Wednesday, 18 June 2025
NewsFeed

รางวัลที่ควรแก่การมอบชีวิต น้องฝ้ายช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย

รางวัลที่ควรแก่การมอบชีวิตน้องฝ้ายช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยที่กำลังจมทุกข์กับปัญหานานัปการให้หยัดยืนสู้ปัญหาไม่ท้อแท้ท้อถอย แม้น้องฝ้ายไม่มีแขนไม่มีมือ แต่ใช้เท้าแต่งหน้า โด่งดังมากในโลกออนไลน์ แม้ร่างกายจะพิการ แต่ใฝ่เรียนจนจบปริญญาตรี 

ล่าสุด วันนี้ น้องฝ้าย เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง และยังเป็นนักพูดสร้างแรงบัลดาลใจ ผมก้มลงมอบรางวัลให้เธอเสมือนศิษย์มอบพวงมาลัยดอกไม้ให้ครูบาอาจารย์ เพราะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เธอได้สอนบทเรียนชีวิตบทสำคัญให้กับผม 

อลงกรณ์ พลบุตร
31 ก.ค. 2024

'รัดเกล้า' เผย!! ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม AALCO สมัยที่ 62 เล็งยก 'กฎหมายทะเล-การค้าระหว่างประเทศ' ขึ้นถกเพื่อประโยชน์ไทย

(1 ส.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian - African Legal Consultative Organization: AALCO) (การประชุมประจำปีของ AALCO) สมัยที่ 62 ระหว่างวันที่ 8 - 13 กันยายน 2567

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า AALCO ตั้งขึ้นเมื่อปี 2499 ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกจากทวีปเอเชียและแอฟริกา รวม 48 ประเทศ โดยสำนักงานเลขาธิการของ AALCO ตั้งอยู่ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มประเทศเอเชียและแอฟริกามีบทบาทในการประมวลและพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ และผลักดันพัฒนาการดังกล่าวให้สอดคล้องกับท่าทีและผลประโยชน์ของประเทศในเอเชียและแอฟริกา การประชุมประจำปีของ AALCO เป็นเวทีที่ประเทศสมาชิกจะอภิปรายแสดงความเห็นและท่าทีในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นที่สนใจของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการในกรอบคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ (International Law Commission: ILC) และคณะกรรมการ 6 (กฎหมาย) ของสมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทย ในฐานะสมาชิกของ AALCO ได้ใช้เวทีดังกล่าวในการติดตามพัฒนาการของกฎหมายระหว่างประเทศ และผลักดันท่าทีประเทศไทยในประเด็นที่ประเทศไทยให้ความสำคัญเพื่อให้พัฒนาการของกฎหมายระหว่างประเทศเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับท่าทีและผลประโยชน์ของประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในทวีปเอเชียและแอฟริกา

การประชุมประจำปีของ AALCO เป็นการประชุมที่มีหัวหน้าคณะระดับรัฐมนตรี โดยมีกำหนดจัดการประชุมในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ของทุกปีก่อนการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly: UNGA) โดยในการประชุมประจำปี AALCO สมัยที่ 61 ณ เมืองบาหลี อินโดนีเซีย ที่ประชุมเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปี ของ AALCO ในสมัยที่ 62 โดย กต. เสนอให้จัดการประชุมประจำปี สมัยที่ 62 ระหว่างวันที่ 8 - 13 กันยายน 2567 โดยไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของ AALCO มาแล้ว 2 สมัย ได้แก่ สมัยที่ 8 เมื่อปี 2509 และสมัยที่ 26 เมื่อปี 2530

ทั้งนี้ AALCO ครั้งที่ 62 จะมีผู้เข้าร่วมการประชุมเป็นผู้แทนระดับรัฐมนตรีหรือเทียบเท่าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านกฎหมายระหว่างประเทศของประเทศสมาชิก ผู้แทนประเทศและองค์การระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศจากสาขาต่าง ๆ และผู้แทนจากหน่วยงานของประเทศไทย รวมทั้งสิ้นประมาณ 250 - 300 คน โดยประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณา อาทิ เรื่องกฎหมายทะเล และกฎหมายการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เป็นต้น

‘ปชช.’ แห่ลงทะเบียน 'ทางรัฐ' รับสิทธิเงินดิจิทัล จนขึ้นเทรนด์ X หลายรายโอด!! แอปฯ ‘ค้าง-เด้งออก’ หลังเปิดให้กรอกมา 1 ชม.

