Thursday, 3 July 2025
NewsFeed

‘เซาท์ออสเตรเลีย’ จ่อห้ามเด็กต่ำกว่า 14 ปี เล่นโซเชียลมีเดีย หลังพบผลกระทบในด้าน ‘สุขภาพจิต-พัฒนาการ’ ของเด็ก

(13 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปีเตอร์ มาลินอสคัส ผู้ว่าการรัฐเซาท์ออสเตรเลียของออสเตรเลีย เปิดเผยแผนการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการแต่งตั้งโรเบิร์ต เฟรนช์ อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงแห่งออสเตรเลีย ดำเนินการตรวจสอบข้อปฏิบัติทางกฏหมายของการบังคับใช้คำสั่งห้ามลักษณะดังกล่าวเป็นครั้งแรกของออสเตรเลีย

เมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ค.) ปีเตอร์ มาลินอสคัส กล่าวว่า รัฐบาลรัฐเซาธ์ออสเตรเลียออกข้อเสนอที่ว่าประชาชนในรัฐที่มีอายุต่ำว่า 14 ปี จะถูกห้ามใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ส่วนผู้มีอายุ 14-15 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ผู้ปกครองหากต้องการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์

โดยอธิบายว่า มีผลการตรวจสอบและหลักฐานผลกระทบมากมายที่บ่งชี้ว่าสื่อสังคมออนไลน์เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตและพัฒนาการของเด็ก โดยมีการใช้แอดดิคทีฟ อัลกอริทึม (addictive algorithm) มาดึงดูดเด็กวัยรุ่นในวิถีทางที่จิตใจอันกำลังพัฒนาของพวกเขามิอาจรับมือได้

“ตอนนี้เด็ก ๆ ตกอยู่ในอันตราย จึงไม่ควรเสียเวลาเปล่าอีกต่อไป” ปีเตอร์ มาลินอสคัส กล่าว พร้อมเสริมว่า กฎเกณฑ์และข้อบังคับของคำสั่งห้ามนี้อาจมีลักษณะเหมือนกับคำสั่งห้ามชาวออสเตรเลียที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าถึงการพนันออนไลน์

ทั้งนี้ ข้อมูลจากอีเซฟตี คอมมิชชันเนอร์ (eSafety Commissioner) ของรัฐบาลกลางออสเตรเลียในปี 2021 ระบุว่าวัยรุ่นออสเตรเลียใช้เวลาบนโลกออนไลน์เฉลี่ย 14.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และใช้บริการสื่อสังคมออนไลน์เฉลี่ย 4 แพลตฟอร์ม

‘พีระพันธุ์’ รับเรื่องร้องเรียนปัญหาคนเมืองเพชรบุรี ยัน!! แม้ไม่ใช่ภารกิจหลัก แต่พร้อมสานต่อถึง ครม.

(13 พ.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี เขต 1 และ จ.อ. อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรุบรี เขต 3 รวมทั้ง สส. และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และคณะผู้บริหารพรรค ได้ลงพื้นที่จุดสะพานกลับรถข้ามรถไฟทางคู่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี

เมื่อเดินทางไปถึงจุดดังกล่าว มีพี่น้องประชาชนได้มายื่นเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับปัญหาการจราจร อุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และจากกรณีรถไฟไม่สามารถหยุดจอดได้ในทันที ซึ่งสุ่มเสี่ยงอาจเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ ดังนั้นพี่น้องประชาชน จึงต้องการขอให้ภาครัฐทำการสร้างสะพานข้ามเกือกม้า เพื่อลดอุบัติเหตุ และแก้ไขปัญหาการจราจร

จากข้อร้องเรียนดังกล่าวของประชาชนในพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรีนั้น นายพีระพันธุ์ ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า จะนำปัญหาดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มาประชุมที่ จ.เพชรบุรี ในครั้งนี้ด้วย (13-14 พ.ค.2567)

