Tuesday, 2 July 2024
NewsFeed

‘ผู้ช่วย สส.ก้าวไกล’ ถูกจับกุมฐาน ‘กรรโชกทรัพย์’ ด้าน สส.ปัด!! แค่คนทดลองงาน สั่งขับพ้นทีมแล้ว

(12 มิ.ย.67) ตำรวจเข้าจับกุมนายบรรณสิทธิ์ วงษ์นาค ผู้ช่วย สส. เชตวัน เตือประโคน พรรคก้าวไกล ปทุมธานี ในความผิดฐาน ‘ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง’ ได้ที่ ริมถนนมิตรภาพ ทล.2 ช่วง กม.50 ฝั่งขาเข้า กทม. ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เจ๊จุก คลองสาม โพสต์ข้อความพร้อมภาพ สส.และผช.สส.ลงพื้นที่พบประชาชน ผ่าน X (ทวิตเตอร์) บัญชี @jjookklong3 ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า

ในฐานะคนคลองสาม วอนเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาช่วยคุ้มครองดูแลด้วยค่ะ

ทุกวันนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ แบ่งแยกยากขึ้นไปทุกทีว่าคนไหนดีย์ คนไหนโจร เดี้ยนและชาวบ้านละแวกนี้หวาดผวาไปหมดแล้ว จะมั่นใจได้ยังไงว่ามาช่วยเหลือจริง ๆ ไม่ได้มาขู่กรรโชกทรัพย์ค่ะ

ขณะเดียวกัน ทันทีที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัด ด้าน นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกรณีมีผู้อ้างตัวเป็นผู้ช่วย สส. ลักพาตัวและรีดไถทรัพย์บุคคลอื่นตามข่าว ว่า กรณี นายบรรณสิทธิ์ วงษ์นาค อ้างเป็นผู้ช่วย สส. ของผม กระทำความผิด ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง” ตามที่ปรากฏทางออนไลน์นั้น

ผมต้องขอโทษผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายบรรณสิทธิ์ รวมถึงขอโทษผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลทุกคนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในแง่ข้อเท็จจริง ขอชี้แจงว่าบุคคลคนนี้ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. ของผม ไม่ได้มีตำแหน่งในกรรมาธิการใด ๆ เป็นเพียงคนทำงานในพื้นที่ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในช่วงการทดลองงานด้วย ซึ่งการมีพฤติกรรมตามที่ถูกจับกุม ไม่ได้เป็นการสั่งการของผม และผมไม่เคยรับรู้มาก่อนแต่อย่างใด

ผมได้พูดคุยกับรองสารวัตรทางหลวงนครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้สกัดจับ รวมถึงพูดคุยกับรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ ผู้เป็นเจ้าของคดี เพื่อให้ความร่วมมือในการสืบสวน ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ยืนยันว่า จากการสืบสวนการกระทำของนายบรรณสิทธิ์ เป็นพฤติกรรมส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผม และไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องเรียกผมไปให้ปากคำ

ทั้งนี้ ผมได้สั่งให้บุคคลคนนี้ออกจากทีมทันทีหลังจากทราบข่าว กรณีที่เอาชื่อผมไปแอบอ้าง คงไม่ติดใจอะไร แต่ในส่วนของพรรค ก็เป็นการพิจารณาของพรรคว่าจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ต่อกรณีที่ทำให้พรรคเสียหาย เรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนของผมและพรรคก้าวไกลในการรับคนมาเป็นทีมงานต่าง ๆ ในอนาคต

"พัชรวาท” อ้าแขนรับกองถ่ายระดับโลก ดึงอุทยานฯไทยร่วมฉาก พร้อมกำชับการถ่ายทำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-ปล่อยคาร์บอนต่ำ"

จากกรณีที่สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าว จะมีการถ่ายทำภาพยนตร์ดังระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งมีการขออนุญาตถ่ายทำในสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเลด้วยนั้น

