Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

นักวิชาการ เจ้าของเพจดัง เผย ‘ชุดนักเรียนไทย’ ขายดีมากที่ ‘จีน’ ชี้!! เป็นกระแสจากสื่อบันเทิง ที่ตัวละครหลัก มักเป็น ‘นักเรียน’

(18 พ.ค. 67) อาจารย์ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจอ้ายจง ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับเรื่องที่ชุดนักเรียนของไทย กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน โดยได้ระบุว่า ...

เมื่อช่วงมีนาคมปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อที่ไทย เกี่ยวกับการวิเคราะห์กระแสชุดนักเรียนไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน และก็เริ่มเห็นใส่ในเมืองจีนมากขึ้น ซึ่งผมเคยเขียนวิเคราะห์ไว้แล้ว แต่อยากจะขอรีรันวิเคราะห์อีกครั้ง 

1. ทำไมกระแส 'ชุดนักเรียนไทย' ถึงจุดติดในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนขนาดนี้? 
นอกจากเรื่องที่ดาราใส่แล้ว มีประเด็นอื่น ๆ เช่น ปัจจัยด้านสังคม วัฒนธรรม อะไรพวกนี้หรือไม่?

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา คนจีนไม่น้อยมีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวของไทยเป็นอย่างมาก ทั้งผ่านสื่อบันเทิงพวกภาพยนตร์ละครที่เข้าไปตีตลาดในจีน โดยเฉพาะภาพยนตร์ละครซีรีส์วัยรุ่น โดยถ้ายุคบุกเบิกเลย ก็อย่างเช่น รักแห่งสยาม สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก ซึ่งล้วนแต่ปรากฏชุดนักเรียนไทยอยู่ในเรื่อง 

โดยเฉพาะหนังไทยเรื่อง 'สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก' ที่ในสื่อและโลกออนไลน์จีน เมื่อนำเสนอกระแสชุดนักเรียนไทย ก็จะมีการอ้างอิงถึงภาพยนตร์เรื่องนี้

โดยบันเทิงไทยในยุคหลังจากยุคบุกเบิกในจีน ตามที่ผมระบุไปข้างต้น ก็มีอีกหลายเรื่องที่มีตัวละครหลักเป็นวัยเรียน วัยมัธยม อย่างเช่น ฉลาดเกมส์โกง 

และต้องยอมรับว่าซีรีส์วายหลายเรื่องที่เป็นที่นิยมในจีน ณ ปัจจุบัน ก็เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น ทั้งระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ซึ่งปรากฏชุดนักเรียน ชุดนักศึกษา ทำให้คนจีนได้เห็นและรับรู้ว่า นี่คือชุดนักเรียน นักศึกษาของในไทยนะ 

2. ชุดนักเรียนไทย มีความแตกต่างจากในจีนพอสมควร เนื่องจากถ้าในระดับโรงเรียนประถมและมัธยมจีนจะเป็นลักษณะของชุดวอร์ม ภายในชุดวอร์มนั้นจะใส่เป็นเสื้ออะไรก็ได้ทั่ว ๆ ไป 

ส่วนถ้าเป็นมหาวิทยาลัย จะใส่ชุดอะไรก็ได้แบบที่บ้านเราเรียกว่า 'ไปรเวท' ความแตกต่างตรงนี้จึงทำให้เกิดความสนใจ และกลายเป็นภาพจำไปแล้วว่า นั่นคือเครื่องแต่งกายของนักเรียนนักศึกษาไทย

3. หากดูแคปชัน และความคิดเห็นของคนจีนที่โพสต์เรื่องราวชุดนักเรียนไทย ในแพลตฟอร์มโซเชียลจีนหลัก ๆ ที่เป็นกระแส ก็คือ โต่วอิน (Douyin เป็นชื่อ TikTok เวอร์ชันจีน) และรวมถึงใน Xiaohongshu (เทียบเคียงได้กับ Instagram) อีกหนึ่งโซเชียลที่คนจีนนิยม ซึ่งเป็นโซเชียลไลฟ์สไตล์ คนจีนชอบโพสต์แชร์ โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ชีวิตไปเที่ยว อะไรต่าง ๆ 

จะพบว่า แคปชันไม่น้อย จะมีอ้างถึงคำว่า JK ซึ่งมาจาก Joshi Kousei ภาษาญี่ปุ่น อันหมายถึง นักเรียนหญิงมัธยมปลาย ซึ่งคำนี้ว่ากันตามตรง ก็ใช้ได้ทั้งแบบกลาง ๆ และด้านมืด 

4. แต่ในความหมายที่คนจีนใช้คู่กับประเด็นชุดนักเรียนไทย ก็คือ เป็นJK เวอร์ชันไทย หมายถึง ชุดนักเรียนไทย นั่นเอง 

