Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

แว้นวิภาฯ โดนข้อหาใหม่ ร่วมกันพยายามแข่งรถในทาง ปรับหนัก ริบรถ ทำทัณฑ์บนบริการสังคม1ปี

แค่คิด ก็ผิดแล้ว ออกมารวมตัวจะแข่งรถ แว้นวิภาฯ โดนข้อหาใหม่ ร่วมกันพยายามแข่งรถในทาง ปรับหนัก ริบรถ ทำทัณฑ์บนบริการสังคม1ปี

วันนี้( 10 มี.ค.67 ) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณี จับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์ออกมารวมตัวกันเตรียมแข่งรถ บน ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ผ่านสายด่วน 1599 และ 191 ว่าพบรถจักรยานยนต์ รวมกลุ่มกันหลายคัน บนถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงเวลากลางคืน จากนั้นจะแข่งกันตลอดคืน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยในละแวกนั้น จึงได้สั่งการให้ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) นำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผบก.จร., พ.ต.อ.จามร ทองพรรณ รอง ผบก.จร., พ.ต.อ.พารินท จันทร์เลิศ ผกก.2 บก.จร. และ พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิตทางพิเศษ กก.2 บก.จร. ดำเนินการลงพื้นที่สืบสวนวางแผน และนำมาซึ่งการจับกุม โดยเมื่อวันที่ 8 มี.ค.67 เวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์ได้ จำนวน 7 คัน , รถยนต์กระบะ 1 คัน พร้อมด้วยผู้ต้องหา 7 คน ทราบชื่อในภายหลัง คือ 1.นายธรรมรัสมิ์ อายุ 27 ปี , 2.นายอภิวัฒน์ อายุ 19 ปี , 3.นายอนุสรณ์ อายุ 26 ปี , 4.นายธาวิน อายุ 20 ปี , 5.นายธรรมนูญ อายุ 23 ปี , 6.นายคชรัตน์ อายุ 21 ปี และ 7.นายธนกร อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ให้การรับสารภาพว่าพวกตนได้มารวมตัวกันบน ถ.วิภาวดีรังสิต เพื่อจะแข่งรถกันบนถนนจริง ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนเข้าจับกุมตัว 

ต่อมาศาลแขวงดอนเมือง พิพากษาจำเลยที่ 1-6 จำคุก 1 เดือน ปรับ 6,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 7 เจ้าของรถยนต์กระบะ (ผู้สนับสนุนแข่งรถในทาง) จำคุก 20 วันปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอ 1 ปี บริการสังคม 24 ชั่วโมง และศาล“ ริบรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของกลางทุกคัน”

นอกจากนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'สุริยะ' เยือน 'ฝรั่งเศส' ร่วมหารือพัฒนา อุตสาหกรรมการบิน ของไทย  พร้อมชวนภาคเอกชน ร่วมลงทุน 'ธุรกิจอากาศยาน - แลนด์บริดจ์'

(10 มี.ค.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้ร่วมประชุมหารือกับนาย Damien Cazé ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (DGAC France) ณ โรงแรม Prince de Galles กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้หารือในหลายประเด็นสำคัญถึงความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้มีความก้าวหน้า และยั่งยืนในระยะยาวต่อไป 

ทั้งนี้ ตนได้แสดงความขอบคุณ DGAC France ที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน และสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (Memorandum of Understanding on Technical Cooperation) มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแก้ไขปัญหาด้านการบินในช่วงที่ผ่านมามีประสิทธิผลที่ดี อีกทั้งยังทำให้การพัฒนาระบบการบินของไทยมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาใหม่ ๆ ที่มีความสำคัญต่อบทบาทของไทยในฐานะรัฐภาคีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับการหารือครั้งนี้ ได้พิจารณาถึงการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ระบบนิเวศทางการบินในอนาคต ซึ่งจะมีอากาศยานไร้คนขับ (Drone) หลากหลายประเภทเข้ามาใช้งาน ทั้งการใช้งานสำหรับวัตถุประสงค์ทั่วไป และความท้าทายในการนำอากาศยานประเภท eVTOL (Electric Vertical Take - offand Landing) ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ หรือ UAM (Urban Air Mobility) ที่เป็นการใช้อากาศยานขนาดเล็กในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าในระดับการบินต่ำในเขตเมืองเข้ามาใช้งาน

นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการยกระดับการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อภาคการบินในปัจจุบัน รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อมการบิน ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในภาคการบิน (Decarbonization) ผ่านการใช้เชื้อเพลิงพลังงานที่ยั่งยืน (SAF: Sustainable Aviation Fuel) ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญของโลกในปัจจุบัน และเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

ขณะเดียวกัน ในการหารือครั้งนี้ ยังได้เชิญชวนภาคเอกชั้นนำจากภูมิภาคยุโรปมาร่วมลงทุนกับประเทศไทย ได้แก่ บริษัท SATYS (ซาทิส) บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่ดําเนินกิจการด้านทําสีอากาศยาน และตกแต่งภายในอากาศยานและรถไฟ ดําเนินงานให้กับ Airbus, Boeing, Stelia Aerospace และ Air France อีกทั้งเชิญชวนบริษัท Volocopter (โวโล คอปเตอร์) บริษัทสัญชาติเยอรมันที่ดําเนินการด้านการพัฒนาการเคลื่อนย้ายทางอากาศในเขตเมืองและชานเมือง (UAM) และมีการผลิตยานพาหนะที่สามารถบินขึ้นและลงจอดในแนวดิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (eVTOL) อาทิ VoloCity และ VoloConnect หรือที่เรียกว่าแท็กซี่อากาศ (Air Taxi) ที่จะให้บริการขนส่งผู้โดยสาร และ VoloDrone ที่จะให้บริการขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัยและปลอดมลพิษ 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากการหารือด้านการบินแล้ว ในโอกาสนี้ ยังได้ประชุมหารือกับบริษัท CMA CGM จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งทางทะเล อันดับที่ 3 ของโลก และบริษัท Artelia จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา ออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้างที่มีสาขากว่า 40 ประเทศทั่วโลก เพื่อนำเสนอโครงการและเชิญชวนนักลงทุน พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อนำมาพัฒนารูปแบบการลงทุนในโครงการฯ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ได้ให้ความสนใจและสอบถามรายละเอียดโครงการฯ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยได้มีการแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อ เพื่อประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิดต่อไป

“การเดินทางมาประชุมร่วมกับฝรั่งเศสในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐฝรั่งเศสแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่ง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกับภาคเอกชน อันจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตต่อไป” นายสุริยะ กล่าว

‘จีน’ ยกระดับ สามารถสลับแบตฯได้ภายใน 80 วินาที ที่มณฑลเจียงซู ประหยัดเวลาชาร์จ คาดรองรับ ผู้ใช้ยานยนต์พลังงานใหม่ ได้มากกว่า 500,000 ราย

(10 มี.ค.67) การไฟฟ้าแห่งประเทศจีน สาขาเจียงซู เปิดเผยว่าเขตสาธิตดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่เกือบ 500 ตารางกิโลเมตรในเมืองซูโจว อู๋ซี และฉางโจว พร้อมด้วยเสาชาร์จราว 1,300 ต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับผู้ขับขี่ยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ได้มากกว่า 500,000 ราย

สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสลับแบตเตอรี่ที่ทำให้ยานพาหนะสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายในเวลาเพียง 80 วินาทีจะเปิดให้บริการในเมืองอู๋ซี ก่อนขยับขยายทั่วเขตสาธิตแห่งนี้

ก่อนหน้านี้ ผู้ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้ามักต้องค้นหาสถานีชาร์จบริเวณใกล้เคียง แต่เขตสาธิตใหม่นี้จะใช้อัลกอริธึมอัจฉริยะเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ค้นหาโซลูชันการชาร์จที่รวดเร็วและประหยัดที่สุด ตลอดจนช่วยค้นหาเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมในการชาร์จ

