Thursday, 4 July 2024
NewsFeed

เคาะแล้ว!! รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ปรับขึ้นราคาอีก 2 บาท เริ่ม 17 บาท สูงสุด 45 บาท จาก 43 ดีเดย์ 3 ก.ค. 67

(11 มิ.ย. 67) นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ

ทั้งนี้ เนื่องจากสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกำหนดให้มีการปรับอัตราค่าโดยสารทุก ๆ ระยะเวลา 24 เดือน หรือ ทุก ๆ 2 ปี โดยอัตราค่าโดยสารปัจจุบันจะครบกำหนด 24 เดือน ในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ทำให้การคำนวณอัตราค่าโดยสารใหม่ตามดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) จะมีอัตราเริ่มต้น 17 บาท สูงสุด 45 บาท และจะมีผลบังคับใช้ 24 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2567

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน​แห่งประเทศไทย​ เปิดเผยว่า รฟม.ได้เสนอการขึ้นราคาค่าโดยสารให้ ครม.พิจารณา การขึ้นค่าโดยสารเป็นไปตามดัชนีผู้บริโภค ทำให้การขึ้นค่าโดยสารจะมีผลทันทีในวันที่ 3 กรกฎาคม​นี้ โดยอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 17 - 45 บาท จากปัจจุบัน​อัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 17 - 43 บาท

ปีมหามงคลของคนทั้งชาติ "พัชรวาท" เร่งรัด 2 โครงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติยิ่งใหญ่ ถวายในหลวง ร.10 เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการ ให้หน่วยงานต่างๆ หารือ และเร่งรัดการดำเนินกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยเฉพาะโครงการหลักซึ่งกระทรวง ทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบหลัก โครงการรัฐบาล 2 ใน 10 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกรมป่าไม้ 2. โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่ง โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งที่ประชุมได้รับฟังรายงานความก้าวหน้าทั้งสองโครงการ และความก้าวหน้าของโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรชาติฯ อีกจำนวน 15 โครงการ อาทิ โครงการบำรุงรักษาต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ โครงการสารคดีตามรอยเสด็จฯ ในผืนป่าอนุรักษ์เฉลิมพระเกียรติฯ โครงการประปารวมพลังร่วมใจรักษ์แหล่งน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการภาคีเครือข่ายร่วมใจลดก๊าซเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติฯ และโครงการสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์จากพรรณไม้ทรงปลูกเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นต้น  อย่างไรก็ตาม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด รวมถึงประชาสัมพันธ์ประโยชน์ของโครงการที่เกิดขึ้นต่อประชาชนในพื้นที่ และจะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างมากที่สุด 

"ผมขอเชิญชวนบุคคลากรกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมทุกท่าน ได้ร่วมกันเป็นจิตอาสา เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความสามัคคีและความจงรักภักดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลของคนทั้งชาติ โดยขอให้ร่วมกันกำหนดวันปลูกต้นไม้ โดยพร้อมเพรียงกันทุกหน่วยงานทั่วประเทศเพื่อเป็นการแสดงถึงภาพลักษณ์ของกระทรวงฯ ที่เป็นหน่วยงานในการดูแลรักษาป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และให้รายงานกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการในโครงการเฉลิมพระเกียรติให้ผมทราบด้วย"พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว

‘พีระพันธุ์’ ร่าง กม. แยกค่าใช้จ่ายอื่นออกจาก ‘ต้นทุนน้ำมัน’  ปิดช่องผู้ค้าน้ำมัน ผลักภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน

เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ครั้งที่ 15/2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาร่างแนวทางการจัดตั้งสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงและรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาเชื้อเพลิงของประเทศไทย 

ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่านายหน้าจากการซื้อขายน้ำมันดิบมายังโรงกลั่นในประเทศไทย โดยนายพีระพันธุ์กำลังยกร่างกฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงนำ ‘ค่านายหน้า’ และค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ ‘ค่าใช้จ่ายโดยตรง’ ในการได้มาซึ่งน้ำมันมาคำนวณเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ต้นทุนน้ำมัน’ ซึ่งจะทำให้ประชาชนต้องเป็นผู้แบกรับภาระค่าใช้จ่ายนี้แทนในท้ายที่สุด 

