Thursday, 3 July 2025
NewsFeed

‘ทัพเรือ’ แจง!! ปมกัมพูชาสร้างเขื่อนกันคลื่นรุกล้ำทะเลไทย  ชี้!! มียื่นหนังสือประท้วงและหยุดสร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2541

(14 พ.ค.67) พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงภารกิจหน้าที่ของกองทัพเรือ ที่สำคัญ คือการรักษาสิทธิและอธิปไตยตามแนวเขตแดน ตามการกำหนดเขตแดนโดยกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ในกรณีที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า ฝ่ายกัมพูชาได้มีการสร้างเขื่อนกันคลื่น ซึ่งอาจส่งผลให้กัมพูชาอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับอาณาเขตทางทะเลของไทย นั้น 

การสร้างเขื่อนกันคลื่นของฝ่ายกัมพูชา ได้มีการเริ่มก่อสร้างจากพื้นที่ฝั่งด้านกัมพูชา ในช่วงปี พ.ศ.2540 - 2541 โดยหน่วยงานของกองทัพเรือในพื้นที่ ได้มีการตรวจพบและรายงานขึ้นมา กองทัพเรือ จึงได้ให้หน่วยเทคนิค คือ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ตรวจสอบพบว่ามีการสร้างเขื่อนกันคลื่นจริง จึงได้แจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการยื่นบันทึกช่วยจำ และหนังสือประท้วงฝ่ายกัมพูชา และขอให้รื้อถอนเขื่อนกันคลื่นดังกล่าวออกไป โดยได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการออกไปแล้วจำนวน 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2541 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2541 และล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 

“ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 ที่ กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือทักท้วงกรณีดังกล่าวไป ทางกัมพูชาได้หยุดการก่อสร้าง และไม่มีการสร้างเพิ่มเติมแต่อย่างใด” พล.ร.ต.วีรุดม กล่าว

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า กองทัพเรือ ยังคงดำรงภารกิจในการรักษาสิทธิ อำนาจอธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติ อย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดเรือและอากาศยาน ลาดตระเวน เฝ้าตรวจ และแสดงกำลังเหนือพื้นที่ทางทะเลที่อ้างสิทธิ์ มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของชาติ และความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ 

กาฬสินธุ์- 'ชูศักดิ์' เผยคดีข้าราชการเอี่ยวตัดไม้พะยูงโรงเรียน เชือดนิ่ม ๆ ใครทำผิดต้องรับกรรม

แนะกรมธนารักษ์ แก้ไขระเบียบวิธีการปฏิบัติ ว.20 ด่วน ก่อนไม้หมดป่า หลังถกนาน 2 ชั่วโมง ฝากข้าราชการที่ดีต้องมีคุณธรรมช่วยเหลือประชาชน

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อาคารสำนักงานอธิบการบดีและบริหารสินทรัพย์ ชั้น 3 อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.กมธ.ปปช.สภาฯ) นายกิตติ สมทรัพย์ รอง ป.กมธ.คนที่สอง นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ รอง ป.กมธ.คนที่ 6 นางสุขสมรวย วันทนียกุล กรรมาธิการ นายนิพนธ์ คนขยัน เลขานุการคณะกรรมาธิการ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และว่าที่ร้อยโท ยุทธการ รัตนมาศ โฆษกคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ชำนาญการประจำคณะ กมธ.ปปช.สภาฯ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เขต 1 นายพลากร พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เขต 2 นายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เขต 5 ประชุมร่วมกับจังหวัด เพื่อสรุปผลการตรวจสอบการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีนายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย รอดงาม นายธนภัทร ณ ระนอง รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นายอำเภอหนองกุงศรี นายอำเภอห้วยเม็ก ผู้แทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 พร้อมด้วยผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

การประชุมครั้งนี้เป็นการหาข้อสรุปเพื่อเติมเต็มในสำนวน กมธ.ปปช.สภาฯ ซึ่งได้ทำการพิจารณาปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่ปี 2566 โดยนายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต1 พรรคเพื่อไทย ได้นำยื่นญัตติปัญหาตัดไม้พะยูงทั่วประเทศไปอภิปรายและ กมธ.ปปช. ได้นำเรื่องนี้เข้าพิจารณา แยกออกเป็น 2 กรณี คือกรณีแรกเป็นการลักลอบตัดไม้พะยูงในสถานีเพาะชำกล้าไม้กาฬสินธุ์ จำนวน 1 ต้น และมีการนำไม้ของกลางไปเก็บเอาไว้ที่เทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด แต่ไม้พะยูงหายไป 

