Friday, 28 June 2024
NewsFeed

‘ชาวบ้านดงไชย’ โอด!! ‘วัยรุ่นลำปาง’ มักใช้สวนสาธารณะเคลียร์ปัญหา นัดตบตีแทบทุกวัน-ใช้ปืนขู่-กลางคืนแว้นรถ วอน!! จนท.รุดตรวจสอบ

(14 มิ.ย.67) เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้ หลังมีคลิปของนักเรียนหญิง 2 สถาบันดังในลำปางนัดเคลียร์ปัญหากันภายในสวนสาธารณะภิรมย์ธาร ข้างเขื่อนยาง บ้านดงไชย เทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นที่สาธารณะและมีประชาชนมาออกกำลังกายเกือบตลอดทั้งวันไปยันดึก เนื่องจากมีการติดไฟแสงสว่างทั้งคืน

เมื่อเคลียร์กันไม่ได้จึงใช้กำลังตบตี ถีบ เยาวชนหญิงที่มีเพื่อนมาด้วยน้อยกว่าแบบ 6 รุม 1 โดยมีเพื่อนคอยถ่ายคลิปไว้ ก่อนจะนำไปแชร์ต่อกันและกระจายเป็นวงกว้าง

จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสวนฯ บันทึกไว้ได้ จะเห็นว่ามีนักศึกษา และนักเรียน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่สวมชุดนักศึกษาจะมีจำนวนมากกว่าคือประมาณ 10 กว่าคน ส่วนฝ่ายนักเรียนมีประมาณ 4 คน ได้มานัดเจอกันที่ทางเดินภายในสวนใกล้ห้องน้ำสาธารณะ

ทั้งหมดได้ยืนพูดคุยกันสักพักก่อนที่จะพากันหลบมุมกล้องเข้าไปด้านข้างห้องน้ำ ซึ่งมีต้นไทรบังอยู่ ไม่นาน..ก็มีนักเรียนหญิงวิ่งออกมา โดยมีกลุ่มนักศึกษาหญิงและเพื่อนวิ่งไล่ตามตบตีถีบล้มลุกคลุกคลานออกมาบริเวณทางเดินหน้าห้องน้ำ โดยมีเพื่อนชาย-หญิงคอยถ่ายคลิปไว้ จากนั้นอีกไม่นานฝ่ายนักศึกษาก็พากันแยกย้ายวิ่งออกจากสวนสาธารณะ เหลือฝ่ายนักเรียน 4 คนยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามกลุ่มเพื่อนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทราบว่าก่อนหน้านั้นทั้งคู่เคยเขม่นกันมาก่อน และมีการโพสต์แซะกันไปมา กระทั่งนัดเคลียร์กันที่จุดดังกล่าวแบบตัวต่อตัว แต่เมื่อเริ่มฝ่ายเพื่อนของนักศึกษาก็เข้ามารุมตบตีตามที่เห็นในภาพ แบบ 6 ต่อ 1 จนน้องนักเรียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังไม่พอหลังเกิดเหตุแล้วฝ่ายนักศึกษาได้มีการโพสต์แซะในเฟซบุ๊กส่วนตัวเหมือนเย้ยฝ่ายตรงข้าม โดยโพสต์เสื้อที่มีรอยเปื้อนคล้ายเลือดและเขียนข้อความว่า…“คนต่อไปคือมึงนะ สุดสวยด้วย”

ทั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มนักศึกษาที่รู้จักกับกลุ่มที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายฝ่ายนักเรียน ทราบว่ามักจะก่อเหตุในลักษณะนี้และมีการถ่ายคลิปเก็บไว้และส่งไปให้เพื่อนดูจนมาครั้งนี้คลิปเกิดหลุดออกมา

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บ้านดงไชยและอยู่ใกล้สวนสาธารณะฯ วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านเอือมระอากับเยาวชนทั้งชาย-หญิง ที่มักจะใช้โซนเหนือ และโซนใต้ของสวนสาธารณะเป็นที่เคลียร์ปัญหา นัดชกต่อยตบตีกันแทบทุกวัน บางรายใช้ปืนยิงขู่ กลางคืนก็แว้นรถ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านมาก บางวันต้องแจ้งตำรวจ 2-3 รอบ ตำรวจก็มาบ้างไม่มาบ้าง และแค่ตักเตือนเพราะเป็นเยาวชน