(1 ส.ค. 67) วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดให้ลงทะเบียนยืนยันรับสิทธิโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก โดยแฮชแท็ก #แอปทางรัฐขึ้นอันดับ 1 เทรนด์แอปพลิเคชัน X รวมถึง #ดิจิทัลวอลเล็ต ก็อยู่อันดับต้น ๆ เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี หลังจากเปิดลงทะเบียนมาประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มมีหลายรายบ่นว่า แอปทางรัฐมีอาการค้าง หรือบางรายก็ล็อกอินเข้าระบบแล้วก็เด้งออก รวมถึงบางรายก็ได้รับข้อความ แจ้งขออภัย เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่บางคนก็สามารถลงทะเบียนได้

ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลมีการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือกระทรวงดีอีเอส และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ตั้งวอร์รูม รองรับการแก้ไขปัญหาการลงทะเบียนที่อาจไม่คาดหมายที่จะเกิดขึ้น และหากประชาชนมีข้อสงสัย หรือติดปัญหาใด สามารถติดต่อ Call Center ได้ที่หมายเลข 1111

ไวรัล!! แซว 'ยูซุฟ ดิเค็ก' นักกีฬายิงปืนตุรกี นิ่งเหมือนนักฆ่า ลีลาไม่ต้องมาก เครื่องแต่งกายไม่ต้องแน่น คว้าเหรียญเงิน

(1 ส.ค.67) กลายเป็นไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์อีกครั้งกับนักยิงปืนโอลิมปิกในกรุงปารีส 2024 โดยคราวนี้เป็นนาย ยูซุฟ ดิเค็ก (Yusuf Dikec) นักกีฬายิงปืนจากตุรกี วัย 51 ปี หลังจากที่มีภาพของเขาถือปืน โดยไม่มีหูฟังป้องกัน แต่สวมเสื้อยืด และแว่นตา รวมถึงที่อุดหูธรรมดา ด้วยท่าทีที่ใจเย็น ต่างกับนักกีฬาคนอื่นที่อุปกรณ์พร้อม จนทำให้ชาวเน็ตแซวว่าเหมือนมือปืนอาชีพ เย็นยะเยือกเหมือนนักฆ่า

โดยภาพดังกล่าวถูกแชร์เป็นวงกว้างไม่ว่าจะเป็นภายในกลุ่มชาวตุรกีหรือนานาชาติ ซึ่งแม้นาย อิลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์ยังได้มาแสดงความเห็นใต้ภาพ โดยเขียนสั้น ๆ ว่า “เจ๋ง”

ทั้งนี้ นาย ยูซุฟ ดิเค็ก ลงแข่งแบบทีมคู่กับ เซววัล อิลายดา ทาร์ฮาน ก่อนจะคว้าเหรียญเงิน แข่งยิงปืนแบบผสม หลังพ่ายให้กับทีมชาติเซอร์เบีย ซึ่งถือเหรียญรางวัลเหรียญในกีฬายิงปืนเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ตุรกี

สำหรับตัวของนาย ยูซุฟ ดิเค็ก นั้นเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2516 และถือเป็นนักกีฬายิงปืนมากประสบการณ์ โดยเคยเป็นตัวแทนตุรกีลงแข่งโอลิมปิกมาแล้วในปี 2555 และ 2559 ก่อนจะคว้าเหรียญรางวัลได้ในที่สุด

'พีระพันธุ์' นั่งหัวโต๊ะ กบง.ไฟเขียวพยุงราคาขายปลีก NGV 3 เดือน หลังมองเกม!! ราคาก๊าซธรรมชาติช่วงปลายปีมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.67) นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยว่า

ที่ประชุม กบง. ซึ่งมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติให้นำส่วนต่างต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่เกิดจากผลการดำเนินการตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566

