรีทั้งจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงสส.ที่มาร่วมแสดงความยินดีวันนี้

โดย น.ส.แพทองธารได้บอกว่าใครอยากถ่ายรูปพร้อมที่จะเซลฟี่ ซึ่งบรรดารัฐมนตรีและสส. ต่างส่งเสียงแสดงความยินดีท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น

โดยช่วงหนึ่งที่นายทักษิณ เดินทางมาถึงได้แวะเข้าห้องรับรองสส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล และได้เข้ามาทักทายพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งมีสส.หลายคนถ่ายภาพร่วมกับนายทักษิณด้วย จนน.ส.แพทองธาร ได้เดินมาเชิญนายทักษิณไปรออีกห้องหนึ่ง

ทั้งนี้ได้มีคนแซวว่าได้กลับมาใส่ชุดขาวอีกครั้งหนึ่ง นายทักษิณ จึงระบุว่า เขินอยู่ ไม่ได้แต่งมานานแล้ว ซึ่งระหว่างทางที่เดินออกไปอีกห้องหนึ่งได้มีการทักทายกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมตลอดทาง ผู้สื่อข่าวได้ถามนายทักษิณย้ำว่าดีใจหรือไม่ นายทักษิณกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า แน่นอนสิ จะได้เรียนรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่

ในส่วนของ พรรคร่วมรัฐบาล เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธารที่อาคารว๊อยซ์ สเปซ เช่นกัน โดยในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา เดินทางเพื่อไปแสดงความยินดี ในเวลา 08.00 น. นำทีมโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคเช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ก็เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีในช่วงเวลาเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐมอบหมายให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรค นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์

‘อ.ไชยันต์’ โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ‘แพทองธาร-พรรณิการ์’ ระบุ!! สองสตรีผู้โดดเด่นทางการเมืองจาก ‘รัฐศาสตร์ จุฬาฯ’

(18 ส.ค.67) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์รูปภาพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ พร้อมข้อความระบุว่า 

สองสตรี ผู้โดดเด่นทางการเมือง จากกำเนิดเดียวกัน ‘รัฐศาสตร์ จุฬาฯ’

‘ดร.ปรเมษฐ์-เนเน่’ เสวนาการศึกษาฯ เร่งพัฒนาคุณภาพครู ยกระดับการศึกษา เสนอ ‘พานิภัค โมเดล’ ชี้!! ‘เด็ก-เยาวชน’ ให้ค้นพบตัวเอง เพื่อมีเป้าหมาย มุ่งสู่ฝัน

เมื่อวานนี้ (17 ส.ค.67) ดร.ปรเมษฐ์ จินา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขต 5 พร้อมด้วยนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเสวนาในเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นความเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรการศึกษาทั้งในและนอกระบบของ จ.สุราษฎร์ธานี ในกิจกรรม ‘ธนาคารโอกาสและถนนครูเดิน ครั้งที่ 2’ และเวทีเสวนาเพื่อเคลื่อนขบวนความร่วมมือ ‘All for Education -  Education for All’ ซึ่งจัดโดย กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา หน่วยบริการ ALTV องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 ณ โรงเรียนศรีสุวรรณ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

ดร.ปรเมษฐ์ จินา กล่าวว่า ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เคยรับผิดชอบดูแลในเรื่องของทั้งการสาธารณสุขและการศึกษา 

ปัญหาโดยพื้นฐานของสังคมจะมีอยู่ 3 ประเด็นหลัก ๆ คือ เรื่องการแก้ปัญหาขาดความรู้ผ่านการศึกษา การแก้ปัญหาการเจ็บป่วยผ่านการสาธารณสุข แก้ปัญหาความยากจนผ่านการสร้างรายได้ ถ้าแก้ปัญหา 3 ประเด็นนี้ได้ปัญหาสังคมอื่น ๆ จะหมดไป 

ประเด็นสำคัญของสุราษฎร์ธานีคือ การแก้ปัญหาการยุบเลิกโรงเรียน ตนเห็นว่าจะต้องมีการปรับโมเดลของการศึกษาให้สอดคล้องกับพื้นที่มากกว่าการยุบเลิกโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนในพื้นที่ที่ทำเรื่องการท่องเที่ยวก็ต้องเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องของการท่องเที่ยว โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ทำการประมงก็ต้องเพิ่มพูนความรู้เรื่องของการประมง 