หยวนเสี่ยวตง ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสถาบันวิจัยพลังงานไฟฟ้า สังกัดการไฟฟ้าฯ คาดว่าเขตสาธิตข้างต้นจะสามารถช่วยลดเวลาการเข้าคิวรอชาร์จเฉลี่ยเกือบร้อยละ 50 ต่อเดือน โดยคาดว่าเขตสาธิตแห่งนี้จะขยายไปยังมณฑลอันฮุยและเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี

สำนักบริหารพลังงานแห่งชาติของจีน ระบุว่าสัดส่วนการเป็นเจ้าของยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยมีการใช้ยานยนต์พลังงานใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 20.41 ล้านคันเมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 และเพื่อตอบสนองการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนี้ จีนจะเดินหน้าปรับปรุงและขยายเครือข่ายสิ่งอำนวยความสะดวกการชาร์จ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 เมื่อเทียบปีต่อปีในปีก่อน และเกือบแตะ 8.6 ล้านเครื่องเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา

ราชกิจจาฯ ประกาศห้ามจอดรถ บริเวณช่องเว้าเกาะกลาง ใต้สถานี BTS  เพื่อแก้ไขปัญหา รถติด-อุบัติเหตุ จัดระเบียบการจราจร

(10 มี.ค.67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการห้ามจอดรถทุกชนิดตลอดเวลา ยกเว้นรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสในบริเวณช่องเว้าเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถใต้สถานี พ.ศ. 2567

โดยระบุว่า ด้วยได้มีการจัดทําช่องเว้าเข้าไปในเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อใช้เป็นที่จอดรถเฉพาะรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ปรากฏว่ามีประชาชนนํารถเข้าไปจอดในบริเวณดังกล่าว ทําให้รถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่สามารถจอดรถได้ ประกอบกับมีการจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจรในทางเดินรถ เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ จึงจําเป็นต้องออกประกาศข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร เพื่อจัดระเบียบการจราจรในบริเวณดังกล่าว

ฉะนั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 139 (2) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 38 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอ่านาจตามบทบัญผัติแห่งกฎหมายที่ตราชึ้นเพื่อความั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยของประชาชน และคําสั่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ 62/2566 ลงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566 แต่งตั้งผู้บัญชาการตํารวจนครบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทน เป็นหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร จึงได้ออกข้อบังคับไว้ ดังนี้

ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการห้ามจอดรถทุกชนิดตลอดเวลา ยกเว้นรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ในบริเวณช่องเว้าเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถใต้สถานี พ.ศ. 2567”

ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 3 ห้ามหยุดหรือจอดรถทุกชนิดตลอดเวลา ยกเว้นรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ในบริเวณช่องเว้าเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ดังต่อไปนี้

1.สถานีห้าแยกลาดพร้าว
2.สถานีพหลโยธิน
3.สถานีรัชโยธิน
4.สถานีเสนานิคม

5.สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
6.สถานีกรมป่าไม้
7.สถานีบางบัว
8.สถานีกรมทหารราบที่ 11
9.สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ

10.สถานีพหลโยธิน 59
11.สถานีสายหยุด
12.สถานีสะพานใหม่
13.สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช

14.สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ
15.สถานีแยก คปอ.
16.สถานีบางจาก
17.สถานีปุณณวิถี

18.สถานีอุดมสุข
19.สถานีบางนา
20.สถานีแบริ่ง
21.สถานีกรุงธนบุรี

22.สถานีวงเวียนใหญ่
23.สถานีโพธิ์นิมิต
24.สถานีตลาดพลู
25.สถานีวุฒากาศ
26.สถานีโรงจอดและซ่อมบํารุงรถไฟฟ้าบางหว้า

ข้อ 4 นับตั้งแต่วัน เวลา ที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ให้ยกเลิก ข้อบังคับ กฎ ระเบียบ คำสั่งใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้

ประกาศ ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

‘อัครเดช’ นำคณะกมธ.ฯ ลงพื้นที่ จ.พังงา แหล่งแร่ลิเธียม เตรียมเร่ง ให้ผลิตแบตฯป้อน ยานยนต์ไฟฟ้า ตามนโยบายรัฐบาล 

(10 มี.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร นำคณะกมธ.ฯลงพื้นที่จังหวัดพังงา เพื่อติดตามโครงการสำรวจและผลิตแร่ลิเธียมในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา อุตสาหกรรมจังหวัดพังงา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและให้ข้อมูลกับคณะกมธ.