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่อุทยานแห่งชาติไทย ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังระดับโลก เพราะนอกจากจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย เป็นที่รู้จักของต่างประเทศ ยังส่งผลที่ดีต่อการท่องเที่ยวในประเทศ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนรอบแนวเขตอุทยาน และการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนั้นด้วย นอกจากนี้ได้กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องไม่กระทบและเกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือคาร์บอนต่ำ ตลอดจนการรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีหนังสือแจ้งมายังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุว่า “คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์  ได้อนุญาตให้ SAGA Productions Limited สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ สร้างภาพยนตร์เรื่อง “SAGA”  ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม 2567 ระบุสถานที่ถ่ายทำประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดตรัง” 

สำหรับกรณีดังกล่าวข้างต้น บริษัท เปสตัน ฟิลม์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ได้ยื่นขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง คือ บริเวณหาดซันเซท เกาะกระดาน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง เป็นระยะเวลา 5 วัน บริเวณน้ำตกห้วยโต้ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จังหวัดกระบี่ ระยะเวลา 3 วัน และบริเวณเขาตาปู เกาะสองพี่น้อง เกาะนากายะ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา ระยะเวลา 5 วัน โดยมีการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตถ่ายทำภาพยนต์และวางหลักประกันความเสียหายระหว่างถ่ายทำตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว 

จากการพิจารณาการเข้าถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าว ซึ่งผ่านคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์มาแล้วว่ามีเนื้อหาและรูปแบบที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตต้องไม่มีการปิดกั้นพื้นที่การถ่ายทำ  มีการควบคุมเรื่องเสียง อุปกรณ์และเทคนิคต่างๆคำนึงถึงความปลอดภัย และต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือรบกวนสัตว์ป่า ในการสร้างฉาก จัดแต่งสภาพพื้นที่จะต้องไม่มีการขุดเจาะ หรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ถ่ายทำและสภาพธรรมชาติที่มีอยู่ดั้งเดิม ให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และไม่รบกวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเที่ยวชมธรรมชาติ รวมถึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขและการควบคุมที่กำหนดอื่นๆ โดยให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งเป็นผู้แทนในการกำกับดูแลการถ่ายทำให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

‘ทอรัส’ หุ่นยนต์ฝีมือจีน ‘ฝังสายเคเบิลก้นทะเล’ สำเร็จครั้งแรก หนุนการปฏิบัติงานของมนุษย์ ภายใต้สภาพแวดล้อมอันซับซ้อน

(12 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดยจีนทำการฝังสายเคเบิลก้นทะเลของโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของความพยายามกระตุ้นการพัฒนาหุ่นยนต์ใต้ทะเลลึกและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานลม

ด้าน ซีลเลียน กว่างโจว เทคโนโลยี (Sealien Guangzhou Technology) ระบุว่า ‘ทอรัส’ (Taurus) หุ่นยนต์ลากฝังสายเคเบิลและท่อก้นทะเล ได้วางสายเคเบิลที่นอกชายฝั่งเมืองจ้านเจียง มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม

หุ่นยนต์ทอรัสที่ควบคุมจากระยะไกลนี้จะเกื้อหนุนการก่อสร้างฟาร์มพลังงานลมนอกชายฝั่งด้วยการลดการปฏิบัติงานของแรงงานมนุษย์ในสภาพแวดล้อมใต้ทะเลลึกอันซับซ้อน โดยหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยล้อตีนตะขาบและทำงานได้ลึกสุด 500 เมตร

อนึ่ง จีนกลายเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตติดตั้งพลังงานลมนอกชายฝั่งมากที่สุดในโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะจีนเดินหน้าความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนแตะระดับสูงสุดภายในปี 2030 และความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060

‘ศาล’ ตัดสิน!! ‘ลูกชายโจ ไบเดน’ ทำผิดทางอาญา โทษจำคุกสูงสุด 25 ปี ฐานปลอมข้อมูลเพื่อซื้อปืน

(12 มิ.ย.67) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายวัย 54 ปี ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาทั้ง 3 ข้อหา สืบเนื่องจากการปลอมแปลงเอกสารทางราชการว่าเขาไม่ได้เสพสารเสพติด เพื่อซื้อปืนลูกโม่เมื่อปี 2561 แต่อย่างใด โดยความผิดทางอาญานี้มีโทษฐานจำคุกสูงสุด 25 ปี แต่เขาไม่น่าที่จะได้รับโทษสูงสุดเพราะถือเป็นความผิดครั้งแรก และยังไม่ชัดเจนว่าผู้พิพากษาจะตัดสินให้เขาต้องเข้าคุกด้วยหรือไม่

