Wednesday, 1 May 2024
NewsFeed

'อัครเดช' เผย!! 4 รัฐมนตรี รทสช. ทำงานทุ่มเท มีผลงานต่อเนื่อง ยัน!! นายกฯ ไม่มีสัญญาณปรับครม. แต่ถ้ามีโปรดรอฟังจากพรรค

(17 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของ รทสช. ว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้คุยกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค รทสช.ยืนยันว่าการปรับ ครม. ยังไม่มีการติดต่อมาจากนายกรัฐมนตรี ส่วนในอนาคต เป็นเรื่องที่นายกฯ กับหัวหน้าพรรคฯ จะคุยกัน และทางพรรคยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร หากมีความคืบหน้าก็จะแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ  

เมื่อถามว่า มองการทำงานของ 4 รัฐมนตรี ของรทสช.เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า "การทำงานของทั้ง 4 รัฐมนตรีในโควตาของรวมไทยสร้างชาติทุกท่าน ทำงานด้วยความทุ่มเท ตนสัมผัสได้ อย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคฯ ที่เป็นรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ก็มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะแก้ปัญหาพลังงาน รวมถึงโครงสร้าง ทั้งไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ โดยทำอย่างเป็นระบบ และปฏิรูปเพื่อสร้างความยั่งยืน เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน...

"ส่วนน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ก็ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาแคดเมียม ทันที ส่วนรัฐมนตรีช่วยอีกสองคน ทั้งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ก็ตั้งใจทำงาน และมีผลงานต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับครม.ผู้ใหญ่ก็ต้องคุยกัน"

เมื่อถามถึงความกังวลกรณี ของนายพีระพันธุ์ ที่พบปัญหาราคาพลังงาน อาจถูกหยิบยกเป็นเหตุผลให้นายกฯ พิจารณาปรับครม.ได้? โฆษก รทสช. กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ ซึ่งเกิดจากปัญหาสงคราม นายพีระพันธุ์ก็พยายามทำอยู่สุดความสามารถ เพื่อตรึงราคาน้ำมัน จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ เนื่องจากเรานำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจัยราคาน้ำมันดิบ เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่สิ่งสำคัญ คือการตรึงราคาขายปลีก เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของนายพีระพันธุ์ในการตรึงราคาน้ำมัน ส่วนสุดท้ายจะตรึงได้ถึงเมื่อไหร่ ก็อยู่ที่สถานการณ์ และอยากสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ว่านายพีระพันธุ์ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ปฏิรูปโครงสร้างเชื้อเพลิง อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ระยะสั้น เราเป็นห่วง เพราะมีเหตุการณ์ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คิดว่าท่านให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เพื่อให้คลายความกังวลตรงนี้"

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่าอาจถูกปรับ 2 คน แล้วดึง นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค รทสช. และนายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค รทสช. เข้ามาแทน? นายอัครเดช กล่าวว่า "ข่าวก็คือข่าว แต่ถ้าเป็นจริง ก็ต้องฟังจากหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือตนในฐานะโฆษกพรรค ที่ได้รับมอบหมาย แต่ข่าวที่ออกมาคิดว่าไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล และพรรคฯ ด้วย ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ตอนคุยกันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้สบายใจได้พรรครทสช.ไม่มีปัญหาการปรับครม."
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีชื่อนายอัครเดช ติดโผล ครม.หรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า "ตนเป็นประธานกมธ.อุตสาหกรรม ก็โอเคแล้ว ตนก็ทำงานเต็มที่ ส่วนในอนาคตเป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสินใจ"

‘Lauren Singer’ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้ชีวิตแบบ ’ไม่ผลิตขยะ‘ มาแล้วกว่าสิบปี

ปัญหาขยะเป็นปัญหาโลกแตก ซึ่งแก้ได้ยากมาก ๆ แต่มีหญิงสาวชาว New York ผู้หนึ่งซึ่งใช้ชีวิตปลอดขยะ (Zero waste) มาแล้วกว่าสิบปี ทั้ง ๆ ที่เธออาศัยอยู่ในมหานครใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก

ทั้งนี้ ‘Zero Waste’ หรือ ‘แนวคิดขยะเป็นศูนย์’ เป็นแนวทางในการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งจะช่วยทำให้ขยะที่ต้องถูกนำไปกำจัดลดเหลือน้อยที่สุด หรือเป็นศูนย์ ด้วยส่วนหนึ่งของปัญหาขยะเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันที่บริโภคสินค้าแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น ขวดน้ำพลาสติก ถุงพลาสติก หลอดพลาสติก โฟม ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม เมื่อขยะคือภาระของทุกคน จึงเป็นที่มาของการใช้ชีวิตแบบ ‘Zero Waste’ ซึ่งคือการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะไม่สร้างขยะใหม่ ๆ โดยพยายามไม่ให้มีอะไรหลงเหลือจนเป็นขยะได้ โดยยึดหลักง่าย ๆ อย่าง 1A3R ซึ่งประกอบด้วย

1A : Avoid การหลีกเลี่ยงใช้สิ่งที่ก่อให้เกิดขยะเพิ่ม เช่น พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
R1 : Reduce การใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดขยะให้น้อยลง เช่น การใช้ถุงผ้าไปช็อปปิ้งแทนการรับถุงพลาสติกจากร้านค้า
R2 : Reuse การนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น กล่องพัสดุที่ได้รับมา นำไปใส่ของส่งของต่อให้ผู้อื่น
R3 : Recycle การหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น การ Recycle พลาสติก ให้ออกมาเป็นวัสดุตั้งต้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

(Lauren Singer ในร้าน Package Free ของเธอ)

อย่างไรก็ตาม Lauren Nicole Singer เกิดที่นคร New York มลรัฐ New York เมื่อ 4 พฤษภาคม ค.ศ.1991 ปัจจุบันอายุ 33 ปี เรียนจบปริญญาตรี ด้านสิ่งแวดล้อมและรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย New York เมื่อปี ค.ศ. 2013 และจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Columbia จากนั้นได้ทำงานเป็นนักวิเคราะห์ด้านความยั่งยืนของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของนคร New York ก่อนที่จะออกมาก่อตั้งธุรกิจสีเขียว The Simply Co. และ Package Free เธอเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการอิสระ และบล็อกเกอร์ในการเคลื่อนไหวเพื่อไร้ขยะ โดยเธอเริ่มใช้ชีวิตแบบไร้ขยะมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเธอเป็นที่รู้จักจากการรวบรวมขยะทั้งหมดจากเว็บบล็อกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 โดยเธอบดขยะในโถบดขนาด 16 ออนซ์ และบล็อกของเธอก็คือ ‘Trash is for Tossers’ (ขยะเป็นของไร้ค่า) ซึ่งให้คำแนะนำแก่ผู้อ่านในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนโดยปลอดขยะ พร้อมกับบันทึกวิถีชีวิตที่ปราศจากขยะ เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อเลิกการฝังกลบขยะ และลดละเลิกผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

(น้ำยาซักผ้าออร์แกนิกและปลอดสารพิษ The Simply Co.)

Lauren Nicole Singer ได้ออกจากงานประจำในปี ค.ศ. 2014 และเปิดตัว The Simply Co. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น น้ำยาซักผ้าปลอดสารพิษออกสู่ตลาด น้ำยาซักผ้าออร์แกนิกของเธอได้รับการสนับสนุนจาก Kickstarter และจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของ Kickstarter และที่ร้านค้าส่งทั่วสหรัฐอเมริกา เริ่มผลิตผลิตภัณฑ์พร้อม ๆ กัน The Simply Co. ในปี ค.ศ. 2017 เธอเปิด Package Free เป็นร้านแบบป๊อปอัพในเมือง Williamsburg และนับตั้งแต่เปิดตัว Package Free สามารถลดขยะจากการฝังกลบได้หลายร้อยล้านชิ้น ในปี ค.ศ. 2023 นอกจากนี้ เธอยังได้ร่วมก่อตั้ง Overall Capital โดยเธอบอกว่า Rachel Carson และ Bea Johnson ในฐานะนักเขียนและนักเคลื่อนไหวเป็น 2 แรงบันดาลใจให้สนใจเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และเธอยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ‘สตรีที่น่าจับตามอง’ ของ Business Insider และ ‘หนึ่งในห้าสิบสตรีเปลี่ยนโลก’ ของ InStyle และ ‘ผู้เปลี่ยนแปลง ปี 2020’ ของ  Well + Good 