นอกจากนี้ คณะกมธ.ฯยังได้ลงพื้นที่เขตแหล่งแร่เรืองเกียรติ ตำบลกะใหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เพื่อดูสถานที่จริงพร้อมรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ นำโดย นายวิชัช ไตรรัตน์ นายก อบต.กะใหล ได้ชี้แจงรายละเอียดสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกมธ.ฯให้สัมภาษณ์ว่า ได้หารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา อุตสาหกรรมจังหวัดพังงา ตลอดจนผู้อำนวยการอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ในเรื่อง การนำแร่ลิเธียมซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากเป็นโครงการที่สำคัญรัฐบาลให้สนับสนุนในการผลิตเพื่อนำมาป้อนอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ จากการประชุมหารือกับหลายฝ่าย และลงไปดูแหล่งแร่ลิเธียมที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานได้ประกาศเป็นแหล่งแร่ลิเธียมในตำบลกะไหล พบปะกับผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าทางจังหวัดพังงามีนโยบายจะทำเหมืองแร่ลิเธียมให้ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ของจังหวัดด้านการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของจังหวัดพังงา เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อจำนวนมาก

นายอัครเดช กล่าวว่า คณะกมธ.ฯได้รับทราบข้อมูลจากผู้สำรวจเหมืองแร่ที่ได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่ลิเธียมพบว่าใบอนุญาตในการสำรวจขาดอายุความตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และขณะนี้มีนักลงทุนหลายราย สนใจเข้ามาลงทุนสำรวจแต่ยังติดขัดในข้อกฎหมาย ติดขัดในเรื่องผู้รับสิทธิ์สำรวจกฎหมายไม่อนุญาตให้สำรวจซ้ำซ้อนกันได้คณะกมธ.จึงรับข้อร้องเรียนดังกล่าวเพื่อนำกลับมาหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต้นน้ำของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสามารถทำได้จริงตามนโยบายสำคัญที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้คณะกมธ.ฯจะมาหารือเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

ประธานคณะกมธ.กล่าววย้ำว่า ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่พวกเขาอยากให้ทางรัฐบาล และส่วนราชการได้สนับสนุนให้มีการสำรวจขุดเจาะแร่ลิเทียมอย่างจริงจัง เพื่อสร้างงานให้กับชุมชน จังหวัดและประเทศ พวกเขามีความเป็นห่วงว่าถ้าทำไม่จริงจัง ในอนาคตเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป แร่ลิเธียมมูลค่าอาจจะลด ขณะที่แร่ลิเธียมมีมูลค่าสูงจึงอยากให้รัฐบาลสำรวจขุดเจาะเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ประชาชน ไม่ได้คัดค้านแต่เป็นห่วงว่าในระหว่างที่ดำเนินโครงการต้องทำ CSR และควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับชุมชนและแหล่งท่องเที่ยว

“การขุดเจาะสำรวจแร่ลิเธียมทราบว่ามีหลายจังหวัด ในจังหวัดราชบุรี ก็มีการสำรวจ ของจังหวัดพังงาได้ดำเนินการมา 3 ปีแล้วสำรวจขุดเจาะได้กว่า 200 หลุม มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากพอสมควรว่า สามารถทำเป็นอุตสาหกรรมเปิดเหมืองนำแร่ลิเธียมมาผลิตเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่าการลงทุน อย่างไรก็ตามคณะกมธ.ฯจะนำข้อมาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมในการเร่งและแก้ไขปัญหา ให้ประชาชนในพื้นที่ต่อไป”นายอัครเดชกล่าว

