Thursday, 19 June 2025
NewsFeed

‘เศรษฐา’ เป็นห่วง ‘ประชาชน – ผู้ประสบเหตุอุทกภัย’ สั่ง!! ผู้ว่าฯ - หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือโดยด่วน

(28 ก.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่เพราะฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่จังหวัดตราด และจันทบุรี ที่มีปริมาณน้ำฝนสูงสุด ขณะนี้สถานการณ์ในบางพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้ว

แต่ก็ยังมีหลายพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เร่งให้ความช่วยเหลือโดยด่วน และทางกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้ หน่วยงานในพื้นที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย รวมถึงดูแลช่วยเหลือฟาร์มปศุสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องการหาที่พักพิงชั่วคราวให้

ฝากพี่น้องทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ฝนตกชุกและมีความเสี่ยงน้ำหลาก ติดตามการแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

รวมไปถึงอำนวยการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงนี้ด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย

‘เนวิน’ ปัดไม่คุยเรื่องการเมือง พร้อมโชว์เสื้อที่ลูกสาวออกแบบ ย้ำ!! คิดถึงแต่เรื่องถวายพระพร เพราะวันนี้เป็นวันมหามงคล

(28 ก.ค. 67) ที่หน้าสนามช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ สถานที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ‘ลมหายใจ ของแผ่นดิน’ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองในวันนี้ โดยยกมือ 2 ข้างก่อนหลังให้ผู้สื่อข่าว และชี้ไปข้างหลังที่เขียนว่า ‘ฅนบุรีรัมย์’

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า แล้วพรุ่งนี้จะได้เจอและสัมภาษณ์ท่านอีกหรือไม่ นายเนวิน หันมาตอบว่า "เจอได้ทุกวัน แต่ไม่มีเรื่องการเมือง" พร้อมยิ้มให้ผู้สื่อข่าวแล้วเดินออกไป

จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามเดินเข้าไปสอบถามถึง เสื้อ ‘ฅนบุรีรัมย์’ ที่เปิดตัวใหม่ในวันนี้ นายเนวิน จึงตอบว่า ลูกสาวเป็นผู้ออกแบบ และต่อไปนี้จะใช้คำนี้ แทนสัญลักษณ์คนเมืองนี้ ซึ่งที่ใช้ ‘ฅ’ เพราะเราเป็นคน ถ้าเราใช้ ‘ค’ เราจะเป็นควาย และทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ซึ่งการใส่เสื้อตัวนี้ เพราะรู้สึกว่า เป็นคนบุรีรัมย์ เปิดตัวที่งานนี้เป็นครั้งแรก ตนคิดว่า คงเป็นจังหวัด และเมืองเดียวที่คนภูมิใจกับความรู้สึกกับการได้เกิดเป็นคนที่นี่ ทุกคนอยากใส่ เพราะเป็นเมืองแห่งความภาคภูมิใจ และเมืองแห่งความจงรักภักดี

ส่วนจะชูเสื้อนี้เป็นซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ นายเนวิน ตอบว่า ไม่รู้แปลว่าอะไร นึกไม่ออก รู้แต่ว่าเป็นเสื้อสำหรับคนบุรีรัมย์

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า เสื้อฅนบุรีรัมย์สีน้ำเงิน มีนัยยะหรือไม่ นายเนวิน ระบุว่า น้ำเงินมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าหลายคนแซวว่า สว.สีน้ำเงินพาดพิงมาถึงครูใหญ่ภูมิใจไทย นายเนวิน ถึงกลับมองผู้สื่อข่าวที่ถาม และมองขึ้นฟ้า พร้อมระบุว่า ถ้ามีคนพูดเรื่องการเมืองแถวนี้ อาจจะโดนอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะหันมาหัวเราะ เพราะวันนี้เป็นวันมหามงคล จะต้องร่วมกันถวายพระพรชัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาส 72 พรรษา ขอให้ทำใจให้กว้างๆ คิดถึงพระองค์ท่าน ทำเพื่อพระองค์ท่านสักวันหนึ่ง

"อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา คนไทยจะรวมใจเป็นหนึ่งเดียว คิดถึงแต่เรื่องที่จะถวายพระพรท่าน ทำความดีเพื่อท่าน อย่าเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ในสมองหากพักเรื่องการเมืองไปบ้าง บ้านเมืองก็จะสงบสุข และประชาชนก็จะมีความสุข" นายเนวิน กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมอีกว่า ที่ได้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ จะให้ใส่ตำแหน่งนายเนวินว่าอะไรนั้น นายเนวิน ระบุว่า ตำแหน่ง ‘ฅนบุรีรัมย์’