อย่างไรก็ตาม เรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะคิดเองว่า แค่เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองง่าย ๆ อย่างการเริ่มต้นจากการใช้กล่องข้าว ขวดน้ำ ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ หรือแม้แต่ร้านค้าทางเลือกอย่าง Refill Station ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของการไม่ง้อบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยทุกคนนำภาชนะไม่ว่าจะเป็นขวดแก้วหรือขวดโหล มาเติมผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองนำกลับไปใช้ที่บ้าน และการคัดแยกขยะจะช่วยอะไรได้มากมาย แต่ความจริงแล้วการแยกขยะก่อนทิ้งมีประโยชน์อย่างมาก ทั้งเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศ ขยะอันตรายจะได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีเพื่อลดปัญหาหรือมลพิษต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา ฉะนั้นหากทุกครอบครัวเริ่มต้นที่การคัดแยกขยะก่อนทิ้ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดปริมาณขยะมูลฝอยที่ต้องนำไปกำจัดให้มีปริมาณน้อยลง และเป็นการลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย

‘รมว.ปุ้ย’ สั่ง ‘สมอ.’ คุมเข้ม ‘เครื่องครัวสแตนเลส’ ผลักดันเป็นสินค้าควบคุม เร่งบังคับใช้ภายในปี 67

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้พบการจำหน่ายภาชนะสแตนเลสคุณภาพต่ำจากต่างประเทศมาจำหน่ายในไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทางช่องทางออนไลน์ จึงมีความเป็นห่วงว่าสินค้าดังกล่าวอาจจะไม่ปลอดภัยกับผู้บริโภค ตนจึงได้กำชับให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมมาตรฐานสินค้า เร่งดำเนินการให้เป็นสินค้าควบคุม เพราะต้องสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มโดยตรง หากเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานอาจมีสารปนเปื้อนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคในระยะยาวได้ 

โดยก่อนหน้านี้ สมอ. ได้บังคับใช้มาตรฐานภาชนะเคลือบเทฟล่อน ภาชนะเมลามีน และภาชนะพลาสติกไปแล้ว ซึ่งพบว่าสามารถสกัดสินค้าไม่มีคุณภาพและไม่มีมาตรฐานในท้องตลาดได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมในการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคจากการใช้สินค้า และปกป้องผู้ประกอบการในประเทศที่ผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหารที่ใช้ในครัวเรือน หรือ ‘ภาชนะสแตนเลส’ เป็นสินค้าควบคุม ตามที่ สมอ. เสนอแล้ว โดยมีการปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญของมาตรฐานให้มีความปลอดภัยมากขึ้น และจะเร่งประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมภายในปี 2567 

รวมทั้งยังได้เห็นชอบร่างมาตรฐานอีกจำนวน 106 มาตรฐาน เช่น ลิฟต์โดยสารและลิฟต์ที่ใช้ขนของ สายไฟแรงสูง สวิตช์ไฟ ที่ติดกับสายไฟ เครื่องล้างจานเชิงพาณิชย์ แบตเตอรี่รถไฮบริด บอลลูนขยายหลอดเลือด ยางปิดช่องว่างระหว่างชานชาลากับขบวนรถขนส่งทางราง ยานยนต์ที่ติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินขั้นสูง หม้อหุงข้าวและเตารีดประหยัดพลังงาน หมอนยางพารา น้ำมันหอมระเหยขิงไทย เป็นต้น รวมทั้งเห็นชอบรายชื่อมาตรฐานที่จะจัดทำในปี 2567 เพิ่มเติมอีก จำนวน 349 มาตรฐาน

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานนี้ครอบคลุมภาชนะสแตนเลสที่สัมผัสโดยตรงกับอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 7 รายการ ได้แก่ หม้อ กระทะ ตะหลิว ช้อน ส้อม ถาดหลุมใส่อาหาร และปิ่นโต แต่ไม่ครอบคลุมอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้ากลุ่มดังกล่าวได้อย่างครบถ้วน เพราะสินค้าเหล่านี้มีการใช้งานแพร่หลายมาก โดยเฉพาะในโรงพยาบาล และโรงเรียน โดยมีข้อกำหนดที่สำคัญ คือ การควบคุมปริมาณโลหะหนัก ได้แก่ โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว แคดเมียม สารหนู และโมลิบดินัม ให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค 

หลังจากนี้ สมอ. จะเร่งดำเนินการประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมภายในปี 2567 ซึ่งจะมีผลให้ทั้งผู้ทำและนำเข้าทุกราย จะต้องขออนุญาตก่อนทำหรือนำเข้า และจะต้องแสดงเครื่องหมายมาตรฐานที่สินค้าทุกชิ้น  หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย โดยผู้ทำหรือนำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี  ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

