Friday, 9 May 2025
NewsFeed

คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน แจ้งความ 39 กวดวิชาเถื่อน เปิดแฟรนไชส์ไม่ได้รับอนุญาต โฆษณาเกินจริง หลอกลวงลงทุนธุรกิจการศึกษา กว่า 8 พันล้านบาท

นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้าแจ้งความเอาผิด โรงเรียนนอกระบบ 39 แห่ง ใน 31 จังหวัด หลังตรวจพบมีการโฆษณาเกินจริง พร้อมชวนลงทุนโดยอ้างว่า จะช่วยสร้างแผนการตลาด ลงทุนในธุรกิจการศึกษา มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท

นายอรรถพล ระบุว่า มีประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาว่า มีโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ได้สร้างความเดือดร้อน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ โดยในเบื้องต้นพบว่า โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ชื่อที่ขออนุญาตจัดตั้งคือ สร้างเสริมทักษะภาษาอังกฤษแฮมโกร์วอิง จ.อุบลราชธานี ต่อมาได้มีการขยายแฟรนไชส์ไปทั่วประเทศ และเปิดสอนโดยไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้ง

ถือว่า มีความผิดตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 120 การจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบต้องได้รับการอนุญาตจากสช. หากไม่ได้รับอนุญาตถือว่ามีความผิดตามกฎหมายโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีการโฆษณาเกินจริง ชวนลงทุนอ้างว่าจะช่วยสร้างแผนการตลาด ลงทุนในธุรกิจการศึกษา มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท มีโฆษณาทั้งทางทีวี และโซเชียล ค่าแฟรนไชส์ในการลงทุนอยู่ที่ 390,000 บาท ให้สิทธิ 1 อำเภอ 1 สาขา ขายแฟรนไชส์ไปแล้ว 64 แห่ง สอนภาษาอังกฤษเด็กอายุ 4-12 ปีและยังมีแยกย่อยเป็นคอร์ส 5-6 ขวบ คอร์สละ 2,900 บาท 3-4 ขวบ คอร์สละ 1,500 บาท”

“ดังนั้น สช.จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ทั้ง 31 จังหวัด โรงเรียนเอกชนนอกระบบดังกล่าว ซึ่งเปิดสอนโดยไม่ได้ขออนุญาตตั้งอยู่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษในจังหวัดของตัวเอง ภายใน 7 วัน ขณะที่ สช.ได้แจ้งกรมสรรพากร ตรวจสอบการชำระภาษี และแจ้งต่อสำนักงานตรวจสอบคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบครู/ผู้สอบชาวต่างชาติว่า ได้เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่”


ที่มา: https://www.prachachat.net/general/news-677132

หนุ่มอาสารักษาดินแดน ขับรถจักรยานยนต์ ถูกรถเก๋งเลี้ยวซ้ายตัดหน้าชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่

เมื่อเวลา 09.15 น.ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ร.ต.อ.วิเดช หงส์ทัพ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุมีรถจักรยานยนต์ชนกับรถเก๋ง มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บริเวณถนนสุวรรณสรขาเข้าตัวเมืองนครนายก หมู่ที่ 10 ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนยก ตรงข้ามศูนย์มิตซูมิชิ จึงไปยังที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร และกู้ภัยสว่างอริยะจุดพรหมณี พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีดำ 150 ซีซี ทะเบียน 1 กฎ สระบุรี 6249 ชนอัดเสาไฟฟ้า รถจักรยานยนต์พังเสียหายใกล้กันพบศพนายกฤษฏา จันทร์แดง อายุ 38 ปี เป็นเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน อำเภอบ้านนา นอนเสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ แพทย์เวรชันสูจน์พบว่าบริเวณลำตัวมีรอยช้ำ ข้อเท้าซ้ายหักผิดรูปกระดูกโผล่ แขนขวาฉีกและนิ้วมือขาด ถัดมา 10 เมตรพบรถยนต์เก๋งฮอนด้าสีเทาทะเบียน กฉ 3231 นครนายก บริเวณประตูรถข้างซ้ายถูกชนได้รับความเสียหายมีเศษเนื้อคนกระจายทั่วบริเวณ มีนางวัลลภา เซียมลา อายุ 69 ปี เป็นคนขับรถเก๋งยืนรอเจ้าหน้าที่ตรวจในที่เกิดเหตุ

