Thursday, 19 June 2025
NewsFeed

‘ทายาทยาหอมอยุธยา’ เปิดตัวสวมเสื้อ ‘พลังประชารัฐ’ โปรไฟล์ไม่ธรรมดา เคยลุยการค้า!! ในตลาดต่างประเทศ

(27 ก.ค.67) ประวิทย์ สุวรรณสัญญา คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 30 ปี ได้มีความตั้งใจที่จะรับใช้ประเทศชาติ ล่าสุดได้ก้าวเข้าสู่ถนนสายการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยการเข้าร่วมกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ที่มุ่งมั่นจะทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน 

‘ประวิทย์ สุวรรณสัญญา’ เขาอาจจะเป็น ‘นักการเมืองหน้าใหม่’ แต่ในแวดวงของการทำธุรกิจแล้ว ‘เขาไม่ใช่มือใหม่’ แต่เขาคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของ ‘ยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก’ ที่วางจำหน่ายในตลาด มาอย่างยาวนานเกินกึ่งศตวรรษแล้ว

ในปัจจุบันตลาดยาไทยนั้น มียาหอมอยู่หลายตำรับ ‘ยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก’ นั้นเป็นยาไทยที่คนทั่วไปมักจะคุ้นชิน และเรียกขานว่า ยาหอมเครื่องบิน (บางคนเรียกเรือบิน) 

ซึ่งคุณประวิทย์ ทายาทสายตรงของผู้ให้กำเนิด ‘ยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก’ ก็ได้เผยว่า ยาหอมเครื่องบินลูกโลกนั้น เกิดขึ้นที่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ 69 ปีที่แล้ว โดยนายเช็ง แซ่โค้ว หมอยาจีน ที่ตั้งใจนำสมุนไพรจีนมาผสมกับยาหอมไทย จึงเกิดยาหอมเครื่องบินลูกโลกขึ้นมา ผลิตและจำหน่ายภายใต้ บริษัท สุวรรณโอสถ (โค้วเตี่ยหมง) จำกัด

“หลายคนถามว่าทำไมถึงต้องใช้ตราเครื่องบิน เรื่องนี้เตี่ยผม นายอนันต์ สุวรรณสัญญา ทายาทรุ่นที่ 2 เล่าให้ฟังว่า สมัยท่านได้เริ่มช่วยนายเช็ง ช่วงแรก ๆ นั้น เตี่ยพูดเสมอว่า ‘โลโก้’ เป็นสิ่งสำคัญ และท่านเป็นคนที่ชื่นชอบในเครื่องบินเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเดินทางได้ไปไกลทั่วโลก และสะดวกรวดเร็วกว่าเดินทางโดยเรือ ท่านจึงตั้งชื่อ เครื่องบินลูกโลก เพราะหวังอยากให้ยาของท่านได้ไปไกลทั่วโลก” คุณประวิทย์ เล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจ

คุณประวิทย์ เล่าต่อว่า ปัจจุบันยาหอมตราเครื่องบินลูกโลก ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งใน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ยาดี ราคาไม่แพง มีติดตัวไว้ ดมก็สดชื่น ทานก็ชื่นใจ สามารถใช้ได้ทุกวัย ไม่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่มีความผูกพันกับยาไทย เพราะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก จึงขออาสาสืบทอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เป็นทายาทรุ่น 3 ที่จะต่อยอดและขยายตลาดยาหอม ไปยังไปต่างประเทศ

ซึ่งจะเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน เนื่องจากสมุนไพรไทย ได้รับการยอมรับอย่างสูงในต่างประเทศ และที่ผ่านมาก็มีการซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากกันอยู่แล้ว โดยมีแผนปรับแพ็กเกจให้ดูน่าใช้ทันสมัยมากขึ้น แต่สูตรยังเป็นสูตรตำรับเดิม เนื่องจากได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย

แต่กว่าจะถึงวันนี้ คุณประวิทย์ บอกว่า ช่วง พ.ศ. 2520 สมัยที่เตี่ยดูแลกิจการ เกิดไฟไหม้ร้านและยาเสียหายเกือบหมด เตี่ยใช้เวลาเป็นสิบปี กว่าจะยืนกลับมาได้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำงานให้หนัก ประหยัดมากขึ้น ท่านจึงมีวันนี้ได้

นอกจากยาหอมแล้ว คุณประวิทย์ ก็ยังทำยาสมุนไพรพ่นแก้ปวด ครีมนวดบรรเทาอาการปวด ซึ่งต่อยอดธุรกิจ มาจากยาหอม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่หน้าจอมือถือนาน ๆ หรือคนวัยทำงาน พนักงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานจนเป็นออฟฟิศซินโดรม กลุ่มคนขับรถ รถรับจ้าง รถประจำทาง ซึ่งอาจจะมีอาการปวดเมื่อย จากการนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานาน และรวมถึงกลุ่มนักกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา

‘ยาไทย ภูมิปัญญาไทย ยาดีไม่แพ้ชาติใดในโลก’

นี่คือ วิสัยทัศน์อันกว้างไกล ของ ‘ประวิทย์ สุวรรณสัญญา’ นักธุรกิจหนุ่มคนรุ่นใหม่ ที่วันนี้มีความตั้งใจ ขออาสา ทำงานรับใช้ พี่น้องประชาชนทุกคน

‘นักเรียนดี’ เปิดตัว งานนิทรรศการเมต้าเวิร์ส ในหลวงรัชกาลที่ 10 ‘King Rama X’ เพื่อให้ ‘พระราชกรณียกิจ’ ของกษัตริย์ผู้ปิดทองหลังพระ ได้เผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก

(27 ก.ค.67) ‘นักเรียนดี’ เปิดตัวงานนิทรรศการเมต้าเวิร์สในหลวงรัชกาลที่ 10 ‘King Rama X’ เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่สายตาคนทั่วโลกบน VR Metaverse เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยสามารถเข้าชมได้ผ่านแพลตฟอร์ม Spatial. io ซึ่งสามารถเข้าได้ผ่าน Website หรือ Mobile Application ทั้ง Oculus / IOS และ Android

โดยในงานแบ่งการจัดแสดงออกเป็น ‘6 ส่วน’ ตามธีมนิทรรศการดังนี้

1. โซนพระราชประวัติ
2. โซนพระราชกรณียกิจ
3. โซนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
4. โซนภาพวาดฝีพระหัตถ์
5. โซนพระราชกรณียกิจที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
6. โซนห้องภาพแห่งความทรงจำ

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน

งานนิทรรศการเมต้าเวิร์สในหลวงรัชกาลที่ 10 ‘King Rama X’ จึงเป็นนิทรรศการที่พสกนิกรจะร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงปิดทองหลังพระและทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทยโดยเสมอมา

โดยท่านสามารถสมัครและ login เข้าไป จากนั้นค้นหา นิทรรศการ ‘Metaverse King Rama X’ หรือคลิกลิงก์ในโพสต์ตามลิ้งที่เราได้แนบไว้ หรือสแกน Qrcode แล้วท่านจะพบความประทับใจอันล้ำค่าที่พร้อมเผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก บน Spatiol. io ที่จัดทำกันโดยกลุ่มนักเรียนดี ได้แล้ววันนี้

เข้าไปชมงานที่ลิงก์นี้ได้เลยจ้า
> https://bit.ly/3Sr7vkG

'อัษฎางค์' อัดพวกนิ้วไม่ครบโยงหนัง 'สืบสันดาน' แซะสถาบัน ชี้!! แค่หามุมมาล้างสมองกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มคนที่ไม่รู้

(27 ก.ค.67) นายอัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ โดยระบุว่า ...