'มาเลเซีย' เตรียมลดการอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซินในปีนี้ หลังขาดดุลงบประมาณ 5% ของ GDP และทำมูลค่าริงกิตดิ่ง

(17 เม.ย.67) ภายหลังราคาพลังงานพุ่งแรงหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเสี่ยงลุกลามเป็นสงคราม สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้าง ราฟิซี รามลี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจมาเลเซียว่า มาเลเซียเตรียม ‘ลดการอุดหนุน’ ราคาน้ำมันเบนซินในปีนี้ เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ

โดย ราฟิซี รามลี กล่าวว่า รัฐบาลต้องบริหารผลกระทบจากนโยบายอุดหนุนราคาพลังงาน พร้อมกับพิจารณาความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อด้วย

สำหรับสาเหตุที่รัฐบาลหันมาลดการอุ้มราคาน้ำมัน เป็นเพราะการขาดดุลงบประมาณของประเทศพุ่งแตะ 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2566 จนกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และส่งผลให้มูลค่าสกุลเงินริงกิตของมาเลเซียใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินในเอเชียเมื่อปี 2541

รัฐบาลตั้งเป้าหมายในปีนี้ว่า จะลดภาวะขาดดุลงบประมาณจาก 5% ของจีดีพีลงเหลือ 4.3% ของจีดีพี โดยเริ่มจากลดการอุดหนุนน้ำมันเบนซิน RON95 ซึ่งเป็นประเภทเบนซินราคาถูกที่สุด และชาวมาเลเซียใช้มากที่สุดด้วย โดยในปีที่แล้วรัฐบาลใช้งบประมาณไปกับการอุดหนุนเหล่านี้มากถึง 81,000 ล้านริงกิต หรือราว 622,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ มาเลเซียยังเผชิญยอดส่งออกที่หดตัวลงเป็นเดือนที่สองในเดือนมี.ค. และเมื่อปลายปีที่แล้ว ยอดส่งออกประเทศก็ลดลงติดต่อกัน 10 เดือน ซึ่งสะท้อนภาวะส่งออกอ่อนแอนับตั้งแต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2551

ส่องสถิติ 10 ปี ‘เทศกาลสงกรานต์’ สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศเท่าไหร่? ✨🇹🇭

สงกรานต์ปี 2567 ถือเป็นปีที่คึกคักที่สุดหลังจากโควิด-19 คลายลง โดยในปี 2567 นี้ เม็ดเงินสะพัดมากถึง 2 แสนล้านบาท นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ต่างพากันปักหมุดเยือนประเทศไทย และร่วมเล่นน้ำสงกรานต์อย่างล้นหลาม ทำให้บรรยากาศสงกรานต์ในปีนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

สรุปผลโครงการ 'รักษ์หัวใจเด็ก (น้อย) ข้ามโขง' อัตราการรอดชีวิต 100% ฟาก 'รพ.จุฬาฯ' พร้อมส่งเด็กวัย 1 ปี 1 เดือน กลับหลวงพระบางพรุ่งนี้

(17 เม.ย. 67) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ หน่วยศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจ ศูนย์กู้ชีพ ฝ่ายเวชศาสตร์ฉุกเฉิน พร้อมด้วยทีมแพทย์ พยาบาล ประกอบด้วย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการ รพ.จุฬาฯ และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ น.พ.จุล นำชัยศิริ ศัลยแพทย์ทรวงอก หน่วยศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจ น.พ.พีระพัฒน์ มกรพงศ์ ศัลยแพทย์ทรวงอก เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก ผศ.น.พ.วิทวัส ลออคุณ หัวหน้าหน่วยกุมารโรคหัวใจ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ พญ.กัญญลักษณ์ วิเทศนสนธิ กุมารแพทย์โรคหัวใจ และ มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก นพ.ธนดล โรจนศานติกุล หัวหน้าศูนย์กู้ชีพ ฝ่ายเวชศาสตร์ฉุกเฉิน

ร่วมแถลงความสำเร็จของทีมแพทย์กับภารกิจ ความร่วมมือในโครงการ ‘รักษ์หัวใจเด็ก (น้อย) ข้ามโขง’ ความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทย, รพ.จุฬา, คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ, มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก, มูลนิธิเกื้อฝันเด็ก และ สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว และ รพ.มะโหสด พร้อมเตรียมส่งตัวน้องบอย (นามสมมติ) เด็กน้อยวัย 1 ปี 1 เดือน ที่ผ่าตัดสำเร็จกลับเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ในวันที่ 18 เมษายนนี้