หลังเสร็จภารกิจจากจุดดังกล่าว นายพีระพันธุ์ ได้ลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลแก่งกระจานต่อ เพื่อรับหนังสือร้องเรียนชาวบ้านเรื่องการก่อสร้างบานเปิด-ปิด ระบายน้ำ หรือ สปิลเวย์ เขื่อนแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์ กล่าวภายหลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนว่า ตนจะต้องประสานข้อมูลและข้อเท็จจริงกับทางหน่วยราชการที่เป็นเจ้าของเรื่องว่า มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร อีกทั้งมีวิธีการดำเนินการได้แค่ไหน ในกรณีแบบนี้บางอย่าง ก็ต้องหาวิธีการเพื่อมาชดเชย แต่ถ้าหน่วยราชการมีรูปแบบวิธีการแก้ปัญหาก็สามารถนำมาพิจารณา ขณะเดียวกัน ตนก็จะดูเรื่องการแก้ปัญหานี้ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน

ด้าน นายวิรัตน์ นกวอน นายกองค์การบริหารตำบล แก่งกระจาน เปิดเผยว่า วันนี้ตนและประชาชนในพื้นที่ มายื่นหนังสือร้องเรียนให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ เพื่อต้องการให้ท่านช่วยชะลอการก่อสร้างบานเปิด-ปิดระบายน้ำเขื่อนแก่งกระจานไปจนกว่า สอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้วเสร็จ

“ผมเชื่อว่า พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่ขอบอ่าง ไม่เห็นด้วย เพราะหากมีการก่อสร้างบานเปิด-ปิดดังกล่าวที่สูงขึ้นไปอีก จะทำให้ประชาชน ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมหนัก หากน้ำล้นเขื่อนขึ้นมาในปริมาณที่มากอีก และถ้าหนีขึ้นไปด้านหลังซึ่งเป็นเขาและเป็นพื้นที่เขตอุทยานฯ ก็อาจจะมีความผิดฐานบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ เพราะโครงการดังกล่าวทางกรมชลประทาน ไม่ได้มีการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเลย“ นายวิรัตน์ กล่าว

สำหรับโครงการก่อสร้างนี้มีทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนที่ 1 คือการก่อสร้างสะพานข้ามสปิลเวย์ ส่วนที่ 2 คือ การสร้างแนวกันตลิ่ง เพื่อกันน้ำเซาะตลิ่ง ทั้งนี้ในส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 นี้ ชาวบ้านไม่คัดค้าน เนื่องจากมีประโยชน์ต่อจังหวัด และพื้นที่ เพื่อใช้เป็นจุด check in และเป็นจุด Landmark Point ของจังหวัดแต่ ส่วนที่ 3 คือการก่อสร้างบานเปิด-ปิดน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำ ได้มีการประชุมระดับอำเภอแล้ว และได้ข้อสรุปให้ชะลอจนกว่าจะสอบถามความคิดเห็นของประชาชน แม้ที่ผ่านมาจะมีการสั่งชะลอ แต่ยังมีการดำเนินการก่อสร้าง

ปัญหาที่เกิดขึ้น กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อน้ำล้นสปิลเวย์ จะท่วมบ้านเรือนราษฎรที่เป็นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังท่วมพื้นที่ทำกิน พืชผลทางการเกษตร อีกทั้งแนวเขตชลประทานเพิ่มขึ้นทับช้อนพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่ได้รับการผ่อนผันให้ทำกิน ตามมติ ครม. มิ.ย. 41

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางแก้ไข้ ต้องการเสนอให้ชลประทานเปลี่ยนแปลงโครงการจากทำบานพับสปิลเวย์ มาเป็นขุดลอกเขื่อนแทน เนื่องจากทุกปีในช่วงฤดูฝน เกิดน้ำหลาก เกิดการพังทลายของดินไหลลงสู่เขื่อนแก่งกระจาน เป็นตะกอน ทำให้ตื้นเขิน จึงกักเก็บน้ำได้ปริมาณน้อยลง จึงควรใช้วิธีการขุดลอก เพื่อกักเก็บน้ำให้มากขึ้น เป็นการลดความเสี่ยงกรณีเขื่อนแตก เพราะจะมีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้อยู่อาศัยบริเวณใต้เขื่อน และลดผลกระทบผู้อยู่อาศัยบริเวณรอบเขื่อนอีกด้วย

สำหรับหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างดังกล่าว ได้แก่ หมู่บ้านพุเข็ม หมู่ 10 ต.แก่งกระจาน หมู่บ้านพุบอน หมู่ที่ 14 ต.แก่งกระจาน หมู่บ้านน้ำทรัพย์ หมู่ที่ 9 ต.แก่งกระจาน หมู่บ้านหนองเกตุ หมู่ที่ 7 ต.แก่งกระจาน หมู่บ้านท่าเรือ หมู่ที่ 8 ต.แก่งกระจาน หมู่บ้านท่าลิงลม หมู่ที่ 3 ต.สองพี่น้อง หมู่บ้านวังวน หมู่ที่ 2 ต.สองพี่น้อง หมู่บ้านพุไทร หมู่ที่ 3 ต.ห้วยแม่เพรียง และหมู่บ้านลำตะเคียน หมู่ที่ 4 ต.แก่งกระจาน ทั้งนี้มีทั้งหมด2,097 ครัวเรือน มีประชากรทั้งหมด 4,715 คน

ภายหลังรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ทั้งปัญหาการจราจรจุดสะพานกลับรถข้ามรถไฟทางคู่ อ.เมือง และ เรื่องการก่อสร้างบานเปิด-ปิด ระบายน้ำ หรือสปิลเวย์ เขื่อนแก่งกระจาน นายพีระพันธุ์ ยังได้ลงพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.ไร่สะท้อน อ.บ้านลาด เพื่อพบปะพูดคุยกับประชาชนกลุ่มเลี้ยงวัวทางด้านการเกษตรและกีฬาต่อ

หลังจากพูดคุยกัน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องช่วงเวลาการเล่นกีฬาวัวลาน ที่จะขอให้มีการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาในการแข่งเป็นเวลาไหนนั้น ให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้ เราก็จะมาแก้ให้อยู่ในกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนดีกว่า”

นายพีระพันธุ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “แต่ในระหว่างรอการแก้ไขกฎหมาย เราก็สามารถประสานไปกับทางกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้” 

‘หมอยง’ เผย ‘โควิด-19’ มีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้น พร้อมเตือนให้ระวังสายพันธุ์ HK.2 ติดง่ายกว่าเดิม

(13 พ.ค. 67) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง ‘โควิด19 สายพันธุ์ที่ระบาดอย่างมากและการเฝ้าระวังต่อไป’ โดยระบุว่า…

การระบาดของโควิด 19 มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น และระวังสายพันธุ์ที่เกิดใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงไปจากสายพันธุ์เดิม

การติดตามสายพันธุ์ทั่วโลก ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์ JN โดยเฉพาะสายพันธุ์ JN.1 หรืออยู่ในเครือญาติของ JN.1

สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังและติดง่ายกว่า สายพันธุ์ JN.1 คือสายพันธุ์ HK.2 กำลังจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สายพันธุ์นี้ก็เป็นลูกของ JN.1 ที่กลายพันธุ์ออกมา

สำหรับประเทศไทยการติดตามสายพันธุ์ถึงเดือนเมษายน ขณะนี้ในประเทศไทย มีการศึกษากันน้อยมาก ทางศูนย์ติดตามสายพันธุ์ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์ก็จะรู้หมด เพราะขณะนี้มีตัวอย่างเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะแนวโน้มของการระบาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่มีอาการน้อย ยกเว้นในกลุ่มเปราะบางเท่านั้น

อบอุ่น!! ‘ยาย’ จูงมือหลานสาวมอบตัวเป็นนักศึกษา ม.อุบลราชธานี หลังสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ แม้ตนจะอายุมาก-เดินไม่ค่อยสะดวก

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘คำอธิบาย’ ได้แชร์โมเมนต์น่ารัก ๆ ระหว่างสองยายหลานคู่หนึ่ง โดยระบุว่า…

หลานยายทั้งคน!! ยายอาสามาส่งหลานเข้าเรียน แม้เดินไม่ไหว หลานสาวสอบติดเภสัช

…เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้งาน TikTok บัญชี chart.chanachi โดยเขาได้แชร์คลิปสุดน่ารักที่คุณยายกำลังเดินพาหลานสาวของตัวเอง ไปมอบตัวเข้าเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ โดยเขาได้อัปโหลดวิดีโอพร้อมบรรยายว่า “ยายเดินจนต้องหยุดพัก สู้ ๆ ครับยาย ความภูมิใจของยาย”

โดยในคลิปนั้นเขาได้บรรยายเพิ่มเติมว่า “ยายเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด หลานสาวสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ยายเดินมาส่งวันมอบตัวเข้ามหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง” ซึ่งในคลิปถึงแม้ว่ายายจะมีอายุที่มาก จนหลังค่อม เดินไม่ค่อยสะดวก