‘ผู้ว่าฯนครศรี’ ลงพื้นที่ แก้ภัยแล้ง ให้เกษตรกร  กำชับทุกส่วนให้รายงานตรง เพื่อแก้ปัญหาน้ำ อย่างเร่งด่วน

ทีมข่าว #นายหัวไทร รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่9 มีนาคม ชลประทาน เขต 15 ได้ทยอยนำเครื่องสูบน้ำ ชนิด Hydroflow ขนาด 24 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง เพื่อติดตั้งบริเวณปากคลองชักน้ำสาย 2 เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ ชลประทาน และ เครื่อง  ขนาด  32 นิ้ว จำนวน 4  เครื่องตามที่มีการตกลงในที่ประชุมเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 มีนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุม เพื่อให้ทางชลประทาน นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เข้าไปสูบน้ำให้ทันกับความต้องการของเกษตรกร ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเป็นช่วงเวลาของการทำข้าวนาปี

ทั้งนี้จากรายงานของชลประทาน แจ้งว่า เครื่องสูบน้ำ ขนาด 16”^12”จำนวน 3 เครื่อง จุดติดตั้ง ม. 11 บ้านหนำหย่อม ต. เชียรเขา อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครศรีธรรมราช จำนวน 1 เครื่อง ม. 7 บ้านดอนสำราญ ต. เชียรเขา อ. เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 2 เครื่อง รวม 3 เครื่อง

ทั้งนี้ตามข้อตกลงในการประชุมร่วมระหว่างตัวแทนชาวบ้านกับชลประทาน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สำนักงานชลประทานที่ 15 จะทยอยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมเดินเครื่องสูบน้ำต่อเนื่อง ตามแผนต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเดินเครื่องต่อเนื่องทั้งหมด 51 เครื่อง ในพื้นที่โซนลุ่มน้ำปากพนัง แต่จนถึงเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ติดตั้งไปได้แค่ 11 เครื่อง จากเป้าหมาย 51 เครื่อง บางเครื่องติดตั้งแล้ว แต่ไม่ได้เดินเครื่อง ด้วยเหตุผลไม่มีงบค่าน้ำมัน

ติดตั้งแค่ 11 เครื่อง จากเป้าหมายวางไว้ 51 เครื่อง
-ต.เขาพังไกรครบแล้ว 4 เครื่อง
-ต.หัวไทร 2 เครื่อง
-ต.เชียรเขา 5 เครื่อง

-ควนชลิก 6 เครื่อง ยังไม่ติดตั้ง
-รามแก้ว 4 เครื่อง ยังไม่ติดตั้ง
-ต.แหลม ไม่อยู่ในแผนจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำมัน

ตั้งแต่เมื่อวาน (9 มีนาคม) ทางสำนักงานชลประทานที่ 15 ซึ่งรับผิดชอบโซนลุ่มน้ำปากพนัง มีนายก่อพงศ์ เจ้ยแก้ว เป็นผู้อำนวยการชลประทานสำนัก15กลมชลประทาน ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้ครบตามเป้าหมาย โดยมีรองอธิบดีกรมชลประทาน เดินทางไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และเริ่มเดินเครื่องสูบน้ำทันที และสูบน้ำทั้งคืน ตลอดคืนที่ผ่านมา

นอกจากติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้เกษตรกรแล้ว ทางชลประทานยังดำเนินการขุดลอด กำจัดผักตบชวาในคลองส่งน้ำ (คลองไส้ไก่) ด้วย เพื่อส่งน้ำได้สะดวกขึ้น

นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราชกล่าวว่า ความเดือดร้อนที่ภาคเกษตรกรรมเขตลุ่มน้ำปากพนังได้รับผลกระทบจากการเปิดปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิในเขตลุ่มน้ำปากพนัง ปัญหาเกิดขึ้นมากมายมีผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทั้งหน้าร้อน และหน้าฝน ปีนี้แล้งจัด กรมชลประทานไม่ได้ขับเคลื่อนในทุกเรื่องเพื่อเป็นการป้องกัน คำตอบเดียวที่ได้รับ "ขาดงบประมาณ"ในการแก้ปัญหา

