สื่อพม่า 'บิดเบือน-ปลุกระดม' ปม จนท.ไทยทำร้ายชาวเมียนมาในแม่สอด ความจริง!! นี่คือคนของกลุ่มต่อต้านฯ แฝงตัวใช้ไทยเป็นฐานก่อการร้าย

เมื่อวานนี้มีคลิปออกมาจากสำนักข่าว Khit Thit โดยในคลิปข่าวมีภาพเจ้าหน้าที่คนไทยทำร้ายชาวเมียนมาในแม่สอด วันนี้ เอย่า จึงจะมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงให้ได้ทราบกัน

ทุกอย่างเริ่มต้นจากทางการไทยสืบทราบว่าชาวเมียนมาในแม่สอดคนหนึ่งชื่อว่า นายอ่องทุน ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในแม่สอด มีชาวเมียนมาเข้าออกที่บ้านที่เขาและภรรยาเช่าอยู่บ่อยจนผิดสังเกต

ดังนั้นกำนันบ้านผาลาด ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงเข้าตรวจสอบห้องเช่านี้พบว่า มีลักษณะเป็นจุดรวมพลของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา จึงได้ประสานให้ฝ่ายปกครองและกองกำลังตำรวจและทหารเข้าตรวจสอบ พบว่าภายในห้องมีภาพ นายพลอองซาน, นางซูจี และนายอูวินมิน พร้อมกับธงของกลุ่มต่อต้าน PDF และธงปฏิวัติของ NUG จำนวนหนึ่ง

ทางกำนันที่สามารถสื่อสารภาษาเมียนมาได้สั่งให้ นายอ่องทุน ปลดธงออก แต่ทางนายอ่องทุน ไม่ปฏิบัติตาม โดยอ้างว่าตนไม่ได้ทำผิด พร้อมกับใช้คำพูดก้าวร้าว ท้าทายและด่ากำนันจนกำนันบันดาลโทสะเตะนายอ่องทุนไป 1 ครั้ง ซึ่งในคลิปข่าวมีการตัดเหตุการณ์ต้นเรื่องออก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้รับชม ว่าเจ้าหน้าที่ไทยรังแกคนเมียนมา

จากนั้นสำนักข่าว Khit Thit ได้รายงานข่าวเท็จอ้างว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของไทยรังแกชาวเมียนมาและปลุกระดมให้ชาวเมียนมาแสดงความสามัคคีโดยการออกมาตอบโต้ทางการไทย

พร้อมกับกล่าวหาว่าทางการไทย ทำตามคำบัญชาของนายพล มินอ่องหล่าย

ทั้งหมดนี้ เอย่า อยากจะขออ้างกฎหมายไทยให้ทุกท่านทราบก่อน

ในมาตรา 135/1 ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญาดังต่อไปนี้...

(1) ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ
(2) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ 
(3) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ...

- ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

- การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย

>> มาตรา 135/2 ผู้ใด...

(1) ขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะกระทำการตามที่ขู่เข็ญจริง หรือ
(2) สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกัน เพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้

- ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท

>> มาตรา 135/3  ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา 135/1 หรือมาตรา 135/2 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้นๆ

ทั้งนี้ ตามความผิดของ นายทุนอ่อง นั้น น่าจะเป็นข้อ 135/3 ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการทำให้รัฐบาลเมียนมาเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ถือเป็นการก่อการร้าย รวมถึงข้อ 135/2 กล่าวคือ นายทุนอ่อง มีการสมคบกันเพื่อก่อการร้ายและสนับสนุนการก่อการร้าย

ดังนั้นจากการกระทำและหลักฐานในบ้านที่พบในห้องเช่านายทุนอ่อง จึงผิดกฎหมายไทยเต็มๆ 

ส่วนสำนักข่าว Khit Thit รายงานบิดเบือนในสื่อออนไลน์เข้าข่ายความผิดในมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดข้อ 135/2 ในกฎหมายก่อการร้าย เพราะถือว่าปลุกระดมให้คนเมียนมาในไทยลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลไทย

ทั้งนี้เราคงต้องมาดูว่าฝ่ายปกครองและรัฐบาลไทยจะจัดการกับกลุ่มคนหัวรุนแรงเหล่านี้อย่างไร เพราะนี่คือ 1 ในหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อการร้ายในประเทศเพื่อนบ้าน


เรื่อง: AYA IRRAWADEE