ส่วนอีกกรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียน เป็นการฝ่าฝืน ใช้ช่องว่างของระเบียบพัสดุ และโดยเฉพาะข้อสั่งการ ว.20 ปี 2560 ของอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่พบเจ้าหน้าที่ของธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่ง อนุญาตให้มีการตัดไม้พะยูงไปขายให้กับนายทุนข้ามชาติ ที่มีผู้ต้องหาในคดีเบื้องต้นจำนวน 17 คน อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขในเรื่องระเบียบของกรมธนารักษ์เป็นหลัก รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ป.กมธ.ปปช.สภาฯ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญปัญหานี้ กมธ.ปปช. ได้ทำการตรวจสอบและสรุปเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่เป็นต้นตอของปัญหาก็คือ เป็นการกระทำที่ผิดระเบียบของกรมธนารักษ์ทุกขั้นตอน ซึ่งในสำนวนของ กมธ.ปปช. กรมธนารักษ์ก็ยืนยันว่าการอนุญาตตัดไม้พะยูงในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นการทำผิดระเบียบ เริ่มจากแนวคิดที่จะตัดไม้พะยูง 

รวมไปถึงแนวทางการจำหน่ายไม้พะยูงระหว่างพ่อค้ากับภาครัฐ มีการยึดราคาที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาด เป็นการกระทำที่ทำให้ภาครัฐเสียหาย เพราะการกระทำขาดผู้เชี่ยวชาญในการให้ความเห็นในเรื่องราคา โดยเฉพะกรณีโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี ไม้พะยูง 22 ต้นใหญ่ ถูกประมูลขายไปในราคาเพียง 153,000 บาท ทั้งที่ราคาจริงเมื่อวัดออกมาเป็นปริมาตรในท้องตลาดสูงกว่า 4 ล้านบาท ดังนั้นบุคคลใดที่ต้องรับผิดชอบ กมธ.ปปช. จะดำเนินการต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้เป็นกรณีตัวอย่างที่ในแต่ละจังหวัดของประเทศไทยจะได้นำไปใช้เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังทรัพยากรป่าไม้ของประเทศให้คงอยู่

“ดังนั้น ผลจากการสอบสวน กรมธนารักษ์ กรรมการสอบสวนสรุปมายังพบว่า มีบางโรงเรียน ที่ขออนุญาตตัดและตั้งคณะกรรมการสอบราคาในวันเดียวกัน หมายถึงอนุมัติตัดในวันเดียว มีลักษณะเร่งรีบเป็นกระบวนการที่ส่อไปในทางทุจริต เรื่องนี้จึงเป็นพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นเรื่องที่ กมธ.ปปช. จะต้องรักษาผลประโยชน์ทางราชการ จึงมีประเด็นที่ต้องขบคิดร่วมกันว่า กมธ.ปปช. จะวางแนวทางป้องกันอย่างไร ซึ่งก็พบว่าหนังสือเวียน กรมธนารักษ์ ตาม ว20 วันที่ 1 กุมภาพันธ์  2560 ควรจะมีการปรับปรุงหนังสือให้มีความชัดเจน ในกรณีการตัดตามความจำเป็นที่ควรจะมีกรอบที่ชัดเจนมากว่านี้ที่จะเป็นมาตรการหนึ่งที่จะเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหา” รศ.ชูศักดิ์ กล่าวในที่สุด

สำหรับคดีนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ภาครัฐจะต้องนำมาทบทวนการใช้อำนาจหน้าที่ที่จะกระจายลงสู่ภูมิภาค เนื่องจากการออกหนังสือหรือคำสั่งที่ไปเกี่ยวข้องในเรื่องของทรัพยากรป่าไม้ เป็นสิ่งที่จะต้องมีความรัดกุมเอาใจใส่ ในทุกระดับโดยเฉพาะข้าราชการ ที่อาจจะมีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากช่องว่างและกฎระเบียบของภาครัฐ จึงควรที่จะสร้างความตระหนัก สร้างสำนึกให้ข้าราชการมีศีลธรรม มีจรรยาบรรณและคุณธรรม ไม่ฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบประชาชนอย่างกรณีที่เกิดขึ้นเช่นนี้

เปิดพินัยกรรม ‘บุ้ง ทะลุวัง’ หลังเสียชีวิต ยก ‘แมว-เงินสด-ทรัพย์สิน’ ให้ ‘หยก’ ยก ‘ที่ดิน’ ให้ ‘พี่สาว’

(14 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เนติพร อายุ 29 ปี ได้ทำพินัยกรรมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อแสดงเจตนาในการจัดการทรัพย์สินของตน ภายหลังจากที่ตนถึงแก่ความตายแล้ว

