Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

All Time Low ประกาศเอเชียทัวร์ 2024 แฟนเซ็ง!! มาเกือบทุกประเทศ แต่ไม่มีไทย

(5 ก.พ.67) จากเพจ ‘Dad Mom and Rock N Roll Kids’ ได้โพสต์ข้อความอัปเดตการมาของวงป๊อปพังก์จากสหรัฐฯ ไว้ว่า…

All Time Low วงป็อปพังก์จากสหรัฐอเมริกา ประกาศ 'Forever Asia Tour 2024' โดยจะทำการแสดงช่วงเมษายน-พฤษภาคม ในหลายประเทศ ทั้ง มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น 

โดยประเทศไทยไม่ได้อยู่ในตารางทัวร์ของพวกเขาครั้งนี้ 

All Time Low: Forever Asia Tour 2024 
28 เมษายน - มาเลเซีย 
30 เมษายน - อินโดนีเซีย
3 พฤษภาคม - ฟิลิปปินส์ 
5 พฤษภาคม - สิงคโปร์
7 พฤษภาคม - โตเกียว, ญึ่ปุ่น
8 พฤษภาคม - นาโกย่า, ญึ่ปุ่น
9 พฤษภาคม - โอซาก้า ญึ่ปุ่น

ทั้งนี้จากมุมมองแฟนเพลงในไทย เชื่อว่าอาจจะเพราะกลุ่มแฟนเพลงในตลาดเมืองไทยมีความเฉพาะกับวงดังกล่าว และน่าจะน้อยจนไม่คุ้มค่าตั๋ว

สมุทรปราการ- ม.หัวเฉียวฯ เปิดบ้านรับตรุษจีน ปีมังกร 2024

ที่หน้าอาคารบรรณสาร และอาคารเรียนมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จัดกิจกรรมเปิดบ้าน วันแพทย์แผนจีน และงานตรุษจีน ประจำปี 2567 รวมกันวันเดียว มอบเป็นของขวัญพิเศษต้อนรับและร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมังกรให้กับนักเรียน คุณครู ผู้ปกครอง นักศึกษา บุคลากร ประชาชนทั่วไป

โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.อุไรพรรณ  เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร โดยมี อ.ดร.ศิริวรรณ ตันตระวาณิชย์​ รองอธิการบดี อ.ฉลอง แขวงอินทร์​ รองอธิการบดี อ.ดร.โจนาธาน รันเต คารียอน​ รองอธิการบดี และอาจารย์ฟาง เวินกั๋ว​ผู้ช่วยอธิการบดี คณะครู  ผู้ปกครอง นักศึกษา บุคลากร ประชาชนทั่วไปร่วมในพิธี

มหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจะให้ทุกคนได้รับรู้และสัมผัสถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยในการเป็น “แหล่งเรียนรู้ชั้นนำด้านจีนศึกษาและวิทยาศาสตร์สุขภาพ” ผ่านบูธกิจกรรมจัดเต็มของ 12 คณะวิชา 1 วิทยาลัย นอกจากนี้ยังได้มีพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานรับความมงคลร่วมกัน ได้แก่ พิธีไหว้ตรุษจีน (ไหว้ฟ้าดิน) พิธียกส้มอวยพรปีใหม่ พิธีเจิมเบิกเนตรสิงโต พร้อมรับฮู้มงคลของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และชมการแสดงเชิดสิงโต ตีกลองมงคล เชิดมังกร จากนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฝึกซ้อมโดยวิทยาลัยจีนศึกษาและชมรมกีฬาสิงโต-มังกร ฮั่วกวง (วูซู)สมุทรปราการ รวมทั้งสนุกกับกิจกรรม Workshop และชมการแสดงของคณะวิชาและหน่วยงานต่าง ๆ ณ เวทีกลางและรับของรางวัลมากมาย 

ด้าน รศ.ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ได้กล่าวว่า สำหรับการจัดงานเปิดบ้าน ม.หัวเฉียวฯ รับตรุษจีนปีมังกร 2024 HCU Open House: Celebrating Chinese New Year 2024-Year of the Dragon ในครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติของเราจัด 3 งานสำคัญรวมกันวันเดียว คืองานเปิดบ้าน วันแพทย์แผนจีน และงานตรุษจีน เพื่อมอบเป็นของขวัญพิเศษต้อนรับและร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมังกรให้กับนักเรียน  คุณครู ผู้ปกครอง นักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไป ให้ได้รับความรู้ ความสนุกสนาน 