โดยในการปรับหลักเกณฑ์การคิดราคาก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ มาช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานให้กับประชาชนผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) โดยการนำส่วนต่างราคาดังกล่าวมาช่วยพยุงราคาขายปลีก NGV ไม่ให้มีการปรับขึ้นอย่างทันทีจากราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงปลายปีที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 16 สิงหาคม - 15 ตุลาคม 2567 โดยมอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รับไปดำเนินการและให้รายงานผลการดำเนินการให้ กบง. ทราบต่อไป

นายวีรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้ากลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง และขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 - 2573 เพื่อสนับสนุนการลงทุนในพลังงานสะอาด

โดยมีการทบทวนและปรับหลักการสำหรับผู้ยื่นคำเสนอที่ผ่านหลักเกณฑ์ในรอบแรกที่ไม่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับการพิจารณารับซื้อเป็นลำดับแรกในปริมาณการรับซื้อไฟฟ้ารวมไม่เกิน 600 เมกะวัตต์ สำหรับพลังงานลม และไม่เกิน 1,580 เมกะวัตต์ สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับโควตาส่วนที่เหลือจากการเปิดรับซื้อข้างต้น ให้เป็นการเปิดรับซื้อเป็นการทั่วไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอหลักการการปรับเลื่อนกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม) ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งทุเลาของศาลปกครองกลาง จำนวน 22 โครงการ ทำให้โครงการต้องชะลอการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ กกพ. ไปพิจารณาปรับกรอบระยะเวลาการเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และปรับเลื่อนกำหนด SCOD สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมดังกล่าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของแต่ละโครงการได้ตามสมควร

ทั้งนี้ ไม่ให้เกินกรอบภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อให้ไม่กระทบต่อแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดของประเทศตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ 30-40% (Nationally Determined Contribution: NDC) ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

'ปารีส' หั่นราคาห้องพักโรงแรม หวังดึงนักท่องเที่ยวช่วงโอลิมปิก 2024 หลังความต้องการฮวบ!! เหตุ 'เงื่อนไขเยอะ-หวั่นความปลอดภัย'

(1 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เปิดฉากกันไปแล้วสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเหล่าธุรกิจ-การค้าของประเทศฝรั่งเศสเริ่มตื่นตัว ตัดสินใจดำเนินการเพื่อดึงนักเดินทางด้วยการลดราคาและยกเลิกข้อกำหนดการพักขั้นต่ำ หลังจากมีบางคนเกิดการลังเลเนื่องจากเห็นว่ามีการโก่งราคาค่าห้องพักก่อนจะถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

ด้าน สำนักงานการท่องเที่ยว กรุงปารีส รายงานว่า ราคาค่าห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยในระหว่างโอลิมปิก ลดลงไปอยู่ที่คืนละ 258 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000 บาท จากเดิมที่ราคาในช่วงฤดูร้อนอยู่ที่ 342 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,200 บาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จากค่าห้องพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 202 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,800 บาทเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 

ด้าน บริษัทท่องเที่ยว กล่าวว่า นักท่องเที่ยวอาจจะได้ลดราคาห้องพักอีกระหว่างร้อยละ 10-70 เนื่องจากผู้บริหารโรงแรมเสนอราคาพิเศษให้หลังจากความต้องการห้องพักในช่วงโอลิมปิกต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ เนื่องจากห้องพักมีราคาสูงและมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย บางโรงแรมยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ รวมถึงวันเดินทางมาถึงและระยะเวลาในการพัก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจได้ในวินาทีสุดท้าย

ปิดตำนาน 41 ปี Daidomon โบกมือลา สาขาสุดท้าย 5 ส.ค.นี้ แฟนคลับใจหาย!! หากกลับมาเปิดใหม่ พร้อมจะกลับไปอุดหนุน

(1 ส.ค.67) หลังออกมาประกาศปิด ไดโดม่อน โคเรียน กริลล์ สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี ไปเมื่อ 30 เมษายน ทำให้ลูกค้าต่างใจหาย พร้อมว่า จะยังเหลือเพียงสาขา ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ตามที่เคยรายงานไปนั้น

ล่าสุด Daidomon ก็ได้ออกมาประกาศข่าวเศร้ากับแฟน ๆ อีกครั้งว่า ไดโดมอน สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จะให้บริการ 5 สิงหาคม 2567 เป็นวันสุดท้าย