ทั้งนี้ พบว่าทรัพย์สินที่เป็นเงินสดที่มีเก็บรักษาไว้และที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินคือ นาฬิกาข้อมือ ต่างหู และสัตว์เลี้ยงคือแมว ชื่อโซ 1 ตัว ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ น.ส.หยก (หยก ธนลภย์) ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว

ส่วนทรัพย์สินอื่น นอกจากที่ระบุไว้ ข้อ 1. อันรวมถึงที่ดิน สิทธิเรียกร้อง และสิทธิตามมรดกที่ตนมีอยู่ก่อนจะถึงแก่ความตาย ขอยกให้ พี่สาว เพียงผู้เดียว

ภายหลังจากที่ตนถึงแก่ความตายแล้ว ขอมอบให้ทนายความเป็นผู้จัดการมรดกของตนตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ 

‘กทม.’ ขอบคุณคนกรุงฯ ที่ร่วมมือขับเคลื่อนโครงการ ‘ไม่เทรวม’ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อ ‘กำจัดขยะ’ ไป 141 ล้านบาท ใน 1 ปี

(14 พ.ค. 67) ที่ตลาดคลองเตย เขตคลองเตย นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานเขตคลองเตย และคณะผู้บริหารตลาดคลองเตย ลงพื้นที่ติดตามโครงการไม่เทรวม ที่บริเวณจุดทิ้งขยะ ตลาดคลองเตย ซอย 8

จากนั้นเดินทางติดตามการจัดทำจุดหมักปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยหมักจากขยะเศษอาหาร ที่สวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า เขตคลองเตย ซึ่งเป็นจุดที่สำนักงานเขตคลองเตยรับปุ๋ยหมักจากศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยอ่อนนุช และขยะเศษอาหารจากจุดต่าง ๆ ภายในเขตฯ มาทำคลุกทำปุ๋ย พัฒนาคุณภาพ และนำมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นปลายทางของการจัดการขยะ

นายเอกวรัญญูกล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จากการขับเคลื่อนโครงการไม่เทรวม ต้องขอบคุณประชาชนและเครือข่ายที่เข้ามาร่วมมือ และทำให้ กทม.สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะไปได้ถึง 141,474,000 บาท คิดเป็นจำนวนปริมาณขยะที่ต้องกำจัดลดลง 74,460 ตันต่อปี และขยะจากเศษอาหารที่เข้าสู่กระบวนการจัดการขยะยังสามารถนำกลับมาทำเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่อได้ด้วย

นายเอกวรัญญู กล่าวต่อว่า กทม.ได้มีการบริหารจัดการขยะจากแหล่งกำเนิด ในแหล่งกำเนิดขนาดใหญ่ ( L ) เช่น ตลาด สำนักงาน ห้าง โรงแรม โรงเรียน ขนาดกลาง ( M ) เช่น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และชุมชน คาดว่าหลังจากนี้จะสามารถขยายผลลงสู่แหล่งกำเนิดขยะในระดับครัวเรือน หรือขนาดเล็ก ( S ) ต่อไป

ทั้งนี้ ผลการคัดแยกขยะของแหล่งกำเนิดขนาดใหญ่ ในเดือน มี.ค. 2567 มีแหล่งกำเนิดเข้าร่วม 2,805 แห่ง สามารถแยกเศษอาหารได้ 22,140 ตัน หรือ 180 ตัน/วัน ยกตัวอย่าง ตลาดเข้าร่วม 184 แห่ง แยกเศษอาหารได้ 76 ตัน/วัน สถานศึกษาเข้าร่วม 457 แห่ง แยกเศษอาหารได้ 19.4 ตัน/วัน ห้างสรรพสินค้าเข้าร่วม 114 แห่ง แยกเศษอาหารได้ 23.3 ตัน/วัน

“สำหรับค่าเป้าหมายการคัดแยกขยะทุกประเภท ประจำปีงบประมาณ 2567 อยู่ที่ 200 ตัน/วัน ปี 2568 อยู่ที่ 500 ตัน/วัน และปี 2569 อยู่ที่ 1,000 ตัน/วัน” นายเอกวรัญญูกล่าว

ด้าน นางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผอ.เขตคลองเตย กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่ตลาดคลองเตย ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการร้านค้าในตลาด พร้อมมีการกำชับเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดให้นำเศษขยะอาหาร ใบไม้ มาจัดทำปุ๋ย ส่วนขยะอื่น ๆ ให้แยกตามประเภท ส่งผลให้สำหรับในเขตคลองเตย สามารถลดค่ากำจัดขยะได้ถึงประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี

“ต้องขอขอบคุณตลาดคลองเตย และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุนการจัดการขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทาง โดยรวบรวมขยะประเภทเศษผักจากตลาดคลองเตย ได้วันละประมาณ 18 ตัน จะนำไปผลิตปุ๋ยหมักที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ก่อนนำมาหมุนเวียนใช้ และแจกจ่ายใช้ในสวนสาธารณะของ กทม.ต่อไป” นางเบญญากล่าว