ด้านประธานาธิบดีไบเดนได้ออกแถลงการณ์หลังจากที่ศาลได้ตัดสินว่าลูกชายของเขามีความผิดจริงว่า เขาเคารพกระบวนการพิพากษาของประเทศและฮันเตอร์กำลังเตรียมการที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป กระบวนการตัดสินของศาลนั้นเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่ไบเดนเตรียมกล่าวถ้อยแถลงในเรื่องการลดความรุนแรงจากการใช้ปืน และการยกเลิกข้อกฎหมายว่าด้วยการครอบครองปืนที่ Gun Safety Action Fund องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในรัฐวอชิงตัน ซึ่งนายไบเดนปฏิเสธการกล่าวถึงลูกชายของเขาระหว่างการกล่าวถ้อยแถลงในงานนี้

อย่างไรก็ดี ไบเดนได้เจอกับบุตรชายเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคำตัดสิน เมื่อเครื่องบินของเขาลงจอดที่วิลมิงตัน ซึ่งเขาได้เข้าไปโอบกอดฮันเตอร์ทันที โดยไบเดนจะใช้เวลาร่วมกับครอบครัวก่อนที่จะออกเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้นำจี 7 ที่อิตาลี ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่ตลอดเวลาในการพิจารณาคดี นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐก็อยู่เคียงข้างฮันเตอร์ตลอดเวลา และยังจับมือของเขาเดินออกจากศาลหลังรับฟังคำพิพากษาด้วย

นอกจากคดีนี้แล้ว นายฮันเตอร์ยังต้องขึ้นศาลที่รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อต่อสู้กับข้อหาการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายนด้วย

ทั้งนี้ นายเดวิด ไวส์ ซึ่งนอกจากจะเป็นอัยการในคดีนี้ ซึ่งถูกเสนอชื่อในตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐเดลาแวร์โดนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ กล่าวว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎหมาย

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรม 5 ส. ดูแลกำลังพล ตามนโยบาย ผบ.ทร.

12 มิ.ย.67 พลเรือตรี ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ (ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร.) เป็นประธานในพิธี เปิดการจัดกิจกรรม 5 ส. บ้านพักข้าราชการใน รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ณ อาคารที่พักอาศัย รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี นาวาเอก ธวัชชัย ศานติพิพัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมการบ้านพักข้าราชการใน รพ.ฯ นำกำลังพลของโรงพยาบาลและครอบครัวข้าราชการที่พักอาศัยบ้านพักข้าราชการในโรงพยาบาลฯ ร่วมให้การต้อนรับ

ตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือ ด้านการดูแลกำลังพล ทร. ในเรื่องการดูแลสุขภาพกำลังพลและครอบครัว ตามโครงการ "เฝ้าระวังสุขภาพของกำลังพลและครอบครัว" (Good Home Good Health) ในชุมชนทหาร คณะอนุกรรมการบ้านพักข้าราชการในโรงพยาบาลฯ จึงได้จัดกิจกรรม 5 ส. ได้แก่ สะสาง (Seiri / Sort) สะดวก (Seiton / Set in Order) สะอาด (Seiso / Shine) สุขลักษณะ (Seiketsu / Standardize) และสร้างนิสัย (Shitsuke / Sustain) ขึ้น เพื่อสนองต่อนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือ กระตุ้นให้ผู้ที่พักอาศัยในบ้านพักข้าราชการโรงพยาบาลฯ ทำงานเป็นทีม เกิดความรัก ความผูกพัน ความรับผิดชอบ การดูแลสิ่งแวดล้อมต่อที่พักอาศัยของตนเองและของทางราชการ และเพื่อให้โรงพยาบาลฯ มีความสง่างามทั้งภายในและภายนอกหน่วย เป็นที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจอยู่เสมอ โดยบุคลากรของโรงพยาบาลฯ ตลอดจนให้ผู้ที่พักอาศัยมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมในวันนี้