‘ตำรวจสอบสวนกลาง’ นำโปสการ์ดกว่า 7.2 แสนใบ จากปชช. ถวายในหลวง เพื่อแสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

(28 ก.ค. 67) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จัดกิจกรรม ‘CIB LOVE รวมใจบอกรักในหลวง’ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษาในปีนี้  เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ผ่านโปสการ์ดพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้เชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมแสดงความจงรักภักดีผ่านการ์ดอวยพรที่เขียนด้วยลายมือ ส่งความรักถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่าน กิจกรรม ‘CIB LOVE รวมใจบอกรักในหลวง’  ก่อนนำมารวบรวมใส่ไว้ในกล่องที่เต็มไปด้วยความรัก ความเคารพ และคำอวยพรจากประชาชนทั้งประเทศ ก่อนถวายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทย ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567
.
พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือผู้บัญชาการก้อง กล่าวว่า  "ในวันนี้ ผมและพวกเรา ตำรวจสอบสวนกลาง ( CIB) จะขอทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ ในการนำส่งต่อโปสการ์ดที่แสดงความรักความเทิดทูนที่ทุกคนถ่ายทอด เขียนถึงพระองค์ท่าน ถวายแด่ในหลวง  โดยกิจกรรมนี้เป็นการแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อปวงชนชาวไทย และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความรักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และชื่นใจที่มีประชาชนต่างเข้าร่วมกิจกรรม และร่วมบอกรักท่านมากมายขนาดนี้"
.
โดยกิจกรรมหลักในโครงการ CIB LOVE ที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้รวบรวมและส่งต่อกล่องดังกล่าวแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ  CIB LOVE Postcard: ที่มีการนำเสนอพระราชกรณียกิจต่างๆของในหลวง , คลิปวิดีโอ ‘CIB LOVE’ : ตำรวจ CIB บอกรักในหลวง รวมทั้ง การเชิญชวนน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ประกวดวาดภาพแสดงความรัก และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในหลวง ในหัวข้อ “สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามพระราชปณิธาน” จาก4 ระดับชั้น ระดับชั้นละ 3 รางวัล ได้แก่ ระดับประถมศึกษา , ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  , ระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย และระดับอุดมศึกษา ( มหาวิทยาลัย) ชิงทุนการศึกษารวมกว่า 72,000 บาท  
.
โดยในวันงาน พล.ต.ท.จิรภพ หรือ ผู้บัญชาการก้อง ได้มอบเงินรางวัลพร้อมใบประกาศนียบัตรแก่ผู้ชนะรางวัลประกวดภาพวาดในทุกระดับชั้นด้วยตนเอง พร้อมกล่าวชื่นชมและให้กำลังใจเด็กๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีคุณภาพต่อไป

‘พีระพันธุ์’ ลั่น!! ตนทำงานแบบไม่เคยเกรงใจใคร

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

'รมว.ปุ้ย' ปลาบปลื้ม!! พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ยก!! เป็นการเข้าเฝ้าในโอกาสสำคัญ ที่เป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิตของตน

เมื่อวานนี้ (28 ก.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของชาติไทยค่ะ ปุ้ยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะรัฐมนตรีทุกท่าน ได้ติดตามนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ค่ะ โดยมีการไปร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณท้องสนามหลวง เป็นลำดับแรกค่ะ 

หลังจากนั้นไปร่วมในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ ต่อจากนั้นได้เดินทางร่วมกับคณะรัฐมนตรีไปยังพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง 

เป็นการเข้าเฝ้าในโอกาสสำคัญนะคะ โอกาสสำคัญที่เป็นมงคลยิ่งในชีวิตของปุ้ยเอง และความเป็นมงคลยิ่งนี้ ขอให้สัมฤทธิ์กับพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช พี่น้องชาวไทยทุกคนนะคะ 

ปุ้ยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับคณะรัฐมนตรีทุกท่านได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคล, สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า 

บรรยากาศสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยปุ้ยและคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า ได้ซึมซับทุกวินาทีอันเป็นมหามงคลยิ่งอยู่ที่นั่นค่ะ

‘พีระพันธุ์’ โต้ ‘สส.ก้าวไกล’ ปมกระแสเงินสด ‘กฟผ.’ ลดลงจนติดลบ เป็นไปไม่ได้

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ประชุมสัญจรที่หาดใหญ่ ครั้งที่ 2/67 เตรียมต้อนรับคณะสื่อจากจีน เวียดนาม ร่วมแสดงความยินดีนายกสมาคมฯที่ได้รับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภา สายสื่อมวลขน