“เรื่องหนึ่งที่เป็นกังวลเกี่ยวกับต้นทุนน้ำมันในวันนี้ ก็คือ เรื่องค่านายหน้าและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายโดยตรงในการซื้อน้ำมัน ถ้าคุณสามารถเอาค่านายหน้ากับค่าใช้จ่ายพวกนี้มาบวกกับค่าน้ำมันแท้ ๆ คุณก็สามารถเอาค่าโน่น ค่านี่มาบวก ทำให้ต้นทุนสูง เลยต้องขายราคาเท่านั้นเท่านี้ พอเป็นอย่างนี้ เราไม่รู้ว่าต้นทุนน้ำมันที่แท้จริงคือเท่าไหร่ เพราะเขาเอารายจ่ายอย่างอื่นที่ไม่มีเหตุจําเป็นมารวมตรงนี้ด้วย ทุกวันนี้มันเป็นอย่างนี้ เพราะมันไม่มีกฎหมาย มันก็เลยกลายมาเป็นภาระของประชาชน เพราะเราก็ไม่สามารถที่จะไปตรวจละเอียดได้หมดทุกรายการ แต่ถ้าเรามีกฎหมายแยกไว้เฉพาะ โดยกําหนดไว้ว่า สิ่งที่คุณจะมาบวกเป็นต้นทุนน้ำมัน คือ 1. ค่าน้ำมันจริง ๆ 2. ค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ส่วนเขาจะมีค่านายหน้าหรืออ้างค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ค่าเนื้อน้ำมันแท้ ๆ ก็มีไป แต่เอามารวมไม่ได้ คุณอยากให้บริษัทคุณมีภาระเยอะ ๆ เพื่อจะไปลดกําไร เพื่อไม่ต้องเสียภาษีเยอะ หรืออะไร ก็เลือกทำได้ตามสบาย แต่คุณจะเอาค่าใช้จ่ายพวกนั้นมาโยนให้ประชาชนผ่านต้นทุนน้ำมันไม่ได้ สิ่งที่เราไม่มีวันนี้คือ เรายังไม่มีกฎหมายที่ให้อำนาจทำแบบนี้ แต่นี่คือสิ่งที่ผมกำลังทำเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

นอกจากนี้ ประชุมได้พิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเชื้อเพลิงในต่างประเทศ เช่น รัสเซีย และ สปป.ลาว รวมถึง กฎหมายพลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมได้พิจารณาข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องน้ำมันเชื้อเพลิง โครงสร้างราคาน้ำมัน และกฎหมายพลังงานของหลายประเทศทั่วโลก เพื่อศึกษาการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงในต่างประเทศ ทั้งด้านรูปแบบการจัดเก็บ ที่มาของเนื้อน้ำมัน โครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บ แหล่งเงิน การบริหารจัดการ และองค์กรที่กำกับดูแล เพื่อร่างแนวทางการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายการจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงในภาพรวมไม่น้อยกว่า 90 วัน (ปัจจุบันไทยมีการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายโดยภาคเอกชนอยู่ที่ 25 วัน) โดยกลไกการบริหารจัดการในส่วนนี้จะดำเนินการผ่าน สำนักงานสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งชาติ (สสนช.) ซึ่งเป็นองค์กรที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ทำหน้าที่กำกับและออกคำสั่งไปยังภาคเอกชน เพื่อให้ภาคเอกชนดำเนินการเกี่ยวกับการสำรองน้ำมันของภาครัฐ  

สำหรับแนวทางการดำเนินการในระยะเริ่มต้นนั้น จะมีการร่างกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงและบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินรวม 6 ฉบับ และจะมีการถ่ายโอนภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปยัง สำนักงานสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งชาติ (สสนช.) ซึ่งเป็นองค์กรที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ รวมทั้ง การเตรียมการจัดหาพื้นที่สำหรับการเก็บสำรองน้ำมัน

ทั้งนี้ ระบบสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SPR มีประโยชน์ในภาพรวม โดยสามารถช่วยป้องกันและแก้ไขการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยลดต้นทุนการซื้อน้ำมันจากต่างประเทศในช่วงตลาดโลกราคาสูง และยังสามารถเพิ่มบทบาททางการค้าของไทยในฐานะศูนย์กลางการซื้อขายน้ำมันในภูมิภาคได้ด้วย

‘ชาดา’ รับ!! คนที่ถูกจับคดียาเสพติด คือ ‘หลานชาย’ จริง พร้อมฝากตำรวจดำเนินการเต็มที่ แม้เป็นหลานรัฐมนตรี

เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.67) นายชาดา ไทย​เศรษฐ์​ รมช.มหาดไทย​ ให้สัมภาษ​ณ์ทางโทรศัพท์​ เนื่องจากขณะนี้ร่วมพิธีฮัจญ์ อยู่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยยอมรับ นายนรเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ที่ถูกจับภายในห้องพักโรงแรมดังย่านห้วยขวาง พร้อมยึดของกลางยาเสพติด อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน เป็นหลานของตนจริงๆ