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้กล่าวว่า การจัดกิจกรรม 5 ส. เปรียบเสมือน กิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ ให้ผู้ที่พักอาศัยใช้เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงพัฒนา ให้สถานที่พักมีความน่าอยู่ปลอดภัยได้มาตรฐาน อีกทั้งยังส่งผลให้ผู้พักอาศัยมีสุขภาวะที่ดี เอื้ออำนวยให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมีความปลอดภัย เปรียบเสมือนก้าวแรกของการบริหารงานไปสู่ผลสำเร็จ ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดี ประการสำคัญเพื่อให้กำลังพลมีสวัสดิการและสวัสดิภาพที่ดี ตลอดจนมีความพร้อมในการทำงานให้กับกองทัพเรือ ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

เตรียมความพร้อม ทรภ.1 โดย หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนฝึกสถานีเรือ เตรียมความพร้อมป้องกันชายแดน

หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน โดย ร.ล.ตากใบ เรือ ต.992 และ เรือ ต.233 ฝึกเตรียมความพร้อม ในการประจำสถานีเรือ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติงาน ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล จ.ตราด สร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ และความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ให้แก่ ประชาชนในพื้นที่ อีกด้วย
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

#เทิดทูนสถาบันยึดมั่นระเบียบวินัยประชาชนภูมิใจทะเลไทยมั่นคง
#FitfortheFuture
#ทัพเรือภาคที่1

'ชาวมาเลเซีย' โอด!! 'เบนซิน-ดีเซล' เตรียมขึ้นราคาแบบไร้ปรานี คาด!! ต้องใช้ SPR เป็นคำตอบสุดท้าย แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันพุ่ง

ตั้งแต่จันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียได้ตัดสินใจลดการอุดหนุนน้ำมันดีเซล ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันลอยตัวเป็นอัตราตลาดที่ 3.35 ริงกิต (26.50 บาท) ต่อลิตร จากราคาเดิม 2.15 ริงกิต (17 บาท) ต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 55 

ในวันที่ 9 มิถุนายน รัฐบาลมาเลเซียได้การประกาศเหตุผลในการตัดสินใจลดการอุดหนุนน้ำมันดีเซล โดย ‘ดาโต๊ะ เสรี อามีร์ ฮัมซาห์ อาซิซาน’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “มาเลเซียจะไม่ยอมสูญเสียเงินปีละหลายพันล้านริงกิตจากการลักลอบขายน้ำมันออกนอกประเทศต่อไปอีก และจะเป็นการดีกว่าถ้าเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวมาเลเซียและเพื่อการพัฒนาประเทศมาเลเซียของเรา”

โดยวันที่ 24 พฤษภาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังผู้นี้กล่าวว่าการอุดหนุนน้ำมันดีเซลทำให้ประเทศต้องเสียเงินกว่า 1 พันล้านริงกิต (7.9 พันล้านบาท) ต่อเดือน ในขณะที่ความสูญเสียจากการรั่วไหลจากการลักลอบส่งออกอยู่ที่ราววันละ 4.5 ล้านริงกิต ในปี 2023 มีการใช้เงินอุดหนุนน้ำมันดีเซลถึง 1.45 หมื่นล้านริงกิต (1.15แสนล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียคาดว่าจะสามารถประหยัดเงินงบประมาณได้ประมาณปีละ 4 พันล้านริงกิต

สำหรับมาตรการช่วยเหลือโดยกระทรวงการคลังจะแจกเงินสด 200 ริงกิต สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนเกษตรกร ขณะเดียวกันยังคงให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ค้าที่ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งประกอบด้วยรถขนส่งสาธารณะ 10 ประเภท และรถขนส่งสินค้า 23 ประเภท ธุรกิจเหล่านี้รวมถึงผู้ให้บริการรถโดยสารและรถแท็กซี่ภายใต้ระบบควบคุมดีเซลแบบอุดหนุน (the Subsidised Diesel Control System) : SKDS 1.0 และ SKDS 2.0