หนุ่มรอดตายปาฎิหาริย์ มั่นใจบารมี " องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย " คุ้มครองจากอุบัติเหตุ ถูกรถพ่วง 18 ล้อชนหนัก รถพังยับ

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายพัชก์สรุฐ ทิพย์พฤกษา อาชีพ ขับรถรับจ้าง เปิดเผยในวันเกิดเหตุใด้ขับราชบุรีไปกับแฟนเพื่อไปส่งสินค้า เป็นต้นตะไคร้ระหว่างเดินทางก็มีฝนตกลงมาทำให้ถนน ลื่นในขณะที่ขับมารถมีอาการเสียการทรงตัวลื่นไถลชนขอบถนนไหลทางทำให้รถหมุนแล้วไปชนกับ รถ 18 ล้อ ทำให้รถที่ขับมาส่งสินค้าต้นตะไคร้พังยับ มั่นใจว่ารอดมาจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ก็เพราะ บารมีสติกแกอร์ผ้ายันต์และตะกรุดโทนธรรมชัย   รูปเหมือน หลวงพ่อ ครูบาธรรมชัย  ที่ขึ้นคออยู่  ในวันนั้นเดินไปกัน 3 คน  เป็นคนงาน พ่อกับลูก ที่ไปด้วยส่วนพ่อของแรงงานได้รับบาดเจ็บที่หัวเป้นแผลหัวแตกเล็กน้อยไม่มากบริเวณหน้าผาก ส่วนเด็กบาดเจ็บที่ข้อศอก แพทย์ตรวจสองแล้วภายในไม่มีอาการที่รุนแรงใดๆหากบุผูกศิษย์ที่อยากเข้าไปกราบครูบาธรรมชัยก็สามารถไปได้ที่ วัดศรีพันต้น จังหวัดน่าน และสำนักธรรม ธรรมชัยแผ่นดินทอง หนองเสือ คลอง 10 จังหวัดปทุมธานี หากใครจะเช่าวัตถุมงคลเงินสมทบทุนร่วมบุญครูบาธรรมชัยจะมาร่วมสร้างสร้างโรงพยาบาล

ติดต่อรายระเอียดตรวจเช็คดวงชะตากับองค์บุญแห่งเมืองล้านนา
– ครูบาธรรมชัย – เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น อ.เมือง จ.น่าน และสถานธรรมชัยแผ่นดินทอง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
เปิดรับบัตรคิวเวลา 06.00 น. – 17.00 น. จำนวน 200 คิวต่อวัน 1 คิว = 1 คน

❌งดการจองคิว รับบัตรวันต่อวันเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดได้เลยทักแชท Facebook ครูบาธรรมชัย – จ. น่าน หรือ แอดไลน์Open Chat (id line : สายกลุ่มสายบุญหลวงพ่อครูบาธรรมชัย(ซานต้า())
 

มุกดาหาร -สสจ.มุกดาหาร ปฐมนิเทศ ขรก. และบุคลากรใหม่ ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้วนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร มอบหมายให้แพทย์หญิงกันตินันท์ มหาสุวีระชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมปฐมนิเทศข้าราชการและบุคลากรใหม่ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 47 คน เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถและความพร้อมในการเป็นข้าราชการที่ดีในระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2567 โดยมีคณะผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมพิธีด้วย ที่ห้องประชุมดุสิตา โรงแรมมุกดาหารแกรนด์

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร   รายงาน 092-5259777

พิษณุโลก อบจ.พิษณุโลก มอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียน 9 อำเภอ รวม 896 ทุน