ล่าสุดกลุ่มเยาวชนหญิงก็มาตบตีกัน ครั้งนี้อาจจะใช้แค่กำลัง หากอนาคตมีการใช้อาวุธเกิดขึ้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่าเยาวชนไม่กลัวอะไรเลยแม้ว่าสวนสาธารณะจะมีการปรับปรุงดีขึ้นกว่าเดิม เพิ่มไฟส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมงก็ยังไม่กลัวกันเลย

กมธ.วิสามัญ 'บุหรี่ไฟฟ้า' แถลงใหญ่เตรียมชง 3 ทางเลือกแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า

(13 มิ.ย.2567 รัฐสภา) นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย แถลงว่าคณะกรรมาธิการ 35 คนมาจากหลากหลายองค์กร ส่วนราชการ ภาคสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ความคิดเห็น ซึ่ง กมธ. ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและศึกษาผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านเด็กและเยาวชน ด้านเศรษฐกิจและการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนคำนึงสภาพความเป็นจริงของประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาของสังคมไทยตลอดมา ลั่นทำเพื่อประเทศชาติ ไม่มีใบสั่ง ไม่อยู่ภายใต้การกดดันของใคร ชี้ศึกษาดูงานจีน “แหล่งผลิต” ภายในสิ้นเดือนนี้ ย้ำชัดการปกป้องเด็กและเยาวชนต้องมาก่อน

นายนิยม กล่าวว่า วันนี้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ใช้กันแพร่หลาย กมธ.จะต้องหามาตรการด้านกฎหมาย การควบคุมที่เหมาะสอดคล้องกับสถานการณ์ และสภาพความเป็นจริง และบริบทของประเทศไทยเราด้วย ดังนั้นคณะ กมธ. ได้ตั้งคณะอนุ กมธ.2 คณะ คือคณะอนุ กมธ. พิจารณามาตรการด้านกฎหมาย และคณะอนุ กมธ.จัดทำรายงาน

สำหรับแนวทางการพิจารณาของกมธ. มีความเป็นอิสระตามบริบทของประเทศไทย ดังนั้น เมื่อกรรมาธิการฯมีข้อสรุปแล้วเสร็จจึงจะนำเสนอต่อสภาฯ เพื่อให้ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลตัดสินใจเลือกแนวทาง สำหรับการเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกมธ.จะเดินทางไปศึกษาดูงานในประเทศจีนระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ย.เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อปรับแนวทางของกฎหมายให้สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน

ด้าน นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เลขานุการฯ และในฐานะประธานคณะอนุ กมธ. พิจารณามาตรการด้านกฎหมายเพื่อควบคุมกํากับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย กล่าวว่า คณะทำงานเข้าใจในบริบทของสุขภาพและการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน แต่ปัจจุบันกฎหมายยังมีช่องโหว่การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งคณะอนุฯได้ศึกษาแนวทางและได้เสนอต่อ กมธ.ชุดใหญ่ใน 3 แนวทางคือ
(1) กำหนดให้การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยแบ่งเป็น 2 ทางเลือกคือ (1.1) แก้กฎหมายปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นประกาศกระทรวงพาณิชย์ คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้มีความชัดเจนและครอบคลุมถึงการครอบครองและผลิต เพื่อให้มีผลบังคับใช้อย่างจริงจัง และ (1.2) แก้กฎหมายใหม่ในระดับพระราชบัญญัติ เพื่อกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จ โดยรวมหลักการ มาตรการทุกมิติไว้ในกฎหมาย การห้ามผลิต ห้ามนำเข้า การจำหน่าย ห้ามครอบครอง ห้ามโฆษณาการสื่อสาร ต่างๆ รวมถึงห้ามการสูบด้วย
(2) กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน คือ Heated Tobacco Product หรือ Heat Not Burn Tobacco เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยแก้ไขกฎหมายให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย แก้ประกาศกระทรวงพาณิชย์ แก้คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงต้องบัญญัติกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อควบคุมยาสูบแบบให้ความร้อน ให้เป็นยาสูบตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต เก็บภาษีได้ เข้าไปดูในมิติของการควบคุม การเข้าถึง การโฆษณา การสื่อสาร ภายใต้ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น
(3) กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้า E-cigarettes และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน Heated Tobacco Product ทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยแก้กฎหมาย แต่จะคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งทั้ง 3 แนวทางจะนำเสนอ กมธ.ชุดใหญ่ในเร็ววันนี้