ภายใต้ชื่องาน  “เปิดบ้าน ม.หัวเฉียวฯ รับตรุษจีนปีมังกร 2024 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจะให้ทุกคนได้รับรู้และสัมผัสถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยในการเป็น “แหล่งเรียนรู้ชั้นนำด้านจีนศึกษาและวิทยาศาสตร์สุขภาพ” ผ่านบูธกิจกรรมของ 12 คณะวิชา 1 วิทยาลัยของเรา 

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยของเรามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลองอย่างต่อเนื่องด้วยการยึดมั่นในปณิธานของมหาวิทยาลัย “เรียนรู้เพื่อรับใช้สังคม” มาโดยตลอด ซึ่งเรามีกรอบทิศทาง 5 เป้าหมายหลักด้วยกัน เป็นการ Transform มหาวิทยาลัย มุ่งสู่ • Niche University มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำด้านจีนศึกษาและวิทยาศาสตร์สุขภาพ • Lifelong Learning University แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของบุคคล 3 วัย คือ วัยเรียน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ • Digital Transformation การขับเคลื่อนดิจิทัลของมหาวิทยาลัย • Quality University, Good Governance, Self-Supporting Universityมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพระดับชาติและนานาชาติ มีการบริหารจัดการที่ดี พึ่งตนเองได้ • และ Green University and Sustainability University มหาวิทยาลัยสีเขียวและการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

เชียงใหม่-มช.จัดพิธีลงนามความร่วมมือ พัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดันนโยบายคาร์บอนฯ เป็นศูนย์

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดึงบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น “Taisei Advanced Center of Technology, Taisei Corporation” มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดันนโยบายคาร์บอนฯ เป็นศูนย์ 

วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ร่วมกับ Taisei Advanced Center of Technology, Taisei Corporation ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยมีเป้าหมายร่วมกันพัฒนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรจากเครือข่ายความร่วมมือ และร่วมกันพัฒนาให้เกิดงานวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรมในการยกระดับความสามารถด้านวัสดุการก่อสร้าง (Construction Material) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นำของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว นำโดย ศาสตราจารย์ 
ดร.นายแพทย์ พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มช. พร้อม Mr.Tsuyoshi MARUYA Executive Fellow Deputy Chief of Taisei Advanced Center of Technology และ MR.NAOHITO OHBA กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยเซอิ (ไทยแลนด์) จำกัด และคณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ NSP Exhibition Hall อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่)

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มช. กล่าวว่า มช. มีวิสัยทัศน์ที่สำคัญคือ มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม อันสอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะที่ 13 ในเรื่องการพัฒนากลไกเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม (Innovation Mechanisms Development) ที่สามารถขับเคลื่อนและผลักดันให้มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์ให้เกิดผลงาน เทคโนโลยี และนวัตกรรมได้ในเวลารวดเร็วขึ้น ตอบโจทย์ในเรื่องการก้าวเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Carbon Neutral University) และการสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรม เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือและยกระดับงานวิจัยให้สอดคล้องกับพันธกิจ

โดยมี อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มช. (STeP) และคณะวิทยาศาสตร์ มช. เป็นกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานหลักในการพัฒนางานวิจัยให้ออกสู่รั้วมหาวิทยาลัย  ควบคู่กับการแสวงหาเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัย การพัฒนา และนวัตกรรม นั่นคือ Taisei Corporation ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านการผลิต Carbon Free Concrete เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากร องค์ความรู้ทางปัญญาร่วมกัน และผลักดันให้เกิดการต่อยอดเทคโนโลยีนวัตกรรมซึ่งกันและกัน อีกทั้งพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและการสร้างคุณค่าใหม่ (New Value) ด้วยการจัดหาโซลูชั่นที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสังคมเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงาน “อันจะก้าวสู่หมุดหมายเดียวกัน คือ การทำให้ความร่วมมือนี้สำเร็จเกิดเป็นการวิจัยเป็นสากลที่มุ่งเน้นการจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกในการแสวงหาการพัฒนาที่ยั่งยืน”

และด้วยความร่วมมือนี้ เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายและปลูกฝังความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป ผ่านการผสานองค์ความรู้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตและนำงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเชื่อมโยงการวิจัยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