อบจ.พิษณุโลก มอบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและทุนช่วยเหลือนักเรียนผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ปีการศึกษา 1/2567 จำนวน 896 ราย ครอบคลุมทั้ง 9 อำเภอ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของผู้ปกครองและเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ที่มีฐานะยากจน ยากไร้หรือด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์ประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นประจำอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและทุนช่วยเหลือนักเรียนผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ปีการศึกษา 1/2567 จำนวน 896 ราย ครอบคลุมทั้ง 9 อำเภอ เพื่อแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของผู้ปกครองและเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ที่มีฐานะยากจน ยากไร้หรือด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและอนาคตที่ดีแก่นักเรียนนักศึกษาที่มีฐานะยากจน ยากไร้หรือด้อยโอกาส สำหรับโครงการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนและทุนช่วยเหลือนักเรียนผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ภาคเรียนที่ 1/2567 ในพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก โดยมีนักเรียน/นักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาและทุนช่วยเหลือ จำนวนทั้งสิ้น 896 ราย ซึ่งแบ่งตามระดับการศึกษาได้ ดังนี้ ระดับประถมศึกษา จำนวน 374 ราย รายละ 1,000 บาท, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 340 ราย รายละ 2,000 บาท, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวน 100 ราย รายละ 3,000 บาท และระดับสูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวน 82 ราย รายละไม่เกิน 33,000 บาท.

นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันที่เราในฐานะผู้ใหญ่ในวันนี้ รู้สึกดีใจมากๆ และก็ภูมิใจมากๆ ที่ได้สร้างโอกาสให้กับเด็กเยาวชน ยุวชน ของจังหวัดพิษณุโลก นั่นก็คือการมอบทุนการศึกษาให้กับผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากจน โดยมีคณะกรรมการได้พิจารณาจากภายในและภายนอกพิจารณามอบทุนให้กับเด็กๆ ระดับประถมศึกษาได้รับทุนละ 2000 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นได้รับทุนละ 4000 บาท มัธยมตอนปลายได้รับทุนละ 6000 และระดับอนุปริญญา และ ปริญญาตรี ได้รับ 33000 บาท ต่อปี เพื่อเป็นประโยชน์เป็นกำลังใจให้กับเด็ก เพื่อจะได้นำเงินไปศึกษาเล่าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ฝากกับเด็กทุกคนขอให้เป็นคนดี วันข้างหน้าให้เป็นคนเก่ง เพื่อที่จะสร้างอนาคต ของบ้านเมืองของเราในการที่จะนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาสู่พิษณุโลกของเราในวันข้างหน้าต่อไป เพราะครั้งหนึ่งตนเองเคยไปเจอเด็กคนหนึ่งสอบติดพยาบาลแต่ไม่มีเงินไปลงทะเบียน ต้องไปหารับบริจาค สิ่งเหล่านี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงอยากให้โอกาสเด็ก จึงตั้งงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก 1 ปี ตามกฎหมาย ไม่เกิน 5 ล้านบาท ท่านใดที่ได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนทุนทรัพย์เรื่องของทุนการศึกษาของเด็กๆ ก็สามารถติดต่อมาได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ถึงแม้ว่าในโรงเรียนจะมีทุนอยู่ แต่เราก็มีส่วนหนึ่ง ช่วยกันคนละไม้คนละมือเชื่อว่าเด็กพิษณุโลกก็จะมีอนาคตที่ดี ด้านนางสาวรัชนีกร ยาพานแถ้ว นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากๆ ที่รับเงินทุนการศึกษาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้ ทำให้มีเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองในครอบครัว ทำให้เราได้มีเงินไปศึกษาต่อในระดับชั้นต่อๆไป ขอบคุณที่ทำให้หลายๆครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นจากเงินเหล่านี้ โดยเฉพาะครอบครัวที่ลำบากจริงๆ เงินทุนเหล่านี้สามารถไปช่วยได้เยอะเลยจริงๆ ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

พิษณุโลก เลขาฯ ป.ป.ส. ลุยงานยึดทรัพย์ฯเหนือล่าง เสริมศักยภาพเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ริบทรัพย์ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด

วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. ตรวจเยี่ยมโครงการฝึกอบรมเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมพบปะและมอบนโยบายแก่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบด้านสอบสวน สังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ณ โรงแรมเดอะพาร์ค จังหวัดพิษณุโลก                    