นพ.ภูมินทร์ กล่าวเสริม คณะอนุกมธ.มีข้อสังเกตเพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย คือ เพิ่มนิยามคำว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” “น้ำยา” “อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า” ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น “บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน” หรือ Heated Tobacco Product ให้มีความชัดเจน เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มความเข้มข้นของทุกมาตรการเพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ กมธ.บินไปดูงานบุหรี่ฟ้าที่ประเทศจีน นายนิยม กล่าวว่า การเดินทางไปประเทศจีนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ในการตัดสินใจของกมธ.เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นการศึกษาดูงานในประเทศที่มีขนาดใหญ่ การไปดูงานไม่ได้เป็นการไปโน้มน้าวจิตใจ เพราะทุกคนไม่ได้มีผลประโยชน์ มีอิสระในการที่จะคิดและทำเพื่อส่วนรวม

ท้ายสุดจะส่งให้ กมธ.วิสามัญ ทั้ง 35 คน จากโควต้าทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ให้ลงมติว่าจะยึดแนวทางไหน คงจะมีการฟังเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ซึ่งทุกความเห็นของ กมธ.ก็จะบันทึกหมดให้กับสภาฯ เพื่อพิจารณาต่อไป

'รัฐบาล' ไฟเขียว!! ช่วยเหลือค่าปุ๋ยชาวนา 3 หมื่นล้านบาท อุ้มเกษตรกร 4.48 ล้านครัวเรือน รอชง ‘ครม.’ ภายใน มิ.ย.นี้

(14 มิ.ย. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตามที่กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้เสนอ

โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรในการซื้อปุ๋ยครึ่งหนึ่ง และเกษตรกรออกเองอีกครึ่งหนึ่ง รวมวงเงินที่จะใช้ดำเนินการทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท มีปุ๋ยรวมทั้งหมด 14 สูตร ทั้งนี้ คาดว่าจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อให้โครงการสามารถเริ่มได้ทันฤดูการผลิตปี 67/68

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิตในการลดต้นทุนการปลูกข้าวให้เกษตรกร โดยรัฐบาลจะสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ ไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ให้กับเกษตรกร ในปีการผลิต 67/68 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งมีเกษตรกรปลูกข้าวทั่วไปประมาณ 4.48 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 54 ล้านไร่ และเกษตรกรที่ปลูกข้าวอินทรีย์ 0.20 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 120 ล้านไร่

‘นายกฯ’ บันทึกรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ เล่าภารกิจใน-นอกประเทศ ออนแอร์เทปแรก 22 มิ.ย.นี้ ช่อง NBT2HD เวลา 08.00-08.30 น.

(14 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า สืบเนื่องที่รัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจัดรายการนายกฯ พบประชาชน เบื้องต้นมีรายงานว่า จะใช้ชื่อรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ โดยจะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เริ่มเวลา 08.00 - 08.30 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่ง (NBT2HD) ซึ่งได้มีการบันทึกเทปแรกไว้แล้วเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการเทปแรก 

นอกจากนี้ยังได้มีการวางผู้ดำเนินรายการมาสลับกันทำหน้าที่ อาทิ ‘หมวย’ อริสรา กำธรเจริญ ผู้ประกาศข่าว, อั๋น ภูวนาท คุนผลิน พิธีกรชื่อดัง เป็นต้น

สำหรับรูปแบบรายการ นายกรัฐมนตรีจะเล่าสรุปภารกิจจากการลงพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อัปเดตผลการดำเนินงานของรัฐบาล ส่วนรายการครั้งต่อ ๆ ไป จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตามความเหมาะสมและสถานการณ์ เช่น การจัดรายการนอกสถานที่ระหว่างการลงพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ 

‘เพจเลี้ยงลูกชื่อดัง’ โพสต์ไม่ได้รับความเท่าเทียม หลังถูก รร.เรียกพบ สุดท้ายขอโทษ-ปิดเพจ 15 วัน หลังโดนตอกกลับไม่เป็นความจริง