ภายใต้ SKDS 2.0 ผู้ใช้ยานพาหนะเพื่อการขนส่งที่มีสิทธิ์ได้รับบัตรฟลีทการ์ด ซึ่งเป็นบัตรสำหรับน้ำมันดีเซลที่ได้รับการอุดหนุนเพื่อใช้ที่ปั๊มน้ำมัน แทนที่จะจ่ายเงินสดหรือใช้บัตรเครดิต/เดบิต และต้องจ่าย 2.15 ริงกิตมาเลเซีย (17 บาท)ต่อลิตร ในขณะที่ SKDS 1.0 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่รถโรงเรียน, รถด่วน, รถพยาบาล และรถดับเพลิง มีราคาต่ำกว่าอยู่ที่ 1.88 ริงกิต (14.85 บาท) ต่อลิตร และมาตรการต่อไปคือการเลิกอุดหนุนน้ำเบนซิน (RON95) ซึ่งราคาอยู่ที่ 2.05 ริงกิต (15.97 บาท) ต่อลิตร เทียบกับน้ำมันเบนซิน 95 ในประเทศไทยที่ราคาลิตรละ 37.35 บาท

แต่ราคาน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงยังคงอยู่ที่ 1.65 ริงกิต (13 บาท) ต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลในรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักยังคงอยู่ที่ 2.15 ริงกิต (17 บาท) ต่อลิตร เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ที่นั่นใช้น้ำมันดีเซล ไม่เหมือนในฝั่งที่เป็นคาบสมุทรมาเลเซีย ด้วยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล จึงทำให้มีการลักลอบส่งน้ำมันออกเป็นจำนวนมาก ทั้งด้านไทย, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย โดยรัฐบาลมาเลเซียใช้งบในการอุดหนุนราคาน้ำมันปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่ในขณะที่ไทยเราใช้เงินจากกองทุนน้ำมันในการอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นเงินที่คิดจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้นรัฐบาลไทยจึงไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินไปอุดหนุนราคาน้ำมันเช่นเดียวกับที่รัฐบาลมาเลเซียเคยปฏิบัติมาจนพึ่งจะมายกเลิก

กองทุนน้ำมันจะมีเงินกองทุนมากหรือน้อยหรือติดลบนั้นขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกสูงขึ้น เงินกองทุนน้ำมันก็จะถูกใช้เพื่ออุดหนุนราคาน้ำมันไม่ให้สูงขึ้นตามไปด้วย 

ปัจจุบันกองทุนน้ำมันถูกใช้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลโดยเก็บจากน้ำมันเบนซิน เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกสูง จึงต้องชดเชยราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซ LPG ด้วยเป็นน้ำมันและก๊าซเชื้อเพลิงเศรษฐกิจ หากไม่ได้รับการอุดหนุนก็จะมีราคาแพงส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ และเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงกองทุนน้ำมันก็จะไม่มีภาระที่จะต้องอุดหนุนชดเชย เงินที่ถูกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันก็จะกลับมาเพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้หลาย ๆ ประเทศในอาเซียนต่างก็พยายามที่จะยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยตั้งกองทุนน้ำมันเพื่อทำหน้าที่แทนเพื่อไม่ให้กระทบต่อเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อนำไปใช้ในกิจการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติแทน

แต่การใช้กองทุนน้ำมันจะสามารถแก้ปัญหาได้ในเวลาที่จำกัด หากปัญหาที่เกิดขึ้นต้องยืดเยื้อต่อเนื่องยาวนานเกินไป กองทุนน้ำมันก็จะตกอยู่ในสภาพต้องจ่ายเงินออกเรื่อย ๆ จนต้องติดลบมหาศาลเช่นที่ไทยเราเป็นอยู่ในขณะนี้ 

แต่ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เร่งผลักดันเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดระบบ SPR : Strategic Petroleum Reserve หรือ การสำรองเชื้อเพลิงปิโตรเลียมทางยุทธศาสตร์ เพื่อเข้ามามีบทบาททำหน้าแทนที่กองทุนน้ำมันมากขึ้น ด้วยในอนาคตเมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานเป็นผู้ถือครองปริมาณน้ำมันมากที่สุดในประเทศจนเพียงพอสำหรับการใช้งานในประเทศได้ถึง 50-90 วันแล้ว รัฐบาลย่อมสามารถนำปริมาณสำรองเข้าไปมีส่วนในการบริหารจัดการราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศได้ 