เมื่อวานนี้  (28 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่ ห้องประชุมน่านเจ้า โรงแรมบีพี แกรนด์ทาวเวอร์ หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ( สนพท. ) ได้จัดประชุมสัญจร ครั้งที่ 2/2567 ขึ้น ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีคณะกรรมการบริหาร ที่ปรึกษาสมาคมฯ อุปนายก ทั้ง 3 ท่าน และผู้เข้าร่วมสังเกตุการประชุม โดยมี นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล  นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุม ที่ประชุมได้มีการร่วมพิจารณาและรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ผ่านมา พร้อมกับมีการรายงานความคืบหน้าในการจดทะเบียนสมาคมต่อนายทะเบียน การพิจารณาการทำบัตรสมาชิก

นายกสมาคมฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบว่า สมาคมนักข่าวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางมาเยือนสมาคมฯ ในปลายเดือนตุลาคม 2567 โดยทางสมาคมฯ ได้มีความพร้อมที่จะต้อนรับ ทางสมาคมนักข่าวจีน ต้องการที่จะลงนามความร่วมมือ MOU กันใหม่ทุก 4 ปี เพราะเศรษฐกิจ สังคม การเมือง มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“ล่าสุดผมได้รับหนังสือแจ้งจากสมาคมนักข่าจีนว่า ทางสมาคมนักข่าวจีนเขาได้ร่วมพูดคุยกับกรรมการและเพื่อนร่วมงานที่ได้ลงนาม MOU ไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีเนื้อหาที่สำคัญคือ สมาคมนักข่าวจีน All-China Journalists Association (ACJA) และสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ยินดีทำงานร่วมกัน ในความร่วมมือของทั้งสองประเทศ”

พร้อมกับการขยายความร่วมมือบนแพลตฟอร์มความร่วมมือของนักข่าวเส้นทางสายไหมและเครือข่าย (Belt and Road Journalists Network : BRJN) ซึ่งนั่นหมายถึงการมีส่วนร่วมอย่างเข็มแข็งในกิจกรรมของเครือข่ายเรา สมาคมนักข่าวจีนและสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคฯ พร้อมที่จะนำกลไกความร่วมมือของนักข่าวทั้งสองประเทศผ่านช่องทางและวิธีการที่เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนการเชิญสมาคมผู้สื่อข่าวจากประเทศเวียดนามนั้น ทางสมาคมฯ จะประสานในรายละเอียด และกำหนดการมาเยือน โดยทางสมาคมฯ พร้อมที่จะต้อนรับสมาคมนักข่าวจากทั้งสองประเทศ พร้อมกำหนดการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อีกครั้ง นายกสมาคมฯ กล่าวถึงการประชุมใหญ่สามัญของสมาคมฯ ว่า ที่ประชุมได้เลือกจังหวัดระยองเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมใหญ่ในช่วงวันที่ 21-23 มีนาคม 2568 โดยรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการบริหารสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคฯ ได้ร่วมแสดงความยินดีต่อ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล  นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคฯ ที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา สายสื่อมวลชน พร้อมมอบของขวัญเป็นที่ระลึก

นายกสมาคมฯ ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมสัญจร รวมถึงที่ปรึกษา ที่ร่วมแสดงความยินดีที่ตนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยตนเองในฐานะสื่อมวลชนอาชีพ พร้อมที่จะทำงานในบทบาทและหน้าที่ของ สว.ในสภาสูง และพร้อมที่จะร่วมกันผลักดันสวัสดิการของสื่อ การทำงานของสื่อในภาพรวมของประเทศต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

‘พีระพันธุ์’ โต้กลางสภาฯ หลัง ‘สส.ก้าวไกล’ ยกตัวเลขการเงิน ‘กฟผ.’ มาตั้งข้อสงสัย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! ‘กฟผ.’ ชำระหนี้ ‘ปตท.’ หมดสิ้นแล้ว

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

‘พล.ท.นันทเดช’ ชี้ 4 เหตุผลสำคัญ ทำให้ไทยอยู่ได้อีกนาน คนทั้งประเทศมี ‘พระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน’ อยู่ในจิตสำนึก

(29 ก.ค. 67)  พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ ประเทศไทย ในอนาคต ตอนที่ 1’ ระบุว่า...

สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ ประเทศไทย ในอนาคต ตอนที่ 1

นอกจากเรื่องสงครามนิวเคลียร์แล้ว สถานการณ์ต่างๆในประเทศไทย และของโลก ในปัจจุบัน ได้ทำให้พวกเราหลายคนกังวลว่า อีกไม่นานประเทศไทยอาจจะกลายเป็น ‘ประเทศที่ล้มเหลว’ (Failed State)ในอนาคตอันใกล้นี้ได้ !!

ผมขอยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่มีทางเป็น Failed State แน่นอน จากเหตุผลที่ไม่เข้าเงื่อนไขหลายประการ ได้แก่

1.เงื่อนไขสำคัญของการเป็นรัฐล้มเหลว คือการที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมพื้นที่บางส่วนของประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลไทย แม้จะขี้โกงขนาดไหน ก็ยังเป็นคนไทย ไม่กล้าปล่อยให้พื้นที่ไหนขาดการควบคุม  และประชาชนคนไทยก็ไม่ได้โง่ เพียงแต่ส่วนใหญ่อยากอยู่สงบๆ และเรียบง่าย  แต่ถ้ามีเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติแล้ว คนไทยก็ไม่เคยนิ่งเฉยสักครั้งเลย ส่วนเหตุความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น  ถ้าจะแก้ไขปัญหากันอย่างจริงจัง ก็ย่อมทำได้ แต่ผู้คนเหล่านั้น ก็คือ คนไทย ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ   ประกอบกับการที่ทุกคนเป็นประชาชนที่มีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกันอีก ดังนั้น ฝ่ายทหาร จึงมักใช้วิธีการพูดคุยกัน  เป็นหลัก ก่อนการใช้ความรุนแรงปราบปราม

2.โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของรัฐชาตินั้น ประเทศไทยยังมีอยู่ครบถ้วน ทั้ง ด้านการศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคม ฯลฯ ซึ่งแม้องค์กรเหล่านี้จะไม่เข็มแข็งนักเพราะต้องลู่ตามลมการเมือง แต่เราก็มี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คอยคัดท้ายอยู่  ส่วนองค์กรทางด้านความมั่นคงส่วนใหญ่ ยังเข็มแข็ง พอที่จะป้องกันประเทศได้ หรือสามารถตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ว่า ‘ทหารมีไว้ทำไม’

3.ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีสงครามกลางเมือง หรือ การก่อการร้าย เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับการควบคุมได้ (หลังแจกเงินดิจิตอลแล้วค่อยมาพูดกันอีกที) ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนของไทยนั้น  ดีเยี่ยมกว่าทุกประเทศในเอเซีย การตกงานแม้จะเริ่มสูงขึ้น ถึงกับมีข่าวการตกงานกันแทบทุกวัน  แต่ถ้าไม่เลือกงาน ก็ยังพอไหว สิ่งที่น่าวิตกมากสุด คือ เรื่องของการคอรัปชั่น ที่กำลังก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้ดูเหมือนคนไทยจะคุ้นชินกันไปซะแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงไยพอควรทีเดียว

4.จุดแข็งของประเทศไทย คือ คนไทยเรามี สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในจิตสำนึก แม้พระองค์จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่พระองค์ก็ทรงงานช่วยเหลือประชาชนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด ไม่เหมือนนักการเมือง ที่มีวาระการทำงาน หมดวาระก็เลิกทำ   พระองค์จึงต่างกับนักการเมือง ที่สามารถทรงงานแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ อย่างต่อเนื่อง และ ยังเป็นสถาบันหลักของชาติเพียงสถาบันเดียวในปัจจุบัน  ที่นักการเมืองขี้โกงทั้งหลาย และผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศ  ยังต้องพะวงหน้าพะวังหลังอยู่  เนื่องจากรู้ดีว่า เบื้องหลังพระองค์ยังมีประชาชนจำนวนมหาศาลที่ ยืนอยู่เคียงข้างพระองค์ อย่างเงียบๆ อยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นประเทศไทยยังอยู่ได้อีกนานครับ ไม่ต้องหนีไปไหน แต่ “ความเจริญก้าวหน้าอาจจะชะลอคงที่อยู่ ไม่รุดหน้าไปเหมือนประเทศอื่นๆ”แค่นั้น ซึ่งจะส่งผลทำให้คนไทยจะจนลงเรื่อยๆ คนชั้นกลางที่เคยเป็นผู้ออกมารักษาผลประโยชน์ของชาติ ก็จะลดน้อยลงไป

การทุจริตก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะแก้ได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเราเองด้วยครับ คิดเสียว่าในอนาคตน่าจะดีขึ้นก็ได้ครับ

ข้อเขียนเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top