ด้าน รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า ความเป็นมาของโครงการ ‘รักษ์หัวใจเด็ก (น้อย) ข้ามโขง’ เริ่มหารือกันครั้งแรกกับฝ่ายลาว เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เนื่องในโอกาสที่ ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักบริหารวิชาการสุขภาพโลก (School of Global Health) และผู้ช่วยเลขาธิการเอกอัครราชทูตฯ เพื่อต่อยอด โครงการจัดการอบรมเฉพาะด้านการดูแลผู้ป่วยเด็กในระยะวิกฤต (Pediatric Intensive Care) มีโอกาสหารือกับ นพ.ไคสี ลาดซะวง รองผู้อำนวยการ รพ.มะโหสด (ดูแลผู้ป่วยเด็กและฉุกเฉิน) และทราบว่า รพ.มะโหสด เป็นศูนย์โรคหัวใจเฉพาะทางแห่งเดียวของ สปป.ลาว ซึ่งยังต้องการบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาโรคหัวใจเด็ก โดยเฉพาะการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจเด็ก

รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวต่อว่า ต่อมาสถานเอกอัครราชทูตฯ จึงติดต่อมาที่ น.พ.พีระพัฒน์ มกรพงศ์ กรรมการและเลขานุการของมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก พร้อมทั้งหารือกับตน และมูลนิธิเกื้อฝันเด็ก นำมาสู่การริเริ่มโครงการรักษ์หัวใจเด็ก (น้อย) ข้ามโขงด้วยการสนับสนุน อย่างเต็มกำลังจากทุกหน่วยงาน

“คณะทำงานได้เริ่มประชุมหารือตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม 2566 เพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้ ทีมแพทย์ออกหน่วยตรวจคัดกรองผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของ สปป. ลาว เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566 จากการคัดกรองผู้ป่วยเด็กจำนวน 92 ราย พบว่า ในจำนวนนี้ มีเด็ก 37 ราย ที่มีความจำเป็นต้องนำไปผ่าตัดรักษาที่ประเทศไทย และมีเด็ก 3 ราย มีความจำเป็นต้องนำตัวไปผ่าตัดที่ รพ.จุฬาฯ และหนึ่งในนั้นคือ น้องบอยเด็กชายวัย 10 เดือน (อายุในขณะนั้น) ปัจจุบันอายุ 1 ปี 1 เดือน

ทีมแพทย์พบว่าเด็กมีอาการเส้นเลือดหัวใจสลับห้องกัน มีรูรั้วที่ผนังห้องหัวใจ มีอาการตัวเขียวจากภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งขณะนั้นน้องบอยมีน้ำหนักเพียง 3 กิโลกรัมเท่านั้น ทีมแพทย์จึงลงความเห็นว่าจำเป็นต้องนำตัวมาผ่าตัดที่ รพ.จุฬาฯ อย่างเร่งด่วน หลังการผ่าตัดผ่านไปจนถึงขณะนี้เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว เด็กมีอาการคงที่ ร่างกายแข็งแรงจากเดิมเป็นอย่างมาก

ทีมแพทย์จึงเห็นสมควรว่า เด็กมีความพร้อมที่จะเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงพระบางแล้ว ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.67) ทางทีมแพทย์จะส่งตัวเด็กกลับไปที่หลวงพระบาง โดยการสนับสนุนเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส” รศ.นพ.ฉันชาย กล่าว

นอกจากนี้ รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า นอกจากนั้น ในโครงการ ‘รักษ์หัวใจเด็ก(น้อย) ข้ามโขง’ คณะแพทย์ของ รพ.จุฬาฯ และทีมงาน Global Health ได้หารือกับคณะแพทย์ของ รพ.มะโหสด เรื่องแนวทางความร่วมมือและการสนับสนุนเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ของ สปป.ลาว ให้สามารถผ่าตัดหัวใจเด็กได้ภายใน 5 ปี ในเบื้องต้น คณะแพทย์ของ รพ.จุฬาฯ เห็นว่า ควรสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของหอผู้ป่วยวิกฤตเด็ก และพิจารณาเรื่องการให้ทุนแก่บุคลากรเพื่อเพิ่มพูนทักษะสำหรับการดูแลผู้ป่วยเด็กและทุนการศึกษาสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไปอย่างเต็มกำลังจากทุกหน่วยงานข้างต้น