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีเป้าหมายลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดและต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม ภายใน 1 ปี โดยในด้านการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดได้สั่งการให้ทำงานบูรณาการหนักขึ้น ในการยึดทรัพย์ผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อย และต้องขยายผลให้ถึงผู้ค้าเครือข่ายรายสำคัญ ตลอดจนการใช้สาธารณสุขนำการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการสร้างศูนย์บำบัด และนำผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงมาตรการป้องกันยาเสพติดที่มุ่งหวังให้เยาวชนไทยมีปฏิกิริยาการปฏิเสธต่อยาเสพติด เหมือนกับเยาวชนในสหรัฐอเมริกาที่หาที่กำบังเมื่อได้ยินเสียงปืน หรือเหมือนกับเยาวชนในญี่ปุ่นที่รีบวิ่งเข้าใต้โต๊ะเมื่อรู้สึกถึงการสั่นของอาคาร โดยให้ทุกหน่วยงานผนึกกำลังเพื่อลดความเดือนร้อนของประชาชน โดยยึดหลัก “ผู้เสพเป็นผู้ป่วย ส่วนผู้ค้าจะต้องถูกลงโทษและยึดทรัพย์สิน” โดยการยกระดับการปราบปราม ทำลายโครงสร้างเครือข่ายกลุ่มการค้ายาเสพติดระดับต่าง ๆ อย่างจริงจัง

การจัดโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บแก่เจ้าหน้าที่ให้พร้อมทั้งองค์ความรู้แนวทางการทำงาน และเครือข่ายประสานงาน เพื่อให้การยึดทรัพย์สินตามมูลค่าหรือ Value-based confiscation ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดทำได้อย่างมีศักยภาพ จำเป็นต้องพัฒนาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสอบสวนตรวจสอบทรัพย์สินเพราะต้องใช้องค์ความรู้ในการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานให้ครอบคลุม และต้องก้าวทันรูปแบบการโอนย้ายอำพรางเส้นทางการเงินของเครือข่ายการค้ายาเสพติด อาจใช้กลไกศูนย์สืบภาค บูรณาการงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค กับตำรวจภูธรภาค เพื่อขยายผลยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด และนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษให้มากที่สุด 

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านในทำงานเพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้  สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ตำรวจภูธรภาคในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับพื้นที่จากผู้ค้ารายย่อย รวมถึงการลดความรุนแรงที่อาจเกิดจากผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด ตลอดจนการนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามนโยบายของรัฐบาล

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

เชียงใหม่-ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าว " ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ "

ตำรวจภูธรภาค 5  แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมือง ของ สภ.หางดง และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น(คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ " ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ "

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการตาม "ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่" พร้อมทั้งได้แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมืองของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น (คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จ.เชียงใหม่  ณ ห้องประชุมชั้น 3 สภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

โดยมีรายละเอียดดังนี้
สรุปผลการจับกุมบุคคลต่างด้าว  “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่”
ได้ปิดล้อมตรวจค้นหอพัก ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่   จำนวน   6  แห่ง   ผลการปิดล้อมตรวจค้น ได้จับกุม ผู้กระทำความผิดบุคคลต่างด้าว   รวมจำนวน 27 คน  เป็นชาย 20 คน หญิง 7 คน  ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

สถานีตำรวจภูธรหางดง จังหวัดเชียงใหม่  จับกุมหัวหน้าแก๊ง SOHOT
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 สถานีตำรวจภูธรหางดง ได้รับแจ้งกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุคือ นายณัฐพงค์ หรือเฟรก คำแก้ว (หัวหน้าแก๊งค์ Sohot) ซึ่งนายณัฐพงค์หรือเฟรกฯ เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วหลายครั้ง และยังเคยใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง  ได้ทำการสืบสวนติดตามไปถึงบริเวณบ้านพักของนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ ที่บ้านเลขที่ 35/3 หมู่ที่ 11 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ พบนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ บริเวณบ้านพัก ลักษณะท่าทางมีพิรุธ รีบหลบเข้าไปในบ้านพัก จึงมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิด ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนินช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ ทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น นายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น และเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 2 นัด และปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก ซุกซ่อนอยู่บริเวณในตู้เสื้อผ้า ชั้นบน ข้างที่นอนของนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ สอบถามนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ รับว่ากระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางดังกล่าวเป็นของตน ยอมรับว่ากระสุนปืนดังกล่าวได้มาจากเพื่อนชื่อนายวุฒิ  ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง บุคคลต่างด้าวเชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติเมียนมา เมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง ดำเนินคดีในข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน  สภ.หางดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สภ.เมืองเชียงใหม่ จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายผู้อื่น บริเวณคลองสะพานแม่ข่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2567 เวลาประมาณ 01.00 น. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน รุมทำร้ายร่ายกายนายประวิทย์ฯ ซึ่งเป็นครูสอนมวย เป็นเหตุให้นายประวิทย์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ตามที่ได้เผยแพร่ไปตามสื่อโซเชียล นั้นฃ