จากประสบการณ์การไปดูงานในประเทศที่ประสบความสำเร็จทางการศึกษาระดับต้น ๆ ของโลก มีการปลูกฝังเป้าหมายของเด็กและเยาวชน เพื่อให้ค้นพบตัวตนตั้งแต่ต้น ยกตัวอย่างเมื่อเร็ว ๆ มานี้ เทนนิส นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับเหรียญทองจากการแข่งกีฬาโอลิมปิก และเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัยติดต่อกัน ที่ได้ตั้งเป้าหมายและเดินตามเส้นทางนักกีฬา ตั้งแต่อายุน้อย ๆ นี่คือสิ่งที่การศึกษาของประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนหลักการทางการศึกษา

การพัฒนาในเรื่องการศึกษาอีกหัวใจสำคัญคือการให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย พร้อมกับการสนับสนุนที่ดีของภาครัฐภาคเอกชน ทั้ง 3 ส่วนนี้จะสามารถผลักดันคุณภาพทางการศึกษาต่อไปได้ 

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี เปิดเผยว่า ในฐานะคุณแม่คนหนึ่ง สิ่งที่เป็นความฝันและความหวัง ก็คือการที่จะได้เห็นการศึกษาของประเทศไทยดีขึ้น งานครั้งนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่หลาย ๆ ภาคส่วนร่วมมือ ร่วมใจกัน เพื่อยกระดับการศึกษาไทย

จากประสบการณ์ที่ตนเรียนจบปริญญาโทมาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา (ICT in Education) จากมหาวิทยาลัยด้านการศึกษาเบอร์ 1 ของโลกคือ Institutute of Education (IoE) ในเครือของ University College London (UCL) ประเทศสหราชอาณาจักร  การสนับสนุนอุปกรณ์เทคโนโลยีให้กับโรงเรียนเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเน้นย้ำคือ การพัฒนาบุคลากรครู

ทุกวันนี้เราพยายามตั้งเป้าในการพัฒนาผ่านอุปกรณ์ในการเรียนการสอน ซึ่งหลายๆ ครั้งต้องใช้ทั้งเวลา และใช้งบประมาณ แต่สิ่งที่เราสามารถผลักดันได้เลยทันทีคือคุณภาพและความเป็นอยู่ของครู เพราะมันเสริมสร้างรากฐานที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืนที่สุด

'อ.พงษ์ภาณุ' ติง!! 'ภาครัฐ' ปกป้องอุตฯ ไทย จากสินค้าราคาถูกจีนล่าช้า สวนทาง 'ยุโรป-เมกา' เดินเกมเก็บภาษีขาเข้าป้องกันจีนทุ่มตลาดแต่เนิ่นๆ

(18 ส.ค.67) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ในมุมมองของ 'จีนทุ่มตลาดไทย?' โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการเปิดเผยสถิติการค้าแบบทวิภาคี 'ไทย-จีน' ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งปรากฏว่าไทยขาดดุลการค้าจีนแบบวินาศสันตะโร ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น ประชาชนยังไม่มีอำนาจซื้อและยังต้องแบกรับหนี้ภาคครัวเรือนจำนวนมหาศาล

ขณะที่เศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเมื่อเดือนที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับการคาดการณ์อัตราเติบโตของ GDP ทั้งปีขึ้นเป็น 5% แม้ว่าการบริโภค/การลงทุนในประเทศยังทรงตัว อันเป็นผลมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่เกิดฟองสบู่แตกเมื่อหลายปีก่อน และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวเท่าไหร่ แต่การขยายตัวของจีนขับเคลื่อนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการส่งออก ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวเร็วผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่ออุปสงค์ในประเทศยังไม่ฟื้น แน่นอนย่อมมีกำลังการผลิตส่วนเกิน (Excess Capacity) ซึ่งหากสามารถผลักดันผลผลิตส่วนเกินนี้ออกสู่โลก แม้ว่าจะต้องกดราคาให้ต่ำเป็นพิเศษ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้สินค้าคงเหลือเหล่านี้สูญเปล่าไป ซึ่งจากรายงานมีการส่งออกผลผลิตส่วนเกินออกสู่ตลาดหลายประเทศในราคาต่ำกว่าตลาด

ประเทศตะวันตกหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา และยุโรป ได้รับผลกระทบจากสินค้าถูกจากจีนมาระยะหนึ่งแล้ว จึงได้มีการเก็บภาษีขาเข้าในรูปของ Anti-dumping Duty และ Countervailing Duty จากสินค้าจีน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อผู้ประกอบการภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม แม้ว่าอาจทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระสูงขึ้น

สำหรับประเทศไทย นอกจากจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในด้านนโยบายการค้า เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมแล้ว ระบบภาษีอากรของไทย ยังเอื้อให้มีการเอาเปรียบผู้ประกอบการในประเทศอีกด้วย ดังนี้...