สื่อให้เห็นว่า ความเป็นจริงแล้ว "คนจีนรับรู้เกี่ยวกับชุดนักเรียนของประเทศอื่น โดยให้ความสนใจของชุดนักเรียนญี่ปุ่นมาก ในลักษณะของเอามาใส่เป็นชุดทั่วไป ชุดใส่เที่ยว ชุดแฟชั่น หรือชุดคอสเพลย์ (Cosplay)" แม้แต่ในไทยเอง 

"ทำให้พอชุดนักเรียนไทยเป็นกระแส ก็อยากจะใส่ตาม ซึ่งคิดว่าใส่ได้ เหมือนกับชุดนักเรียนญี่ปุ่น"

5. อ้ายจงยังได้วิเคราะห์ข้อมูลจากปริมาณการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องบน Baidu ซึ่งยังคงเป็นแพลตฟอร์มค้นหาข้อมูล (ลักษณะเดียวกับ Google) ที่คนจีนยังนิยมใช้เป็นหลัก ก็พบว่า เมื่อเทียบเวลาเดียวกัน คนจีนค้นหาคำว่า ชุดนักเรียนญี่ปุ่น มากกว่า ชุดนักเรียนไทย ประมาณเท่าตัว และถ้าเทียบกับคำว่า JK制服 ซึ่งหมายถึง ชุดยูนิฟอร์มนักเรียนหญิง มัธยมปลายญี่ปุ่น ที่มีขายทั่วไปบนโลกออนไลน์จีน พบว่าต่างกันหลายสิบเท่า โดยชุดนักเรียนไทย จะค้นหาเพียงหลักร้อยต่อวัน ในขณะที่ JK制服 ค้นหาหลายพันต่อวัน

6. เมื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมไปอีก ทำให้พบอีกว่า จริง ๆ แล้วคำว่า ชุดนักเรียนไทย มีปริมาณการค้นหาใน Baidu ในหลักหลายพันใน1วัน ในช่วงปลายเดือนตุลาคมปี 2555 (2012) ซึ่งมากที่สุด นับตั้งแต่มีการค้นหาคำนี้ใน Baidu และ มากกว่า ณ ตอนนี้ที่กำลังเป็นกระแสเสียอีก 

เมื่อไล่ตามไปดูข้อมูลที่ปรากฏบน Baidu ในช่วงเวลาดังกล่าว ปี 2555 พบว่า มีคอนเทนต์ที่รีวิวเกี่ยวกับชุดนักเรียนประเทศต่าง ๆ และระบุว่า ชุดนักเรียนชุดนักศึกษาไทยเป็นหนึ่งในชุดที่มีความน่าสนใจที่สุด และยังเป็นช่วงที่หนัง LOST IN THAILAND หนังที่มีการถ่ายทำในไทย ถ่ายทอดเรื่องราวในไทย ที่ดังเป็นพลุแตกในจีน จนเกิดการเที่ยวตามรอยของคนจีนในประเทศไทย 

7. ในช่วงปี 2566 ผมได้ถามทางเพื่อนคนจีน และ นศ.จีน พบว่า จำนวนไม่น้อย รู้สึกว่าเป็นกระแสในโลกออนไลน์เท่านั้น ยังไม่เห็นคนใกล้ตัว หมายถึงในประเทศจีนเอง ในเมืองของที่พวกเขาอยู่มีการเอามาใส่จริงจัง ถ้าเทียบกับชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่น โดยชุดนักเรียนไทย พวกเขาบอกว่า เห็นแต่ในโลกโซเชียล ที่คนจีนไปไทยแล้วไปใส่

แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน 2567 ระยะเวลา 1 ปี ได้เห็นคนจีนในมหาวิทยาลัย และคนใกล้ตัวผม เริ่มใส่ชุดนักเรียนไทยมากขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมไปปักกิ่ง และหนานจิง ก็เห็นมีคนใส่

8. อ้ายจงได้ตรวจสอบบน E-commerce ภายใต้คำถามที่ว่า "ในจีนมีการขายและเริ่มมีการใส่ชุดนักเรียนไทยในจีนบ้างหรือไม่? หรือเกิดขึ้นแค่ในไทย ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ไปไทย"

เมื่อค้นหาคำว่า 泰国 (ไทย) ใน Taobao (เถาเป่า) E-commerce จีน และเลือกเรียงลำดับตามจำนวนยอดขาย

สินค้าชุดนักเรียนไทยของร้านหนึ่ง อยู่ในอันดับต้น ๆ โดยบางร้านที่ขายระบุว่ามียอดขายรายเดือน มากกว่า 8000 ออร์เดอร์ และเริ่มมีรีวิวบนเถาเป่า ว่าซื้อแล้วนำไปใส่ถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในจีน แต่ก็ยังไม่ถือกับเป็นกระแสหลักวงกว้าง สำหรับกรณีใส่ในจีนนะครับ