“สรุปผลการดำเนินโครงการ ‘รักษ์หัวใจเด็ก(น้อย) ข้ามโขง’ ผู้ป่วยที่รอคิวผ่าตัดจำนวน 37 ราย (มีผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างรอผ่า 2 ราย ) ผ่าตัดที่ รพ.จุฬาฯ 2 ราย ทั้ง 2 คน อาการปลอดภัยดี และผ่าตัดที่ รพ.เกษมราฎร์ ประชาชื่น 27 ราย ทุกคนที่ผ่าตัดอาการปลอดภัยดี เท่ากับว่าเด็กที่เข้าโครงการและได้รับการผ่าตัด มีอัตรการรอดชีวิต 100% ยังเหลือเด็กที่รอผ่าตัดอีก 11 ราย” รศ.นพ.ฉันชาย กล่าว

‘ผลโพล’ ชี้!! ‘อาเซียน’ เลือกข้าง ‘จีน’ มากกว่า ‘อเมริกา’ ยกเว้นแค่ ‘ผิน-เหงียน’ ที่ยังกังขาข้อพิพาททะเลจีนใต้

เมื่อไม่นานมานี้ ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในชาติอาเซียนเล็งคบหาจีนมากกว่าอเมริกา ถ้าหากถึงเวลาที่จะต้องเลือกข้างกันแล้ว โดยมีเพียงบางประเทศอย่างฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ที่รู้สึกถูกปักกิ่งคุกคามเกี่ยวกับการอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้ ซึ่งยังปักใจกับอเมริกามากกว่า ขณะเดียวกัน ผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในทั่วโลก โดยผู้ตอบแบบสำรวจเกินครึ่งบอกว่าห่วงเรื่องการว่างงานและเศรษฐกิจถดถอย

นี่เป็นครั้งแรกที่ปักกิ่งได้คะแนนมากกว่าวอชิงตันนับจากที่เริ่มทำการสำรวจความคิดเห็นประจำปีในประเด็นนี้ในปี 2020 โดยในปีนี้จำนวนคนที่เลือกอเมริกาเหลือแค่ 49.5% ลดลงจาก 61.1% เมื่อปีที่แล้ว

การสำรวจความคิดเห็นนี้จัดทำโดยศูนย์อาเซียนศึกษา (ASEAN Studies Centre) แห่งสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา-ยูซอฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) กลุ่มคลังสมองของสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 3 มกราคมถึง 23 กุมภาพันธ์ โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ 1,994 คน ซึ่งมาจากทั้งภาควิชาการ ธุรกิจ รัฐบาล ประชาสังคม และสื่อมวลชน ในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และประเทศที่มีผู้เข้าร่วมการสำรวจมากที่สุดคือสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

ผลสำรวจพบว่า จีนได้คะแนนกว่า 50% ในฐานะหุ้นส่วนที่มีความเกี่ยวข้องสอดคล้องทางยุทธศาสตร์มากที่สุดสำหรับอาเซียน ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงเป็นมหาอำนาจที่ไว้วางใจได้มากที่สุด

ทั้งนี้ จีนและอาเซียนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกันติดต่อกัน 4 ปีซ้อนแล้ว โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้าถึง 911,700 ล้านดอลลาร์แล้ว

กระนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่งหนึ่งยังคงแสดงความไม่ไว้ใจจีน โดย 45.5% บอกว่า กลัวว่าปักกิ่งจะใช้อำนาจทางเศรษฐกิจและการทหารคุกคามผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศของตน

พฤติกรรมก้าวร้าวของจีนในทะเลจีนใต้เป็นประเด็นที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับคนฟิลิปปินส์ (90.2%) และคนเวียดนาม (72.5%) ซึ่งเป็น 2 ประเทศแนวหน้าที่มีกรณีพิพาทด้านดินแดนกับปักกิ่งในน่านน้ำดังกล่าว

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า การที่มะนิลาอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เป็นบางส่วนไม่ควรถูกมองว่า เป็นการยั่วยุจีน ในทางกลับกัน ฟิลิปปินส์ต้องการทำให้สิ่งต่าง ๆ อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ และเดินหน้าเจรจาต่อไม่ว่าในระดับใด อย่างไรก็ดี ในช่วงหลัง ๆ นี้ ฟิลิปปินส์มีนโยบายหันไปร่วมมือด้านความมั่นคงมากขึ้นอย่างชัดเจนทั้งกับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาค อย่างเช่น ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