แต่ละปีคลองระบายน้ำแต่ละสาย (คลองไส้ไก่) น้ำแห้งขอด กรมชลปิดประตูระบายน้ำทำให้ทางทิศเหนือน้ำท่วมขัง-เน่า ขาดการบริการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 

”พวกเรากำลังเตรียมส่งเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นถวายฏีกาเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและจริงจังกับเกษตรกรลุ่มน้ำปากพนัง“

ผู้สื่อข่าวรายงานในที่ประชุมที่มีผู้ว่าฯเป็นประธานได้มีการซักถามเกี่ยวกับเรื่องของการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังพร้อมทั้งมีการสอบถามว่าผู้ใดเป็นคนพูดว่าไม่มีงบประมาณซึ่งในที่ประชุมได้มีการพยายามชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจนกระทั่งนายขจรเกียรติ รักพาณิชย์มณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้สั่งการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน พร้อมกำชับให้รายงานผลการปฏิบัติต่อนายอำเภอในแต่ละพื้นที่เพื่อให้ทันกับความต้องการใช้น้ำของเกษตรกรในพื้นที่และหากพบปัญหาให้รายงานด่วนตรงมายังผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทันที
 

‘มาดามแป้ง’ สุดปลื้ม ตั๋วดู ช้างศึก ปะทะ เกาหลีใต้ ขายหมดเกลี้ยง เหตุ แฟนบอลกลับมา รัก-ศรัทธา ทีมชาติไทย เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน 

(10 มี.ค.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ปลาบปลื้มใจหลังเห็นศรัทธาทีมชาติไทย กลับมา จากที่ล่าสุดบัตรถูกจำหน่ายหมดทุกโซนเป็นที่เรียบร้อย ในเกมที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4

ก่อนหน้านี้ ในเกมคัดบอลโลก ที่ ช้างศึก ประเดิมเปิดบ้านพบกับ จีน มีแฟนบอลเข้าชม 35,009 คน แต่ล่าสุดในเกม ที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ บัตรถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงแล้ว ในทุกโซน ภายใต้ความจุ 48,900 คน ของสนามราชมังคลากีฬาสถาน

มาดามแป้ง  นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ไม่มีอะไรสำคัญ และ ยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังจากผู้เล่นคนที่ 12 แป้ง รู้สึกปลาบปลื้มใจ และ ภูมิใจที่วันนี้เห็น ศรัทธา ทีมชาติไทย กลับมา และ อยู่ในความสนใจของคนไทยอีกครั้ง เหมือนภาพบรรยากาศที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว”

“แน่นอนว่าการเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ เป็นเกมที่ยากมาก แต่ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แป้ง เชื่อว่าจะทำให้ทีมงานโค้ช และ น้อง ๆ นักฟุตบอลมีกำลังใจมากขึ้นก่อนเข้าแคมป์ วันที่ 14 มีนาคม และ เชื่อว่า เมื่อเรามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ ฟุตบอล 90 นาที อะไรก็เกิดขึ้นได้”

สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง นัดที่ 4 วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 19.30 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี หมายเลข 32

'ธำรงศักดิ์' โพสต์ภาพหนังสือ 'ณัฐพล' เป็นทางเลือกให้ ป.เอกรุ่นแรก ม.รังสิต อ่าน!! ด้านศิษย์เก่าสวน!! เมืองไทยฉิบหาย เพราะมีพวกอ้างเสรีภาพทางวิชาการแบบนี้

(10 มี.ค.67) ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ รองศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความพร้อมภาพหนังสือที่ปรากฏว่ามี 'ขุนศึกศักดินา พญาอินทรี' ของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ซึ่งอ้างอิงมาจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก 'การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)' ของนายณัฐพล ใจจริง ที่กำลังถูกสังคมจับจ้องในฐานะของวิทยานิพนธ์ที่เปื้อนความบิดเบือนทางประวัติศาสตร์ไทย ผ่านทางเฟซบุ๊ก 'ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์' พร้อมระบุข้อความว่า...