เพราะที่ผ่านมาปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจากวิกฤตเชื้อเพลิงมีการใช้ ‘เงิน’ จาก ‘กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง’ เพื่อแก้ไขปัญหา แต่ความเป็นจริงแล้วในยามเกิดวิกฤตน้ำมัน ‘เงิน’ ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องหรือเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา เพราะต้องใช้ ‘เงิน’ มากขึ้นในการซื้อน้ำมัน หรือบางสถานการณ์แม้จะมี ‘เงิน’ แต่อาจไม่สามารถหาซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง หรือซื้อแล้วก็ไม่สามารถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงมายังประเทศไทยได้ 

ดังนั้นการมีระบบ SPR ด้วยการถือครอง ‘น้ำเชื้อเพลิงสำรอง’ โดยรัฐที่มากพอสำหรับการใช้งาน 50-90 วัน ซึ่งนานพอจนกระทั่งวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิงได้เบาคลายลดลงต่างหากจึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

'นักวิจัย' ตรวจพบ ‘น้ำค้างแข็งปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่' บนดาวอังคาร แถมเจอน้ำได้เกือบทุกที่บนพื้นผิว สะท้อนวิวัฒนาการของดาวดวงนี้

(12 มิ.ย. 67) นักวิจัยรายงานการค้นพบใหม่ พบปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งที่ปากปล่องภูเขาไฟบนดาวอังคาร และเป็นน้ำค้างแข็งที่เกิดจากน้ำด้วย

‘โอลิมปัสมอนส์’ (Olympus Mons) คือชื่อของภูเขาไฟที่สูงที่สุดบนดาวอังคาร รวมถึงสูงที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ด้วยความสูงถึง 26 กิโลเมตร หรือกว่า 3 เท่าของยอดเขาเอเวอเรสต์ และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 602 กิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรของดาวอังคาร

แต่นอกจากความยิ่งใหญ่แล้ว ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า มันมีปรากฏการณ์ที่พวกเขาไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่ภูเขาไฟโอลิมปัสมอนส์นี้ด้วย นั่นคือ ‘น้ำค้างแข็งปากปล่องภูเขาไฟ’
ภูเขาไฟบนดาวอังคารมักเต็มไปด้วยแอ่งรูปชามขนาดยักษ์ (สามารถกว้างได้ถึงกว่า 120 กิโลเมตร) ที่เกิดจากการพังทลายของยอดภูเขาไฟหลังจากการปะทุครั้งใหญ่

ขนาดที่ใหญ่นั้นทำให้เกิดภูมิอากาศจุลภาค (Microclimate) ที่พิเศษภายในปากปล่องภูเขาไฟ โดยนักวิจัยได้ใช้กล้องที่ติดตั้งบนยานสำรวจที่โคจรรอบดาวอังคาร และสังเกตเห็นน้ำค้างแข็งก่อตัวขึ้นในปล่องภูเขาไฟ นับเป็นครั้งแรกที่มีการพบปรากฏการณ์นี้

อโดมัส วาลันตินัส นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์ ผู้ค้นพบปรากฏการณ์นี้ขณะศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัยเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติที่จะพบคราบตะกอนก่อตัวขึ้นบนปล่องภูเขาไฟ แต่เราเห็นน้ำค้างแข็งเล็กน้อยบนขอบของมันด้วย นอกจากนี้เรายังยืนยันว่ามันเป็นน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำ'

เขาเสริมว่า “มันสำคัญ เพราะมันแสดงให้เราเห็นว่า ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ที่มีพลวัต และยังสามารถพบน้ำได้เกือบทุกที่บนพื้นผิวดาวอังคาร”