จากการให้สัมภาษณ์จากนางวัลลภา เซียมลา เล่าว่าตนได้ขับรถเก๋งไปทำธุระที่ตัวเมืองนครนายก จากนั้นจะกลับบ้าน เมื่อขับมาถึงจุดกลับรถใกล้แยกช้างตนจึงได้เลี้ยวรถเพื่อจะตีซ้ายเข้าบ้านและเป็นจังหวะที่มีรถจักรยานยนต์ขับมาพอดีจึงเกิดเหตุชนกันมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

จากการให้สัมภาษณ์ น.ส วราภรณ์ บุญมี อายุ 30 ปี ภรรยา นายกฤษฎา ผู้เสียชีวิตเล่าว่าสามีเป็นเจ้าหน้าที่ อส. อาสารักษาดินแดน อยู่ที่กองอาสารักษาดินแดน อำเภอบ้านนา และในวันเกิดเหตุได้ออกเวรจะขับรถจักรยานยนต์มาหาตนที่ทำงานในตัวเมืองนครนายก และมีเพื่อนโทรมาแจ้งว่าสามีถูกรถชนเสียชีวิต ตนจึงได้มายังที่เกิดเหตุ  และพบว่าได้เสียชีวิตดังกล่าว

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุและเก็บข้อมูลหลักฐานและได้เชิญนางวัลลภา เซียมลา คนขบรถยนต์เก๋งไปสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ นครนายก

ตำรวจ ตชด.อส.เบตง บุกรวบ 2 ผู้ต้องหา แก๊งค้ายาเสพติด ยึดของกลาง ไอซ์ครึ่งกิโลกรัม อาวุธปืน กระสุนนับร้อย ขยายผลยาไอซ์ ครึ่งกิโลกรัม พร้อมปืนลม กระสุน 22 รวม 100 นัด

วันที่ 27 พ.ค.64 ร.ต.อ.สมพร สว่างจิต รอง.สว.สส.สภ.เบตง สืบทราบว่าที่บ้านเลขที่ 28 ซ.7 ถ.รัตนกิจ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านของนายรอสลี สาเล็ง อายุ 32 ปี มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก. รับทราบ พร้อมประสาน ร.ต.อ.มาคุภูมิ ธรรมเนียม หัวหน้าชุดปฏิบัติการการข่าว ร้อย ฉก.ตชด. 445 นายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดอำเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตชด. อส.อำเภอเบตง เข้าตรวจค้น พบของกลาง ยาไอซ์จำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวม 56.3 กรัม ถุงพลาสติกใส ซึ่งไว้สำหรับใส่ยาเสพติด 6 ใบ อุปกรณ์การเสพยาไอซ์จำนวน 1 ชุด อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธปืนสั้นขนาด 357 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 357 จำนวน 41 นัด กระสุนปืนขนาด 38 จำนวน 8 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดเงินสดจำนวน 24,580 บาท รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน ซึ่งคาดว่าทรัพย์ดังกล่าวได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติด

จากการสอบถามเบื้องต้น รับสารภาพ เคยถูกจับกุมยาบ้าและรับโทษมาแล้วประมาณ 6 ปี หลังจากพ้นโทษก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร และเมื่อไม่นานมานี้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดียวกันจับกุมยาไอซ์และอาวุธปืน ซึ่งยังอยู่ในช่วงรอคำตัดสิน ก็มาถูกจับกุมซ้ำอีก ยาไอซ์ที่เจ้าหน้าที่จับกุมในครั้งนี้ ได้ซื้อมาจาก นายวา ในราคา 20,000 บาท เพื่อนำมาเสพ ส่วนอาวุธปืนยาวเพื่อนเอามาจำนำไว้ในราคา 7,000 บาท ปืนสั้นเพื่อนนำมาฝากไว้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้ทำการขยายผลไปค้นบ้านเลขที่ 47/10 ถ.รวมวิทย์ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา จนสามารถจับกุมตัวนายอันนูวา หรือวา สาลัม อายุ 37 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์จำวน 2 ถุง น้ำหนักรวม 507.67 กรัม เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง ถุงพลาสติกใสที่ใช้ใส่ยาไอซ์จำนวน 22 ถุง อุปกรณ์การเสพยา 1 ชุด อาวุธปืนอัดลม 1 กระบอก กระสุนหัวร่มที่ใช้กับปืนอัดลมจำนวน 1 กระปุก กระสุนปืนขนาด 22 จำนวน 110 นัด นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์ โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

กระทรวงการต่างประเทศประสานฝรั่งเศส ล่าตัว สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งความเอาผิด นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานดำเนินการอย่างไร ว่า...