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 67)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีประเด็นถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก หลังจากที่เพจ ‘Tor Rungrojn ผู้ชายเลี้ยงลูก’ ที่มีผู้ติดตาม 3.5 แสนคน ซึ่งเป็นเพจบอกเล่าประสบการณ์ของคุณพ่อในการเลี้ยงลูก ออกมาโพสต์เรื่องความไม่เท่าเทียมกันในโรงเรียน โดยคุณพ่อยกประเด็นว่า ถูกโรงเรียนเรียกไปพูดคุยเรื่องการให้ ‘ลูกขี่คอ’ พร้อมกับระบุว่า ถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำลักษณะนี้อีก

ซึ่งโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปจำนวนมาก และมีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของโรงเรียนในแง่ลบจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว พร้อมกับออกแถลงการณ์ชี้แจงรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย

โดยเบื้องต้นโรงเรียนชี้แจงระบุว่า โรงเรียนอมาตยกุล ขอชี้แจงดังนี้

โรงเรียนไม่เคยนำเรื่องความเท่าเทียมมาเชื่อมกับการที่นักเรียนขี่คอผู้ปกครอง กรุณาทบทวนสิ่งที่ อ.เกียรติวรรณ คุยกับคุณพ่ออีกครั้ง

ล่าสุด 27 พ.ค.67 ทาง ร.ร.เชิญผู้ปกครองเจ้าของเพจมาพบ เพราะมีผู้ปกครองที่เป็นคู่กรณีขอพบ และขอให้โรงเรียนเป็นตัวกลาง เราติดต่อกับผู้ปกครองหลายๆ ท่านทางโทรศัพท์เป็นประจำ มีทั้งโทรไปชม และแจ้งเรื่องด่วน เจ้าของเพจไม่ต้องตกใจหากได้รับโทรศัพท์
ทราบว่าคุณพ่อรักโรงเรียน แต่ขอเรียนว่า ข้อมูลการรับนักเรียนที่เขียนในเพจ มีหลายประการที่ไม่ถูกต้อง และขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้

3.1 โรงเรียนมีค่าแรกเข้า ไม่ใช่ไม่มี ตามที่เจ้าของเพจเขียน

3.2 โรงเรียนไม่ได้ใช้ระบบจับสลาก

3.3 ไม่ได้มีคนสมัครล้นทุกชั้น

3.4 ไม่ได้ให้ผู้ปกครองใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออนุญาตชี้แจง อ.เกียรติวรรณ อมาตยกุล ครูกุ้ง และคณะครู

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โรงเรียนชี้แจงไป ทางเพจออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “ผมขอโทษ และน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ตอนนี้สภาพจิตใจผมย่ำแย่มาก ขอปิดเพจ 15 วัน หรือจนกว่าสภาพจิตใจผมจะดีขึ้น”

ลูกสาวพาพ่อใกล้สิ้นใจ มานอนรอความตายที่วัด เข้าใจเจ้าของบ้านเช่า ด้าน รพ.รุดให้การช่วยเหลือ

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ วัดโคกสมานคุณ (พระอารามหลวง) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดย น.ส.พัชรา เกื้อกูล หรือนุ่ม อายุ 23 ปี ได้พา นายยง โกมาร อายุ 63 ปี ผู้เป็นพ่อ มานอนรอความตายที่ศาลาตั้งศพภายในวัดโคกสมานคุณ เนื่องจากใกล้เสียชีวิต ร่างกายไม่ตอบสนอง มีแค่ลมหายใจเข้าออก และกลายเป็นภาพที่สะเทือนใจกับผู้ที่พบเห็น เนื่องจากใกล้ ๆ มีศาลาตั้งศพกำลังมีจัดงานศพอยู่ด้วย

ทั้งนี้ จากการสอบถาม น.ส.พัชรา กล่าวว่า พ่อประสบอุบัติเหตุขี่รถจยย.ชนกันกับรถจยย.อีกคัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นอนรักษาตัวเรื่อยมาเกือบ 6 เดือน ครั้งแรกรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.) และเพิ่งย้ายมารักษาต่อที่ รพ.หาดใหญ่ ได้ 13 วัน พบว่าอาการทรุดหนักหมดทางรักษา แม้จะผ่าตัดมาแล้ว 4 ครั้ง ญาติจึงยอมยุติการรักษาให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจออก เพื่อไม่ให้พ่อทรมานและจากไปอย่างสงบ ก่อนพาพ่อออกจากโรงพยาบาล แต่ว่าเจ้าของบ้านเช่าไม่ต้องการให้นำพ่อกลับไปตายที่บ้านเช่า