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 นายประวิทย์ ฯ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จากนั้นชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจำนวน 6 นายที่หลบหนีไป โดยสามารถติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้จำนวน 5 ราย หลบหนี  1 ราย  ดังนี้
1. นายอาหลู่ ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่บ้านพัก ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่
2. นายฉลอม ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนราชวิถี อ.ศรีภูมิ อ.เมือง จว.เชียงใหม่
3. นายอาเล หลีจ๊ะ อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์ จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
4. นายอาเบ ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
5. นายอาเล ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
6. นายอาส่า ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์(หลบหนี)

โดยแจ้งข้อกล่าว “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 นาย เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียรมาร์ ที่ลักลอบหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยโดยใช้ช่องทางธรรมชาติและเข้ามาหาทำงานรับจ้างทั่วไปในตัวเมืองเชียงใหม่ ติดต่อกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาก่อนเพื่อขอทำงานและพักอาศัย ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งและเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนและยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรมหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดโปรดแจ้ง 191 ตลอดเวลา 24ชั่วโมง หรือแจ้งผ่านไลน์ ผบช.ภ.๕ ไอดี @police5 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดแข่งขัน ROYAL THAI POLICE SWAT CHALLENGE 2024 เฟ้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันระดับโลก

วานนี้ (13 พ.ค.67) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2024 ณ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมี พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 , พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.วีรวิชญ์ บัวประเสริฐยิ่ง รอง จตร.ช่วยราชการ ภ.2 , พล.ต.ต.ลาภ ศรีสําอางค์ รอง จตร.ช่วยราชการ ภ.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี

การแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2024 ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการเตรียมความพร้อมและยกระดับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการประจำปี 2567 โดยการแข่งขันเริ่มตั้งแต่วันที่ 13-18 พฤษภาคม 2567 เพื่อค้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ทำผลงานในระดับโลกไว้เป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งยังตอกย้ำศักยภาพของเหล่าสุดยอดปฏิบัติการพิเศษของไทย โดยการส่งทีมหญิง 1 เดียวของไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกในปีที่ผ่านมา ในปีนี้มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันจากกองบัญชาการต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 29 ทีม และมีทีมน้องใหม่ เช่น ศรียานนท์ 46 เป็นทีมปฏิบัติการพิเศษจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ , ทีมสารสิน A,B เป็นทีมปฏิบัติการพิเศษจากตำรวจภูธรภาค 8 เป็นต้น ในส่วนการแข่งขันนั้นจะแบ่งเป็น 5 Stage โดย Stage ที่ 1 HOSTAGE RESCUE ภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน ทีมที่ทำเวลาและคะแนนรวมได้ดีที่สุด ได้แก่ ทีมหนุมาน จากกองบังคับการปราบปราม , รองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมสารสิน ทีมA จาก ตำรวจภูธรภาค 8 และรองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมทศรถ 491 จากตำรวจภูธรภาค 4 

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า สํานักงานตํารวจแห่งชาติในฐานะของหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม มีหน้าที่หลักในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร โดยต้องมีความสามารถในการบูรณาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เพื่อรองรับภารกิจสําคัญที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีมาตรฐานสากล และสามารถปฏิบัติงานภายใต้สถานการณ์ที่กําลังเผชิญหน้ากับการก่อความไม่สงบ ที่ขยายพื้นที่และเป้าหมายปฏิบัติการแบบไม่กําหนดกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ เพื่อให้ข้าราชการตํารวจในสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้พัฒนาความรู้ ทักษะ ให้เกิดความชํานาญในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ เตรียมการวางแผนการประสานการปฏิบัติ การพัฒนาศักยภาพเชิงทักษะ ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงต้องมีการซักซ้อม ทําความเข้าใจบทบาทหน้าที่ร่วมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อแพ้หรือชิงชัยชนะเพียงอย่างเดียว แต่นี่คือการยกระดับเหล่าสุดยอดปฏิบัติการพิเศษของไทยให้เทียบเท่าระดับโลก 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามการแข่งขันในสเตจที่เหลือได้ทางเฟสบุ๊ก POLICE TV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2567


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top