"มีหน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังประสานงานเรื่องนี้กับทางการฝรั่งเศสอยู่"


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’ แนะเร่งทำความเข้าใจเรื่องวัคซีน ชี้ คนบางกลุ่มยังเข้าไม่ถึงโซเชียลมีเดีย พร้อมแนะทำ Vaccine Passport ในรูปแบบดิจิทัลให้คนฉีดครบ 2 เข็ม

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย กล่าวว่าจากการที่ตนเองและทีมลงพื้นที่ในหลายชุมชนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งเขตบางซื่อ คลองสามวา ป้อมปราบ คลองเตย หลักสี่ พบว่าพี่น้องประชาชนบางส่วนยังมีความเข้าใจผิด ทำให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปรวมถึงผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ยังมีความกลัวที่จะฉีดวัคซีน ดังนั้นจำเป็นต้องมีการดำเนินการเชิงรุกในการสื่อสารเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัคซีนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนบางกลุ่มยังเข้าไม่ถึงโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ นายปริญญ์ ได้กล่าวว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์ Phuket Tourism Sandbox ซึ่งจะเป็นการเปิดเมืองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ให้สามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ว่า อยากให้ทางกรุงเทพมหานคร และ ศบค. ได้พิจารณาถึงในพื้นที่หรือจังหวัดอื่น ๆ ด้วย โดยขณะนี้มีหลายประเทศจัดทำ Vaccine Holiday ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาฉีดวัคซีนและอยู่ท่องเที่ยวในประเทศจนถึงระยะการรับวัคซีนเข็มที่ 2 ซึ่งหากไทยสามารถพิจารณาดำเนินการในอนาคตได้ ก็จะทำให้มีเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ นายปริญญ์ ยังได้กล่าวถึงเรื่อง Vaccine Passport ที่ขณะนี้ยังต้องไปติดต่อที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวก อีกทั้งยังอยู่ในรูปแบบกระดาษ ดังนั้นจึงอยากเสนอให้พิจารณาจัดทำ Vaccine Passport ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งก็น่าจะสร้างความสะดวกให้กับผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มและต้องการเดินทางได้

“การสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน จะส่งผลให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจ ยืดอก ถลกแขนเสื้อ และไปฉีดวัคซีนได้ อันจะนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของคนในประเทศ” นายปริญญ์ กล่าวในที่สุด


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

Cineworld เครือโรงหนังชื่อดังสัญชาติอังกฤษ ประกาศเปิดประสบการณ์สุดเจ๋งสำหรับเหล่าเกมเมอร์ ที่จะได้สนุกไปกับเกมโปรดของตนบนจอภาพยนตร์ส่วนตัว

แน่นอนว่าในยุคโควิดระบาดแบบนี้ ก็อาจจะทำให้หลายคนไม่อยากออกไปไหน หรือบางสถานที่ก็มีการปิดไม่ให้บริการ

หลายธุรกิจกว่าจะกลับมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องงัดทุกกลยุทธ์มาดึงลูกค้าทุกแนว

ล่าสุดธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเครือ Cineworld โรงหนังชั้นนำระดับโลก ได้เปิดให้บริการใหม่ 'Experience Games On The Big Screen At Cineworld' ชวนคอเกมเล่นเกมโปรดผ่านหน้าจอผืนผ้าใบขนาดยักษ์