9. ขอย้ำตามที่เขียนไปข้างบน ๆ แล้วว่า การใส่ชุดนักเรียนไทย หรือชุดนักเรียนของต่างประเทศ สำหรับคนจีนมองเป็นการใส่แบบคอสเพลย์ ใส่แบบแฟชั่น ดังนั้น โดยทั่วไปจึงอาจไม่ถูกระเบียบแบบที่ใส่จริง ๆ ในไทยครับ

‘ก้าวไกล’ ออกแถลงการณ์ กรณี ‘บุ้ง’ เสียชีวิต เรียกร้องรัฐบาล 4 ข้อ ย้ำ!! ต้อง ‘ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม-สร้างประชาธิปไตยเข้มแข็ง’ ให้ปชช.

เมื่อวานนี้ (17 พ.ค. 67) พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง) นักกิจกรรมทางการเมือง เรียกร้องต่อรัฐบาลให้มีบทบาทในการสร้างการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน สร้างหลักประกันในการประกันตัว และคลี่คลายสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ของสังคม

ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ ระบุว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประสบพบเจอกับการรัฐประหาร อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สังคมไทยแตกแยกอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ประชาชนจึงตั้งความหวังว่า การนิรโทษกรรมทางการเมือง ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายที่จะปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะเป็นวาระที่สำคัญของรัฐบาลนี้

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ปรากฏ การเสียชีวิตของ เนติพร เสน่ห์สังคม จากการอดอาหารประท้วงต่อการไม่ได้รับประกันตัว ย่อมส่งผลให้ความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมเสียหายเป็นอย่างมาก พรรคก้าวไกลจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อดำเนินการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อกระบวนการยุติธรรมอันเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชน

1) ต่อการดำเนินการในอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ควรกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลในการชะลอคดีทางการเมือง เพื่อไม่สร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมจนกว่าจะได้ความชัดเจนในการจัดทำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และต้องกำหนดให้สิทธิในการประกันตัว การไม่คัดค้านการประกันตัว หรือมีความเห็นไม่ให้ถอนการประกันตัวของตำรวจในคดีการเมือง ซึ่งสามารถทำได้ทันที เนื่องจากตำรวจอยู่ในการกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีโดยตรง

2) ข้อเสนอต่อการดำเนินการในอำนาจหน้าที่ขององค์กรอัยการ ให้นายกรัฐมนตรีมีความเห็น หรือรัฐบาลมีมติ ครม. เสนอไปยังอัยการสูงสุด ให้พิจารณาให้สั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องได้ตามมาตรา 21 พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ 2553 ประกอบข้อ 7 ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ 2554

ทั้งนี้ ข้อ 7 (4) เหตุผลตามความเห็นของรัฐบาลโดยมติคณะรัฐมนตรีถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์สำคัญของประเทศ และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2561, ข้อ 7 (5) เหตุผลตามความเห็นของนายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานอื่นถึงผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ข้อ 7 (6) ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือความสามัคคีของคนในชาติ

ซึ่งนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีสามารถดำเนินการให้บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางการเมืองทั้งหลาย ให้คดีเป็นอันยุติลงไป

3) ข้อเสนอต่อคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามมาตรา 108/1 ให้อำนาจศาลยุติธรรมในการใช้ดุลพินิจพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย ทั้งนี้ การประกันตัว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ การไม่ให้ประกันตัวตามกฎหมายดังกล่าว จะต้องปรากฏว่ามีพฤติการณ์บางอย่าง เช่น มีพฤติกรรมหลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ซึ่งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี สมควรมีการปรึกษากับประธานศาลฎีกา ในฐานะประมุขของศาลยุติธรรม เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ เมื่อรัฐบาลมีแนวนโยบายที่จะนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองให้กับประชาชน การชะลอคดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องหารือกับทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดการดำเนินคดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม

4) การนิรโทษกรรมมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ของสภาผู้แทนราษฎร แต่ผลการศึกษาดังกล่าว ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายที่จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองของสังคมในตอนนี้ได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงสมควรเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเร่งด่วน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมต่อไป

นอกจากการนิรโทษกรรมแล้ว รัฐบาลสามารถเสนอร่างกฎหมายอื่นที่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้เกิดการปกป้องสิทธิมนุษยชน ตลอดจนให้ความคุ้มครองในการประกันตัวของประชาชนที่จะสามารถต่อสู้คดีปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่ต่อไป

“สุดท้ายนี้ พรรคก้าวไกลตั้งความหวังว่า รัฐบาลจะดำเนินการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง เหตุการณ์เสียชีวิตอย่างกรณีคุณเนติพร เสน่ห์สังคม ไม่สมควรจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทย จะได้กลับมาทบทวน การฟื้นฟูรากฐานกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ตามที่ประชาชนพึงได้รับ” แถลงการณ์พรรคก้าวไกลระบุ