เมื่อคืนดู ‘สืบสันดาน’ ดูเกือบจบแล้วครับ

ผมว่า ดาราแสดงดี ขนาดตัวละครเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังแสดงได้ดีเลย โปรดักชันดี ดนตรีประกอบดี คือดูแล้วก็แอบดีใจว่า ละครไทยพัฒนามาไกลมาก

แต่ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควรคือ บทละคร ผมว่ายังทำไม่ถึง ยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่นิดหน่อย มีความไม่สมเหตุสมผล หรือทำให้เราดูแล้วว่า มันมาแบบนั้นแบบนี้ได้ยังไง

ถ้าเอาไปเทียบกับ ‘เลือดข้นคนจาง’ ซีรีส์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นละครแนวดราม่า ฆาตกรรม สืบสวน แย่งมรดก ซึ่งเป็นแนวใกล้เคียงกันแล้วเทียบไม่ติด เลือดข้นคนจาง บทละครดีมาก ซับซ้อน สมจริง
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นซีรีส์ที่มีพัฒนาการที่ดี และก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

แต่ถ้าถามมาว่าชอบมั้ย ตอบว่า ส่วนตัวไม่ได้ชอบ ตามมาลองดูเพราะเห็นว่ากระแสแรงและมีข่าวเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กัน ก็ตามมาดูเพื่อหาความจริง

ส่วนตัวชอบการแสดงของชาย ชาตโยดม เป็นดาราที่สวมบทได้หลากหลายและมักตีบทแตก แต่เรื่องนี้เหมือนยังไปไม่ถึง ขาดอีกนิดนึง ถ้าจะโทษคงโทษผู้กำกับที่ได้ดารามากฝีมือแต่ดึงศักยภาพออกมาไม่หมด ตัวแสดงที่คิดว่าชอบคือ คนที่เป็นเมียเจ้าสัว ดูสภาพเป็นเด็กรับใช้จริง ๆ ซึ่งก็ต้องชมผู้กำกับ

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจฟังดูงงๆ ว่าตกลงดีหรือไม่ดี ก็คงพูดให้หายงงว่า ส่วนตัวคิดว่า มันยังขาด ๆ เกิน ๆ บางอย่างดี บางอย่างยังไม่ดี บางอย่างเกือบดี และไอ้ตรงที่ดีมากก็มี ไอ้ตรงที่อึดอัดไม่ดีเลยก็มี

นอกจากนี้ ถือว่าเป็นหนังราคะ ที่ดูฉากราคะแล้วคลื่นไส้ ถ้าเทียบกับหนังหรือซีรีส์ราคะฝรั่งแล้วฝรั่งจะทำสวยงามกว่านี้ และไม่ดูน่าคลื่นไส้

แต่ก็ถือว่าเป็นซีรีส์ไทยที่ตั้งใจทำออกมาได้ดี และดีกว่าละครไทยทั่วไป เพียงแต่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงขั้นชอบ ผมว่าโดยรวมถือว่า เกือบดี แต่ตรงที่ว่ายังไม่ดี ผมว่ามันติดอยู่อีกนิดนึง ซึ่งก็น่าจะเป็นที่บท ดูแล้วอึดอัด แต่ยังไงก็ยังคงชื่นชมในความพยายามที่จะทำให้ดี ปรับปรุงเรื่องบทละครอีกนิดจะดีมาก

ทั้งหมดนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ เชื่อว่ามีคนจำนวนมากเห็นต่างจากผม คือส่วนใหญ่น่าจะชอบและมองว่าดีแล้ว

ส่วนประเด็นที่วิจารณ์กันว่า เป็นละครแซะสถาบัน ผมก็พยายามดู แต่ยังไม่หาเจอว่ามีเนื้อหาแบบนั้นเลย หรือว่าผมยังดูไม่ถึงตรงนั้น ใครเจอว่าอยู่ตรงไหน ช่วยบอกหน่อยครับ