สำหรับเวียดนามก็อ้างสิทธิเหนือเกาะหลาย ๆ แห่งในทะเลจีนใต้ ทับซ้อนกับจีนเช่นเดียวกัน โดยที่ปักกิ่งคัดค้านการเรียกร้องเหล่านั้น ทั้งนี้ เวียดนามแสดงท่าทีพยายามมุ่งผูกมิตรกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน แม้ยังไม่ได้ไปถึงระดับของฟิลิปปินส์

ไม่น่าแปลกใจที่ผลสำรวจคราวนี้แสดงให้เห็นว่า อเมริกายังคงได้รับความสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์ (83.3%) และเวียดนาม (79%) ซึ่งแสดงความโน้มเอียงที่ต้องการผูกพันธมิตรกับวอชิงตันมากกว่าปักกิ่ง

เคนด์ดริก ชาน แห่ง แอลเอสอี ไอเดียส์ (LSE IDEAS) กลุ่มคลังสมองด้านนโยบายการต่างประเทศของ LSE (ลอนดอน สกูล ออฟ อิโคโนมิกส์ แอนด์ โพลิทิคัล ไซนส์) แสดงความเห็นว่า ถึงแม้จีนได้รับการสนับสนุนมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อมองจากความเข้าใจความรับรู้ของสาธารณชนซึ่งให้ความนิยมชมชื่นเพิ่มขึ้น แต่ควรต้องสังเกตว่า ข้อพิพาทด้านดินแดนที่รุนแรงที่สุดของจีนก็อยู่ในภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน

นอกจากนั้นแล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่งยังคิดว่าอาเซียนควรเพิ่มความยืดหยุ่นและความเป็นเอกภาพของตน เพื่อเป็นเครื่องปกป้องการถูกบีบคั้นจาก 2 ชาติมหาอำนาจคือ จีนและอเมริกา

ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนทางเศรษฐศาสตร์มหภาคในทั่วโลก ยังคงเป็นข้อกังวลในภูมิภาคนี้ โดยคนส่วนใหญ่ (57.7%) กังวลกับการว่างงานและเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีนอาจมีส่วนกระตุ้นความกังวลเหล่านี้

ข้อกังวลอื่น ๆ ยังรวมถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งแม้เหตุการณ์เหล่านี้ถึงแม้เกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นที่ไกลออกไปจากอาเซียน แต่ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักซึ่งอาจมีผลโดยตรงต่อราคาพลังงานและอาหารได้

ชอย ชิง กว็อก ผู้อำนวยการและซีอีโอของ ISEAS ระบุว่า ผลสำรวจปีนี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่า ภูมิภาคนี้มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นในเรื่องปัญหาทางเศรษฐกิจ และในความเสี่ยงที่ว่าการเป็นปฏิปักษ์กันในทางภูมิศาสตร์รัฐศาสตร์ที่ไร้การบันยะบันยังอาจส่งผลลบต่อผลประโยชน์ของภูมิภาคในระยะสั้นจนถึงระยะกลาง

“ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า อาเซียนยังคงมีความหวังว่าชาติมหาอำนาจสามารถร่วมมือกันได้ในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และยินดีต้อนรับมหาอำนาจชาติอื่น ๆ เข้ามามีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับอาเซียน”

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รุดเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ที่ รพ.พระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี ก่อนบินตรวจสภาพการจราจรขาเข้า ภาพรวมไม่มีปัญหา

วันนี้ (17 เมษายน 2567) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี , พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.และ พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. เดินทางไปที่โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี เพื่อเยี่ยมและมอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ ด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล. ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนขณะปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนาในเทศกาลปีใหม่ เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.10 น. บริเวณถนนหมายเลข 21 กม.23+4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และได้เยี่ยม ด.ต.ชัยยุทธ์ สุจริต ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองลพบุรี ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร ซึ่งได้รับบาดเจ็บประสบอุบัติเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.40 น. ขณะอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ได้พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมาย โดยเมื่อผู้ขับขี่จักรยานยนต์ต้องสงสัยดังกล่าวพบ ด.ต.ชัยยุทธ์ฯ ได้ขับรถหลบหนี ซึ่ง ด.ต.ชัยยุทธ์ฯ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตาม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์อีกคันเลี้ยวตัดหน้า ทำให้ชนกับรถจักรยานยนต์ของ ด.ต.ชัยยุทธ์ฯ ที่ขับขี่มา จึงเป็นเหตุให้ ด.ต.ชัยยุทธ์ ฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส 

