Thursday, 19 June 2025
NewsFeed

โรงพยาบาลตำรวจ นำทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขาวิชาชีพ ตรวจสุขภาพฟรี ตามโครงการจิตอาสา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค. 67) ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8)พร้อมด้วย พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์(สบ 7)รพ.ตร. และ พล.ต.ต.ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์(สบ 6) รพ.ตร. ลงพื้นที่ร่วมกับคณะเเพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา ปฏิบัติหน้าที่ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการตรวจสุขภาพให้แก่ประชาชนทั่วไปที่เข้ารับบริการตรวจสุขภาพฟรี ตามโครงการจิตอาสา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในการนี้ โรงพยาบาลตำรวจ นำทีมแพทย์ พยาบาล ให้บริการตรวจสุขภาพ ซึ่งมีประชาชนสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 461 คน โดยรับบริการตรวจตาและตรวจความดันตา 153 คน ตรวจโรคทั่วไป 223 คน

การฝึกอบรมการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง 110 คน ตรวจอัลตร้าซาวด์ไขมันพอกตับ 34 คน ตรวจกล้ามเนื้อและตรวจกระดูก 114 คน ให้บริการฝังเข็ม แพทย์แผนไทย และกายภาพบำบัด 106 คน ทันตกรรม 72 คน รับยา 200 คน

พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8)กล่าวว่า โครงการ จิตอาสา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นโครงการที่โรงพยาบาลตำรวจดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อ
ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และเป็นภารกิจหลักของโรงพยาบาลในการรักษาดูแลสุขภาพประชาชนทั่วประเทศ 

กิจกรรมวันนี้มีประชาชน ให้ความสนใจ มารับบริการเป็นจำนวนมาก ทุกคนขอบคุณ โรงพยาบาลตำรวจที่นำทีมแพทย์พยาบาลมาให้บริการด้านสุขภาพฟรีในวันนี้

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน”

‘นายกฯ’ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ที่ท้องสนามหลวง

(28 ก.ค. 67) เวลา 07.00 น. ที่บริเวณท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนางพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชนร่วมพิธี

โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูปขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายกรัฐมนตรีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ให้ศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

จากนั้น คณะองคมนตรีและภริยา นายกรัฐมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป นายกรัฐมนตรีถวายผ้าไตรจำนวน 10 ไตร กรวดน้ำรับพร กราบลาพระรัตนตรัย แล้วถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและภริยา นำผู้เข้าร่วมพิธีร่วมตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 173 รูป นำโดยเสด็จพระมหาวีรวงศ์ นำโดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นการเสร็จพิธี

จากนั้น เวลา 07.45 น. ณ บริเวณท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567  โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการ ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจมหาวิทยาลัยของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชนเข้าร่วมพิธี ขณะที่ข้าราชการในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ร่วมทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

เมื่อนายกรัฐมนตรีถึงบริเวณเวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง ได้เดินขึ้นสู่เวที ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วถวายธูปเทียนแพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ความว่า

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในนามของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วประเทศต่างมีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2567 นี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ในพระราชวิริยอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญ พระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความเจริญงอกงามของประเทศชาติ และประโยชน์สุขของอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า ทรงดำรงพระองค์ เป็นแบบอย่างแก่บรรดาข้าราชการ ในการปฏิบัติงาน เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดิน ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เน้นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักเทิดทูนไว้ เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสืบไป

ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญพร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้า ปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ ดังต่อไปนี้

ข้าพระพุทธเจ้านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่ แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางพระบรมราโชวาทตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จบแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วนายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และร่วมร้องเพลงสดุดีจอมราชา เป็นอันเสร็จพิธี

เวลา 08.00น. นายกรัฐมนตรีและภริยา ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ในพระบรมมหาราชวัง

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง

‘กองทัพสหรัฐฯ’ ส่งจดหมาย สารภาพความผิดให้ ‘ฟิลิปปินส์’ ยอมรับ!! อยู่เบื้องหลังดิสเครดิต ‘วัคซีนซิโนแวค’ ของจีน