Mr.Tsuyoshi MARUYA Executive Fellow Deputy Chief of Taisei Advanced Center of Technology กล่าวว่า “Taisei Corporation” มีแนวทางอย่างชัดเจนในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยการจับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน ผ่านการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและองค์ความรู้ทางปัญญาเพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรม และการส่งเสริมอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งความร่วมมือของเราในวันนี้ จะกำเนิดเป็นผลสำเร็จของงานวิจัยระดับสากลจากผสานองค์ความรู้ของทั้งสองฝ่ายเพื่อบรรลุเป้าหมายหลักของจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและการผลิตนวัตกรรมสมัยใหม่ อีกทั้งการคิดค้นโซลูชั่นที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังที่จะมีส่วน ในการลดมลภาวะการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emission) ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการร่วมกันในอนาคต พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตและผลักดันสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ที่จับต้องได้ เพื่อเชื่อมโยงการวิจัยและการใช้งานจริงได้อย่างราบรื่น

Mr.Haruka OZAWA เลขานุการโทประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวถึงความยินดีและชื่นชมในวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลโดยให้ความสำคัญกับผู้คนและการสร้างความยั่งยืน ของทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ Taisei Corporation จากการทำข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอีกขั้นของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมีส่วนช่วยต่อสังคมในการลดการปล่อยคาร์บอน และยิ่งมากไปกว่านั้น ยังถือเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและไทยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านขอบเขตการทำงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมระดับชาติต่อไป 

ด้าน รศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ในฐานะคณะดำเนินงานหลัก เผยถึง การดำเนินงานจากความร่วมมือในช่วงเวลาที่ผ่านมาของการวิจัยและพัฒนาคอนกรีตชนิด Carbon Free อย่างต่อเนื่อง โดยการใช้คอนกรีตที่ผลิตจากวัสดุเหลือทิ้งหรือผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งคอนกรีตชนิดนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการผลิตด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านงานวิจัยทั้งสองฝ่าย และเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารและคณาจารย์จาก มช. ได้เข้าศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ พร้อมหารือแนวทางการดำเนินงานอื่น ๆ ในอนาคต ณ Taisei Advanced Center of Technology, Taisei Corporation เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นการจุดประกายความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงฯ เพื่อเน้นย้ำการดำเนินงานร่วมกันอย่างไม่หยุดยั้งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาและก้าวสู่เป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง คือ การสนับสนุน Carbon Net Zero ของทั้งประเทศไทยและระดับนานาชาติ ผ่านการวิจัยขั้นสูงด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมสมัยใหม่และค้นหาโซลูชั่นในการพัฒนาคอนกรีตชนิด Carbon Free จากวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างต่อไป 

ซึ่งผลสัมฤทธิ์ของเจตนารมณ์อันแน่วแน่ทั้งสองฝ่ายในวันนี้ จะเกิดเป็นสะพานเชื่อมต่อการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะสามารถผลักดันงานวิจัยให้เกิดการต่อยอดและถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงมากขึ้นและยังเป็นการเน้นย้ำให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ถึงความสำคัญของการพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม
ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

นภาพร/เชียงใหม่

เชียงใหม่- Ex- M.B.A. รุ่น 24 CMU จัดกิจกรรม หอบรักไปห่มป่า ครั้งที่ 12

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (Ex-M.B.A.) รุ่นที่ 24  คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ จัดพิธีเปิดโครงการ CSR หอบรักไปห่มป่าครั้งที่ 12  ประจําปีการศึกษา 2567  จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ณ โรงเรียน กมล-เรียม สุโกศล (บ้านผาใต้) อําเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่  

โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ก้องภู นิมานันท์  คณบดีคณะบริหารธุรกิจ  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นประธานกล่าวเปิด กิจกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และคณาจารย์ นักศึกษาหลักสูตรบริหารธรุกิจ มหาบัณฑิต สําหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 24  เข้าร่วมโครงการ โดยมี นายพีระเมศร์ อริยกุศลสุทธิ ประธานรุ่น Ex MBA24 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าววัตถุประสงค์โครงการว่า 

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดยนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (Ex-M.B.A.) รุ่นที่ 24  คณะบริหารธุรกิจ 
และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ  รวมพลัง ร่วมแรง ร่วมใจ ด้วยจิตอาสามา ทำเพื่อสังคม จัดโครงการกิจกรรม Corporate Social Responsibility (CSR) : หอบรักไปห่มป่า การแบ่งปันสู่สังคม อิ่มใจ ได้บุญ ส่งถึงน้อง ให้แก่นักเรียน คุณครู และบุคลากร โรงเรียนกมล-เรียม 
สุโกศล (บ้านผาใต้) ตําบลท่าตอน อําเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3
จํานวน 189 คน ในระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2567 