ตนต้องจำใจพาพ่อมาอยู่ที่ศาลาตั้งศพภายในวัดโคกสมานคุณไปก่อน เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีญาติพี่น้อง เพราะเดิมเป็นคนจ.หนองคาย ไม่ใช่คนหาดใหญ่ และมาเช่าบ้านทำมาหากินอยู่ที่หาดใหญ่ โดยอาศัยอยู่กับแม่พี่สาวส่วนพ่อจะไป ๆ มา ๆ

โดย น.ส.พัชรา กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจทุกฝ่ายดีทั้ง รพ.หาดใหญ่ กรณีคนไข้ยุติการรักษา ญาติก็ต้องรับกลับบ้าน เข้าใจเจ้าของบ้านเช่าเพราะไม่มีใครอยากให้มีคนเข้าไปตายในบ้านเขา แต่สงสารพ่อที่ต้องมานอนรอความตายอยู่ภายในศาลาตั้งศพที่วัด แทนที่จะอยู่ได้กลับมาตายที่บ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะพาพ่อที่ใกล้ตายไปอยู่ที่ไหน

ขณะที่ นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือปลัดแป้น อดีตนายอำเภอหาดใหญ่ และอดีตปลัด จ.สงขลา ได้เดินทางมาเป็นประธานฌาปนกิจศพ และทราบเรื่องก็ได้ช่วยประสานงานกับวัด ครั้งแรกได้จัดที่ให้นำ นายยง ไปอยู่ภายในศาลาตั้งศพอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารปิดมิดชิด ไม่อุจาดตาและสะดวกกว่าศาลาตั้งศพเดิม ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้งไม่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจกับผู้พบเห็น

จากนั้น นายณรงค์พร ได้ประสานไปยัง รพ.หาดใหญ่ อีกครั้ง เพื่อดูว่าจะช่วยเหลือ นายยง ได้อย่างไรบ้าง เพราะดูอาการแล้วน่าจะยังอยู่อีกหลายวันไม่น่าเสียชีวิตทันทีในวันนี้ หากปล่อยให้อยู่ในศาลาตั้งศพแบบนี้ไม่เหมาะสมและสงสารครอบครัวด้วย

เมื่อ รพ.หาดใหญ่ ทราบเรื่องก็รีบช่วยเหลือทันที แม้ว่าญาติคนไข้รายนี้จะยุติการรักษาแล้ว พร้อมจัดรถพยาบาลมารับ นายยง ไปดูแลที่ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูโรงพยาบาลบางกล่ำ ซึ่งเป็นเครือข่าย รพ.หาดใหญ่ จนกว่าจะเสียชีวิต

นายณรงค์พร กล่าวว่า หาก นายยง เสียชีวิตให้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพภายในวันโคกสมานคุณได้เลย ซึ่งหากตั้งวันเดียวก็ไม่มีค่าใช้จ่าย หากตั้งศพ 2 วันต้องจ่าย 3,000 บาท ตั้งศพ 3 วันจ่าย 7,000 บาท ตนจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายให้

ทางด้าน น.ส.พัชรา กล่าวอีกว่า ถ้าพ่อเสียชีวิตอาจจะตั้งศพวันเดียวแล้วเผาเลย และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ยื่นมือมาให้การช่วยเหลือ ให้พ่อได้มีที่อยู่ก่อนที่จะเสียชีวิต เพราะพวกตนก็ไม่รู้ว่าจะพาพ่อไปอยู่ที่ไหนแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงดูแลพ่อจนลมหายใจสุดท้ายเท่านั้น

'อีลอน' เผย!! ผู้ถือหุ้นเทสลาโหวตอนุมัติค่าตอบแทน 2 ลลบ. หลังวางยา 'หากไม่ยอม อนาคตของเทสลาอาจมีความเสี่ยง'