(28 ก.ค. 67) กองทัพสหรัฐฯ ยอมรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ดำเนินยุทธการลับ มีเป้าหมายทำลายความน่าเชื่อถือวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวคของจีนในฟิลิปปินส์ รวมถึงทั่วเอเชียและตะวันออกกลาง ตามรายงานของรอยเตอร์

‘มันเป็นความจริงที่ (กระทรวงกลาโหม) ส่งสารถึงผู้รับฟิลิปปินส์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค’ พวกเจ้าหน้าที่เพนตากอนเขียนถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมฟิลิปปนส์ ในจดหมายลงวันที่ 25 มิถุนายน และทางรอยเตอร์หยิบยกมารายงานในวันศุกร์ (26 ก.ค.)
.
ในจดหมายดังกล่าว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ยอมรับว่าพวกเขาได้กระทำการผิดพลาดบางอย่างในด้านการส่งสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด แต่ได้รับประกันกับมะนิลาว่า เพนตากอนได้ระงับปฏิบัติการดังกล่าวไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 และนับตั้งแต่นั้นยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความรับผิดชอบต่อปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารต่างๆ แล้ว

ปฏิบัติการที่เป็นเรื่องเป็นราวเริ่มขึ้นในปี 2020 หลังจากจีนประกาศว่าจะแจกจ่ายวัคซีนซิโนแวคให้ฟิลิปปินส์แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ในความพยายามตอบโต้ผลประโยชน์ทางประชาสัมพันธ์ที่ปักกิ่งจะได้รับจากโครงการนี้ ทางเพนตากอนออกคำสั่งให้ศูนย์ปฏิบัติการจิตวิทยาในฟลอริดา จัดตั้งบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมขึ้นมาอย่างน้อย 300 บัญชี เพื่อใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนจีน อ้างอิงผลการสืบสวนของรอยเตอร์ที่ออกมาแฉเมื่อเดือนที่แล้ว

โควิดมาจากจีนและวัคซีนมาจากจีน อย่าไปเชื่อใจจีน หนึ่งในรูปแบบข้อความที่สร้างโดยทีมงานปฏิบัติการทางจิตวิทยา ขณะที่อีกข้อความเน้นว่า PPE (ชุดป้องกันเชื้อโรค) หน้ากากอนามัย วัคซีน ล้วนเป็นของปลอม แต่โคโรนาไวรัสเป็นของจริง

รอยเตอร์อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ทหารหลายนายที่เกี่ยวข้องกับยุทธการนี้รู้ดีว่าเป้าหมายของแผนการไม่ได้ปกป้องชาวฟิลิปปินส์จากวัคซีนที่ไม่ปลอดภัย แต่เป็นการสร้างความแปดเปื้อนแก่ชื่อเสียงของจีน

รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ไม่นานยุทธการโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวก็ถูกขยายวงออกไปนอกฟิลิปปินส์ โดยผู้รับสารมุสลิมทั่วเอเชียกลางและตะวันออกกลาง ได้รับการบอกเล่าว่าวัคซีนซิโนแวคปนเปื้อนเจลลาตินหมู เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งฮะรอมหรือเป็นสิ่งต้อมห้ามตามกฎหมายอิสลาม ยุทธการนี้บีบให้ทางซิโนแวคเผยแพร่ถ้อยแถลงยืนยันว่าวัคซีนผลิตโดยปราศจากส่วนประกอบของหมูใดๆ

เพนตากอนไม่ยอมรับต่อสาธารณะว่าได้ส่งหนังสือยอมรับสารภาพไปยังกองทัพฟิลิปปินส์ ขณะที่รัฐบาลของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานของรอยเตอร์