วัตถุประสงค์โครงการ เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารและขยายพื้นท่ีให้เพียงพอในการนั่งรับประทานอาหารของนักเรียน คุณครู และบุคลากรของโรงเรียน  ปรับปรุงซ่อมแซมห้องครัว อ่างล้างจานและจุดตากถาดหลุมที่ใช้รับประทานอาหาร  ปรับปรุงซ่อมแซมเตาเผาขยะของโรงเรียนในการกําจัดขยะและสิ่งปฏิกูลต่างๆ สร้างจิตสาธารณะในหมู่สมาชิก Ex-MBA โดยถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมและร่วมกันทําความดีคืนสู่สังคม เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ Ex-MBA และเรียนรู้ขั้นตอนการทํากิจกรรม CSR

โดยกิจกรรมโครงการประกอบด้วย ซ่อมแซมอาคารและสถานที่ของโรงเรียน ทาสี ยาแนว มุงหลังคา Clean room ตรวจวัดสายตา  ให้ความรู้เรื่องฝุ่นPM  พิธีมอบทุนการศึกษา ให้กับนักเรียนส่งมอบโรงอาหาร ห้องครัว เตาเผาขยะ และห้องปลอดฝุ่น พร้อมทั้ง บริจาคสิ่งของ อุปโภคและบริโภค อุปกรณ์การเรียนให้แก่ผู้อํานวยการโรงเรียน กมล-เรียม สุโกศล (บ้านผาใต้) อําเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อีกด้วย

นภาพร/เชียงใหม่

‘สุวัจน์’ ปลื้ม!! ‘ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024’ แมตช์ชิงแชมป์ คนดูแน่น ฟาก ‘WTA’ ชื่นชม ‘ไทย’ จัดการแข่งขันได้มาตรฐานสากล

เมื่อวานนี้ (4 ก.พ. 67) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมร่วมมอบรางวัลให้นักกีฬา ในการแข่งขันเทนนิสหญิงระดับ ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ ‘ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ’ ชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 267,082 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาท ที่อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายสุวัจน์ กล่าวว่า แมตช์ชิงชนะเลิศถือว่าสมศักดิ์ศรีไทยแลนด์ โอเพ่น เพราะคนชมแน่นมาก ถือเป็นประวัติการณ์ของการแข่งขัน และเกมสนุกมาก ผู้ชนะเลิศปีนี้เป็นนักกีฬาจากรัสเซีย และรองชนะเลิศเป็นจีน ถือเป็นเรื่องดีต่อเศรษฐกิจ เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งจากรัสเซียและจีนเดินทางมามาก ถือว่าการจัดปีนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง และทางดับเบิลยูทีเอก็ชมทางไทยมาว่ามาตรฐานการจัดทำได้ดีมาก มีผู้ชมแน่นสนาม สร้างกำลังใจให้กับนักเทนนิส

“ผมต้องขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดทัวร์นาเมนต์ดี ๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และสร้างความสุขเรื่องกีฬาให้กับพี่น้องประชาชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ส่วนการจัดรายการนี้ในครั้งต่อไปตามสัญญา 5 ปี ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ อยู่ระหว่างการเจรจา หลังจากนี้ก็คงจะลงในรายละเอียดกัน"

ในโอกาสนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้มอบถ้วยรางวัลรูปปลาวาฬบรูด้ากระโจนขึ้นจากน้ำเล่นลูกเทนนิส สีโรสโกลด์ ให้กับนักกีฬาผู้ชนะเลิศ ประเภทหญิงเดี่ยว ได้แก่ ไดอาน่า ชไนเดอร์ ดาวรุ่งวัย 19 ปี มืออันดับ 108 ของโลก และนายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมมอบดอกไม้ที่ระลึกให้กับนักกีฬาผู้ชนะเลิศ ประเภทหญิงเดี่ยว 

ขณะที่นายวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) มอบถ้วยรางวัลรองชนะเลิศให้กับนักกีฬา ประเภทหญิงเดี่ยว ให้แก่ จู หลิน นักหวดจีนวัย 30 ปี มืออันดับ 45 ของโลก และมือวางอันดับ 2 ของรายการ และ นายอลัน แคม ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มอบช่อดอกไม้ที่ระลึกให้กับนักกีฬารองชนะเลิศ ประเภทหญิงเดี่ยว ก่อนได้มีการถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน

ขณะที่การมอบรางวัลประเภทหญิงคู่ มีนายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ มอบถ้วยรางวัลให้กับนักกีฬาผู้ชนะเลิศ ประเภทหญิงคู่ ได้แก่ มิยู คาโตะ วัย 29 ปีจากญี่ปุ่น มือคู่อันดับ 28 ของโลก กับ อัลดีล่า ซุตเจียดี้ วัย 28 ปีจากอินโดนีเซีย มือคู่อันดับ 30 ของโลก ซึ่งเป็นคู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ และ น.ส.สุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ร่วมมอบช่อดอกไม้ที่ระลึกให้กับนักกีฬาผู้ชนะเลิศ ประเภทหญิงคู่

รวมทั้ง นายภราดร ศรีชาพันธุ์ ผู้อำนวยการแข่งขันเทนนิสรายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ มอบถ้วยรางวัลรองชนะเลิศ ให้กับนักกีฬาประเภทหญิงคู่ ได้แก่ กั๋ว ฮานหยู วัย 25 ปี มือคู่อันดับ 59 ของโลก กับ เจียง ซินหยู วัย 24 ปี มือคู่อันดับ 59 ของโลก ซึ่งเป็นคู่มือวางอันดับ 2 ของรายการจากจีน และ Eva Slaninkova Co-Tournament Director APG ร่วมมอบช่อดอกไม้ที่ระลึกให้กับนักกีฬารองชนะเลิศ ประเภทหญิงคู่ ก่อนมีการถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน

เปิดตัวเลข ‘นักศึกษาต่างชาติ’ เรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา

ในทุก ๆ ปี จะมีนักศึกษาจากทั่วโลกบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเรียนต่อที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ ซึ่งสัดส่วนจะมากน้อยต่างกันในแต่ละประเทศ สำหรับในปี 2023 ที่ผ่านมา นักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนต่อในสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 1 ได้แก่ จีน รองลงมาคืออินเดีย

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมรายชื่อ 25 ประเทศที่มีนักศึกษาไปเรียนต่อในสหรัฐมากที่สุดประจำปี 2023 จะมีประเทศใดบ้าง มาดูกัน!!

‘หนุ่ม’ ตัดพ้อ!! ครูดีๆ หมดโอกาสเพราะสอบไม่ผ่าน แนะ!! ควรใช้วิธีอบรมแทน ด้านชาวเน็ตแห่แย้งสนั่น

(5 ก.พ.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ลงกลุ่มเตรียมสอบใบประกอบวิชาชีพครู ระบุว่า

“คะแนนสอบไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะเป็นครูที่ดีได้หรือเปล่า ครูที่สอบคะแนนสูงๆ เป็นครูที่ไม่ได้เรื่องเยอะแยะ ครูดีๆ ต้องหมดโอกาสเป็นครูเพราะสอบไม่ผ่าน ยุคนี้แล้วไม่ควรตัดสินคนผ่านคะแนนสอบนะ ผมว่าเราควรเปลี่ยนจากสอบเป็นอบรมแทน”

จากโพสต์ดังกล่าว ทำเอาวงการครูสั่นสะเทือน โดยชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน เช่น

- สอบดีแล้วค่ะ แค่นี้การศึกษาก็แย่มากพอแล้ว อย่าลดคุณภาพอีกเถอะค่ะ
- แล้วทำไมต้องกดคนที่สอบผ่านด้วยคะงง555555 ครูดีๆ ต้องหมดโอกาสเป็นครู เพราะสอบไม่ผ่าน คนสอบผ่าน = ไม่ดี?
- อย่าพยายามเป็นคนดีก่อนครับ ให้พยายามเป็นคนเก่งก่อนครับ จะได้รู้ว่าอะไรดีไม่ดีครับ
- สู้ ๆ นะครับ ครูต้องเก่งครับ
- ต้องเรียนวิชาการวัดและการประเมินนะครับ จะได้เข้าใจ
-  จากที่อ่านวนๆ 2-3 รอบ ดีแล้วที่คัดด้วยการสอบค่ะ
- ถ้ารู้ว่าเรียนมาแล้วสอบไม่ผ่านแสดงว่ามาตรฐาน ตัวเองมีปัญหาแล้วล่ะแล้วอีกอย่างนะครูมันต้องเริ่มจากเก่งก่อน
- ถ้าบอกว่าเป็นล่ะ? คะแนนสอบวัดถึง IQ หรือแม้กระทั่ง EQ มันบ่งบอกตั้งแต่การสอบเข้าเรียนละ มหาวิทยาลัยที่ Top ทำไมนักศึกษาครูมีคุณภาพกว่านักศึกษาที่มหาวิทยาลัยกลางๆ - ล่างๆล่ะ มันก็เหมือนกับการสมัครสอบเข้าทำงานนั้นแหละ ถึงแม้จะเอาเกณฑ์เดิมที่เรียนได้ใบเลย แต่คุณก็ต้องไปสอบบรรจุเองนะ