‘นาซา’ วางแผนจะสร้าง ‘ระบบรางรถไฟ’ บนดวงจันทร์ หวังรองรับการปฏิบัติภารกิจของนักบินอวกาศในอนาคต

(14 พ.ค.67) เว็บไซต์ วีโอเอ รายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซา) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับ ‘ระบบรางรถไฟ’ ที่วางแผนว่าจะสร้างบนพื้นผิวดวงจันทร์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อจัดเตรียม ‘ระบบขนส่งด้วยหุ่นยนต์’ สำหรับรองรับกิจกรรมบนดวงจันทร์ในอนาคต

รายงานระบุว่า ทางรถไฟดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ ‘โครงการอาร์ทิมิส’ (Artemis) โครงการการบินอวกาศของมนุษย์ระดับนานาชาติ ที่นำโดยสหรัฐอเมริกากับเป้าหมายหลักในการส่งมนุษย์กลับคืนสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2515 และมีการกำหนดวันลงจอดเพื่อส่งนักบินอวกาศบนพื้นผิวดวงจันทร์ ในเดือนก.ย. 2569

องค์การนาซากล่าวด้วยว่ามีแผนที่จะสร้างฐานระยะยาวบนดวงจันทร์ ซึ่งนักบินอวกาศสามารถสำรวจและทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ฐานดังกล่าวได้ และคาดว่าจะเริ่มสร้างขึ้นเร็วที่สุดในช่วงทศวรรษ 2030 (ตั้งแต่ปี 2573) นอกจากนี้ยังใช้เป็นพื้นที่ปล่อยยานสำหรับการสำรวจดาวอังคารในอนาคตได้อีกด้วย

แผนสร้างรางรถไฟบนดวงจันทร์ถูกเรียกว่า ‘FLOAT’ (โฟลต) ย่อมาจาก Flexible Levitation on a Track จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติภารกิจบนดวงจันทร์ เพราะสามารถให้บริการขนส่งในพื้นที่ดวงจันทร์ที่นักบินอวกาศใช้งานอยู่ ซึ่งจะรวมถึงการบรรทุกดินบนดวงจันทร์และวัสดุอื่น ๆ ไปยังส่วนต่าง ๆ ของดวงจันทร์

นาซากล่าวว่ามีแผนจะขุด ‘เรโกลิธ’ (Regolith) หรือเศษดินเศษหินที่อยู่บนพื้นผิวชั้นบนของดวงจันทร์ เพื่อหาสารที่สามารถรองรับกิจกรรมของนักบินอวกาศบนดวงจันทร์ได้ เรโกลิธอาจประกอบด้วยน้ำหรือของเหลวของออกซิเจนและไฮโดรเจน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้สามารถใช้เพื่อสนับสนุนนักบินอวกาศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่บนดวงจันทร์เป็นเวลานานได้

‘หมอเหรียญทอง’ แจงเหตุตบหน้าเด็ก 14 สูบบุหรี่ในห้องน้ำ รพ. ลั่น!! รพ.เป็นเขตปลอดบุหรี่ - ไม่มีสิทธิละเมิดสิทธิผู้อื่น

(14 พ.ค. 67) มารดา ของชายอายุ 14 ปีรายหนึ่ง ได้เดินทางไปแจ้งความว่า ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ

โดยเธอเล่าว่า ระหว่างที่​ลูกชายได้เดินทางไปเฝ้าภรรยาที่รอคลอด ​ระหว่างนั้นได้เข้าไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำชั้น 12 ของโรงพยาบาล เมื่อสูบบุหรี่เสร็จออกมาจากห้องน้ำ พบว่าเจ้าหน้าที่ของ รพ.ที่เป็นผู้ชาย ได้ยืนถ่ายภาพ และนำตัว ด.ช.วัย 14 ลงมาบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน และโทรหาให้ผู้ปกครองมาเสียค่าปรับ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท

จากนั้นเมื่อ ด.ช.โทรหาผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์ไปคุยต่อโดยไม่ได้ส่งคืน และให้ ด.ช.นั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน เวลาต่อมาได้มีชายเดินมาทำร้ายร่างกาย ด.ช. ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด และเดินออกจาก รพ.ไป เมื่อ ด.ช.เดินออกจาก รพ. จึงยืมโทรศัพท์บุคคลที่อยู่บริเวณนั้น โทรหาญาติให้มารับ และแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ระบุว่า ชายไทยสูงวัย ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้น เดินเข้ามาทางประตูหน้าตรงห้องฉุกเฉิน เดินตรงเข้ามาที่ ด.ช.วัย 14 จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ถามว่า “มึงสูบบุหรี่ในนี้ได้ไง” หลังจากสิ้นคำถาม ชายคนดังกล่าวก็ตบมาที่บริเวณใบหน้า​ 1 ครั้ง

จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ตบที่บริเวณใบหน้าอีก 3 ครั้ง แม้ว่าจะพยายามขอโทษ และร้องไห้ออกมา ก่อนที่จะถูกตะคอกใส่ว่า จะร้องทำไม ​โดยพบว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณคิ้วข้างซ้ายเป็นรอยช้ำแดง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า..