แต่ผมว่า ซีรีส์เขาทำมาดีแล้วแต่มีคนนิ้วไม่ครบคิดไปเอง โยงไปเองมากกว่ากระมัง

เพราะผมมักไปเจอเรื่องราวที่ปกติ เช่นประวัติศาสตร์ วรรณกรรม เรื่องสั้น ที่เราเคยอ่านมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่คนมีนิ้วไม่ครบ ก็เอามาเล่าใหม่ เขียนกันใหม่ให้มันไม่ปกติ ด้วยการโยงเพื่อแซะกร่อนสถาบันหรือโยงไปเรื่องความไม่เท่าเทียม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เยอะมาก เพื่อเอามาล้างสมองกลุ่มคนที่เปราะบางหรือกลุ่มคนที่ไม่รู้

‘เศรษฐา’ โพสต์ข้อความผ่าน X เผย ‘นโยบายฟรีวีซ่า’ ทำท่องเที่ยวฟื้นตัว ชี้!! ยอดนักท่องเที่ยว ‘อินเดีย-ไต้หวัน’ พุ่งสูง คาดสิ้นปีนี้ มีทะลุ 2 ล้านคน

(27 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า … 

ปีนี้นักท่องเที่ยวไต้หวัน และอินเดียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบจากจำนวนนักท่องเที่ยวหลังโควิด และมีแนวโน้มจะสูงกว่าปี 2019 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเรามีมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวัน โดยการขยายระยะเวลาพำนักเป็น 60 วัน (เริ่มไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 และขยายโครงการไปจนถึงวันที่ 11 พ.ย. 67) ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนกำลังทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพียงครึ่งปี 2024 เราดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดใหญ่อย่างอินเดียได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

นายเศรษฐา ยังได้ระบุอีกว่า เรายังเดินหน้าขยายเวลาการพำนัก 60 วัน ให้อีก 93 ประเทศ เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายต่อหัวสูงด้วย ขณะที่ทาง ททท. ก็เตรียมกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศตลอดทุกเดือนด้วย ขอให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้ประตูบานใหญ่ของประเทศไทยเปิดแล้ว

'พล.ต.ท.นิธิธรฯ' ชมเชยการตัดสินใจแห่งชีวิต ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริปฏิบัติหน้าที่แข่งกับเวลา ส่งต่อหัวใจดวงที่ 100 ให้แก่ผู้รับบริจาคได้สำเร็จทันเวลา อีก 8 นาที ครบ 4 ชั่วโมง เดตไลน์ในการต่อชีวิต

(27 ก.ค.67) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ชมเชยตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ในการวางแผนและการตัดสินใจในการนำส่งอวัยวะหัวใจดวงที่ 100 ให้แก่ผู้รับบริจาค ซึ่งประสบปัญหาสภาพการจราจรทางอากาศคับคั่งทำให้เครื่องบินดีเลย์ และอีกทั้งสภาพการจราจรที่หนาแน่นในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเวลาค่ำของวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยอวัยวะหัวใจดังกล่าวนำส่งถึงทีมแพทย์ที่รอทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ โรงพยาบาลศิริราช ได้อย่างทันเวลา 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 15.50 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ได้รับแจ้งว่ามีภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจดวงที่ 100 จากจังหวัดพิษณุโลก โดยเครื่องบินพาณิชย์โดยสาร มาลงยังสนามบินดอนเมือง เพื่อนำส่งไปให้กับผู้รอรับบริจาค ณ โรงพยาบาลศิริราช โดยทีมแพทย์แจ้งว่า หัวใจที่ได้รับการบริจาคดวงนี้ได้รับการผ่าตัดออกจากร่างของผู้บริจาคในเวลา 16.00 น. ซึ่งอวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย นั่นหมายความว่าอวัยวะหัวใจดวงนี้ต้องส่งถึงมือศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ในเวลาไม่เกิน 20.00 น. พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) จึงได้นำกำลังตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริรุดไปยังสนามบินดอนเมืองเพื่อรอปฏิบัติภารกิจดังกล่าว โดยมีทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลศิริราชที่รอรับอวัยวะหัวใจ ร่วมกันวางแผนการนำส่งเพื่อให้ถึงทีมศัลยแพทย์ที่รอทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ได้ทันในเวลา 20.00 น.