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้วโฆษกรายหนึ่งของเพนตากอนชี้แจงกับรอยเตอร์ ว่ากองทัพอเมริกา ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ในนั้นรวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ ตอบโต้อิทธิพลมุ่งร้ายที่เล็งเป้าโจมตีสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู และอ้างว่าวอชิงตีนแค่ตอบโต้ ยุทธการบิดเบือนของมูลของจีนที่กล่าวโทษอันเป็นเท็จ ว่าสหรัฐฯ เป็นผู้แพร่กระจายโควิด-19

กระทรวงการต่างประเทศของจีนบอกกับรอยเตอร์ว่า พวกเขาเน้นย้ำมานานแล้วว่า สหรัฐฯ เป็นผู้แพร่กระจายข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับจีน

ฟิลิปปินส์ รายงานของรอยเตอร์กระตุ้นให้คณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาเปิดการสืบสวน และระหว่างการพิจารณาเมื่อเดือนที่แล้ว วุฒิสมาชิกไอมี มาร์กอส ประธานคณะกรรมาธิการ ประณามยุทธการของเพนตากอนว่าเป็น ปีศาจ ชั่วร้าย อันตรายและไม่มีจริยธรรม  และแย้มว่ามะนิลากำลังตรวจสอบความเป็นไปได้ว่าจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับวอชิงตันได้หรือไม่

‘สมาคมหุ่นยนต์ไทย’ ปลื้ม ‘เด็กไทย’ คว้ารางวัลใหญ่ ในระดับนานาชาติ จากรายการ ‘RoboCup Eindhoven 2024’ เอาชนะ ผู้เข้าแข่งขันกว่า 3,000 คน

(28 ก.ค. 67) สมาคมหุ่นยนต์ไทยขอแสดงความยินดีกับทีมไทยที่ได้รับรางวัล ในการแข่งขัน RoboCup Eindhoven 2024 โดยมีรายระเอียดตามประเภทการแข่งขันดังต่อไปนี้

🏆RoboCupRescue League – รางวัลที่ 1
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

🏆RoboCup@Home (Social Standard Platform) – รางวัลที่ 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

🏆RMRC RoboCupJunior – รางวัลที่ 2
สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา

🏆Onstage RoboCupJunior – รางวัลที่ 1 (Super team)
โรงเรียนบ้านบึง ‘อุตสาหกรรมนุเคราะห์’

🏆Robocup@Home Playground รุ่น Junior – รางวัลที่ 3 & Rising Star Award Junior
ทีม 404 Not Found (King’s College International School Bangkok และ The Newton)

ทั้งนี้การแข่งขันรายการ RoboCup 2024 มีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน จากทั่วโลก มีรายการแข่งขันหุ่นยนต์แยกย่อยมากกว่า 25 ประเภท และแยกย่อยลงไปตามรายละเอียดตามประเภทและความสามารถของหุ่นยนต์อีกจำนวนมาก ทำให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเรียนรู้วิทยาการหุ่นยนต์อย่างกว้างขวาง และเป็นโอกาสอันดีที่ได้จะแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมโดยกลุ่มผู้เข้าแข่งขันจากประเทศต่างๆ สำหรับการแข่งขันในปีถัดไป RoboCup 2025 จะจัดขึ้นที่ประเทศ Brazil

เพจ ‘Red Skull’ เผยซื้อ ‘รถป้ายแดง’ จากศูนย์ในราคาเต็ม ผ่านไปปีครึ่ง ผงะ!! ปรากฏรอยสติ๊กเกอร์ ‘Test Drive’ โพสต์ถามโซเชียล ควรทำไงดี?