ทีมนักวิจัยพบน้ำค้างแข็งในภูเขาไฟ 4 ลูก ได้แก่ โอลิมปัสมอนส์, อาร์เซียมอนส์ (Arsia Mons), อัสเครอุสมอนส์ (Ascraeus Mons) และเซราอูเนียส โทลุส (Ceraunius Tholus)
วาลันตินัสระบุว่า น้ำค้างแข็งที่พบมีความบางมาก โดยหนาเพียง 0.01 มิลลิเมตร หรือ 1 ใน 6 ของเส้นผมมนุษย์เท่านั้น แต่มันกระจายไปทั่วพื้นที่ผิวขนาดใหญ่จนมีปริมาณน้ำมาก “จากการประมาณการคร่าว ๆ มีน้ำแข็งอยู่ประมาณ 150,000 ตัน หรือเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิก 60 สระ”

เพื่อศึกษาการก่อตัวของน้ำค้างแข็งนี้ ทีมวิจัยได้ดูภาพประมาณ 5,000 ภาพที่ถ่ายโดย CaSSIS บนยานสำรวจ ExoMars Trace Gas Orbiter ซึ่งเป็นระบบถ่ายภาพสีและพื้นผิวดาวเคราะห์ของมหาวิทยาลัยเบิร์น เป็นกล้องความละเอียดสูงที่ถ่ายภาพดาวอังคารมาตั้งแต่ปี 2018
'นี่เป็นการค้นพบครั้งแรกที่มาจาก CaSSIS ซึ่งค่อนข้างน่าตื่นเต้น” วาลันตินัสกล่าว
ทีมวิจัยยังตรวจสอบการสังเกตการณ์ด้วยเครื่องมืออีก 2 ชิ้น ได้แก่ NOMAD ซึ่งเป็นสเปกโตรมิเตอร์บนยานอวกาศ Trace Gas Orbiter และ HRSC หรือกล้องสเตอริโอความละเอียดสูง ซึ่งเป็นกล้องรุ่นเก่าบนยานอวกาศ ESA Mars Express

วาลันตินัสกล่าวว่า การค้นพบนี้เป็นความบังเอิญ เพราะเดิมทีเขากำลังมองหาน้ำค้างแข็งที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ไม่พบ และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบ จะกลับไปพบน้ำค้างแข็งที่เกิดจากน้ำแทน

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่มนุษย์อวกาศบนดาวอังคารจะสามารถเก็บเกี่ยวน้ำค้างแข็งมาใช้เป็นน้ำสำหรับดำรงชีพได้ “มันคงจะค่อนข้างยาก เพราะถึงแม้มันจะเป็นน้ำค้างแข็งขนาดใหญ่ แต่มันก็บางมากและอยู่เพียงชั่วคราว ซึ่งหมายความว่ามันจะอยู่ที่นั่นเฉพาะช่วงกลางคืนและเช้าตรู่เท่านั้น จากนั้นมันก็จะระเหยกลับไปสู่ชั้นบรรยากาศ”

เขาเสริมว่า ภูเขาไฟทั้ง 4 ลูกที่พบน้ำค้างแข็งตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรของดาวอังคาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อบอุ่นที่สุด ทำให้การค้นพบน้ำเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นพิเศษ

“ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ทะเลทราย แต่มีน้ำแข็งอยู่ที่ขั้วโลก และมีน้ำแข็งอยู่ในละติจูดกลาง ตอนนี้ เรายังมีน้ำค้างแข็งในบริเวณเส้นศูนย์สูตรด้วย และโดยทั่วไปบริเวณเส้นศูนย์สูตรนั้นค่อนข้างแห้ง ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างคาดไม่ถึง” วาเลนตินัสกล่าว

เขากล่าวเสริมว่า ในอดีต เมื่อดาวอังคารยังมีชั้นบรรยากาศที่หนาและมีสภาพอากาศแตกต่างออกไป อาจมีธารน้ำแข็งบนภูเขาไฟเหล่านี้

ขณะนี้ ทีมวิจัยกำลังขยายการค้นหาน้ำค้างแข็งไปยังภูเขาไฟอื่นอีกหลายสิบลูกบนดาวอังคาร