ได้โปรดแชร์ให้ทราบข้อเท็จจริงทั่วกันว่าเมื่อดึกคืนวันที่ 13 พ.ค.67 มีไอ้วัยรุ่นกุ๊ยมาสูบบุหรี่ในห้องสุขา แผนกผู้ป่วยนอก หรือ โอ พี ดี ชั้น 1 อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารใหม่ส่งกลิ่นควันบุหรี่เข้าสู่ระบบปรับอากาศคละคลุ้งทั่วพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วย โอ พี ดี ที่รอรับการตรวจ

ทั้ง ๆ ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะก็ประกาศจัดการผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดรุนแรง แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้ก็ยังท้าทายลองดี ทั้ง ๆ ที่ภริยาของมันได้เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ด้วยสาเหตุทารกในครรภ์ไม่ดิ้น จนอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา

แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้กลับตอบแทน รพ.มงกุฎวัฒนะด้วยการท้าทายสูบบุหรี่ ณ โอ พี ดี รพ.มงกุฎวัฒนะ อาคาร 3 ชั้น 1 ส่งความรำคาญแก่ผู้ป่วยที่มารอตรวจได้สูดควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งปอดกันถ้วนหน้า

ผมจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้อย่างดุเดือดรุนแรงตามที่ผมประกาศไว้ตามเสียงตามสายของ รพ.มงกุฎวัฒนะทุก ๆ 2 ชั่วโมง เมื่อไอ้กุ๊ยละเมิดสิทธิผู้ป่วยรายอื่น ๆ สร้างความสุ่มเสี่ยงต่ออัคคีภัยใน รพ.ที่มีผู้ป่วยนอนจำนวนมาก สุ่มเสี่ยงต่อโศกนาฏกรรมแล้ว ทั้งเคยเกิดเหตุอัคคีภัย ณ รพ.มงกุฎวัฒนะ จากการสูบบุหรี่ในพื้นที่ของ รพ.มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2558 และ 2564

ดังนั้นผมจึงจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้ด้วยตนเองด้วยการตบหน้าสั่งสอน ยึดโทรศัพท์มือถือ แล้วสั่งให้แก้ผ้าล่อนจ้อน ไล่ออกจากพื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไอ้กุ๊ยตัวนี้ยังยกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์มาข่มขู่หน้าทางเข้า รพ.มงกุฎวัฒนะ 6-7 คันเสียด้วย

แต่ขอบอกตามตรงว่ารู้สึกเฉย ๆ ก็ลองแหยมเข้ามาท้าตีท้าต่อยก็จะโต้ตอบรุนแรงกลับไป แถมยังให้ข่าวว่าถูกผมตบคิ้วแตกเสียด้วย โกหกสิ้นดี 

ผมขอเรียนว่าผมประกาศต่อสาธารณะมาเสมอว่าเราไม่ง้อ ไม่สนผู้ใช้บริการที่เป็นกุ๊ยอันธพาลเกเร คิดจะฝ่าฝืนสูบบุหรี่ เกเร อวดเบ่งบุคลากรทางการแพทย์ กระทำอะไรตามอำเภอใจ ก็ขอเชิญไป รพ.อื่นก็แล้วกัน

แต่สำหรับ รพ.มงกุฎวัฒนะแล้วจะมีผู้ใช้บริการที่รู้กฎระเบียบสังคมมาใช้บริการอย่างสบายใจ ผมไม่สนหรอกครับว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ผมกลับเห็นว่าสมควรแก่เหตุเสียด้วยซ้ำ 

ควันบุหรี่เป็นสารก่อมะเร็งแก่ผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ โดยที่เขาไม่สมควรได้รับ ดังนั้นความเด็ดขาดในการปกป้อง รพ.ทุกแห่งในโลกให้เป็นเขตปลอดบุหรี่จึงต้องเด็ดขาดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

สาธารณชนจะตัดสินใจแยกแยะได้ว่าเมื่อเขาเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว เขาจะมา รพ.มงกุฎวัฒนะได้อย่างปลอดภัยจากบุหรี่ รวมถึงปลอดกุ๊ยอันธพาลเกเรด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบข้อเท็จจริงทั่วกันครับ คนโลกสวยเห็นว่าเกินแก่เหตุไม่สมควรใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
14 พ.ค. 67 เวลา 12.58 น.