(28 ก.ค. 67) เพจ Red Skull โพสต์เรื่องราวเจ้าของรถเจอสติ๊กเกอร์ Test Drive หลังจากใช้ไปเพียง 1 ปีครึ่ง ระบุว่า …

‘จองรถในงานมอเตอร์โชว์ รับรถป้ายแดง จากศูนย์ซื้อในราคาเต็มป้ายแดง ใช้รถผ่านไปปีครึ่งมีรอยสติ๊กเกอร์ Test Drive ขึ้นทั้งสองข้างประตูหน้าซ้าย-ขวา เจอแบบนี้ควรทำยังไงดีครับ’

จากโพสต์ดังกล่าว หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ

สคบ. ต้องมา ดูปีที่ผลิต เช็คเลขไมล์ ถ้ามีใช้ไปก่อนแล้วพิสูจน์ได้ เข้าฉ้อโกงได้เลยนะ

ยื่น สคบ.ค่ะ เดี๋ยวเขาก็ประสานงานต่อให้ค่ะ

โห ทำไมทำแบบนี้รถ test drive ถ้าจะขายก็ขายตรงๆ ให้ส่วนลดเยอะๆ คนรับได้ก็มี ดีกว่ามาหลอกกันแบบนี้เสียชื่อสุดๆ

‘ตำรวจเชียงราย’ รวบแก๊งขาย ‘ยาอี ลาบูบู้’ ยึดทรัพย์กว่าล้านบาท สารภาพสิ้น!! สั่งซื้อจากกรุงเทพฯ เม็ดละ 200 ขายต่อ 800 บาท

เมื่อวานนี้ (27 ก.ค. 67) ที่ สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พร้อม พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ร่วมกันสอบปากคำผู้ต้องหา 4 คน หลังตรวจยึด ยาอีลาบูบู้ จากร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งใน ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา

โดยจับกุมผู้ต้องหา 4 คน คือ น.ส.นาตยา อายุ 27 ปี นายณัฐชัย อายุ 42 ปี นายอำพันธุ์ อายุ 42 ปี และ น.ส.กุศลิน อายุ 28 ปี พร้อมของกลางเป็นยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสังคมให้ความสนใจการพบยาอี ในรูปแบบใหม่ที่มีรูปลักษณ์เป็นลายตัวตุ๊กตาลาบูบู้

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจากการจับกุมและออกหมายจับ น.ส.นาตยา ตามหมายจับ ศาลจังหวัดเชียงราย ที่ จ.292/2567 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2567 กระทั่งวันที่ 27 ก.ค. 2567 สืบทราบว่า น.ส.นาตยา ได้หลบหนีการจับกุมไปอยู่ที่บ้านเหลังหนึ่ง ใน หมู่ 2 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย จึงติดตามจับกุมไว้ได้

จากการตรวจค้นบ้านพักยังพบผู้ร่วมกระทำผิดอีก 3 คน คือ นายณัฐชัย อายุ 42 ปี นายอำพันธุ์ อายุ 42 ปี และน.ส.กุศลิน อายุ 28 ปี พร้อมตรวจยึด ยาอี) จำนวน 5 เม็ด ยาบ้า 600 เม็ด เคตามีน 169.2 กรัม คอลลาเจน (Happy Water) 11 ซอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกล่าวหาว่า ‘ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า,ยาอี) โดยการกระทำเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย และ ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(เคตามีน)เพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย’

พล.ต.ต.มานพ ได้สอบถามถึงที่มาที่ไปของยาเสพติด รวมถึงการนำออกไปจำหน่ายให้กับลูกค้าตามสถานบันเทิงต่างๆ ใน จ.เชียงราย กลุ่มผู้ต้องหา ให้การว่า สั่งซื้อยาอีมาในราคาเม็ดละ 200 บาท และนำมาจำหน่ายในราคาเม็ดละ 800 บาท ส่วน Happy Water ซื้อมาในราคาซองละ 800 บาท นำมาแบ่งจำหน่ายในราคาซองละ 2,500 บาท

พล.ต.ต.มานพ กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า ซื้อยาอีลาบูบู้ ส่งทางไปรษณีย์จากกรุงเทพฯ นำมาจำหน่ายใน จ.เชียงราย ตอนนี้เราจะขยายผลจับกุมผู้ค้าผู้เสพใน จ.เชียงราย สำหรับคดีนี้สามารถตรวจยึดทรัพย์ของเครือข่ายยาเสพติดได้หลายรายการ มีรถจักรยานยนต์ BMW 1 คัน รถยนต์เก๋งฮอนด้า ซิตี้ 1 คัน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 1 คัน พร้อมอายัดเงินในบัญชี รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1 ล้านบาท