(14 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ว่า ผู้ถือหุ้นเทสลาโหวตเห็นด้วยกับการอนุมัติแพ็กเกจค่าตอบแทน 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่นายมัสก์ และโหวตสนับสนุนการย้ายสำนักงานใหญ่จากรัฐเดลาแวร์ไปยังรัฐเท็กซัส โดยนายมัสก์เผยว่าผลการลงคะแนนออกมาอย่างท่วมท้น

“ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนนะทุกคน!!” นายมัสก์โพสต์บนเอ็กซ์

ผลการลงคะแนนจะประกาศในที่ประชุมที่สำนักงานใหญ่ของเทสลาในรัฐเท็กซัส เวลา 16:30 น. ในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น (หรือ 04.30 น. ของวันศุกร์นี้ ตามเวลาไทย)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ผลการนับคะแนนเบื้องต้นบ่งชี้ว่า เสียงสนับสนุนมาจากทั้งนักลงทุนสถาบันรายใหญ่และนักลงทุนรายย่อย

ก่อนหน้านี้ บริษัทนายหน้ารายใหญ่อย่าง Glass Lewis กับ Institutional Shareholder Services (ISS) ได้ขอให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเสียงคัดค้านแพ็กเกจค่าตอบแทนของนายมัสก์ รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่อย่างกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ ก็ได้ประกาศว่าจะโหวตคัดค้านด้วย

นอกจากเรื่องแพ็กเกจค่าตอบแทนกับเรื่องย้ายสำนักงานใหญ่แล้ว ผู้ถือหุ้นเทสลายังโหวตเรื่องอื่น ๆ อีก เช่น การเลือกตั้งกรรมการบริษัทสองคนใหม่ ได้แก่ นายคิมบาล มัสก์ ผู้เป็นน้องชายของนายอีลอน และนายเจมส์ เมอร์ด็อก

ด้านนายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส โพสต์แสดงความยินดีกับนายมัสก์บนเอ็กซ์ว่า “ยินดีต้อนรับสู่รัฐที่ไม่มีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล”

ทั้งนี้ เทสลาได้รณรงค์อย่างหนักเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติแพ็กเกจค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลให้แก่นายมัสก์ โดยระบุในเว็บไซต์การประชุมประจำปีของบริษัทว่า “มูลค่าในอนาคตที่เรามีไว้ให้คุณนั้นกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เราต้องการคะแนนเสียงของคุณตอนนี้เพื่อปกป้องเทสลาและเงินลงทุนของคุณ”

นอกจากนี้ เทสลายังจัดกิจกรรมสุ่มเลือกผู้ถือหุ้น 15 คนที่ลงคะแนนเสียง ให้ไปทัวร์โรงงานเทสลาที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส โดยมีนายมัสก์และนักออกแบบรถยนต์ ฟรองซ์ ฟอน โฮลซ์เฮาเซน เป็นผู้นำทัวร์ด้วยตนเอง

เมื่อเดือนมี.ค. 2561 ผู้ถือหุ้นเทสลาส่วนใหญ่โหวตสนับสนุนแพ็กเกจค่าตอบแทนสำหรับนายมัสก์ แต่ในเดือนม.ค.ของปีนี้ ศาลรัฐเดลาแวร์ตัดสินให้แพ็กเกจดังกล่าวเป็นโมฆะ ต่อมาในเดือนเม.ย. เทสลาได้รื้อฟื้นแพ็กเกจดังกล่าวอีกครั้ง โดยนางโรบิน เดนโฮล์ม ประธานบอร์ดฯ ได้ขอร้องให้นักลงทุน “ช่วยกันแก้ปัญหานี้”

เศร้า!! สภาพ 'ปาลิโอ เขาใหญ่' อดีตแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ความทรงจำแห่งความสุข ที่เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา

(14 มิ.ย.67) เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่มีคนเข้าไปเที่ยวไม่น้อย สำหรับ ‘ปาลิโอ เขาใหญ่’ จ.นครราชสีมา ซึ่งได้ปิดตัวไปเมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2563 พร้อมรอให้กลุ่มทุนใหญ่เทกโอเวอร์ หลังจากร้านค้าทยอยปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ล่าสุดผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ ‘กินไหนดีโคราช’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในติ๊กต็อก ทำให้คนนำมาโพสต์ต่อในทวิตเตอร์ กลายเป็นคนให้ความสนใจจำนวนไม่น้อย