ทั้งนี้ โรงภาพยนตร์ในเครือ Cineworld กว่า 100 สาขาทั่วสหราชอาณาจักร จะเปิดให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกมเมอร์สามารถเข้ามาใช้บริการแบบเหมาโรง เพื่อนั่งเล่นเกมเก่าคลาสสิคและเกมที่เพิ่งออกใหม่กับคนสนิทรู้ใจในบรรยากาศแบบส่วนตัว สัมผัสดื่มด่ำไปกับภาพและเสียงเซอร์ราวด์ที่สมจริงของเกมที่คุณโปรดปราน ไม่ว่าจะเป็นเกมดังเอ็กคลูซีฟบนเครื่องคอนโซลหายากอย่าง Spider-Man: Miles Morales

หรือว่าจะเป็นเกมกีฬาปาร์ตี้เล่นพร้อมกันหลายคนอย่าง FIFA 21 และ Mario Kart ของเครื่องนินเทนโด ก็มีพร้อมให้บริการ

"เราได้เห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากหมู่เกมเมอร์ที่พร้อมเข้ามาใช้บริการในโรงหนังของเรา หลังจากที่พวกเขากำลังมองหาประสบการณ์เล่นเกมโปรดที่เหนือกว่าเล่นผ่านจอโทรทัศน์ขนาดเล็ก ซึ่งตอนนี้โรงหนังในเครือทั่วสหราชอาณาจักรจะมอบประสบการณ์สุดสมจริงจากการใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดและเกมออกใหม่ล่าสุด รวมถึงขนมขบเคี้ยวในโรงหนังที่คุณชื่นชอบ สามารถสนุกไปกับเพื่อนและครอบครัวผ่านจอภาพยนตร์ส่วนตัวของคุณเอง" ตัวแทน Cineworld กล่าว

ประสบการณ์เล่นเกมผ่านจอโรงหนัง 'Experience Games On The Big Screen At Cineworld' นี้ มีราคาเริ่มต้นที่ 119 ปอนด์ (หรือประมาณ 5,240 บาท) สำหรับการเหมาจอภาพยนตร์เพื่อเล่นเกม 2 ชั่วโมงต่อกลุ่มปาร์ตี้ 20 คน พร้อมบริการน้ำดื่มและป๊อปคอร์น รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่อาจชาร์จเพิ่ม 

หากใครสนใจวางแผนบินไปเที่ยว UK ในช่วงนี้  สามารถคลิกดูรายละเอียดการซื้อตั๋วจองรอบได้ที่หน้าเว็บไซต์ cineworld.co.uk


ที่มา: https://mgronline.com/game/detail/9640000049910


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

แนะเพิ่มโทษอาญา-ฉ้อโกง สายรีวิวสินค้าโฆษณาเกินจริง

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกปี 64 มีสถิติการรับร้องเรียนเรื่องสินค้าและบริการเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีจํานวน 3,810 ราย เพิ่มขึ้น 48.9% ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนด้านโฆษณา ถึง 1,1511 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 59.2% ส่วนมากมีลักษณะเป็นการกระทำผิดซ้ำ ๆ เช่น การโฆษณาเกินจริง ซึ่งค่าปรับตามกฎหมายในเรื่องนี้ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับจากการโฆษณา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก 

สศช.จึงเสนอว่า อาจต้องปรับบทลงโทษให้หนักขึ้น หรือนำกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนมาปรับใช้ เนื่องจากเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างหนักและไม่สามารถยอมความได้ เพื่อลดแรงจูงใจและเกรงกลัวในการกระทำความผิด รวมถึงลดโอกาสในการกระทำความผิดซ้ำ เพราะปัจจุบันความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาเกินจริงมีกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ. อาหาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่มีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

สศช. ยังได้รับทราบข้อมูลในช่วงเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า มีการก่ออาชญากรรมผ่านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เช่น แอปพลิเคชั่นกู้เงินนอกระบบหรือสินเชื่อเงินสดออนไลน์ ที่มีการหักค่าบริการตั้งแต่ต้น และต้องชำระเงินต้นคืน พร้อมดอกเบี้ยเต็มจำนวน เอสเอ็มเอสหลอกให้กู้เงินแต่ต้องโอนค่ามัดจำดอกเบี้ยล่วงหน้าเมื่อหลงเชื่อโอนเงินแล้วไม่สามารถติดต่อได้ และการหลอกลวงให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตอล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ เช่น บิตคอยน์ ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมาก และสร้างมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท  