จากนั้น พล.ต.ท.กรไชยฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์บินตรวจสภาพการจราจรบริเวณ จ.สระบุรี ถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วง ต.หินกอง อ.หนองแค - สะพานต่างระดับสระบุรี พบว่ามีปริมาณรถมาก สภาพการจราจรปกติ / ถนนมิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 2 อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ช่วงแก่งคอย - โรงปูนซีเมนต์ มีปริมาณรถมาก แต่สภาพการจราจรยังเคลื่อนตัวปกติ , ช่วงเนินโค้งซิกแซก ตำรวจทางหลวงได้เปิดช่องทางพิเศษ สภาพการจราจรถมากเคลื่อนตัวได้ , ช่วง อ.มวกเหล็ก ปริมาณรถมาก รถชะลอตัว แต่ยังเคลื่อนตัวได้ / ถนนสายเอเชีย ทางหลวงหมายเลข 32 บริเวณต่างระดับสิงห์บุรี ปริมาณรถมาก แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี / ถนนมอเตอร์เวย์ ลำลูกกา - บางปะอิน ทางหลวงหมายเลข 9 สภาพการจราจรปกติ

ทั้งนี้ ตำรวจทางหลวงได้มีการเปิดช่องทางพิเศษบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กม.74 ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างสะพานกลับรถ เพื่อระบายรถที่จะเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ส่วนสายอีสาน เปิดช่องทางพิเศษ 3 ช่องทาง คือ M6 ทางเชื่อมถนนมิตรภาพ กม.67 เข้า กม.68 , บริเวณฟาร์มโชคชัย และเนินกลางดง เข้า กม.31 ออกที่ อ.ทับกวาง คาดว่าจะสามารถระบายรถได้ภายในเที่ยงคืนของวันนี้ ส่วนสายเหนือ จ.นครสวรรค์ พบว่ารถมีปริมาณมากแต่ยังเคลื่อนตัวได้ ยังไม่มีการเปิดช่องทางพิเศษ เพราะการจราจรยังใช้การได้ดี ส่วนสายตะวันตก และสายใต้ การจราจรปกติ

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ โดย ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิฯ จัดพิธีสรงน้ำหลวงพ่อเงิน วัดคุณพุ่ม

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ร่วมกับวัดคุณพุ่ม จัดพิธีสรงน้ำหลวงพ่อเงิน  ในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 โดยมี ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ท่านพระมหาปฏิทาน ลกขสุวณณโสภโณ เจ้าอาวาสวัดคุณพุ่มเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก นายภูวนาท สุวรรณพรม นายอำเภอบึงนาราง  นายธรรมนูญ เทศอินทร์ กำนันตำบลบางลาย และนายสุรพล เนตรแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางลาย ร่วมในพิธี ท่ามกลางประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงมาร่วมงานอย่างมากมาย 

โดยพิธีประกอบด้วย การสวดเจริญพุทธมนต์ ของพระสงฆ์ 9 รูป มีรำถวายหลวงพ่อเงินจากนักเรียนโรงเรียนบึงนาราง เสร็จแล้วนายอำเภอบึงนาราง , นายกอบต.บางลาย , กำนันบางลาย , นายสรรเสริญ จันทรมณี , นายไกรเดช บุนนาค นายจรัส พิบูลย์ปุญญโชติ , ดร.สุรวดี สุวรรณเกต นำประชาชน สรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำรูปหล่อหลวงพ่อเงิน และสรวงน้ำพระสงฆ์ 9 รูป จากนั้น ได้ร่วมกันมอบเสื้อสงกรานต์ ให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน เป็นอันเสร็จงานเทศกาลสงกรานต์  2567 ของวัดคุณพุ่ม วัดแห่งความกตัญญู จังหวัดพิจิตร 

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj'

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย. 67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า…

"ขอเล่าในฐานะที่อยู่คณะกก.Film Board ซึ่งดูแลหนังต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย

"คือมีกฎอันนึง เราจะให้เขาเลี่ยง ไม่ให้ถ่ายติดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดประเด็นที่อาจทำให้กระทบสถาบันในทางตรงหรือทางอ้อมในภายหลังได้ ซึ่งคิดว่าหนังไทยก็คงหลักการคล้ายกัน

"ดูหนังเอาสาระดีกว่าครับ!"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top