ประการแรก 'ไทย-จีน' เป็นเขตการค้าเสรีมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้น อุปสรรคการค้าทั้งในรูปของอากรขาเข้า และมิใช่อากร ที่พรมแดน ต้องเป็นศูนย์

ประการที่สอง รัฐบาล/กรมสรรพากรในอดีต มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แก่สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาทต่อชิ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ วันนี้ได้รับรายงานว่า มีการยกเลิกข้อยกเว้นนี้ไปแล้ว

ประการที่สาม ภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยและของอีกหลาย ๆ ประเทศยังคงยึดมั่นในหลักสถานประกอบการถาวร (Permanent Establishment) และได้ยึดมั่นในหลักการนี้อย่างเคร่งครัดเสมอมาเป็นเวลากว่า 100 ปี จนการจัดเก็บภาษีเงินได้ปรับเปลี่ยนไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของโลก ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ภาษีไปจำนวนมากมายจากที่ควรจะจัดเก็บได้ เพราะการทำธุรกิจในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องทำในรูปของสถานประกอบการถาวร แต่อยู่ในรูปของ Platform Online ซึ่งจะมีสถานประกอบการอยู่ที่ไหนก็ได้ หรือจะบันทึกกำไรในเขตภาษีที่มีอัตราภาษีเงินได้ต่ำที่สุด จึงทำให้กิจการเหล่านี้มีความได้เปรียบเชิงภาษีเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในไทย

นอกจากนี้ ในด้านนโยบายการค้าและการพาณิชย์ นั้น หากทันทีที่มีเหตุต้องสงสัย ว่าสินค้าที่ผลิตในต่างประเทศมีการทุ่มตลาดและ/หรือได้รับการอุดหนุนให้มีราคาขายต่ำกว่าต้นทุน กระทรวงพาณิชย์จะต้องรีบดำเนินการตามกระบวนการ Anti-dumping Duty และ/หรือ Countervailing Duty เช่นที่นานาประเทศเขาทำกันโดยทันที โดยไม่ต้องรอให้ความเสียหายปรากฏชัดเช่นในปัจจุบัน กรอบกฎหมายของประเทศไทยมีหมดอยู่แล้ว ขาดอยู่ก็เฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย

ที่พูดมาทั้งหมดไม่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการกีดกันทางการค้า (Protectionist Measures) ในทางตรงกันข้าม เราอยากเห็นการค้าเสรีที่อยู่บนพื้นฐานของการแข่งขันที่เป็นธรรม (Free and Fair Trade) หากรัฐดูแลให้กรอบการแข่งขันมีความเป็นธรรม แล้วผู้ประกอบการไทยยังไม่สามารถแข่งขันได้ ก็สมควรไปขายเต้าฮวยดีกว่า

‘ดร.เอ้’ ฝาก 4 นโยบาย ‘นายกฯคนใหม่’ ให้ยกระดับสังคมไทย เน้น!! ‘การศึกษา-แก้ยาเสพติด-ยกคุณภาพชีวิต-เอาผิดคอร์รัปชัน’

(18 ส.ค.67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 พร้อมเสนอ 4 นโยบาย ยกระดับสังคมไทย หากทำได้ จะได้ใจประชาชน ระบุว่า

ขอแสดงความยินดีกับ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ‘คนรุ่นใหม่’ และยังเป็น ‘คุณแม่’ ที่ลูกยังเล็ก ซึ่งน่าจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เป็นพ่อ ในสภาวะสังคมไทยที่อ่อนแอลงทุกวัน

สังคมไทยที่กำลังห่อเหี่ยวรอความหวัง ในการปฏิรูป สังคม และเศรษฐกิจ สู่โลกยุคดิสรัปชั่น ที่ต้องแข่งขันด้วย ทรัพยากรมนุษย์ เน้นทักษะขั้นสูง ทดแทนการใช้ แต่ทรัพยากรธรรมชาติที่เน้นแต่การท่องเที่ยวแบบแมสที่ผลาญสิ่งแวดล้อม

