แนะเพิ่มโทษอาญา-ฉ้อโกง สายรีวิวสินค้าโฆษณาเกินจริง

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกปี 64 มีสถิติการรับร้องเรียนเรื่องสินค้าและบริการเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีจํานวน 3,810 ราย เพิ่มขึ้น 48.9% ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนด้านโฆษณา ถึง 1,1511 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 59.2% ส่วนมากมีลักษณะเป็นการกระทำผิดซ้ำ ๆ เช่น การโฆษณาเกินจริง ซึ่งค่าปรับตามกฎหมายในเรื่องนี้ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับจากการโฆษณา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก 

สศช.จึงเสนอว่า อาจต้องปรับบทลงโทษให้หนักขึ้น หรือนำกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชนมาปรับใช้ เนื่องจากเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างหนักและไม่สามารถยอมความได้ เพื่อลดแรงจูงใจและเกรงกลัวในการกระทำความผิด รวมถึงลดโอกาสในการกระทำความผิดซ้ำ เพราะปัจจุบันความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาเกินจริงมีกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ. อาหาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่มีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

สศช. ยังได้รับทราบข้อมูลในช่วงเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า มีการก่ออาชญากรรมผ่านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เช่น แอปพลิเคชั่นกู้เงินนอกระบบหรือสินเชื่อเงินสดออนไลน์ ที่มีการหักค่าบริการตั้งแต่ต้น และต้องชำระเงินต้นคืน พร้อมดอกเบี้ยเต็มจำนวน เอสเอ็มเอสหลอกให้กู้เงินแต่ต้องโอนค่ามัดจำดอกเบี้ยล่วงหน้าเมื่อหลงเชื่อโอนเงินแล้วไม่สามารถติดต่อได้ และการหลอกลวงให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตอล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ เช่น บิตคอยน์ ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมาก และสร้างมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท  

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลการจับกุมคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ เช่น หมิ่นประมาท ข่มขู่คุกคาม สื่อลามก เฟกนิวส์ ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรี การพนัน ออนไลน์ หลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน การขายของผิดกฎหมาย การดักรับข้อมูล โรแมนซ์สแกม โดยตั้งแต่เดือนธ.ค.  63-ก.พ. 64 จับกุม 489 คดี มีผู้ต้องหา 613 คน