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าชี้ ปัญหาเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้าพุ่ง 5 เท่า สะท้อนนโยบายแบนบุหรี่ไฟฟ้าล้มเหลว เปิดช่องทุจริตคอรัปชั่น รีดไถประชาชน

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า (ECST) เผย อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กไทยเพิ่มขึ้น 5 เท่าเป็นหลักฐานยืนยันความ ‘ล้มเหลว’ ของมาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าที่รัฐไทยดันทุรังใช้มานับสิบปี ชี้การแบนสะท้อนการทุจริตคอรัปชั่นที่รุนแรงเพราะ ‘บุหรี่ไฟฟ้าลักลอบ’ เกลื่อนประเทศ พร้อมตั้งคำถามท่าทีผู้แทนประเทศไทยในการประชุมใหญ่ COP10 และ MOP3 ที่ประเทศปานามา ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) นำโดยนายมาริษ กรัณยวัฒน์ กล่าวถึงผลการศึกษาโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ที่ระบุตัวเลขอัตราใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กไทยที่เพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่าภายในระยะเวลา 7 ปี (2558 – 2565) จาก พร้อมให้ความเห็นว่า “บุหรี่ไฟฟ้าถูกแบนมาร่วม 9 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บุหรี่ไฟฟ้ากลับเติบโตพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ทั้งการที่ผู้คนชินชากับความหย่อนยานของกฎหมายแบน หรือที่เรียกกันว่า ‘แบนทิพย์’ หรือการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอรัปชั่นจนพบเห็นผู้ใช้ได้ทั่วไปและเพิ่มขึ้นจนถึงเกือบ 1 ล้านคน และมีความไม่ชัดเจนของกฎหมายหลายประการเป็นช่องว่างให้เกิดการรีดไถประชาชน ซึ่งการที่บุหรี่ไฟฟ้าไม่ถูกนำมาควบคุมให้ถูกต้องชัดเจนด้วยกฎหมาย เป็นเหมือนการผลักภาระให้ประชาชนไปดูแลกันเอง จะเห็นได้จากกระแสที่ศิลปินและผู้จัดงานคอนเสิร์ตออกมาประกาศห้ามบุหรี่ไฟฟ้าเป็นต้น”

“บุหรี่ไฟฟ้าในทุกวันนี้มีขายเกลื่อนประเทศ ซึ่งทั้งหมดนั้นนับเป็น ‘สินค้าลักลอบ’ ซึ่งหากพูดกันในเชิงปริมาณแล้ว ก็มีมากไม่แพ้กับ ‘บุหรี่เถื่อน’ ที่กำลังระบาดเลย ซึ่งสองปัญหานี้รวมกัน ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนโดยเฉพาะรัฐบาลไทย ชาวไร่ยาสูบ และร้านค้าปลีก ที่นอกจากจะปล่อยให้รายได้ภาษีจำนวนมหาศาลหลุดมือไป ยังต้องแบกรับภาระทางสาธารณสุขจากสุขภาพของผู้ที่ใช้บุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนไร้มาตรฐานเหล่านี้ด้วย คงไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้แล้วที่จะชี้ว่า นโยบายแบนบุหรี่ไฟฟ้านั้นล้มเหลวถึงขีดสุดและทำให้เกิดขบวนการทุจริต คอรัปชั่นอย่างมโหฬารจนปราบไม่ไหว”
นายมาริษยังได้กล่าวเสริมอีกว่า วันที่ 5- 16 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการประชุมภาคีอนุสัญญากรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (FCTC) ครั้งที่ 10 และการประชุมสมัชชาภาคีพิธีสารว่าด้วยการขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ (MOP3) ครั้งที่ 3 ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งทางเครือข่ายก็อยากฝากถึงคณะผู้แทนไทยทั้งจากกรมควบคุมโรคและกรมสรรพสามิตที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวว่า “ขอให้คณะผู้แทนประเทศไทยที่ไปประชุม COP10 ให้ระมัดระวังท่าทีของไทย ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่าการแบนนั้นไม่ได้ผล ทำให้เกิดตลาดใต้ดิน ไม่ได้ลดจำนวนผู้ใช้ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน เพื่อพิจารณาทบทวบมาตรการให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมในปัจจุบันซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ สำหรับการประชุม MOP3 เรื่องปัญหาบุหรี่เถื่อน อยากให้สะท้อนปัญหาบุหรี่เถื่อนให้ประเทศอื่นรับทราบ โดยเฉพาะแหล่งผลิตบุหรี่เถื่อนเหล่านี้ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และอย่าได้ไปรับแนวคิด “การแบน” อะไรมากลับมาอีก เพราะยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของประเทศไทย”

ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน จัดงาน China Fair 2024 ส่งเสริมการศึกษา สร้างโอกาสการทำงาน

(5 ก.พ.67) สมาคมนักเรียนไทย-จีน จัดงานมหกรรม China Fair 2024 by TCSA : Study - Work -Travel ณ ลาน Fashion Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3-4 ก.พ.67 โดยพิธีเปิดเริ่มขึ้นในเวลา 10.30 น. ของวันที่ 3 ก.พ. 67 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ เป็นประธานกล่าวเปิดงานฝ่ายไทย และนางเฝิง จวิ้นอิง อัคราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำราชอาณาจักรไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงานฝ่ายจีน และ ดร. ลักษมณ สมานสินธุ์ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) กล่าวในฐานะผู้ร่วมจัดงาน

สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีการจัดแสดงบูทส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน และยังมีการเปิดรับสมัครงานจากบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถด้านภาษาจีน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับบริษัทในภาคบริการการท่องเที่ยว เช่น ตั๋วเครื่องบิน, ประกันภัย, เอเจนซี่, ทุนการศึกษา, การแนะนำมหาวิทยาลัย, เครือข่ายอินเทอร์เน็ตและซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ, บริการวีพีเอ็น, บริการด้านเอกสารวีซ่า และบริการใช้จ่ายไร้เงินสด นอกจากนี้ ยังมีโชว์การแสดงศิลปะการต่อสู้จีน จากโรงเรียน 

นอกจากการออกบูธขององค์กรและบริษัทต่าง ๆ ยังมีเวทีเสวนาในหัวข้อแชร์ประสบการณ์แนะแนวการศึกษาในสาขาต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยที่ประเทศจีน อาทิ วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, การแพทย์, การแพทย์แผนจีน, คอมพิวเตอร์, รัฐศาสตร์ และธุรกิจ รวมทั้งการบอกเล่าไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาไทยในจีน ทุนการศึกษาและวิธีการยื่นขอรับทุน ซึ่งทั้งหมดนั้นรวมอยู่ใน Seesion การแชร์ประสบการณ์จากรุ่นพี่ในช่วง ‘Fit to Fly’ ในวันที่ 3 ก.พ.

นอกจากในประเด็นการศึกษาแล้ว ในวันที่ 4 ก.พ. ยังมี Session การแชร์ประสบการณ์การทำงานจากผู้นำระดับประเทศ และผู้บริหารระดับ CEO ชั้นนำในวงการธุรกิจไทย-จีน ไม่ว่าจะเป็น ‘พี่บูม’ ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (เรียนจบจากประเทศจีน), ‘ครูพี่ป๊อป’ ดร.ณัฐพงศ์ นำศิริกุล ติวเตอร์ภาษาจีนชื่อดัง ที่เป็นทั้งพิธีกรและผู้ประกาศข่าว, ‘พี่เก่ง’ สิรภพ ตันติธรรม MD บริษัท OCR จำกัด, ‘พี่ฝน’ เจตยา วรปัญญาสกุล Head of Learning Center บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), คุณ Xu Genlou Vice president (Chinese Market) Sales and Marketing Department Amata Corporation Plc., ‘พี่นุ๊ก’ รชาดา แสงสุริยะฉัตร บริษัท ฉัตรชัยแพทย์แผนโบราณ จํากัด (หมอเส็ง)

ตัวแทนผู้สนับสนุนจากฝ่ายจีน นางเฝิง จวิ้นอิง กล่าวในพิธีเปิดว่า "เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ได้มีการร่วมลงนามยกเว้นวีซ่า หรือระหว่างไทย-จีน อย่างถาวร การไปมาระหว่างสองประเทศก็จะง่าย และสะดวกสบายมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนในมิติต่าง ๆ โดยงาน China Fair ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 นี้ ได้กลายเป็นช่องทางและสะพานที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ไทย-จีนในมิติการศึกษา การค้าขาย และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่”

สำหรับประธานฝ่ายไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ก็ได้กล่าวถึงประเด็นการยกเว้นวีซ่า หรือ ระหว่างไทย - จีนเช่นกัน โดยกล่าวว่า "การลงนาม ‘ฟรีวีซ่า ไทย-จีน’ ในครั้งนี้ จะส่งผลดีกับทั้งสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน กระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือเชิงเศรษฐกิจอีกมากมาย รวมถึงส่งเสริมด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน 