เตรียมดำเนินคดี เจ้าของหมา ‘โกลเดินรีทรีฟเวอร์’ หลังนำมาปล่อยทิ้ง ล่าสุด!! ขอรับ ‘น้องจิว’ คืนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ฯ ยังไม่ไว้ใจ กลัวนำไปปล่อยที่อื่น

(18 พ.ค. 67) ความคืบหน้าของกรณีที่มีผู้นำสุนัขเพศผู้สายพันธุ์โกลเดินรีทรีฟเวอร์ มาปล่อยทิ้งไว้กลางชุมชน ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดนั้น 

นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามจากภาพของกล้องวงจรปิดของเทศบาล และหาหลักฐานจากกล้องหน้ารถ จนได้ภาพจากกล้องหน้ารถที่สวนทางกับรถกระบะที่นำหมามาปล่อย ซึ่งพบว่าน้องหมานั่งอยู่ท้ายกระบะโผล่หน้าออกมาทางด้านซ้ายฝั่งคนขับ รถคันดังกล่าวขับเข้ามาในซอยถนนสันผีเสื้อ บริเวณที่รกร้างด้านหน้าของเทศบาลสันผีเสื้อ และเลี้ยวเข้าไปในซอยประมาณ 100 เมตร และหลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ว่ามี พบเห็นชายสูงวัยลงมาเปิดกระบะท้ายและปล่อยหมาลงมาจากรถทิ้งไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะขึ้นรถขับหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไป

หนึ่งในผู้พบเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนนั้นขายอาหารอยู่บริเวณปากซอยพบเห็นรถกระบะคันดังกล่าวท่าทางมีพิรุธพยายามจอดรถและเลี้ยวเข้าซอย ซึ่งมีการขับรถวนเวียนอยู่แถวบริเวณจุดที่จะนำน้องหมามาปล่อยอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็เลี้ยวเข้าซอยก่อนนำน้องหมาลงจากรถแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่มีการจอดรับน้องหมาแต่อย่างใดซึ่งตามปกติ บริเวณซอยนี้จะไม่มีคนเข้าเพราะมีบ้านคนข้างในเพียงหลังเดียวเท่านั้น หลังจากขับรถออกไปน้องหมาก็วิ่งตามและรถก็ไม่จอดแต่อย่างใดจนทำให้น้องหมานั้นวิ่งหลบเข้าไปที่อยู่ข้างสวนและพนักงานของเทศบาลก็เข้ามาพบแล้วก็แจ้งเทศบาลต่อไป

นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ เปิดเผยว่า หมาตัวนี้น้องกู้ชีพของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อได้ไปพบเห็นกำลังวิ่งตามรถกระบะอยู่หน้าเทศบาลซึ่งดูจากภาพแล้วเจ้าของนั้นไม่หยุดรถให้น้องหมาขึ้นรถซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นการนำหมามาปล่อย ทางเทศบาลจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดกล้องรถต่าง ๆ จากผู้หวังดีเพื่อเช็กทะเบียนรถแล้วก็ติดต่อไปยังเจ้าของแล้วก็เช็กรูปพรรณสัณฐานว่ามีการเลี้ยงหมาลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่

ซึ่งต่อมาได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าของหมาซึ่งถือว่ากรณีนำหมามาปล่อยนั้นมีความผิดตามกฎหมายซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีส่วนตัวน้องหมานั้นอยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลสันผีเสื้อในช่วงบ่ายทางปศุสัตว์อำเภอก็จะมาดูแลเรื่องสุขภาพของน้องแต่จากการประเมินเบื้องต้นสุขภาพแข็งแรงดีซึ่งจากการสอบถามและทราบชื่อน้อง ‘จิว’ และมีการเรียกชื่อก็ทำให้มีปฏิกิริยาที่ดีขึ้นรับประทานอาหารได้สุขภาพร่าเริงแจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุดได้มีเจ้าของ น้องหมาเข้ามาติดต่อกับเทศบาลยืนยันที่จะรับตัวน้องกลับไปเลี้ยงและยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีการนำมาปล่อยแต่จากการตรวจสอบพยานหลักฐานแวดล้อมซึ่งประเมินได้ว่าเป็นการนำมาปล่อยอย่างชัดเจน ทางเทศบาลจึงไม่มั่นใจว่าจะคืนน้องหมาให้เจ้าของหรือไม่ เพราะเกรงว่าหากปล่อยคืนให้กับเจ้าของก็จะนำมีการไปปล่อยยังพื้นที่อื่นอีก โดยหลังจากนี้ก็จะมีการประสานมูลนิธิเกี่ยวกับการดูแลสัตว์ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

Buddha Marketing สูตรสำเร็จธรรมกายบุกเมียนมา ความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในเมืองไทย

เป็นที่ประจักษ์แน่นอนแล้วว่าหมุดหมายใหม่ของธรรมกายไม่ใช่ประเทศไทย แต่บุกไปหลายประเทศที่นับถือพุทธศาสนา อาทิเช่น เมียนมา, ศรีลังกา รวมถึงหลายประเทศในยุโรปและอเมริกา โดยใช้กลยุทธ์ที่น่าจะนิยามได้ว่าการตลาดสายพุทธ หรือ ธรรมะมาร์เก็ตติง ทำไมจึงเรียกเช่นนั้น เอาเป็นว่าวันนี้เอย่าจะมาวิเคราะห์ให้ทราบกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่าส่วนประสมทางการตลาดประกอบด้วย 4 ส่วนคือ...

- ผลิตภัณฑ์ แต่ ณ ที่นี้เอย่าจะขอเรียกว่า ไอดอล ลัทธิธรรมกายมีการสร้างไอดอลหลัก 3 ท่านคือ พระมงคลเทพมุนี, แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง และหลวงพ่อธัมมชโย โดยมีการสร้างเรื่องปาฏิหาริย์ เป็นการเพิ่มคุณค่าของไอดอลให้น่าเชื่อถือ

- ราคา ณ ที่นี้ขอเรียกว่าคำสอน อันให้เกิดลาภจากการสักการะ เช่นในครั้งที่สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ หลวงพ่อธัมมชโยได้กล่าวผ่าน DMC TV ว่าบริจาคแล้วได้อะไรรออยู่ที่สวรรค์

- สถานที่จัดจำหน่าย ณ ที่นี้ขอเรียกว่า อินฟลูเอนเซอร์และผู้เผยแผ่หลัก อาทิเช่นพระวีระธูในเมียนมาที่เป็นตัวตั้งตัวตีต่อต้านศาสนาอิสลามในเมียนมา และเป็นตัวหลักในการเผยแผ่และประสานงานกิจกรรมของธรรมกายในเมียนมา รวมถึงผู้นำบุญชาวเมียนมาที่ช่วยกันป่าวประกาศ

- สุดท้ายคือโปรโมชัน ณ ที่นี้คือกิจกรรมของธรรมกายที่ออกมาในเมียนมา อาทิเช่น การตักบาตรแบบเดียวกันกับที่เคยมีในประเทศไทย หรือ การสวมชุดนางวิสาขาเข้าไปถวายเงินให้แก่สังฆราช Sitagu ทั้งหมดล้วนเป็นกิจกรรมสร้างภาพให้สาวกทั้งเก่าและใหม่ ได้เลื่อมใส 

รวมถึงแม้สมาชิกเก่าจะถึงแก่กรรมไป ทางธรรมกายก็มีกิจกรรมในงานศพ เพื่อสร้างความประทับใจและหาสมาชิกใหม่เพิ่มเติมต่อ

และทั้งหมดนี้กล่าวได้ว่า กล่าวได้ว่านี่คือส่วนประสมทางการตลาดที่เป็นสูตรสำเร็จที่เคยเกิดขึ้นในไทยมาแล้ว และจะกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งที่ เมืองมัณฑะเลย์ ในเมียนมา

เราคงต้องยอมรับว่าจนถึงวันนี้ คำสอนของ 'พระสัมมาสัมพุทธเจ้า' ได้ถูกบิดเบือนจากการใฝ่หาการพ้นทุกข์ไปสู่การสักการะแล้ว ได้ผลตอบแทนเป็นชีวิตที่สุขสบายไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติหน้า

เอย่าก็หวังว่าเราชาวพุทธจะมีวันที่หวนกลับมาหาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เพราะเราไม่มีวันหนีกรรมพ้นแม้จะสร้างบุญเท่าภูเขาเอเวอเรสต์ก็ตาม

‘เศรษฐา’ ยัน!! เก็บเก้าอี้ รมต.ไว้ให้ ‘รทสช.’ ส่วนเรื่องกระทรวง เดี๋ยวค่อยคุยกัน ย้ำ!! มีจุดหมายเดียวกัน ทำงานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ของพี่น้องประชาชน

(18 พ.ค. 67) ที่สาธารณรัฐอิตาลี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่าง ลงในสัดส่วนของ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ว่า ก็เก็บไว้ให้พรรครวมไทยสร้างชาติเขา แต่ถึงวันนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ได้มีการติดต่อมา หากมีการเสนอก็ต้องมีการพูดคุยกันต่อไป แต่ยืนยันว่าเป็นโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ 

เมื่อถามว่าโควตาดังกล่าวหมายถึงจะยังคงเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเดิมใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย แต่เราอยู่ด้วยกัน เราต้องรับฟังความคิดเห็นกันก่อน โดยเฉพาะความคิดเห็นจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านอยากได้อะไร หรือมีความคิดอย่างไร 