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลการจับกุมคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ เช่น หมิ่นประมาท ข่มขู่คุกคาม สื่อลามก เฟกนิวส์ ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรี การพนัน ออนไลน์ หลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน การขายของผิดกฎหมาย การดักรับข้อมูล โรแมนซ์สแกม โดยตั้งแต่เดือนธ.ค.  63-ก.พ. 64 จับกุม 489 คดี มีผู้ต้องหา 613 คน  

“ศิริกัญญา" ชี้ พ.ร.ก.แพ่งและพาณิชย์ ช่วยลูกหนี้เป็นธรรมมากขึ้น แม้ล่าช้ารอนานกว่า 100 ปี ด้าน "ธีรัจชัย" เปรียบเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ  จี้ ส่งศาลรธน.ตีความชอบด้วยรธน.หรือไม่

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ต้องขอชมเชยการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้รับความเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นการคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งที่ไม่ได้กำหนดไว้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ย เงินฝาก เงินกู้ ปรับลดลงแล้ว แต่ต้องบอกว่าเป็นความเป็นธรรมที่มาล่าช้า ประชาชนต้องรอเกือบ 100 ปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้บรรจุไว้ในสัญญาที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ ออกมาตั้งแต่ปี 2468 โดยเฉพาะการคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดที่ผิดนัดงวดเดียว แต่ถูกคิดดอกเบี้ยผิดนัดจากเงินต้นที่เหลือทั้งหมด ถือว่าเอารัดเอาเปรียบลูกหนี้ ต้องมีลูกหนี้แบกรับภาระที่ไม่เป็นธรรม ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก่อนใครจะรับผิดชอบ

ขณะที่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเรียกร้องให้ประธานสภาฯ ส่งพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความว่า การให้อำนาจกระทรวงการคลัง เพื่อขึ้นดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านกระทรวงนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่ ซึ่งกรณีที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชกฤษฎีกา ปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้ นั้นประชาชนได้รับผลกระทบและตนมองว่าอาจเป็นการช่วยเหลือนายทุน

“พ.ร.ก.ฉบับนี้  เหมือนจะดี แต่ไม่ดี เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ เพราะการให้อำนาจกระทรวงการคลังพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เป็นพระราชกฤษฎีกา ทุก ๆ 3 ปีเท่ากับสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ตามอำเภอใจ เช่น ร้อยละ 7 เท่ากับเขียนเช็คเปล่าให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการ ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ มีแต่โทษกับโทษ ทั้งกระบวนการออกกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ใช้วิธีปิดปากสภาฯ ไม่สามารถแก้ไขได้ในสภาฯเลย” นายธีรัจชัย กล่าว

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การที่บอกว่าประชาชนได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง สะท้อนสภาพการณ์ปัจจุบัน เอสเอ็มอีจะได้ประโยชน์ลดการฟ้องร้อง เพราะภาระดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะดอกเบี้ยผิดนัด ซึ่งตนสนับสนุนการดำเนินการเรื่องนี้ แต่ไม่สะเด็ดน้ำเพราะยังมีปัญหาอยู่มาก ซึ่งประชาชนตั้งความหวังสูงเพราะเห็นข้อความที่ยื่นเข้า ครม.ทำให้คนคาดหวังว่าดอกเบี้ยลงทันที เพราะมาตรการที่ใช้ออกเป็น พ.ร.ก.คือต้องรวดเร็ว เข้มข้น เป็นธรรมและทั่วถึง ถ้วนหน้า ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ดอกเบี้ยไม่ลดลงเลย ส่วนต่างดอกเบี้ย 3 เปอร์เซนต์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนะนำ แต่จากตัวเลขเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีส่วนต่างดอกเบี้ย 5.2 เปอร์เซนต์ และทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีตั้งแต่ 1-4.6 เปอร์เซนต์ และในเอเชียแปซิฟิก เราแชมป์ แต่เป็นแชมป์ที่เป็นภาระแก่ประชาชน และค่าเฉลี่ยไม่สะท้อนปัญหาคนจน คนมีน้อยได้ดอกเบี้ยเงินฝากน้อย จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สูง คนมีมากได้ดอกเบี้ยเงินฝากสูง จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยกว่า

นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นรัฐบาลต้องไม่หลงเอาค่าเฉลี่ยมาเป็นเกณฑ์ในการออกแบบนโยบายหรือมาตรการของรัฐ เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ลงเลย ทั้งที่ชาวบ้านเข้าใจว่าดอกเบี้ยจะลง และคนที่ได้ประโยชน์จาก พ.ร.ก.ฉบับนี้มีน้อยมาก และแก้ปัญหาสินเชื่อในระบบได้เพียง 0.1 เปอร์เซนต์เท่านั้น แล้วอย่างนี้ถือว่าเร่งด่วนอย่างไร หากเป็นเช่นนั้นขอเสนอให้ออกพ.ร.ก.อีกฉบับหนึ่งได้ โดยให้ครอบคลุม หรือจะให้มีเวลาภายใน 3 ปีให้ลงมาเหลือ 3 เปอร์เซนต์ ตนก็ไม่ว่าและจะให้การสนับสนุน จึงขอให้คิดให้ดี เพราะวันนี้แก้ได้ไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ และกระทรวงการคลัง และธปท.รับปากได้หรือไม่ว่าจะไปแก้ประกาศที่ยกเว้น เปิดช่องให้เขาใช้เกินมาตรา 654 คือเพดานเงินกู้ที่สูงสุด

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย การปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัด เหมือนกับว่าจะช่วยให้ลูกหนี้ขนาดใหญ่มีอำนาจต่อรองมากขึ้น จะทำให้มีผลกระทบต่อประเทศในเรื่องที่เขามีเงินแต่คิดดอกเบี้ยน้อย เมื่อผิดนัด แต่สถาบันการเงินทำอะไรเขาไม่ได้ ซึ่งจะมีผระกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ ตนไม่อยากบอกว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์ขนาดไหน ถ้าจะกล่าวหากันแบบที่เขาชอบใช้กันตนมีความรู้สึกว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เอื้อให้กับนายแบงค์  แต่เป็นการเอื้อให้บรรดานายทุนผู้เป็นลูกหนี้ของแบงค์ เอื้อประโยชน์ให้นายทุนที่กู้เงินธนาคาร ยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้น ถ้าจะเป็นที่จะออก พ.ร.ก.อีกฉบับให้ชัดเจนก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่า

ศาลฝรั่งเศสพิพากษา 'นักศึกษา 4 คน' มีความผิดและสั่งลงโทษ ตามข้อกล่าวหาปลุกปั่นความเกลียดชังทางเชื้อชาติบนสื่อสังคมออนไลน์

เมื่อวันพุธ (26 พ.ค.) ศาลฝรั่งเศส พิพากษาว่า นักศึกษา 4 คน มีความผิดและสั่งลงโทษ ตามข้อกล่าวหาปลุกปั่นความเกลียดชังทางเชื้อชาติบนสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ต่อต้านคนเอเชีย กรณีกล่าวโทษคนจีนต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นักศึกษา ทั้ง 4 คน ซึ่งอายุระหว่าง 19 ถึง 24 ปี และไม่มีประวัติอาชญากรรม ถูกศาลอาญากรุงปารีสสั่งลงโทษให้ร่วมศึกษาเพื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมือง (Civic Education) เป็นเวลา 2 วัน และจ่ายเงินชดใช้แก่ฝ่ายโจทก์ 7 คน รายละ 250 ยูโร (ราว 9,500 บาท) และปรับเงินสูงสุด 1,000 ยูโร (ราว 38,000บาท)

อย่างไรก็ตามจำเลยอีกคน นักศึกษารายที่ 5 ถูกพบว่าไม่มีความผิด

นักศึกษาเหล่านี้โพสต์ข้อความเป็นทวิตเตอร์ หลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศบังคับใช้ข้อจำกัดหยุดอยู่บ้านอันเข้มงวดรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมปีก่อน

ไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้นครั้งแรกในจีน และมีความกังวลในบรรดาประเทศตะวันตกทั้งหลายเกี่ยวกับความรู้สึกต่อต้านคนเอเชียอันมีต้นตอจากโรคระบาดใหญ่

"เอาผมไปไว้ในกรงกับชาวจีนสักคน ผมต้องการเล่นสนุกกับเขา ขยี้เขา ผมต้องการเห็นทุกความหวังในดวงตาของเขาค่อย ๆ มอดลงต่อหน้าผม" หนึ่งในนักศึกษาเขียนบนทวิตเตอร์ ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาอ่านในศาลในช่วงต้นของการพิจารณาคดีเมื่อเดือนมีนาคม