พร้อมระบุว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุน DAIDOMON สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขอเรียนให้ทราบว่า ทางร้านจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 นี้”

ซึ่งก็มีคนเข้าไปคอมเมนต์ว่า…

- “ขอบคุณที่ผ่านมาเหมือนกัน เกือบ 20 ปีแล้ว ร้านปิ้งย่างขวัญใจวัยรุ่น ครั้งแรกที่กินสาขาฟิวเจอร์พาร์คบางแค น้ำจิ้มอร่อย ข้าวผัดกระเทียมอร่อย น้ำรีฟิล เติมได้เรื่อย ๆ ไว้ถ้าเศรษฐกิจดีกว่านี้มีโอกาสกลับมาเปิดใหม่ เราก็จะกลับไปอุดหนุนเหมือนเดิม”
- “ร้านของเด็กยุค 90 ตลอดไป”
- “ใจหายมาก ความทรงจำสมัยเรียนเลยสาขานี้”
- “ควรปิดตั้งนานแล้วครับ”

สำหรับ ไดโดมอน เป็นร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 นับเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแห่งแรก ๆ ในไทย ก่อนที่ บริษัท ​ฮอทพอท จำกัด (มหาชน) จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ในระยะหลัง ประสบกับปัญหาขาดทุนมาตลอด จนกระทั่งเหลือเพียงสาขาเดียวในปีนี้

ตม.สนามบิน ติด 'หัวใจสีรุ้ง' ย้ำเชื่อมั่น 'LGBTQIAN+' บินเข้าออกไทย

ตม.สนามบิน ประกาศสร้างความเชื่อมั่น แก่บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ ชาว "LGBTQIAN+ “ ในการบินเข้าออกประเทศของไทย และพร้อมรองรับการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดเทศกาล "WorldPride 2030" 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว กรณี ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ ได้ติด sticker มีสัญลักษณ์ เป็นรูปหัวใจสีรุ้ง มีอักษร LGBTQ+ และข้อความ Immigration2 ที่บริเวณช่องตรวจหนังสือเดินทาง ขาเข้า และขาออก ประเทศ โดยชี้แจงว่า  

“เนื่องจากโลกยุคปัจจุบัน มีการเปิดกว้างด้านเพศทางเลือกต่างๆ และทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคทางเพศโดยเฉพาะชาว "LGBTQIAN+“ ซึ่งประเทศไทยประกาศจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน "WorldPride 2030“ ขึ้น 

ดังนั้น ในฐานะที่ด่าน ตม.สนามบิน ทั้ง 5 แห่ง ของ บก.ตม.2 ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ เป็นประตูหลักของประเทศ และมีคนเดินทางเข้าออกจากทั่วโลกกว่าวันละ 1.2 แสนคน มีคนไทยและคนต่างชาติที่มีความหลากหลายทางเพศเดินทางผ่านแดนจำนวนมาก โดยพบว่าที่ผ่านมา กลุ่ม "LGBTQIAN+“ หลายท่าน วิตกกังวลต่อการตรวจผ่านแดน เนื่องจาก อาจมีเพศสรีระ เช่น การแต่งตัว ที่ไม่ตรงกับเพศสภาพในเอกสารการเดินทาง อาจด้วยข้อจำกัดทางกฏหมายของประเทศเจ้าของสัญชาติในการเปลี่ยนสถานะทางเพศ หรือ บางกรณีอาจมีการทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงเค้าโครงใบหน้าผิดไปจากเดิม ทำให้การตรวจผ่านแดนที่ช่องตรวจ ตม.ติดขัดไม่ราบรื่น และอาจเป็นข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่มีการกีดกั้นเจาะจงเฉพาะกลุ่มหรือไม่ นั้น

และ เพื่อสร้างความมั่นใจ แก่คนเดินทางทั้งไทย และต่างชาติ จึงได้จัดกิจกรรม Welcome Pride by Immigration ขึ้น ภายใต้ความเห็นชอบของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. โดยให้ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า นำโดย พ.ต.อ.หญิง เนาวรัตน์ เฉลิมศรี ผกก.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เป็นด่านนำร่อง และจะขยายการปฏิบัติไปยังช่องทางตรวจคนเข้าเมืองสนามบินหลักให้ครบทั้ง 5 แห่ง ในสังกัด บก.ตม.2 โดย  Kick off ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป 