โดยมีข้อความว่า “ปาลิโอ เขาใหญ่ ในยุคหนึ่งเคยรุ่งเรืองสุด ๆ มีทั้งร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ มากมาย แถมมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก ใครมีความทรงจำกับที่นี่บ้าง คอมเมนต์เล่าให้ฟังกันบ้างน้าา”

ซึ่งก็มีคนเข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก อาทิ…

- “สมัยรุ่งเรืองได้แค่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอกไม่กล้าเข้า”
- “ละครช่อง 3 4 หัวใจแห่งขุนเขา ทำให้อยากไปเที่ยวตรงนี้มากกก จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ไปเลย”
- “ออกรถยนต์ครั้งแรก ที่เที่ยว ที่ขับรถไปครั้งแรก ก็ปาลิโอ เขาใหญ่ครับ ภาพความสุข ความทรงจำในอดีตวันวานยังสวยงามเสมอ”
- “เคยไปเที่ยว เมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว สวยดีนะ ไม่คิดว่าจะปิดตัวร้างแบบนี้”
- “เคยไปทัศนศึกษาตอนเรียนเมื่อหลายปีแล้ว บรรยากาศดี สวยดี”

“เชียงราย”ตม.เชียงราย เข้มด่านแม่สายสกัดกั้นผลักดันต่างด้าวค้าแรงงานเถื่อนเข้าพักในไทย”

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย
พ.ต.ท.หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ ชูชื่น สว.ตม.จว.เชียงราย โดย ร.ต.อ.จตุพล กัลยา,ร.ต.อ.รัชภูมิ ฤทธิศร,ร.ต.อ.หญิงชยาภรณ์ วงษ์สุวรรณ์ รอง สว.ตม.จว.เชียงราย ได้คัดกรองบุคคลที่สุ่มเสี่ยงตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และคาดว่าจะมาทำงานในประเทศไทยในช่วงวันที่1-14 มิถุนายน2567 ที่ผ่านมาตรวจพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจากการสัมภาษณ์ทั้งสิ้น1,988 รายได้ปฎิเสธการเข้าเมืองไปแล้วทั้งสิ้น705 ราย โดยจากการสอบถามกลุ่มบุคคลดังกล่าวส่วนใหญ่ แจ้งความประสงค์ จะเดินทางเข้าไปรับจ้างทำงานในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบปัจจัยยังชีพในการเดินทางพบว่าไม่มีปัจจัยยังชีพ จึงได้ปฎิเสธเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12(2) (3)  และได้ทำการผลักดันกลับออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย/รายงาน

'บอร์ด ตลท.' เคาะ!! 'อัสสเดช คงสิริ' นั่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 14

(14 มิ.ย. 67) แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีมติเลือก นายอัสสเดช คงสิริ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คนที่ 14 แทนนายภากร ปีตธวัชชัย ที่จะครบวาระในกลางเดือนมิถุนายน 2567 นี้

นายอัสสเดช คงสิริ หัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการเงิน ‘ดีลอยท์ ประเทศไทย’ (Deloitte Thailand)

ส่วนประวัติ ‘นายอัสสเดช คงสิริ’ มีประสบการณ์ตลาดเงินตลาดทุนมาเกือบ 30 ปี ในการทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีประสบการณ์ด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) กว่า 20 ปี โดยได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ (M&A)

โดยจบการศึกษาจากโรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์ (Charterhouse School) ปี 2532 ประเทศอังกฤษ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) พร้อมทั้งจบ MIT Sloan School of Management MBA, Financial Management

เริ่มต้นทำงานในตำแหน่งวิศวกรโครงการ (Project Engineer) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มานาน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2536-2546 และย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ J.P. Morgan ระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2546-2548

ถัดมาได้เข้าร่วมงานกับธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) เป็นระยะเวลาเกือบ 8 ปี นับตั้งแต่ปี 2548-2555 และเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในช่วงปี 2556-2565 หรือทำงานอยู่เกือบ 10 ปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ในช่วงที่การบินไทยประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

และนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.2565 จนถึงปัจจุบัน ได้เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการเงิน ‘ดีลอยท์ ประเทศไทย’ (Deloitte Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชี 1 ใน 4 แห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top