'Transformer Low Carbon เจริญชัย' รางวัลนวัตกรรม NiA ตอกย้ำ ลดค่าไฟ-ลดคาร์บอน อนุรักษ์พลังงาน

บจ.ฟาร์โซนิคส์ (ลำพูน) เมษาลดค่าไฟฟ้า 100,000 บาท/เดือน พร้อมการสนับสนุนอนุรักษ์พลังงานโดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ / มหาวิยาลัยราชภัฏลำปาง / สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง อย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่ LESS, CFP, CFO, BOI, Carbon Credit, Net Zero, Carbon Neutrality 

นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ กล่าว บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ขอขอบคุณและแสดงความยินดีกับ บริษัท ฟาร์โซนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ลดค่าไฟฟ้า 100,000 บาท/เดือน และไว้ใจเลือกติดตั้งหม้อแปลง Low Carbon เป็นหม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงานที่บริหารจัดการพลังงานสิ้นเปลืองให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเสถียรภาพกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและยั่งยืน ตอบโจทย์โรงงานอุตสาหกรรม, อาคาร สถานประกอบการตามนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลเร่งการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงานอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม 

หม้อแปลงดังกล่าว ลดค่าไฟฟ้า 5-20% (Energy Saving) ลดคาร์บอน 5-20% (Low Carbon) มากกว่า 100 ล้านตัน ลดมลพิษ (Low Emission) ทำให้อุปกรณ์อายุการใช้งานยาวนานขึ้น (Long Life Equipment) เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เจ้าของอาคาร ตามนโยบายของรัฐบาลในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน

นายสรสิทธิ์ ชลิศราพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์โซนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด, ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการและบริการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีและให้โอกาสติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า Low Carbon Platform การบริหารจัดการพลังงาน พร้อมก้าวสู่  Net Zero, LESS, CFP, CFO, Carbon Credit และ BOI นำล้ำทันสมัยที่สุดในอาเซียน อีกทั้งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต้นแบบที่พร้อมจะดำเนินการตามนโยบายภาครัฐในการลดก๊าซเรือนกระจก และการประหยัดพลังงานอนุรักษ์พลังงาน ตอบโจทย์ นโยบายภาครัฐด้านการประหยัดพลังงาน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน ต้องใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด

ดร.ณัฐวุฒิ จารุวสุพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงาน smart energy & innovation และ นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว ด้วยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้ร่วมวิจัยและได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินงานวิจัยหม้อแปลง Low Carbon และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage เพื่อรองรับพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response” ซึ่งจากการดำเนินงานพบว่าหม้อแปลงที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ที่กล่าวในข้างต้นตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงานถึง 9% โดยสามารถลดการใช้พลังงาน ลดตันทุนค่าไฟฟ้า และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมีระยะเวลาคืนทุนภายในเวลา 2-5 ปี ซึ่ง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคมประชาชนและผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า

สภาอุตสาหกรรม 3 จังหวัด (เชียงใหม่, ลำพูน และลำปาง) กล่าว ขอแสดงความยินกับ บริษัท ฟาร์โซนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อนุรักษ์พลังงานและลดค่าไฟฟ้า 100,000 บาท/เดือน อีกทั้งสภาฯ และ มช. พร้อมสนับสนุน บริษัท ฟาร์โซนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้นำต้นแบบด้านการประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์ภาครัฐด้านการประหยัดพลังงาน พร้อมก้าวสู่ LESS, CFP, CFO, BOI, Carbon Credit, Net Zero, Carbon Neutrality

เชียงใหม่-ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต “พระนักบุญแห่งล้านนา” มอบรถพยาบาลฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต ให้กับโรงพยาบาลพร้าว อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 14 พฤษภาคม  2567 นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายสุรสิทธิ์ เทียมทิพย์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์นพดล บุญเฉลย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพร้าว และคณะเจ้าหน้าที่ รับมอบรถพยาบาลฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต จากท่านเจ้าคุณพระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายและเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ บ้านป่าตึง ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ในโครงการมอบรถพยาบาล 108 คัน ทั่วประเทศ  ด้วยเมตตาบารมี ของท่านเจ้าคุณ ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการใช้รถพยาบาลเพื่อส่งต่อและออกรับผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงได้เมตตา มอบรถพยาบาลให้กับโรงพยาบาลพร้าว จำนวน 1 คัน สำหรับใช้ทดแทนรถพยาบาลทีเสียหายชำรุด