แต่เนื่องจากปัจจัยของสภาพการจราจรทางอากาศทำให้เที่ยวบินนี้เกิดความล่าช้า มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองในเวลา 19.22 น. ระยะทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงโรงพยาบาลศิริราช 33 กิโลเมตร ด้วยสภาพการจราจรในเวลาดังกล่าวต้องใช้เวลาประมาณ 50 นาที หากเดินทางด้วยรถพยาบาล พ.ต.ท.ทศพร กลีบแก้ว รอง ผกก.2 บก.จร. จึงได้เสนอว่าหากนำส่งด้วยรถจักรยานยนต์จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น พ.ต.อ.จิรกฤตฯ เป็นผู้รับกล่องบรรจุอวัยวะหัวใจดวงนี้จากทีมแพทย์ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของ พ.ต.ต.พีรวุฒิ ใหม่อ่อง สว.งาน 2 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ) โดยมีตำรวจจราจรทางด่วนและตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ นำทางและอำนวยความสะดวกจราจร โดยทุกคันจำเป็นต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูง ด้วยภารกิจนี้มีชีวิตเป็นเดิมพัน พร้อมประสานกับตำรวจจราจรท้องที่ในเส้นทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงโรงพยาบาลศิริราช โดยใช้เวลา 18 นาทีถึงโรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 19.50 น. วิ่งเต็มสปีดส่งต่อให้กับทีมศัลยแพทย์หัวใจในห้องผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยในเวลา 19.52 น. ทันเวลาแบบฉิวเฉียด

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า การนำส่งอวัยวะหัวใจถือเป็นภารกิจที่สำคัญ เนื่องจากผู้บริจาคอวัยวะหัวใจ และครอบครัวของผู้บริจาค ยอมมอบบริจาคหัวใจ เพื่อส่งต่อโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับผู้รอรับบริจาค ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา ที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมืออย่างเต็มที่จากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ที่เปิดทางให้กับรถฉุกเฉินเมื่อได้ยินสัญญาณไซเรนท์ขอทาง โดยกรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 100 แล้ว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้ ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสังเกตอาการของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศิริราช ทราบในเบื้องต้นว่าหัวใจของผู้บริจาคสามารถเข้ากันกับหัวใจของผู้รับบริจาคได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรทุกนายที่มีส่วนร่วมในภารกิจนี้ ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ รวมถึงตำรวจจราจรทุกท้องที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในเส้นทาง ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สมกับจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” เพื่อยกระดับการบริการประชาชน และสร้างความเชื่อถือศรัทธา 

'อดีตทูตนริศโรจน์' วิจารณ์พิธีเปิดโอลิมปิก ขัดแย้งต่อการ 'รู้แพ้-รู้ชนะ-รู้อภัย' หลังฝรั่งเศสนำเรื่องราวทารุณกรรม พระนางมารีอังตัวเนตต์ มาแสดง

(27 ก.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า…

โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการนำเอาเรื่องราวของบุคคลในประวัติศาสตร์การเมืองที่ถูกประหารชีวิตอย่างทารุณกรรมด้วยการบั่นคอ เช่น พระนางมารีอังตัวเนตต์มาแสดงประกอบในพิธีเปิดงานมหกรรมกีฬา ที่เน้นเรื่องการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่เน้นความรุนแรง 

ใครจะมองว่าเป็น art อะไรก็ตาม แต่ผมมองว่ามันขัดแย้งกับ spirit ของการกีฬาของคนทั้งโลก !

กอปรกับเคยได้อ่านการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ว่า พระนางมารีอังตัวเนตต์ นั้น ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคณะปฏิกษัตริย์อย่างบิดเบือน จนทำให้พระนางดูร้ายเกินจริงจนมากมาย เลยทำให้ภาพองค์รวมของพิธีเปิดโอลิมปิคปารีสเกมส์ดู drop ลง ! 

Spirit Of Sport Not Violence !