“ผมเชื่อว่า ทั้งผมและท่านรองนายกฯพีระพันธุ์ ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน หากคิดว่ากระทรวงที่ท่านเสนอมาจะทำงานได้ อย่างเหมาะสมในกระทรวงอะไร คิดว่าเราพูดคุยกันได้ แต่หากไปกระทบกับพรรคอื่นก็ต้องพูดคุยกันในวงกว้างขึ้นก็เท่านั้นเอง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

‘ญี่ปุ่น’ มอบเครื่องราชฯ ‘มงกุฎแสงแห่งอาทิตย์’ ให้ ‘อาคม เติมพิทยาไพสิฐ’ ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญ ส่งเสริมการคมนาคมขนส่ง ระหว่าง ‘ญี่ปุ่น-ไทย’

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข่าวการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2567 ให้แก่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ระบุว่า ...

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับเครื่องราช ‘The Order of the Rising Sun, Gold and Silver Star’ จากผลสำเร็จ ในประเทศไทย ‘ในฐานะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมด้านคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย’

ทั้งนี้ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ในฐานะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้นำในโครงการพัฒนาและความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ บนพื้นฐานความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-ไทย 

อีกทั้งยังมี บทบาทสำคัญในการพัฒนากิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่น โดยเป็นหัวหอกในการประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างแข็งขัน เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการสนับสนุนของญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทยจะดําเนินไปอย่างราบรื่นในประเทศไทย

สำหรับเครื่องราชฯ ตระกูลมงกุฎแสงแห่งอาทิตย์ ชั้นที่ 2 เป็นเครื่องราชรองจากสูงสุดที่ให้กับคนต่างชาติ

อ.พงษ์ภาณุ ชี้!! 'ก๊าซเรือนกระจก-คาร์บอน' กำลังมีค่าเสมือนทองคำ แนะรัฐบาลเร่งส่งเสริมสังคมไทยเปลี่ยนคาร์บอนให้กลายเป็นเงิน

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'เปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นเงิน' เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

วันนี้คาร์บอนฯ ไม่ได้เป็นเพียงของเสียที่ทำให้โลกร้อนอีกต่อไป...

ความพยายามของประชาคมโลกในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอิงกลไกตลาดในการกำหนดราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) ได้ทำให้ก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งคาร์บอนมีคุณค่าเสมือนทองคำ หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ของประเทศไทย มีการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งมีผลเท่ากับเป็นการเปลี่ยนสภาพคาร์บอนให้เป็นเงินตราและ/หรือหลักทรัพย์

เป็นที่น่ายินดีที่วันนี้เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมได้ช่วยให้โครงการลดก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นมากมายทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เทคโนโลยีดูดกลับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage-CCS) ได้แสดงให้เห็นศักยภาพในการลดคาร์บอนในปริมาณมาก แม้จะยังคงมีต้นทุนค่อนข้างสูงอยู่ บริษัท ปตท.สผ. ได้ลงทุนจำนวนมหาศาลจัดทำระบบ CCS ที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ แหล่งอาทิตย์ กลางอ่าวไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดคาร์บอนไดอ็อกไซด์ได้ถึงประมาณ 700,000 ถึง 1 ล้านตันต่อปี นับเป็นโครงการ CCS โครงการแรกของประเทศไทย

โครงการภูมิปัญญาผ้าไทยลดโลกร้อน เป็นอีกโครงการที่สมควรกล่าวถึง ผ้าไทยทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายไทย ที่เกิดจากการถักทอของชาวบ้านทั่วประเทศ จากนี้ไปจะใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดเลิกการใช้สารเคมี และได้รับการรับรอง Carbon Footprint โดย อบก. (องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก) จะสามารถนำไปแสดงและวางขายในงานแสดงสินค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้ ซึ่งจะเป็นช่องทางการตลาดและรายได้ของชาวบ้านอย่างมากมาย นอกจากนี้ กระบวนการถักทอผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถทำเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างคาร์บอนเครดิตเป็นรายได้เสริมให้ชาวบ้านอีกด้วย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันคาร์บอนแห่งเอเชีย (Asia Carbon Institute-ACI) ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ที่สิงคโปร์ ได้ทำความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท Green Standards เพื่อวิจัยและพัฒนา Biochar ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ผ่านกระบวนการทางเคมี และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดซับคาร์บอนจากอากาศและสามารถฝังลงใต้ดินเพื่อกักเก็บได้เป็นระยะเวลายาวนาน โครงการนี้นอกจากจะช่วยลดเลิกการเผาซากวัสดุการเกษตร ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาฝุ่น PM 2.5 แล้ว ยังจะช่วยสร้างคาร์บอนเครดิตและรายได้เสริมให้เกษตรกรอีกด้วย