รองนายกฯ ยังกล่าวแสดงความชื่นชมต่อสมาคมนักเรียนไทย-จีนอีกว่า “ผมขอแสดงความยินดีอีกครั้ง กับสมาคมนักเรียนไทย-จีน ที่จัดกิจกรรมดี ๆ ในครั้งนี้ และขออวยพรให้น้อง ๆ เยาวชนไทยที่ศึกษาที่ประเทศจีน หรือที่ศึกษาเกี่ยวกับจีน ประสบความสำเร็จในด้านการเรียนรู้ภาษา และการหาประสบการณ์ในต่างประเทศ ให้เติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน ซึ่งภาษาเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สิ่งสำคัญที่จะช่วยสื่อสารความเข้าใจระหว่างกัน รวมทั้งแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วัฒนธรรม ประเพณี ความรู้ และความคิด อันจะนำพาไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีงามของไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทางรัฐบาลพร้อม และยินดีที่จะสนับสนุนทุกกิจกรรมของสมาคมนักเรียนไทย-จีน และเยาวชนคนรุ่นใหม่ไทย-จีน”

ดร.ลักษมณ สมานสินธุ์ ในฐานะผู้ร่วมจัดงาน ก็ได้กล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับจากงานนี้ "ดิฉันเชื่อมั่นว่าการจัดงานในวันนี้ จะช่วยตอบโจทย์ให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองที่สนใจ ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในประเทศจีนได้อย่างตรงจุด ทั้งเรื่องการเตรียมตัวก่อนไปเรียน การใช้ชีวิต การพัฒนาทักษะให้พร้อมทํางานในหน่วยงานหรือองค์กรจีน ตลอดจนการท่องเที่ยวจีนซึ่งไทย-จีน ที่เพิ่งจะมีการลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างถาวร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา"

China Fair 2024 จบลงไปอย่างราบรื่น และเป็นที่ประทับใจของผู้มาร่วมงาน โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาและผู้ปกครอง เพราะถือเป็นช่องทางที่ดีในการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับจีน ทั้งด้านวัฒนธรรม การศึกษา การทำงานและการท่องเที่ยวในจีนมากยิ่งขึ้น กิจกรรมนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างไทย-จีน ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน China Fair และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของสมาคมนักเรียนไทย-จีน ในการที่จะช่วยรวบรวมนักศึกษาไทยในจีนและนักศึกษาจีนในไทย เพื่ออนาคตความสัมพันธ์ไทย-จีน

‘มท.1’ มอบนโยบาย ‘พ่อเมืองทั่วไทย’  จัดงานพิธีมหามงคลในหลวง ร.10

(5 ก.พ.67) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ หลักสี่ กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า เนื่องจากปีนี้ถือเป็นปีมหามงคลครบ 6 รอบ พระชนมายุ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กระทรวงมหาดไทย จึงต้องทำหน้าที่ให้พี่น้องประชาชนทุกคนตื่นตัวและแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศทุกคนมาในวันนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าต้องเตรียมการว่ากิจกรรมต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติ ถวายพระเกียรติ และทำกิจกรรมที่เป็นสาธารณกุศล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพราะเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุดเป็นภารกิจที่จะต้องทำความเข้าใจกันให้ตรงกัน เพื่อดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันก็จะติดตามการดำเนินนโยบายที่ตน และรมช.มหาดไทย ที่ได้มอบนโยบายไว้กับทางผู้บริหารกระทรวงฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดว่านโยบายทั้ง 11 ข้อที่ให้ไปมีความคืบหน้าอย่างไร บรรลุผลสัมฤทธิ์หรือไม่ และต้องการการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารอย่างไรบ้าง โดยจะพบกันระหว่างผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น พร้อมหารือถึงปัญหา และการสนับสนุนต่างๆ ที่ทางกระทรวงฯ จะทำได้

ส่วนความคืบหน้าการติดตามนโยบายเรื่องฝุ่น PM 2.5 นั้น ความเสี่ยงของฝุ่น PM 2.5 กระทรวงมหาดไทยได้เพิ่มเป็น 11 นโยบาย คือ นโยบายอากาศสะอาด นำความคิดเห็นจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบเหตุ ว่ามีมาตรการควบคุมป้องกันและช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบเรื่องฝุ่นอย่างไรบ้าง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top