"ผมกำลังพิจารณาว่าควรเลือกเล่มใดของการเมืองไทยทศวรรษ 2490 ให้นักศึกษาปอเอกสิงห์รังสิตรุ่นแรกในวิชาของผม บังคับอ่าน วิชาสัมมนาการเมืองการปกครองไทย เลือก ยาก มากๆ เพราะต้องเลือกเล่มเดียว รักเล่มนี้แต่ก็เสียดายเล่มโน้น"

#รัฐศาสตร์ปอเอกสิงห์รังสิต #สิงห์รังสิต  #อาจารย์โยYo #การเมืองไทย #การเมืองการปกครองไทย

ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ก็มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ในเชิงของการไม่เห็นด้วย...

โดยหนึ่งในนั้นได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Jom Thanachit' ที่เคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.ธำรงศักดิ์ ได้มาตอบคอมเมนต์ไว้อย่างน่าสนใจด้วย ดังนี้...

"ออกตัวแรงขนาดนี้ …ทำไมอาจารย์ไม่ไปช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ อ.ณัฐพล ที่ราชสกุลรังสิตฟ้องร้อง 50 ล้านบาทด้วยเลยหละครับ …

"น่าเสียดายครับที่ครั้งหนึ่งผมเคยนับถืออาจารย์ในในฐานะผู้มีความรู้ อาจารย์ก็เคยสอนหนังสือผมมากับมือสมัย ป.ตรี  

"เลิกทำแบบนี้เถอะครับด้วยความเคารพ ...บ้านเมืองเราฉิบหาย ไม่ใช่เพราะสถาบันกษัตริย์หรอกครับ แต่คงเป็นเพราะคนบางกลุ่มชอบสนับสนุนแนวคิดที่ว่า "การกระทำความผิดใดก็แล้วแต่ถือเป็นเสรีภาพและสิทธิที่สามารถกระทำได้"

"เหมือนนิยายลวงโลกบางเล่มที่ 'บิดเบือนข้อมูล' กล่าวหา กรมขุนชัยนาทนเรนทรว่า "สนับสนุนการรัฐประหารอย่างแข็งขัน" ทำให้ผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น เสื่อมเสียพระเกียรติ …แต่ท่านกลับบอกว่าเป็น "เสรีภาพทางวิชาการ" แล้วท่านก็ร่วมลงชื่อ 'คัดค้านการตรวจสอบ' วิทยานิพนธ์ ของ อ.ณัฐพล โดยมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 18 

"สิ่งที่ท่านทำมันร้ายแรงมากกว่าการรัฐประหารครั้งใดในประวัติศาสตร์การเมืองเสียอีก"

งานงอก!! ครูวัดธาตุทองฯ ถูกโซเชียลแฉพฤติกรรมไม่เหมาะสม พบ 'ดิจิทัลฟุตพรินท์-หลักฐานบันทึก' เพียบ พร้อมถึงมือตำรวจ

(10 มี.ค.67) จากกรณี 'โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง' ได้มีแนวทางในการสุ่มสอบปากเปล่าเด็กนักเรียนด้วย ‘คีย์เวิร์ด’ ซึ่งปรากฏพบคำต่างๆ ที่คุ้นเคยกับกลุ่มการเมืองต่อต้านสถาบันฯ เช่น ‘112-ขบวนเสด็จ’ และหลากคำคุ้นจากกลุ่มการเมืองกลุ่มนี้ จนมีการสืบค้นไปถึง 'ครู' ผู้ริเริ่มแนวนี้นั้นว่าเป็นใครและมีการเผยแพร่ถึงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเข้าท่ามากมายลงในโซเชียลนั้น

ล่าสุด มีการเปิดเผยจากแอดมินเพจหนึ่งที่ได้ส่งบันทึกข้อความตักเตือนพฤติกรรมไม่เหมาะสมของครูคนดังกล่าว ซึ่งในมุมหนึ่งก็มักชอบเสี้ยมแซะสถาบันฯ อยู่บ่อยครั้งด้วย แชร์ไปให้แก่บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคมมากมาย เพื่อให้รู้ถึงพฤติกรรมครูคนดังกล่าว