นายชาดา กล่าวว่า คนนี้มันแสบไปทั่วหมด ก็สมควรแล้ว แม้จะเป็นหลานของรัฐมนตรี ตนก็ต้องขอบอกว่าเอาให้เต็มที่เลย ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้เต็มที่เลย และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตนก็เคยตักเตือน ว่ากล่าวไปตั้งนานแล้ว และไม่ได้เคยเข้าบ้านของตนด้วย เพราะที่ผ่านมาเขาก็เป็นคนเกเรและมีข่าวเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งตนก็เคยตักเตือนไปแล้วด้วย

สื่อพม่า 'บิดเบือน-ปลุกระดม' ปม จนท.ไทยทำร้ายชาวเมียนมาในแม่สอด ความจริง!! นี่คือคนของกลุ่มต่อต้านฯ แฝงตัวใช้ไทยเป็นฐานก่อการร้าย

เมื่อวานนี้มีคลิปออกมาจากสำนักข่าว Khit Thit โดยในคลิปข่าวมีภาพเจ้าหน้าที่คนไทยทำร้ายชาวเมียนมาในแม่สอด วันนี้ เอย่า จึงจะมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงให้ได้ทราบกัน

ทุกอย่างเริ่มต้นจากทางการไทยสืบทราบว่าชาวเมียนมาในแม่สอดคนหนึ่งชื่อว่า นายอ่องทุน ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในแม่สอด มีชาวเมียนมาเข้าออกที่บ้านที่เขาและภรรยาเช่าอยู่บ่อยจนผิดสังเกต

ดังนั้นกำนันบ้านผาลาด ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงเข้าตรวจสอบห้องเช่านี้พบว่า มีลักษณะเป็นจุดรวมพลของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา จึงได้ประสานให้ฝ่ายปกครองและกองกำลังตำรวจและทหารเข้าตรวจสอบ พบว่าภายในห้องมีภาพ นายพลอองซาน, นางซูจี และนายอูวินมิน พร้อมกับธงของกลุ่มต่อต้าน PDF และธงปฏิวัติของ NUG จำนวนหนึ่ง

ทางกำนันที่สามารถสื่อสารภาษาเมียนมาได้สั่งให้ นายอ่องทุน ปลดธงออก แต่ทางนายอ่องทุน ไม่ปฏิบัติตาม โดยอ้างว่าตนไม่ได้ทำผิด พร้อมกับใช้คำพูดก้าวร้าว ท้าทายและด่ากำนันจนกำนันบันดาลโทสะเตะนายอ่องทุนไป 1 ครั้ง ซึ่งในคลิปข่าวมีการตัดเหตุการณ์ต้นเรื่องออก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้รับชม ว่าเจ้าหน้าที่ไทยรังแกคนเมียนมา

จากนั้นสำนักข่าว Khit Thit ได้รายงานข่าวเท็จอ้างว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของไทยรังแกชาวเมียนมาและปลุกระดมให้ชาวเมียนมาแสดงความสามัคคีโดยการออกมาตอบโต้ทางการไทย

พร้อมกับกล่าวหาว่าทางการไทย ทำตามคำบัญชาของนายพล มินอ่องหล่าย

ทั้งหมดนี้ เอย่า อยากจะขออ้างกฎหมายไทยให้ทุกท่านทราบก่อน

ในมาตรา 135/1 ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญาดังต่อไปนี้...

(1) ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ
(2) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ 
(3) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ...

- ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

- การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย

>> มาตรา 135/2 ผู้ใด...

(1) ขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะกระทำการตามที่ขู่เข็ญจริง หรือ
(2) สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกัน เพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้

- ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท

>> มาตรา 135/3  ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา 135/1 หรือมาตรา 135/2 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้นๆ

ทั้งนี้ ตามความผิดของ นายทุนอ่อง นั้น น่าจะเป็นข้อ 135/3 ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการทำให้รัฐบาลเมียนมาเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ถือเป็นการก่อการร้าย รวมถึงข้อ 135/2 กล่าวคือ นายทุนอ่อง มีการสมคบกันเพื่อก่อการร้ายและสนับสนุนการก่อการร้าย

ดังนั้นจากการกระทำและหลักฐานในบ้านที่พบในห้องเช่านายทุนอ่อง จึงผิดกฎหมายไทยเต็มๆ 

ส่วนสำนักข่าว Khit Thit รายงานบิดเบือนในสื่อออนไลน์เข้าข่ายความผิดในมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดข้อ 135/2 ในกฎหมายก่อการร้าย เพราะถือว่าปลุกระดมให้คนเมียนมาในไทยลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลไทย

ทั้งนี้เราคงต้องมาดูว่าฝ่ายปกครองและรัฐบาลไทยจะจัดการกับกลุ่มคนหัวรุนแรงเหล่านี้อย่างไร เพราะนี่คือ 1 ในหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อการร้ายในประเทศเพื่อนบ้าน

น่าสลด!! งูนับร้อย ขดตัว ‘กัดตัวเอง’ ก่อนตาย คาด!! ทรมานจากเหตุไฟไหม้ตลาดปลาจตุจักร

(12 มิ.ย.67) จากกรณีไฟไหม้ที่ศูนย์รวมสัตว์เลี้ยง-ปลาสวยงาม ตลาดปลาสวนจตุจักรเผาวอด 118 ร้านค้า ทำให้สัตว์ต่างๆตายนับพันตัวอย่างน่าสลดนั้น ในโลกออนไลน์เฟซบุ๊กชื่อ ‘นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย’ ได้โพสต์ภาพงูกัดตัวเอง ซึ่งคาดว่าจะทรมานที่โดนไฟไหม้ ระบุว่า

“ตอนไฟไหม้ร้าน งูก็คงจะทรมานมาก ถึงขนาดต้องกัดตัวเอง ผมดูลักษณะงูที่ตายเป็นร้อยๆ ตัวในเช้าวันอังคาร 11 มิถุนายน 2567 จำนวนไม่น้อยต้องกัดตัวเอง ขอให้ไปสู่สุคติภูมิ อย่าได้มาเกิดให้มนุษย์กักขังอีกเลย”

‘แมนยูฯ’ เคาะ!! ‘เทน ฮาก’ ยังได้คุมทีมต่อ แม้สัญญาฉบับใหม่จะถูกพิจารณานานไปหน่อย

(12 มิ.ย.67) สำนักข่าว ‘บีบีซี’ รายงานว่า ผู้บริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำการพิจารณาผลงานของอีริก เทน ฮาก กุนซือปีศาจแดงฤดูกาลที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว และตัดสินใจให้เขาทำงานต่อไป โดยกำลังอยู่ระหว่างเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่ เนื่องจากสัญญาปัจจุบันกำลังจะหมดลงในปีหน้า

ทั้งนี้ บอร์ดบริหารหารือกันทันที หลังจบการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ‘เอฟเอคัพ’ ซึ่งแมนยูพลิกชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูว่ากุนซือชาวดัตช์จะโดนปลดจากตำแหน่งเนื่องจากทำผลงานน่าผิดหวังในเกมลีก ด้วยการจบอันดับ 8 ของตาราง เป็นอันดับแย่ที่สุดของทีมในการเล่นพรีเมียร์ลีก

ที่ผ่านมา มีข่าวลือเกี่ยวกับว่าที่กุนซือใหม่หลายราย อาทิ โธมัส ทูเคิล อดีตผู้จัดการทีมเชลซีและบาเยิร์น มิวนิก, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่เพิ่งโดนเชลซีปลดจากตำแหน่ง รวมถึงเกรแฮม พ็อตเตอร์, โธมัส แฟรงก์, โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ และแกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะรายของทูเคิลที่พบกับเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีเจ้าของ ‘อิเนออส’ ที่เข้าไปถือหุ้น 27.7 เปอร์เซ็นต์ของสโมสร พร้อมสิทธิการบริหารงานด้านฟุตบอล แต่เจ้าตัวปฏิเสธไป

เมื่อเดือนมกราคม แรทคลิฟฟ์ก็เปรยกับสื่อเป็นนัย ๆ ว่าอาจจะให้กุนซือชาวดัตช์ทำหน้าที่ต่อไป โดยกล่าวว่า ในช่วง 11 ปีหลัง แมนยูมีโค้ชมากมาย แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จเท่าเขาในสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ ซึ่งนั่นบอกตนว่าสิ่งแวดล้อมหลายอย่างในทีมมีปัญหา

รายงานข่าวระบุว่า หลังจากบอร์ดบริหารลงมติดังกล่าวแล้วก็ได้พูดคุยเชิงสร้างสรรค์เกี่ยวกับแผนงานอนาคตกับเทน ฮาก โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดอ้างว่ากุนซือวัย 54 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างพักผ่อนกับครอบครัวที่อิบิซา ดีใจกับคำตัดสินที่ออกมา แต่ก็ไม่พอใจต้นสังกัดเล็กน้อยที่ใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้นานเกินไป

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ต่อสัญญา 10 ปี ขยายฐานการผลิตรถ EV ในไทย