นายสุชัชวีร์ ระบุว่า นโยบายของรัฐบาล 1 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ยัง ไม่เข้าฝัก ไม่เป็นรูปธรรม แม้นายกฯทุกคน ต้องเน้นเรื่องปากท้อง เพราะเป็นความทุกข์ใกล้ตัวประชาชน แต่มี 4 เรื่องสำคัญ ตนขอฝากนายกฯ ช่วย 'ยกระดับสังคม' เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและลูกหลาน หากทำได้ จะได้ใจประชาชนมาก คือ 

1.การศึกษา ต้องมาก่อน และเริ่มทันที นายกฯ ต้องเน้นเรื่อง การปฏิรูปการศึกษา แบบจริงจัง เพราะเป็นเรื่องระยะยาว ไม่อาจเห็นผลในระยะเวลาอันสั้น ไม่ทำแบบขอไปที ต้องทำหน้าที่แทนพ่อแม่ของเด็กไทย รักลูกท่านอย่างไร ต้องรักลูกชาวบ้านเช่นกัน

ท่านนายกฯ ในฐานะคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ย่อมรู้ดีที่สุดว่า คุณภาพการศึกษาของ เด็กปฐมวัย คือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ผู้นำรัฐบาลในทุกประเทศชั้นนำ จะลงมากำกับดูแล คุณภาพเด็ก ด้วยตนเอง วางแผนระยะยาว ไม่ปล่อยให้คนอื่นสักแต่ทำ หรือ ทำแบบขอไปที หากนายกฯ ทำเรื่อง การศึกษาเด็ก ให้มีคุณภาพ คนจะชื่นชมมาก นายสุชัชวีร์ กล่าว

2.ขจัดยาเสพติด ทุกรูปแบบ นายกฯ อ่อนโยนได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องยาเสพติด ต้องแข็งกร้าว ไม่เอายาเสพติด คงไม่ต้องไปทำถึงวิสามัญ แต่ต้องใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรม เพื่อป้องกัน ลูกหลานให้ห่างไกลจากอันตรายยาเสพติดทุกประเภท ปัญหายาเสพติดไม่ใช่การต่อรองทางการเมือง แต่ต้องเป็นหน้าที่รับผิดชอบของผู้นำประเทศทุกคน

3.ความปลอดภัยสาธารณะ คือ สิทธิขั้นพื้นฐาน นายกฯ ต้องรักและห่วงใยประชาชนเสมือนคนในครอบครัว ต้องสร้างสังคม ที่ลูกหลานปลอดภัย ไปไหน ไม่ต้องกังวลว่า จะถูกรถมาชนบนทางม้าลาย ของจะหล่นใส่หัว เดินไปโรงเรียนจะตกท่อ โรงงานสารเคมีข้างบ้านจะระเบิด เพราะสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ คือ การดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย คือ มาตรวัดคุณภาพชีวิตของคนไทย และคือ มาตรวัดผลงานรัฐบาล ทั้งเรื่อง ฝุ่นพิษ PM2.5 ที่ทำร้ายสุขภาพเด็กไทย อย่างรุนแรงรัฐบาลที่ผ่านมามักแก้ปัญหาแบบตามฤดูกาลเดี๋ยวก็ลืมกันไป นายกฯต้องแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ หากทำได้ ได้ใจพ่อแม่ทั้งประเทศไทยแน่นอน

4.รัฐบาลโปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน นายกฯต้อง ใจแข็ง ใครก็รู้ การเมืองไทยกับปัญหาการคอร์รัปชัน มันอยู่คู่กันมานาน แต่นายกฯ ได้เปรียบเพราะมีผู้มีพลังหนุนหลัง ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องขอใคร ไม่ต้องเกรงใจใคร ทำสิ่งที่ถูกต้องได้โดยไม่มี ข้ออ้าง การลดคอร์รัปชันจะเป็นสัญญานบวกที่มีพลังมากที่สุดต่อภาคธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ ใครก็อยากมาลงทุนในประเทศไทย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่อง เงินใต้โต๊ะเงินทุนก็เข้าระบบ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นทันที หากแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้นายกฯ จะเป็นซูเปอร์ฮีโร ได้รับการจดจำนานเท่านาน

“ผมในฐานะพลเมืองไทยและมนุษย์พ่อขอเป็นกำลังใจให้ท่าน ทำงานให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของชาติ จะขอเฝ้าดู ติดตาม และกล้าเห็นต่าง หากท่านลืมไปว่า ท่านเป็นผู้นำที่มีหน้าที่ รับผิดชอบ ต่อประชาชนไทย” นายสุชัชวีร์ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top