สิงคโปร์ภายใต้ทีมบริหารชุดใหม่ นำโดยนายกรัฐมนตรี Lawrence Wong ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วสู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอน (Carbon Trading Hub) ของเอเชีย 

ประเทศไทยซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานในด้านนี้ที่ดีพอสมควร ก็ไม่ควรที่จะรีรอที่จะเดินหน้าสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในเอเชียในเรื่องการลดคาร์บอน รวมทั้งรัฐบาลให้การส่งเสริมในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการลด/ยกเว้นภาษี การให้เงินอุดหนุน รวมทั้งการออกกฎหมายภาคบังคับ และการเก็บภาษีคาร์บอน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้ไทยเดินหน้าไปกับสิงคโปร์ในฐานะ Carbon Hub แห่งเอเชีย

เจ้าพ่อเพลงละคร ‘ปิงปอง ศิรศักดิ์’ อด สมัคร ‘สว.’ เผย!! ถูกตัดสิทธิ์ เพราะไม่ได้ไปเลือกตั้งซ่อมฯ

(18 พ.ค. 67) จากกรณี อดีตนักร้องดัง ปิงปอง ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ ที่เพิ่งเปิดตัวว่ามีความประสงค์ จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. เมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดวันนี้ ปิงปอง ศิรศักดิ์ ได้โพสต์แจ้งข่าวร้ายทางเฟซบุ๊ก ‘Sirasak Ittipholpanich’ ว่าตนเองนั้น ไม่สามารถลงสมัคร สว.ได้แล้ว โดยระบุข้อความว่า ...

ผมไม่ได้ลงสมัคร สว. แล้วครับ ต้องขอโทษทุกคนเป็นอย่างยิ่ง สาเหตุที่ไม่สามารถลงสมัครได้ เป็นเพราะว่าผมไม่ได้ไปเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเทศบาลนนทบุรี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ครับ (ก่อนวันเลือกตั้งใหญ่ในปีที่แล้วหนึ่งสัปดาห์) ซึ่งผมเพิ่งมารู้นี่แหละครับว่ามันมีการเลือกตั้งในวันนั้น

คงต้องโทษตัวเองครับที่เพิ่งมารู้เรื่องเอาตอนนี้ แม้สัปดาห์ที่แล้วจะมีการเลือกตั้งซ่อมอีกครั้ง (ครั้งนี้ผมได้ไปใช้สิทธิ์) ก็ยังไม่สามารถคืนสิทธิ์การสมัคร สว. กลับมาได้ (ในช่วงที่ผ่านมาได้ตรวจเช็กข้อกฎหมายทุกทางแล้วครับ)

ขอโทษทุกคนที่ฝากความหวังไว้กับผม ขอบคุณหลายคนที่เสียเวลาวิ่งหาข้อมูลเพื่อช่วยเหลือผมและขอโทษที่ทำให้เสียเวลาเปล่า ฝากพี่ๆ เพื่อนๆ ผู้สมัคร สว. ที่เหลือด้วยครับ และหลายคนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัด ลองเช็กดูด้วยนะครับว่า เคยมีการแจ้งอะไรไปที่บ้านหรือเปล่า อาจจะมีหลายคนที่ไม่รู้เรื่องนี้เพราะมันไม่ใช่การเลือกตั้งใหญ่

‘บิ๊กโจ๊ก’ ขอเดินหน้าทำเพื่อประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน ยัน!! ไม่สมัคร ‘สว.’ เพราะตนเองยังถือว่าเป็น ‘ข้าราชการตำรวจ’ อยู่

(18 พ.ค. 67) ที่จังหวัดสงขลา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เปิดเผยถึง กรณีเปิดรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา ว่าส่วนตัวแล้วยืนยันได้เลยว่า ตนไม่ขอลงสมัคร สว. แต่จะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ประกาศชัดมีโอกาส จะดูแลประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย สำหรับการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อกล่าวหาถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ที่ต้องสงสัย ทุจริตต่อหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ภายใต้หัวข้อ ปฏิบัติการกวาดบ้าน ให้ ป.ป.ช. พื้นที่แรกที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา โดยมีประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยต่างนำบัตรประชาชน มาแสดงเจตจำนง เพื่อขอร่วมลงชื่อตามสิทธิ์รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 236 เพื่อขอกล่าวหาตรวจสอบกรรมการ ป.ป.ช.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าตั้งแต่หลังยื่นหนังสือจนถึงวันนี้ผ่านไปไม่ถึง 48 ชั่วโมงมีประชาชนมาร่วมลงชื่อแล้วกว่า 6,000 ราย ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกหลังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการล่าลายรายชื่อเพื่อกล่าวหาตรวจสอบ กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้าราชการของรัฐ และจากนี้ไปจะไปต่อในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดพัทลุง และ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะไปต่อในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นในช่วงสัปดาห์ต่อไป พื้นที่จังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี และปิดท้ายในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ 

ยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้ จะใช้เวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ ก็จะได้รายชื่อกว่า 20,000 รายชื่อตามเงื่อนไข โดยจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมด เพื่อยื่นให้กับประธานรัฐสภา ตามหลักเกณฑ์และหากไต่สวนแล้ว มีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามที่มีการกล่าวหาประธานรัฐสภาก็จะส่งเรื่องไปให้ประธานศาลฎีกา เพื่อพิจารณาถอดถอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะลงสมัคร สว. เนื่องจากคุณสมบัติยังไม่ครบ เพราะจนถึงวันนี้ยังคงทำหน้าที่เป็นตำรวจ ถือเป็นข้าราชการของรัฐ ดังนั้นการออกมารณรงค์ครั้งนี้ก็เป็นเพราะ ประชาชนเรียกร้องให้ออกมาในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของประชาชนทุกคน 

ที่สำคัญไปกว่านั้นจะเห็นได้ว่าทันทีที่เปิดโครงการปฏิบัติการกวาดบ้านให้  ป.ป.ช. แทบไม่มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. หรือฝ่ายบริหารของ ป.ป.ช. ออกมาร้องคัดค้านหรือเรียกร้องให้เรายุติ แต่กลับส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับการทำหน้าที่ที่ต้องสงสัยว่า ทุจริตต่อหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ของกรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าวมาเพิ่มเติมให้อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนไม่ว่าท่านจะอยู่ภูมิภาคใดของประเทศ  ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ในการช่วยกันปกป้อง ไม่ให้เกิดการกระทำผิด ทุจริตคอรัปชัน ในทุกองค์กรของรัฐ 

สมุทรปราการ- 'พระครูแจ้' เปิดอาคารเรือนพยาบาล หลังมอบเงิน 700,000 บาท สมทบทุนจัดสร้างอาคารเรือนพยาบาล โรงเรียนบางบ่อวิทยาคม

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานเปิดอาคารเรือนพยาบาลศีลคุณ ณ โรงเรียนบางบ่อวิทยาคม

เมื่อเวลา 08.29 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 คณะผู้บริหาร คณะครูโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เปิดอาคารเรือนพยาบาลศีลคุณ (พระครูแจ้) หลังใหม่ อีกทั้งเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา โรงเรียนบางบ่อวิทยาคม ครบรอบ 55 ปี โดยได้รับความเมตตาจาก ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานในพิธีกดปุ่มเปิดผ้าคลุมป้ายอาคารเรือนพยาบาลศีลคุณ ณ โรงเรียนบางบ่อวิทยาคม ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ 

โดยมี พลอากาศโท ณรงค์ศักดิ์ พิชิตชโลธร ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารอากาศ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม เป็นผู้กล่าวรายงาน โดยมี นายวิโรจน์ จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม ครูครวญคำนึง รุดดิษฐ์ ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม คณะกรรมการมูลนิธิวันแม่โรงเรียนบางบ่อวิทยาคม ชมรมครูเก่าโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

เนื่องด้วยเรือนพยาบาลเดิมมีขนาดเล็กและมีสภาพเก่าตามอายุการใช้งาน ไม่สอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น จึงได้จัดสร้างเรือนพยาบาล ขนาด 10 เตียง เพื่อคุณภาพชีวิตของนักเรียน ในราคา 1.9 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างเรือนพยาบาล ได้จากการที่โรงเรียน ร่วมกับสมาคมศิษย์เก่าฯ จัดกิจกรรม BBW fun run 2003 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 มีการเดินวิ่งช่วงเช้า มุทิตาจิตในช่วงบ่าย และงานเลี้ยงแสด-ดำ ในช่วงค่ำ จนมีรายได้สำหรับจัดสร้างอาคารเรือนพยาบาล เป็นจำนวน 440,000 บาท และมีศิษย์เก่า หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนแต่เนื่องจากจำนวนเงินยังไม่เพียงพอต่อการก่อสร้างอาคารเรือนพยาบาล

กระทั่งได้รับความเมตตาจากท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มอบเงินจำนวน 600,000 บาท สำหรับจัดสร้างเรือนพยาบาลหลังนี้ และเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้มอบเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 100,000 บาท สำหรับจัดซื้อเตียงพยาบาลพร้อมที่นอนจำนวน 10 เตียง รวมเป็นเงิน 700,000 บาท ทางโรงเรียนบางบ่อวิทยาคม และสมาคมศิษย์เก่า ได้มีมติเอกฉันท์ให้ตั้งชื่ออาคารว่า เรือนพยาบาลศีลคุณ (พระครูแจ้) เพื่อเป็นเกียรติและแสดงถึงความกตัญญูแก่ท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่เมตตาสนับสนุนการก่อสร้างเรือนพยาบาลแห่งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top