โดยเป็นรถพยาบาลฉุกเฉิน ขนาดใหญ่ มีโครงสร้างแข็งแรง ภายในรถมีเครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน อาทิ เตียงเข็นผู้ป่วย, เครื่องวัดชีพจร, เครื่องกระตุ้นหัวใจ,เครื่องวัดความดันโลหิต, เครื่องให้ออกซิเจน เป็นต้น พร้อมนำไปใช้ปฏิบัติภารกิจรับส่งต่อผู้ป่วยได้ทันที  

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลพร้าว จ.เชียงใหม่ ขอกราบอนุโมทนาแด่ท่านเจ้าคุณครูบาอริยชาติ อริยจิตโต และขอขอบพระคุณคุณปุณรัศมิ์ ปฐมอัคราโรจน์ ผู้ให้การสนับสนุนบริจาคที่ส่งมอบรถพยาบาลให้ในยามขาดแคลน และเห็นถึงความสำคัญในการส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลรักษาที่รวดเร็วทันท่วงที ซึ่งการมีรถพยาบาลที่มีสมรรถนะสูง ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานในการส่งต่อผู้ป่วย และขอขอบคุณนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และนายแพทย์วนิรุทธ์ หอเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่ได้เป็นผู้ประสานงานส่งมอบรถในครั้งนี้

นภาพร/เชียงใหม่

กาฬสินธุ์เครือข่ายเมืองน้ำดำบุกร้องชูศักดิ์ป.กมธ.ปปช.เชือดก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร เครือข่ายภาคประชาสังคม ปปท.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อน ยื่นหนังสือร้อง 'ชูศักดิ์' ป.กมธ.ปปช.สภาฯ ตรวจสอบงานก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ภายหลังรองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.กมธ.ปปช.สภาฯ)  ประชุมปัญหาการตัดไม้พะยูง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางจังหวัด นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4  ประจำ จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะ กธจ.กาฬสินธุ์ และนายดำรงศักดิ์ สง่าวงศ์ ข้าราชการบำนาญ เป็นตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม งบประมาณ 545 ล้านบาท 8 โครงการใหญ่ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ต่อรองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธาน กมธ.ปปช.สภาฯ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบปัญหาการก่อสร้าง ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และกระทบต่อความสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ
นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4  ประจำ จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะ กธจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนต้องการให้ ป.กมธ.ปปช.สภาฯ ได้ตั้งองค์คณะเข้ามาตรวจสอบโครงการนี้

ถึงแม้ว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง จะทำการยกเลิกสัญญากับ หจก.ประชาพัฒน์ และ หจก.เฮงนำกิจ ไปแล้ว แต่ผลการดำเนินการตามระเบียบพัสดุปี 2560 บุคคลที่จะทำการยกเลิกสัญญา และมีผลในทางปกครอง ก็คือ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่เอกสารการยกเลิกจะต้องถูกส่งต่อมาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และยังมีกระบวนการพิจารณาของกรมบัญชีกลางจนนำไปสู่การยกเลิกทางปกครอง โดยปลัดกระทรวงการคลัง ทำให้ขณะนี้ หจก.ประชาพัฒน์ และ หจก.เฮงนำกิจ ยังคงสามารถไปทำนิติกรรมต่อหน่วยงานราชการอื่นได้ แม้ในส่วนกรมโยธาฯ จะไม่สามารถเข้าไปประมูลงานได้แล้ว จึงเกรงว่าจะเกิดผลเสียต่อทางราชการที่มองได้ถึงความมั่นคงของประเทศชาติ

“อีกกรณีเป็นเรื่องของความสงบสุขของพี่น้องประชาชน เนื่องจากในบางโครงการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2562 โดยเฉพาะ งานก่อสร้างท่อระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งบประมาณ 148 ล้านบาท จะพบว่า ถนน 6 จุดรวมถึงชุมชนกลายสภาพเป็นหลุมอันตราย ที่ผู้รับจ้างทิ้งงานได้ปล่อยเอาไว้และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน จึงเกิดปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะได้ทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดเสียหายไปแล้วกว่า 7,500 ล้านบาท จึงได้เข้ามายื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบปัญหานี้ด้วย”นายชาญยุทธ กล่าวในที่สุด