พร้อมกันนี้ นายนริศโรจน์ ยังได้กล่วเสริมอีกว่า "นำเสนอเรื่องราวต่างๆได้หมด แฟชั่น สถาปัตยกรรม ความศิวิไลซ์ ไม่เว้นแต่ความรุนแรงในประวัติศาสตร์ของชาติตัวเอง...ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่นำเสนอคือ การเข้าไปยึดครองประเทศอื่นเป็นอาณานิคมด้วยวิธีการเจ้าเล่ห์เพทุบาย เข้าไปสร้างความแตกแยกในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในอินโดจีน"

‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ จับมือ ‘ทีมผู้สร้าง 2475 Dawn of Revolution’ ชวน!! ‘ดูหนัง-ฟังเสวนา’ 6 สิงหานี้ ที่คณะรัฐศาสตร์ รามคำแหง หัวหมาก

(27 ก.ค.67) พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกับ 2475 Dawn of Revolution ขอเชิญผู้สนใจร่วมงาน ดูหนังฟังเสวนา

'มายาธิปไตย 2475 : เทสที่สร้าง•ร่างที่เป็น'

6 สิงหาคม 2567 ณ ม.รามคำแหง

ผู้ร่วมเสวนา 

🟢 'การเล่าประวัติศาสตร์แนวใหม่ผ่านแอนิเมชัน' 
🔶วิวัธน์ จิโรจน์กุล
ผู้กำกับภาพยนตร์ แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ

🟢 '2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย' 
🔶ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ 
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง

🟢 'รัฐประหาร : มรดก 2475'
🔶ปัณฑา สิริกุล 
นักเขียน / ผู้เขียนบทสารคดี / ผู้เขียนบทภาพยนตร์ 
แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ

🟢 '2475: สู่สถาบันนิยม'
🔶จิตรากร ตันโห
ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นิสิตปริญญาโท สาขาวิชาการปกครอง 
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

🟢 'การปฏิวัติฝรั่งเศส สู่ ปฏิวัติสยาม'
🔶ฤกษ์อารี นานา
ปริญญาตรี รัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง 
Institut Catholique de Vendee ประเทศฝรั่งเศส 
ปริญญาโท เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา 
SOAS University of London ประเทศอังกฤษ

รอบเช้า 10:00 - 12:00 น. งานเสวนา
รอบบ่าย 13:30 - 15:40 น. ฉายภาพยนตร์แอนิเมชัน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ
พักเบรค มีของว่างและกาแฟ พร้อมของที่ระลึก

ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ และร่วมกิจกรรมเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนที่มาร่วมงาน

วันนี้ (27 กรกฎาคม 2567) เวลา 12.00 น. น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม , พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงการเตรียมความพร้อมด้านการประชาสัมพันธ์และการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ในงานพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณท้องสนามหลวง 

รัฐบาลภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีการจัดกิจกรรมตลอดเดือนกรกฎาคม 2567 ประกอบด้วย การจัดทําน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีพิธีพลีกรรมตักนํ้าจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัด มาประกอบพิธีเสกน้ำ เวียนเทียนสมโภชในแต่ละจังหวัด ก่อนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ดังกล่าวมาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย และมีขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากบริเวณถนนอัษฎางค์ กระทรวงมหาดไทย ไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และในวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.00 น. จะมีขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง

สำหรับวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระราชพิธีและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ดังนี้ 
- เวลา 06.35 น. พิธีขบวนอิสริยยศ เชิญน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง 
- เวลา 07.00 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณท้องสนามหลวง 
- เวลา 07.45 น. พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ณ บริเวณท้องสนามหลวง 
- เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
- เวลา 12.00 น. 3 เหล่าทัพ ยิงสลุตหลวง หน่วยละ 21 นัด 
- เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทรงตั้งสมณศักดิ์จีน ญวน และพระสงฆ์ 
- เวลา 17.30 น. พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม ณ บริเวณท้องสนามหลวง 
- เวลา 19.19 น. พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร 
ในส่วนภูมิภาค จังหวัดต่างๆ จะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ทั่วประเทศด้วย