โดยถือโอกาสนี้ ขอสื่อสารถึงนักเดินทางชาว "LGBTQIAN+“ ที่กังวลต่อเงื่อนไขต่างๆในการเดินทางบินเข้าไทย 4 ประเด็นคือ
1.  กรณีผู้เดินทางซึ่งเดินทางเข้าไทยครั้งแรก  และมีเพศสภาพซึ่งระบุในหนังสือเดินทาง มีความแตกต่างจากเพศสรีระจริงที่ปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นกรณีทำศัลยกรรม หรือ กรณีเพศสรีระไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง เช่น แต่งกายเป็นหญิง แต่หนังสือเดินทางระบุเป็นชาย ฯลฯ ผู้เดินทางควรมีเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ( Citizen card) หรือ ใบอนุญาตขับขี่ (Driving License) หรือ เอกสารเดินทางซึ่งเคยใช้ก่อนหน้า หรือ เอกสารหรือประวัติทางการแพทย์ที่แสดงถึงการรับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเพศ ฯลฯ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ตม.หากมีข้อซักถาม เพื่อยืนยันตัวตนด้วย
2. กรณีผู้เดินทาง ที่มีใบหน้าหรือสรีระทางกายขณะปัจจุบันแตกต่างกันกับภาพข้อมูลบุคคลในหนังสือเดินทาง แต่เคยมีการบันทึกข้อมูลใบหน้าและลายนิ้วมือตามข้อแรกดังกล่าวมาแล้ว ทางระบบ ตม.จะเก็บข้อมูลไว้ในระบบ Biometric เพื่อตรวจเปรียบเทียบใบหน้าผู้เดินทางปัจจุบันกับข้อมูลชิปภายในหนังสือเดินทาง เพื่อยืนยันตัวตน โดยไม่ต้องเรียกซักถามอีก
3. ผู้เดินทางคนไทย และคนต่างชาติที่ เป็นชาว "LGBTQIAN+“ ที่เดินทางบินเข้าออกประเทศไทย โดยเฉพาะคนต่างชาติที่ได้รับสิทธิยกเว้นวีซ่า หรือ ได้รับวีซ่าเข้าประเทศไทย จะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียม เช่นเดียวกับนักเดินทางอื่นๆ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางตามนโยบายรัฐบาล
4. กรณีที่ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม World Pride ในปี 2030 ทาง ตม.สนามบิน พร้อมให้ความร่วมมือร่วมกับ TCEB หรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เพื่อจัดช่องทางพิเศษ และ อำนวยความสะดวกด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ตามที่มีการประสานงานอย่างเต็มที่ 

ทั้งนี้ เครื่องหมายสติ๊กเกอร์ “หัวใจสีรุ้ง”  ของ ตม.ที่จัดทำขึ้น มาจากแนวคิด “ธงสีรุ้ง" ที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ภายใต้การออกแบบของ "กิลเบิร์ต เบเกอร์" (Gilbert Baker) ศิลปินชาวอเมริกันและนักขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนของเกย์ในปี 1978 ระบุข้อความ LGBTQIAN+ และ Immigration 2 ติดที่บริเวณหน้าช่องตรวจหนังสือเดินทาง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และท่าอากาศยานต่างๆ ในสังกัด ตม.2 เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักเดินทางที่มีความหลากหลายทางเพศ ในการเข้าออกประเทศไทย เพื่อบอกให้สังคมโลกได้รับทราบว่า ประเทศไทย เป็นดินแดนที่เปิดกว้างสำหรับนักเดินทางจากทั่วโลก โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเพศแต่อย่างใด  พล.ต.ต.เชิงรณ ฯ กล่าว

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าว นับเป็นการจัดกิจกรรมที่ ด่าน ตม. ของประเทศไทย เป็นแห่งแรกของโลก ที่สร้างความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ให้ปรากฏต่อสังคมชาวโลก ที่ตอบสนองแนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุน รวมถึงการจัดกิจกรรมระดับโลกในไทย ตามนโยบายของรัฐบาล