คำพิพากษาของศาลระบุว่าทั้ง 4 คนถูกพบว่ามีความฐานปลุกปั่นประชาชนความเกลียดชังทางเชื้อชาติ

ซอค แลม ทนายความของสมาคมคนหนุ่มสาวจีนในฝรั่งเศส ระบุว่า คำพิพากษาดังกล่าวนับเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่ศาลจริงจังกับวาทกรรมแห่งความเกลียดชังบนสื่อสังคมออนไลน์

อย่างไรก็ตาม เขาเรียกบทลงโทษครั้งนี้ว่า ค่อนข้างเบาและเหมือนเป็นเพียงการลงโทษเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเขาแสดงความกังวลว่ามันอาจกลายตัวสนับสนุนให้บางคนแสดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้ต่อไป

ผลการศึกษาของสถาบันศึกษาภูมิประชากรศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส (INED) พบว่าโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นำมาซึ่งขอบเขตใหม่ของการเหยียดเชื้อชาติต่อต้านคนเอเชีย ขณะที่ผู้สันทัดกรณีกล่าวหาตำรวจเพิกเฉยไม่ยอมจัดการกับภัยคุกคามที่มีต่อประชาคมชาวจีนในฝรั่งเศส

 

(ที่มา:เอเอฟพี)
https://mgronline.com/around/detail/9640000050966


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“พลังท้องถิ่นไท” หนุนเงินกู้ 5 แสนล้าน แต่ต้องเร่งอนุมัติเบิกจ่ายช่วยเหลือปชช. จ่อ ยื่นร่าง พ.ร.บ.การพนัน ถูก กม. เข้าสภาฯ หวังเก็บภาษีใช้หนี้ ตั้งกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร-นศ.

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชัชวาลล์ คงอุดม พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกู้เงินมา 5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการรบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางพรรคเห็นด้วยแต่ก็อยากเสนอแนะ คืออยากให้มีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพนันออกมาอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้การพนันทุกประเภทสามารถเก็บภาษีเป็นฐานสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ เหมือนกับหลายประเทศที่ได้ดำเนินการแล้ว เช่นประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียเป็นต้น หากรัฐบาลแก้ไขให้การพนันออนไลน์ที่มีการเล่นอย่างแพร่หลายมาอยู่ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัฐเป็นผู้ควบคุม คาดว่ารัฐจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเราเป็นหนี้อยู่ประมาณ 6 ล้านล้านบาท

หากมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาเชื่อว่าก็จะไม่ต้องไปกู้ยืมใครมาอีก และในสถานการณ์โควิด-19 จะได้ไม่ต้องเก็บภาษีห้างร้าน ซึ่งไม่สามารถเก็บได้ตามเป้าหมายแน่นอน ซึ่งเมื่อใช้หนี้แล้วในอนาคตสามารถนำไปจัดเป็นกองทุนช่วยเหลือหนี้สินให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตเสียหายเพราะภัยธรรมชาติต่าง ๆ และใช้หนี้สินให้กับเงินกู้เพื่อการศึกษา (กยศ.) เงินกู้นอกระบบ ให้กับนักเรียนนักศึกษา 

ด้านนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพทท. กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคยังขอเสนอว่าเนื่องจากการอนุมัติและการเบิกจ่ายเงินของรัฐบาลทำได้ล่าช้า ทั้งยังจ่ายให้ประชาชนได้ไม่เต็มที่ ซึ่งไม่ถึงร้อยละ 50 ของวงเงินทั้งหมด แต่หากกู้มาใหม่ขอให้ดำเนินการอนุมัติและการเบิกจ่ายให้ทันท้วงทีเพื่อเยียวยาแก้ปัญหาให้ประชาชนในส่วนของพ.ร.บ.การพนัน แต่เดิมร่างพ.ร.บ.เก่ามากแล้วจึงควรมีการปัดฝุ่น โดยพรรคพลังท้องถิ่นไทจะยื่นเสนอร่างพ.ร.บ.การพนัน ในสมัยประชุมสภานี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top