ด้าน นายดำรงศักดิ์ สง่าวงศ์ ข้าราชการบำนาญ ตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าโครงการนี้มีปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย เกิดขึ้นจากส่วนกลาง เนื่องจากตนได้เริ่มร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 2 ปี ที่เพิ่งจะเห็นผลมีการยกเลิกสัญญา ข้อสังเกตที่ต้องการให้ กมธ.ปปช.สภาฯ เร่งตรวจสอบ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ 148 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายไป 80 ล้านบาท จะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับงานก่อสร้างว่าทำไมถึงสามารถเบิกเงินได้ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ใช้เกณฑ์อะไรพิจารณา แล้วรู้หรือไม่ว่า หจก.ทั้ง 2 แห่ง ไม่สามารถทำงานได้ทำไมถึงปล่อยผ่านไป อีกทั้งผลการยกเลิกโครงการก็จะทำให้รัฐจะต้องอุดหนุนภาษีไปยังโครงการที่สร้างไม่เสร็จอีก จึงต้องการให้ ป.กมธ.ปปช. เร่งนำเรื่องนี้ไปพิจารณาในชั้น กมธ.โดยด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์และเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ตามภายหลังรับเอกสารร้องเรียน คณะที่ปรึกษา กมธ.ปปช.สภาฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนน ผังเมือง 2 ชุมชนหนองเรือ-หัวคู เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ห่างจากศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เพียง 200 เมตร คณะที่ปรึกษาฯ พบปัญหาก่อสร้างมีการทิ้งท่อ เศษหิน เศษดิน เกลื่อนถนน โดยเฉพาะบล็อกที่จะใช้เป็นจุดกักน้ำไม่มีป้ายติดเตือนป้องกันอันตรายที่ยังพบความเสื่อมสภาพของงานก่อสร้างอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ปรึกษา กมธ.ปปช. จะนำปัญหาที่พบเห็นนี้ไปรายต่อที่ประชุม กมธ.ปปช.สภาฯ เพื่อตรวจสอบหน่วยงานและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และจะกำหนดวันพิจารณาปัญหานี้อย่างเร่งด่วนต่อไป

'นทท.ญี่ปุ่น' โดนชาร์จค่า 'ตุ๊กตุ๊ก' จากเหมา 1,500 เป็น 1,500 ต่อคน ด้านกรมขนส่งฯ เรียกตัวผู้ก่อเหตุ ปรับ 2,500 พักใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน

(14 พ.ค.67) จากเพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้โพสต์ข้อความโดยอิงจากแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) ของชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ 'Ryo Ishii' ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุป ว่า...

🛺 ค่าตุ๊ก ๆ 6,000 บาท
จากอโศก มา ถนนธนิยะ
ตุ๊ก ๆ เรียกคนละ 1,500 บาท
รวม 4 คน 6,000 บาท

#เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด่วน

**ตุ๊ก ๆ และ แท็กซี่ มักเรียกเหมาเกินจริง

ปัญหาใหญ่ของการท่องเที่ยวไทย ในกลุ่มท่องเที่ยวมักรีวิวให้เลี่ยงการใช้บริการ และให้ใช้ผ่านแอปพลิเคชันแทน (กระทบแท็กซี่ตุ๊ก ๆ ที่ดี)

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางกรมการขนส่งทางบก ได้เปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อสังคมออนไลน์ชื่อ Ryo Ishii ผ่านแอปพลิเคชัน x ลงข้อความว่าได้ใช้บริการรถสามล้อรับจ้าง (ตุ๊กตุ๊ก) โดยเรียกรถจากสุขุมวิท ซอย 18 ไปยังห้างธนิยะ พลาซ่า (สีลม) โดยผู้ขับรถได้เรียกเก็บค่าโดยสาร จำนวน 4 คน เป็นเงิน 6,000 บาท โดยอ้างว่าฝนตกจึงเรียกราคาดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. https://twitter.com/peronen/status/1789996247530545329 นั้น

กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว พบว่ารถที่ถูกร้องเรียนเป็นรถสามล้อรับจ้างหมายเลขทะเบียน สก 4727 กท มีสหกรณ์สามล้อรัตนโกสินทร์ จำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มีนายภูมิมเรศ ผารัตน์ เป็นผู้ขับรถในวันเกิดเหตุ โดยในวันนี้ (14 พ.ค. 67) กรมการขนส่งทางบกได้เรียกตัวผู้ขับรถได้มารายงานตัวเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง โดยผู้ขับรถให้การยอมรับว่า ได้กระทำการตามที่ปรากฏตามสื่อจริง

กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 จึงลงโทษดังนี้...

1. ความผิดเกี่ยวกับการเก็บค่าโดยสารตามมาตรา 22 ประกอบมาตรา 60 เปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 2,000 บาท (สองพันบาทถ้วน)

2. ความผิดเกี่ยวกับการแต่งกาย ตามมาตรา 5(15) ประกอบมาตรา 58 เปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)

3. พักใช้ใบอนุญาตขับรถ เป็น ระยะเวลา 90 วัน

4. ส่งตัวเข้ารับการอบรมจิตสำนึกการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสาร จำนวน 3 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top