'ฉลามหนุ่มจีน' คว้าเหรียญทองฟรีสไตล์ 100 เมตรชาย แถม 'ทุบสถิติโลก' กีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก 2024

(1 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า 'พาน จ่าน เล่อ' นักว่ายน้ำหนุ่มทีมชาติจีน สร้างสถิติโลกครั้งใหม่ขณะคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ ระยะทาง 100 เมตร (ชาย) ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พานแตะขอบสระภายในเวลา 46.40 วินาที ซึ่งเร็วกว่าไคล์ ชาล์มเมอร์ส ผู้คว้าเหรียญเงิน เพียง 1 วินาทีกว่าเท่านั้น

นอกจากนี้ พาน จ่าน เล่อ วัย 19 ปี ยังกลายเป็นนักว่ายน้ำชายจากเอเชียคนแรกในรอบ 92 ปี ที่คว้าเหรียญทองฟรีสไตล์ 100 ม.ชาย ในกีฬาโอลิมปิกต่อจาก ยาสุจิ มิยาซากิ ตำนานนักว่ายน้ำชาวญี่ปุ่น ที่ทำได้เมื่อปี 1932 ที่ลอส แอนเจลิส เหรียญเงินเป็น ไคล์ ชาลเมอร์ส จากออสเตรเลีย และเหรียญทองแดง ดาวิด โปโปวิชี จากโรมาเนีย

‘จุรินทร์’ เหน็บ!! ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แค่เงินยาไส้ชั่วคราว หากพ้นช่วงกู้มาแจก ปัญหาปากท้องก็ยังวนมาเหมือนเดิม

จากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 9 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ได้อภิปรายว่า... 

แนวความคิดทางเศรษฐกิจ อาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดา อ่านหนังสือด้านเศรษฐศาสตร์เมื่ออ่านพร้อมกัน มาวิเคราะห์ ก็มีข้อถกเถียงกันเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ขณะนี้ รัฐบาลยืนยันถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาในช่วง 10 ปีก่อนที่อัตราการเจริญเติบโตตกต่ำ จนขณะนี้เจริญเติบโตในระดับต่ำสุดของภูมิภาค จึงยืนยันถึงความจำเป็นของการมีเม็ดเงินเติมลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนตัวเลขที่คณะกรรมการหลายท่านอ้างขึ้นมา เป็นตัวเลขที่รัฐบาลตระหนัก และดูอย่างใกล้ชิด สัดส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้รัฐ ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง ไม่มีตัวเลขใดที่สุ่มเสี่ยงจะทะลุเกินจะผิดพลาดไปตามกลไกที่เราตรากฎหมายกำกับไว้ ซึ่งก็รับทราบ เพราะมีหน่วยงานรัฐมาชี้แจงในกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ว่าขณะนี้ การประมาณการไปข้างหน้าอีกหลายปี ไม่มีกรอบว่าตัวเลขใดจะเป็นปัญหา รัฐบาลยืนยันว่า ทำไปด้วยความรอบคอบ และจะไม่ให้มีปัญหาวิกฤติใด ๆ เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

ส่วนของโครงการนี้คือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้เราโตต่ำ โดยในปีนี้ด้วยการผลักดันตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งการเปิดฟรีวีซ่า เสริมความง่ายในการดำเนินธุรกิจ ตัวเลขในไตรมาส 2 โตจากไตรมาส 1 ขึ้นมา ด้วยการเร่งเครื่องของรัฐบาล และประกอบกับนโยบายที่เติมลงไป และการเติมเงิน 10,000 บาท เชื่อมั่นว่า จะดึงการเจริญเติบโตไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมคือ 4-5% ให้ได้ หากทำได้เช่นนั้น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นตัวหารของหนี้ต่าง ๆ ซึ่งหากเพิ่มขึ้น ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐ ตัวเลขที่กังวลว่าจะไปเกิน หรือไปปริ่ม ก็จะสามารถแก้เรื่องนี้ได้