(12 มิ.ย. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคชาวไทยและสานต่อแผนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ประกาศลงนามต่อสัญญาว่าจ้างกับ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด เป็นระยะเวลา 10 ปี ในฐานะพันธมิตรระยะยาวที่มีบทบาทในการประกอบรถยนต์และผลิตแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 

รวมถึงขานรับนโยบายผลักดันแนวคิด Circular Economy ประเดิมด้วยการส่งมอบเซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Cellblocks) ขนาด 2 MWh ซึ่งรวบรวมมาจากแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ใช้ทดสอบในกระบวนการผลิต ให้กับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ สนับสนุนการวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่สังคมไทย รวมถึงการยกระดับบุคลากรไทย และสนับสนุนการทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศให้มีมาตรฐานระดับโลก

‘รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง’ เตรียมพร้อมรับมือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จัดฝึกอบรม ‘รองรับสถานการณ์กราดยิงภายในสถานีรถไฟฟ้า’

(12 มิ.ย. 67) นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินนโยบาย มาตรการต่าง ๆ ที่เป็นการยกระดับด้านการให้บริการรถไฟฟ้า ควบคู่กับการให้ความสำคัญในด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด อีกทั้งในปัจจุบันเกิดเหตุการณ์กราดยิงในพื้นที่สาธารณะ และมีการก่อการร้ายในรูปแบบต่าง ๆ บ่อยครั้ง จึงได้จัดโครงการ ‘ฝึกอบรมการรองรับสถานการณ์กราดยิงภายในสถานีรถไฟฟ้า’ ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น 

โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับกองบังคับการและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรที่มีประสบการณ์ เข้าให้การบรรยายเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่พนักงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในสถานีรถไฟฟ้า ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ รวมถึงเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดกรณีเผชิญเหตุการณ์กราดยิง (Active Shooter) และยังได้รับเกียรติจากสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ซึ่งกำกับดูแลในพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วย โดยจัดให้มีการฝึกอบรมทั้งหมด 4 รุ่น ตั้งแต่วันที่ 10 - 13 มิถุนายน 2567 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้บริการเกิดความมั่นใจว่า สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงได้อย่างปลอดภัย

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถ และซ่อมบำรุง พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพอยู่เสมอ รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงทุกการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมืองได้อย่างยั่งยืน

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter, Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ ‘RED Line SRTET’ หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ”

รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

‘บีวายดี’ หั่นราคาแบตรถอีวี สูงสุดแตะ 3 แสน คาดสงครามราคารอบนี้ ทำ ‘ค่ายญี่ปุ่น’ หวั่นหนัก

(12 มิ.ย.67) ประกาศล่าสุดของ กลุ่มบริษัท เรเว่ ผู้ทำตลาดให้กับรถยนต์ไฟฟ้า บีวายดี (BYD) จากประเทศจีน สร้างความฮือฮาแก่ผู้ใช้อีวีอย่างมาก เนื่องจากมีการปรับราคาจำหน่าย Blade Battery ในรถ BYD ทุกรุ่น (ไม่รวม VAT)

ประกอบด้วย...

>> BYD ATTO 3
รุ่น Standard Range แบตเตอรี่ราคา 320,121.50 บาท
รุ่น Extended Range แบตเตอรี่ราคา 378,102.80 บาท

>> New BYD ATTO 3
รุ่น Dynamic และ Premium แบตเตอรี่ราคา 344,691.59 บาท
รุ่น Extended แบตเตอรี่ราคา 378,102.80 บาท

>> BYD DOLPHIN
รุ่น Standard Range แบตเตอรี่ราคา 309,364.49 บาท
รุ่น Extended Range แบตเตอรี่ราคา 378,102.80 บาท

>> BYD SEAL
รุ่น Dynamic แบตเตอรี่ราคา 451,289.72 บาท
รุ่น Premium แบตเตอรี่ราคา 534,728.97 บาท
รุ่น AWD Performance แบตเตอรี่ราคา 536,411.21 บาท

ทั้งนี้ ราคาที่ระบุทั้งหมดยังไม่รวม VAT

ก็น่าจับตาว่า การลดราคาแบตครั้งนี้จะกระทบกับราคาขายปลีกของบีวายดีอีกหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้บีวายดีลดราคาทุกรุ่นไป สูงสุดเกือบ 2 แสนบาท ทำให้เกิดสงครามตัดราคาอย่างหนักในตลาดรถยนต์อีวี และกระทบส่วนแบ่งการตลาดจากค่ายรถญี่ปุ่น ที่เคยเป็นเจ้าตลาดก่อนหน้านี้ไปด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top