ชลบุรี-ตำรวจน้ำสัตหีบ เข้าแจ้งความ เรือของกลาง 3 ลำ คดีน้ำมันเถื่อนหาย

วันนี้ 12 มิ.ย.67 ที่ สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ร.ต.ท.สันติชล หุมอาจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งความจาก จนท.ตำรวจน้ำสัตหีบ ว่า เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 3 ลำ ของกลางในคดี ที่ถูกควบคุมให้ทอดสมออยู่ในอ่าวสัตหีบ ได้หนีหายไป เมื่อกลางดึกของวันที่ 11 มิ.ย.67 และคาดว่าน่าจะมุ่งหน้าไปทาง จ.ตราด และเข้าไปในเขตทะเลประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

จากการสอบถามทราบว่า เมื่อวันที่ (12 มิ.ย.67) เวลาประมาณ 06.00 น. พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. (ตร.น้ำสัตหีบ) ได้รับแจ้งว่า เรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย 1. เรือ เจ.พี. มีของกลาง น้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ 7 คน  2. เรือซีฮอต มีน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตร ลูกเรือ 6 คน และ 3. เรือดาวรุ่ง มีน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ จำนวน 5 คน ได้หายไปจากจุดทิ้งสมอ สืบเนื่องจาก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย.67 มีพายุเข้าในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ มีกระแสลมแรง ทำให้สะพานตำรวจน้ำ ไม่สามารถรองรับนำหนักเรือของกลาง ที่จอดอยู่บริเวณหัวสะพานทั้งหมดได้ จึงให้เรือของกลางฯ ทั้ง 3 ลำ ออกไปลอยลำเพื่อทำการทิ้งสมอ ในระยะปลอดภัย ห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร

และในเวลา 08.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย.67 พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. พร้อมด้วย ข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ส.รน.3 กก.5 บก.รน.(ตำรวจน้ำสัตหีบ) ได้นำเรือตรวจการณ์ 815 และ เรือตรวจการณ์ 632 ออกทำการค้นหา เพื่อติดตามเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ กลับมา 

เมื่อเวลา 11.00 น. เรือตรวจการณ์ 815 และ 632 ยังคงทำการค้นหา ปัจจุบันยังไม่พบเรือ ของกลาง จำนวน 3 ลำ แต่อย่างใด โดยเรือทั้งหมด ถูกตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.2 บก.ปอศ.) จับกุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 ที่ผ่านมา      

โดยเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้งหมด จอดรวมกันในวันที่เกิดเหตุและได้เกิดพายุลมแรง จึงให้นำเรือทั้งหมดออกไปจอดทอดสมอห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจที่เข้าเวรยังมองเห็นเรือดังกล่าวเปิดไฟ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย.67 กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. เรือทั้งหมดได้ดับไฟ จนกระทั่งช่วงเช้าจึงพบว่าเรือหายไปแล้ว จึงมสแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งคลี่คลายคดีอย่างเร็วที่สุด โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกค้นหา ทั้งทางเรือและทางอากาศ เนื่องจากของกลางหายเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอยู่ในความควบคุมของตำรวจ โดย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ได้ตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด และหาผู้กระทำผิดมารับผิดชอบต่อไป

สำหรับเรือทั้ง 3 ลำ ที่หายไปในครั้งนี้ เป็นเครือข่ายของ 'โจ้ น้ำมันเถื่อน' หรือ 'โจ้ ปัตตานี' ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ

‘ศาลปกครองสูงสุด’ ยกฟ้องคดี ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’ ด้าน ‘รฟม.’ ฉลุยเซ็นฯ ‘BEM’ เข้ารับงานทั้งระบบ

(12 มิ.ย. 67) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางยกฟ้องในคดีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ฉบับลงวันที่ 24 พ.ค. 65 และเอกสาร

สำหรับการคัดเลือกเอกชนที่มีการ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและ หลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิมตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563

โดยศาลปกครองสูงสุดระบุเหตุผลว่า ประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ลงวันที่ 24 พ.ค.65 และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน ที่ออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ไม่มีลักษณะประการใดที่จะทำให้เป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ คดีนี้เป็นคดีสุดท้ายที่มีการฟ้องเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มหลังจากมีการต่อสู้กันมายาวนานกว่า4ปี ซึ่งหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในวันนี้จะทำให้ รฟม.สามารถเซ็นสัญญากับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ในฐานะผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐได้ภายในปีนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top