ประเด็นแรก การแสดงความห่วงใยด้านการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เกือบทุกท่านใช้คำว่าสุ่มเสี่ยง ซึ่งใจความหนึ่ง ก็หมายความว่ายังอยู่ในกรอบกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ โดยหน่วยงานได้มาชี้แจงในทุกประเด็นแล้ว ซึ่งประเด็นที่มีการอภิปรายมากที่สุดคือการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ที่อาจมีการเบิกจ่ายในไตรมาส 4 จะสอดคล้องกับกฎหมายหรือไม่

ตามมาตรา 21 ของกรอบวินัยการเงินการคลัง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมให้กระทำได้เมื่อมีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้เงินระหว่างปีงบประมาณ โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายปีถัดไปได้ และให้ระบุที่มาของเงิน

พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณมาตรา 4 กำหนดคำว่าหนี้ คือ ข้อผูกพันที่จะต้องจ่าย อาจจะต้องจ่ายเป็นเงิน สิ่งของ หรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นข้อผูกพันที่เกิดจากการกู้ยืม ค้ำประกัน การซื้อ หรือการจ้าง โดยใช้เครดิต หรือการอื่นใด ดังนั้น การก่อหนี้ผูกพันจึงไม่ได้มุ่งหมายเฉพาะกรณีมีข้อผูกพันที่ต้องจ่ายเป็นที่แน่นอนแล้วเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงข้อผูกพันที่อาจทำให้ต้องจ่ายด้วย ซึ่งการดำเนินการโครงการของรัฐ อาจมีการทำสัญญากับประชาชนโดยตรง แต่ดำเนินการผ่านแผนงาน หรือโครงการประกอบกับ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณมาตรา 40 กำหนดให้การจ่ายเงิน หรือก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงบประมาณ ต้องเป็นไปตามแผนการบริหารงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 

ดังนั้น การที่รัฐบาลทำโครงการนี้ ให้ประชาชนลงทะเบียน โดยมีการยืนยันตัวตนของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ก็เป็นข้อผูกพันที่ต้องจ่ายตามกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของหนี้ โดยในการชี้แจง ได้บอกชัดเจนในคณะกรรมาธิการว่าเป็นการเสนอ และสนอง เมื่อประชาชนกดปุ่มขอใช้สิทธิ์ ก็เสนอกับรัฐ เมื่อรัฐยืนยันสิทธิ์ คือการสนองตอบตามข้อสัญญา ก็มีนิติกรรมร่วมกันระหว่างประชาชนกับรัฐ เช่นเดียวกับโครงการในอดีตของรัฐบาล

ล่าสุด (1 ส.ค. 67) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในเดือนสิงหาคมว่า อาจจะเป็นเดือนที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ในหลายกรณี เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ประดังกันเข้ามาในช่วงเดือนสิงหาคมพอดี แต่ถ้าดูให้ลึกจะเห็นว่า แต่ละสถานการณ์มันมีที่มาที่ไปหรือเกิดแต่เหตุ ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจงใจสร้างขึ้นมาได้ และหลายเหตุก็มาจากการกระทำของรัฐบาลเอง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า แต่ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร มันก็มีทางออกของมัน ในฐานะของผู้ที่อยู่กับการเมืองจึงไม่ได้รู้สึกห่วงใยอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่เห็นว่าน่าห่วงเป็นอย่างยิ่งคือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ของคนรากหญ้าไปถึงคนชั้นกลาง ที่กำลังประสบกับภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้มากขึ้นทุกวัน ทั้งภาวะค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือน ที่มีรายได้มาเท่าไหร่ต้องใช้หนี้ 90 กว่า% จนคนไทยต้องจมปลักอยู่กับภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง ธุรกิจจีนเข้ามากินรวบกิจการคนไทย ธุรกิจฐานรากไทยเข้าคิวปิดกิจการ เป็นต้น

“ที่สำคัญจนถึงวันนี้ยังไม่มีแสงสว่างใด ๆ จากปลายอุโมงค์ให้เห็น นอกจาก ‘เงินยาไส้ชั่วคราว’ ก้อนเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเมื่อพ้นจากดิจิทัลวอลเล็ตหรือเงินกู้มาแจกแล้ว ยังมองไม่เห็นว่าประชาชนจะมีอะไรหลงเหลือให้หวังได้อีก” นายจุรินทร์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top