เพราะ ครูคนนั้น ไม่ธรรมดา เมื่อถึงคราวจำเป็นและคราวคับขันที่ต้องเจอเข้ากับตัวเอง ก็รู้จักสู้ด้วยหลักฐาน เรียกร้องหลักฐาน ซึ่งตอนที่เขาเคยถูก ผอ.โรงเรียนคนเก่าตักเตือน ก็ได้ไปอุทธรณ์ว่า ผอ.โรงเรียนคนเก่า กล่าวหาเขาโดยไม่มีหลักฐานกับทางศึกษาธิการกรุงเทพมหานคร และหัวหมอบอกว่า ผอ.โรงเรียนท่านนั้นไม่มีหลักฐาน ชี้แค่ว่าเป็นอำนาจในการบริหาร ทางศึกษาธิการกรุงเทพมหานครเลยยกข้อกล่าวครูคนนั้นไป  

อย่างไรก็ตาม แอดมินเพจคนดังกล่าว ก็ได้ส่งดิจิทัลฟุตพรินท์ของครูคนนั้นที่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งหมด เป็นหลักฐานตามบันทึกตักเตือนพฤติกรรมของอดีต ผอ.ไปให้บุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมไทยที่มั่นใจว่าจะไปขยายผลต่อได้ ซึ่งทราบมาว่ามีการจัดเรียงหลักฐานแยกเป็นหมวดหมู่ บันทึกวันที่และ URL ไว้ครบถ้วนหมด

แน่นอนว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าจะให้จบง่ายแต่แรก ทาง อดีตผอ.โรงเรียน ไม่ควรพลาดในการเก็บหลักฐานดิจิทัลฟุตพรินท์ให้ครบหมด เพราะนั่นทำให้ไม่สามารถตักเตือนคนหัวหมอแบบนี้ได้

อย่างไรก็ตามบันทึกเหล่านั้นอยู่และมีดิจิทัลฟุตพรินท์พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของครูคนนั้น ที่มีคนส่งไปทั่วแล้ว คงเหลือเพียงแค่ต้องตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดก่อนว่าจริงหรือปลอม ซึ่งงานนี้ 'ปอท.' และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงช่วยตรวจสอบดูให้ทั้งหมดได้ไม่ยาก

'ภูมิกิตติ์' กดลบ 4 ศึกแชมป์สวิง 'บางจาก โอเพ่น 2024' พร้อมคว้าสิทธิ์ ไปแข่งต่อที่ญี่ปุ่น ตามคาด

(10 มี.ค.67) 'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' ร่วมกับ 'บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)' ระเบิดศึกดวลสวิงกอล์ฟเยาวชนรายการ 'บางจาก โอเพ่น 2024' สนามแรกของ 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2024' ซึ่งแข่งขันระหว่างวันที่ 9-10 มีนาคม 2567 ที่สนามสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรี คลับ (คอร์สบี-ซี) จ.เพชรบุรี 

โดย ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการกอล์ฟบางจากฯ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) โชว์ฟอร์มโหดจัดในรอบสองกดไป 4 อันเดอร์ คว้าแชมป์พร้อมสิทธิ์แข่งญี่ปุ่นไปตามคาดด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140 

ด้าน เขมณัฏฐ์ ศรลัมพ์ ชนะเพลย์ออฟที่หลุม 1 พาร์ 4 พัตต์เบอร์ดี้ลง คว้าแชมป์แรกของทัวร์นี้ไปครอง พร้อมกับสิทธิ์แข่งที่ญี่ปุ่น สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149  โดยมีนายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 2 จากขวา) ประธานจัดการแข่งขัน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์' และนายพงษ์ศิริ ศิริมงคล (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายปรับปรุงและซ่อมบำรุงสถานีบริการ ประธานชมรมกอล์ฟ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top