‘ลุงป้อม’ เตรียมบินไปฝรั่งเศส 1 สิงหานี้ เพื่อให้กำลังใจทีมไทย มั่นใจ!! นักกีฬาแบดมินตันไทย มีหวังได้ ‘เหรียญทอง’ กลับบ้าน

(28 ก.ค. 67) ที่สำนักงาน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์ ถึงการให้กำลังใจนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศฝรั่งเศสว่า ว่า ส่วนตัวเตรียมที่เดินทางไปเยี่ยมนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศฝรั่งเศสอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) นักกีฬาแบดมินตันไทย แบดมินตันหนุ่มสาวไทย หวดผ่านฉลุยรอบแรกในการแข่งขัน จะเพิ่มเงินอัดฉีดหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ชนะซิ และมีหวังจะได้เหรียญทองด้วย”

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร จะเดินทางไปให้กำลังใจกับนักกีฬาที่ฝรั่งเศสในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

นายกฯ องคมนตรี คณะบุคคลสำคัญ ลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

(28 ก.ค. 67) ที่อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ศาลาสหทัยสมาคมฯ และเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง มีบุคคลสำคัญ เช่น สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา , คณะองคมนตรี , นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี , คณะทูตานุทูตต่างประเทศ ประจำประเทศไทย , ผู้นำศาสนา , ประธานรัฐสภา , ประธานวุฒิสภา , ประธานศาลฯ , ผู้บัญชาการเหล่าทัพ , ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ , องค์กรอิสระ , สมาคม , มูลนิธิ , หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ

นำแจกันดอกไม้มาทูลเกล้าฯ ถวายเบื้องหน้า พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมลงนามถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังเปิดให้ลงนามถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00 - 12.00 น.

ว่าที่บัณฑิตสาว ร่ำไห้พาพ่อป่วยไป รพ.รัฐ แต่ถูกไล่กลับบ้าน สุดท้าย!! พ่อเสียชีวิต ร้องสาธารณสุขจังหวัดแล้ว แต่เรื่องไม่คืบ

(28 ก.ค. 67) ที่ วัดสระเพลง ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นายสมพร รัศมี อายุ 50 ปี ชาว สปป.ลาว บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของชาวบ้านที่มาร่วมงาน

โดยเฉพาะทางภรรยา และลูกสาว ของนายสมพร ที่สวมชุดครุย คณะวิยาการจัดการ เอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มาร่วมพิธีฌาปนกิจผู้เป็นพ่อ ยืนกอดรูปร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก นางสาว วรรณภรณ์  สีสม อายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบและเตรียมเข้ารับใบปริญญาบัตรในวันที่ 21 สิงหาคม นี้

นอกจากนี้ทางนางสาววรรณภรณ์ เตรียมตัวเป็น ว่าที่เจ้าสาว เนื่องจากกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย แต่ทางนายสมพร ผู้เป็นพ่อนั้นมาเสียชีวิตอย่างกระทันหันไปเสียก่อน ยังไม่ทันเห็นลูกสาวได้ใส่ชุดครุย ทางนางสา ววรรณภรณ์ จึงสวมชุดครุยมาร่วมพิธีในครั้ง เพื่อให้พ่อใด้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทำพิธีฌาปนกิจ

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้สืบเนื่องจากทาง นายอธิบดี ภัทรกวิน อายุ 30 ปี ลูกเขยของนายสมพร ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชน หลังจากนายสมพร นั้นมีอาการป่วยและไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน ทางโรงพยาบาล จะปฏิเสธการรักษา ก่อนกลับมาที่บ้านอีกครั้ง แต่เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น จึงได้ไปหาหมออีกครั้ง จนอาการทรุดลงทางโรงพยาบาลดังกล่าว จึงส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชฯ แต่กว่าจะไปถึงอาการ นายสมพร ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายอธิบดี เล่าให้ฟังว่า นายสมพร ได้ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของคืนวันที่ 21 ก.ค. ด้วยอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก โดยไปยังห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 3-4 คน โดยในเบื้องต้นทางโรงพยาบาลไม่เชื่อว่า ทางนายสมพรนั้นมีอาการวิกฤตจริง