นอกจากนี้ ประชาชนสามารถร่วมชมการแสดงสาธิตการเห่เรือเฉลิมพระเกียรติ แบบผูกทุ่น ซึ่งกองทัพเรือได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เชิญเรือพระที่นั่ง จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช  ผูกทุ่นประกอบการแสดงกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ณ ท่าราชวรดิฐ  เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28 และ 29 กรกฎาคม 2567 วันละ 2 รอบ รอบละ 25 นาที  โดยวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 จัดแสดงในเวลา 15.00 น. และ 20.30 น. ส่วนวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 จัดแสดงในเวลา 17.00 น. และ 20.00 น. 

สำหรับการเดินทางร่วมพิธีต่างๆ นั้น ได้มีการจัดการโดยสารสาธารณะให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางไปร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พิธีเห่เรือพระราชพิธี และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จากจุดต่างๆ เพื่อมายังบริเวณการจัดงาน ณ ท้องสนามหลวง ทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ ดังนี้

- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารเฉพาะกิจให้บริการฟรี (จอดรับ-ส่งทุกป้าย) ในวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2567 ให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00 - 21.00 น. หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ 
1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพญาไท) - สนามหลวง : จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา
2. สายใต้ใหม่ - สนามหลวง : จอดรับ - ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา
3. หมอชิต 2 - สนามหลวง : จอดรับ - ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา
4. วงเวียนใหญ่ - สนามหลวง : จอดรับ – ส่ง บริเวณตรงข้ามศาลฎีกา
5. เดินรถเป็นวงกลม เส้นทางสนามหลวง - ท่าช้าง – ท่าเตียน

- การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดรถไฟขบวนรถพิเศษโดยสาร 3 เส้นทาง ให้บริการฟรี ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : สถานีอยุธยา – สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีอยุธยา เวลา 13.35 น. และออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 22.20 น
เส้นทางที่ 2 : สถานีฉะเชิงเทรา – สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีฉะเชิงเทรา เวลา 13.30 น. และออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 22.25 น.
เส้นทางที่ 3 : สถานีนครปฐม - สถานีธนบุรี โดยออกจากสถานีนครปฐม เวลา 14.00 น. และออกจากสถานีธนบุรี เวลา 22.00 น.

- กรมเจ้าท่า จัดบริการเรือข้ามฟากและเรือด่วนอำนวยความสะดวกประชาชน ในวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 15:00 น จนกว่าจะแล้วเสร็จ 
บริการเรือข้ามฟาก : ไป-กลับ ระหว่างท่าเรือวัดระฆังฯ (ฝั่งธน) - ท่าเรือท่าช้าง 
บริการเรือโดยสาร : กรมเจ้าท่า ร่วมกับบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด บริการเรือฟรีรับส่งประชาชน ไป-กลับท่าเรือสาทร - ท่าเรือกรมเจ้าท่า - ท่าเรือราชินี - ท่าเรือท่าเตียน

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การดูแลพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พิธีเห่เรือพระราชพิธี และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยในการดูแลอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนที่เดินทางจากจังหวัดต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ รับผิดชอบในการประสานงานและจัดรถนำเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ในส่วนของพื้นที่จุดจอดรถพักคอยรอบนอกกรุงเทพมหานคร ได้จัดเตรียมไว้จำนวน 3 จุด ได้แก่ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี , ลานจอดรถพุทธมณฑลสาย 4 และลานจอดรถ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พระราม 9 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมรถนำจากกองบังคับการปราบปราม กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจท่องเที่ยว และกองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมภารกิจนำรถขบวนพี่น้องประชาชนที่แสดงความประสงค์มาร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ จากต่างจังหวัด และนำส่งยังภูมิลำเนาหลังเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ในส่วนของพื้นที่เส้นทางในกรุงเทพมหานครบริเวณโดยรอบพิธีต่างๆ นั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดเตรียมกำลังพลทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจจราจร เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มที่ พร้อมจัดเตรียมช่างซ่อมแซมรถ รถเคลื่อนย้ายยานพาหนะ เพื่อแก้ไขปัญหากรณีเกิดอุบัติเหตุ รถเสีย รวมทั้งจัดสายตรวจจราจรเพื่อให้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกรณีเร่งด่วน เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชนได้ในทันท่วงที

โอกาสนี้ ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกท่านสวมใส่เสื้อสีเหลืองตราสัญลักษณ์ ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ร่วมประดับธงตราสัญลักษณ์ตามอาคารบ้านเรือน เจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกันทั่วประเทศในเวลา 19.19 น. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยที่กรุงเทพมหานคร จัดที่ท้องสนามหลวง และต่างจังหวัดจัดในสถานที่ที่ทางจังหวัดกำหนด 

รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ รับรางวัลระดับโลก

เมื่อวันที่ (25 ก.ค.67) น.อ.(ญ)จิรพรรณ ตันติมงคลสุข และ น.อ.(ญ)ภาศรี มหารมย์ และทีม คกก.ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เดินทางไปรับรางวัล Hand Hygiene Excellent Award ที่งาน International Congress of Asia Pacific Society of Infection Control ที่ประเทศ อินโดนีเซีย 

เป็นรางวัลระดับโลก ในส่วนงานป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ ภายใน รพ. ซึ่งมี ทีมของ รพ.ต่างๆ ในเขต Asia Pacific ในปีนี้ได้รับรางวัลเพียง 2 แห่ง และรพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. เป็น 1 ใน 2 แห่งนั้น

รางวัลนี้ เป็นรางวัลอันทรงคุณค่าที่มอบให้แก่ รพ.ที่มีระบบภาพรวมในการบริหารงาน ดูแล ควบคุม กำกับการแพร่เชื้อโรคภายใน รพ. ไปสู่ผู้ป่วย โดยหนึ่งในกระบวนงานนั้นคือ การ ล้างมือของบุคลากร ฯ

รรท.รอง ผบ.ตร. หารือหน่วยงานความมั่นคง สาธารณรัฐประชาชนจีน มุ่งยกระดับความร่วมมือ เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทในภูมิภาค

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทุกประเภท สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ในระดับพหุภาคีและระดับสากล

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เป็นผู้แทน ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ที่ปรึกษา ผบ.ตร.ด้านต่างประเทศ, พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.ประจำ บช.ก. และเจ้าหน้าที่ ตท. ให้การต้อนรับ นายหู ปินเฉิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, นายอู๋ จืออู่ อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย, นายหนิว ไห่เฟิง รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ, นายหวาง เทา ผอ.สำนักงานต่อต้านการก่อการร้าย, นางหลิว ต้านลู่ ผอ.สำนักงานกฎหมาย และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับ ตร. ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 ตร.

ผลการหารือข้อราชการ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันใน 4 ประเด็น ดังนี้
1.เร่งรัดขยายขอบเขตแห่งความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยต้องมีแผนปฏิบัติความร่วมมือให้ชัดเจน
2.ความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเน้นอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซนเตอร์ และฉ้อโกงออนไลน์
3.ฝ่ายจีนร้องขอให้จับกุมชาวจีนที่กระทำผิด กลับไปดำเนินคดีที่จีน โดยคดีสำคัญให้ใช้การส่งผู้ร้ายข้ามแดนส่วนคดีอื่นๆให้พิจารณาใช้การผลักดัน 
4.คณะตำรวจจากมณฑลกวางตุ้งจะมาเยือนไทย ในเดือน ส.ค.67 เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง ตร.จีน และ ตร.ไทย โดยเน้นย้ำให้ความสำคัญในการแลกเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยระหว่างกัน

พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศสมาชิก ตลอดจนหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและระหว่างภูมิภาค ที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและระดับสากล เคียงข้างและร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท นำไปสู่ความสำเร็จในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทในภาพรวม เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความปลอดภัย มีสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top