ทางเจ้าหน้าที่เลยแจ้งว่า รพ. ช่วงเวลานี้รับเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยวิกฤตจริงเท่านั้น ตอนนี้มาทำไมทำอะไรไม่ได้ พร้อมกับให้กลับบ้านและปฏิเสธการรักษาท่าเดียว

ซึ่งเวลานั้นทางครอบครัวได้ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลรับนายสมพรเอาไว้ เพื่อนอนรอดูสังเกตุอาการแต่ทางโรงพยาบาลได้ทำการปฏิเสธ และไล่นายสมพร ลงจากเปลผู้ป่วยให้มานอนตรงที่นั่งพักรอคิว ในขณะนั้นทางนายสมพรนั้นอาการเริ่มทรุดหนักสังเกตจากสีหน้าเพราะไม่สามารถนั่งได้แล้ว

นอกจากนี้ทางโรงพยบาลได้มีการตำหนินายสมพร ว่า ทำไมถึงไม่ใส่หน้ากากอนามัยมา จึงให้แม่ยายของตนนั้น วิ่งออกไปซื้อหน้ากากอนามัยหน้าโรงพยาบาล เพื่อมาใส่ให้กับนายสมพร ก่อนที่จะให้กลับบ้านพร้อมจ่ายยาที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับอาการป่วยของนายสมพร ซึ่งยาที่ให้มานั้น มียาบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ ยาลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกลือแร่ ซึ่งจากรับยาทางโรงพยาบาลก็ให้กลับไปบ้าน และบอกว่าให้มาใหม่ในช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ค.

แต่หลังจากกลับไปบ้านแล้ว นายสมพรอาการไม่ดีขึ้น พร้อมกับทรุดหนักลงกว่าเดิม โดยอาเจียนเป็นเลือด ซึ่งทางญาติจึงได้นำตัวนายสมพรไปยังโรงพยาบาลอีกครั้งตอนเวลา 06.00 น. กว่าจะได้รักษาก็เวลา 08.00 น. ซึ่งหลังจากไปรอบที่ 2 ทางหมอและพยาบาลก็ได้ตรวจร่างกายและอีกหลายอย่างก่อนที่จะเห็นว่า อาการไม่ดีขึ้น เกินความสามารถในการรักษาของโรงพยาบาล จึงได้มีการส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลมหาราชฯ ซึ่งกว่าจะมาถึงและเข้ารับการรักษาก็เป็นเวลา 11.00 น. แล้ว

ซึ่งขณะกำลังรักษาอยู่ที่ รพ.มหาราชฯ นั้น ทางแพทย์และพยาบาลก็ให้การรักษาอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายนายสมพร ได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ก.ค.

ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนตั้งคำถามถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งแรก เนื่องจากตนรู้สึกว่า การดูแลรักษาคนไข้นั้นไม่เต็มที่ และมารยาทก็ไม่ดี ทั้งเรื่องการให้นายสมพร พ่อตาของตน ลงจากเปลไปนอนอยู่ที่นั่งรอคิว รวมไปถึงการตำหนิเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย ทำไมถึงต้องให้ทางแม่ยายของตนนั้นวิ่งออกไปหาซื้อหน้ากากอนามัย ทั้งที่ทางโรงพยาบาลน่าจะมีแค่ 1 ชิ้น ก็ให้ไม่ได้เลยเหรอ

นายอธิบดี เล่าต่อว่า ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ทางตนและครอบครัวของแฟนได้มีการเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้เข้าตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากร้องเรียนไปไม่นานทาง ผอ.โรงพยาบาลได้ติดต่อเข้ามาพูดคุย เพื่อหาทางเยียวยาต่างๆ แต่พฤติกรรมของทางโรงพยาบาลนั้นไม่ใช่ เนื่องจากในวันเผา 28 ก.ค. ทางโรงพยาบาลนั้นก็ไม่ได้ส่งตัวแทนมารวมไปถึงพวงหรีด เพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ตนรู้สึกรับไม่ได้กับเรื่องนี้ และเตรียมที่จะดำเนินการให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก

ด้านนางสาววรรณภรณ์ ลูกสาวของนายสมพร เล่าให้ฟังว่า ที่ตนใส่ชุดครุยมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้พ่อเห็น เพราะพ่อนั้นยังไม่เคยเห็นตนใส่ชุดครุยสักครั้ง ซึ่งตนจะเข้ารับปริญญาในวันที่ 21 ส.ค. นี้ และจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงปลายปีนี้ แต่ทางพ่อนั้นไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ต้องมาเสียชีวิตไปเสียก่อน

ซึ่งตนก็สงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รพ.ดังกล่าว เพราะพ่อของตนไปรับการรักษาตอนตี 3 ทางเจ้าหน้าที่กลับปฏิเสธการรักษาพร้อมไล่กลับบ้าน ซึ่งถ้าหากในวันนั้นเจ้าหน้าที่รับพ่อของตนไว้รักษา อาจทำให้มีโอกาสรอดชีวิต ถึงแม้จะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอยากให้ทางรพ. ออกมาชี้แจงรายละเอียดว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่รับพ่อของตนไว้รักษาตั้งแต่แรก ซึ่งทางแม่ของตนและพี่ชายก็พยายามบอกให้ทางโรงพยาบาลรับตัวพ่อเอาไว้ เพื่อดูอาการ เพราะอาการพ่อของตนนั้นไม่ดี แต่ทางโรงพยาบาลกลับปฏิเสธพร้อมกลับให้ไปรักษาตัวที่บ้าน จนกระทั่งอาการพ่อของตนนั้นทรุดหนัก ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.มหาราช ก็สายเกินไปจนพ่อของตนนั้นเสียชีวิตในที่สุด

‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ’ ทรงฉลองพระองค์แบบ ‘นักกีฬาขี่ม้า’ ส่งแรงเชียร์ให้ นักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

(28 ก.ค. 67) เผยพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงฉลองพระองค์แบบนักกีฬาขี่ม้า พร้อมส่งแรงเชียร์ให้ทีมนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นพระราชวงศ์ไทยพระองค์แรกที่จบหลักสูตรการขี่ม้าจากประเทศฝรั่งเศส และมีพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านการขี่ม้า พระองค์ทรงได้รับการถวายรางวัลประเภท Dressage ในหลายรายการ ทั้งในการแข่งขันระดับประเทศและนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น รายการไทยแลนด์แชมเปี้ยนชิพ คิงส์คัพ 2012 , รายการกีฬาซีเกมส์ ในปี 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย , รายการแข่งขันศิลปะการบังคับม้าระดับนานาชาติในระดับ Prix St George และ Intermediate I ณ สนามแข่งขันที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี รวมไปถึงรายการ ‘FEI Asian Championships Pattaya 2019’ ที่ทรงนำทัพนักกีฬาไทยสร้างผลงานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ล่าสุด พระองค์ยังทรงร่วมส่งแรงเชียร์และแรงสนับสนุนให้กับทัพนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างสุดพระหฤทัย ที่เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันใน มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ประจำปี 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะของนักกีฬาถึงนักกีฬาด้วยกัน โดยพระองค์ทรงเชื่อมั่นว่า ทัพนักกีฬาไทยจะประสบความสำเร็จ สามารถนำชื่อเสียงของประเทศไทยให้กระหึ่มไปทั่วโลก ทั้งความสามารถทางด้านกีฬา และความงดงามของวัฒนธรรมและประเพณีไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top