Saturday, 7 June 2025
NewsFeed

เลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯ เดือด!! หลัง ‘ก้าวไกล’ เริ่มเดินสาย ด้าน ‘เจ้าถิ่น-บ้านใหญ่-ตัวเต็ง’ เรียงคิวหวนคืนบัลลังก์เพียบ!!

ใจเย็นๆ ครับ เลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีฯ…

ใบแดงยังไม่เห็น แต่เห็น ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ หัวหน้าพรรคก้าวไกลลงไปนครศรีฯ ควานหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีฯ แล้ว

นำเรียนเพิ่มเติมว่า สำหรับเขต 8 นครศรีฯ มี ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ เป็น สส.อยู่ ในนามพรรคภูมิใจไทย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลฏีกาพิจารณาคำร้องค้านผลการเลือกตั้ง

ซึ่งโดยขบวนการถือว่า ยังไม่เสร็จสิ้น เป็นเพียงความเห็นของ กกต.ที่มีผ่ายสืบสวนสอบสวนไปรวบรวมพยานหลักฐานตามคำร้อง และสรุปสำนวนคำร้อง พร้อมความเห็นเสนอต่อศาลฏีกา

ศาลฏีกายังคงต้องเรียกทั้งผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และพยานของทั้งสองฝ่ายไปไต่สวนอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะมีคำวินิจฉัยสั่งการ (ตัดสิน) ลงมา น่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน

เอาความจริงว่า ยังไม่รู้ว่าศาลฏีกาจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ก็เป็นไปได้หมด ทั้งยกคำร้อง และลงโทษตามคำร้อง ขึ้นอยู่กับพยาน-หลักฐานของทั้งสองฝ่าย

เขต 8 มีทั้งเรื่องร้องเรียนการจัดเลี้ยง และจ่ายเงินซื้อเสียง เรื่องจัดเลี้ยงนั้น กกต.ได้ยกคำร้องไปแล้ว เพราะเป็นงานเลี้ยงของเศรษฐีจากภูเก็ตที่เขาจัดเลี้ยงทุกปี

เขต 8 เมื่อมีแววว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวกันคึกคักก่อนเวลาอันควร เจ้าถิ่น ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ’ น่าจะกลับมาลงสมัครในเขตนี้ ในนานพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ก็เคยลั่นวาจาไว้แล้ว คำไหนคำนั้น ให้ชินวรณ์ลงทวงแชมป์คืน

ส่วนภูมิใจไทยแชมป์เก่า ก็น่าจะส่งคนลงรักษาแชมป์ ทราบว่า มุกดาวรรณประสงค์จะให้หลานสาวลงแทน แต่ฐานคะแนนยังไม่ชัวร์ เพราะยังมือใหม่อยู่ ยังต้องเดินตามหลัง สจ.มุก พบปะพี่น้องประชาชน สำหรับภูมิใจไทย ให้จับตา ‘บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ’ อดีต สจ.อีกคนหนึ่งที่การเลือกตั้งครั้งก่อนลาออกจาก สจ.น่าจะหวังลง สส.เขต 8 แต่พลาดโอกาสไป

ถ้ามีการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 ไม่แน่ ‘บิ๊กโอ’ อาจจะลงชิงในนามพรรคภูมิใจไทยก็เป็นได้ เขตนี้ก็จะกลายเป็นว่า ‘พ่อตากับลูกเขย’ ชนกัน เพราะ ‘บิ๊กโอ’ เป็นลูกเขยชินวรณ์ ไม่รู้ว่าเคลียร์ปัญหาในครอบครัวจบแล้วหรือยังนะ แต่เห็น ‘บิ๊กโอ’ เดินทางไปร่วมงานเดียวกันกับ สจ.มุกเป็นบางครั้งบางคราวอยู่

ส่วนพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคก็พูดชัดแล้ว ให้คนเดิม ซึ่งหมายถึง ‘สุนทร รักษ์รงค์’ ลงเหมือนเดิม ซึ่งครั้งที่แล้ว สุนทรได้มาอันดับสอง รองจาก สจ.มุก สุนทรถ้าตั้งเป้าว่าจะชนะ ต้องออกแรงมากกว่าเดิม แก้ปัญหาเก่าที่ยังคั่งค้างอยู่ด้วย

พรรคก้าวไกล กำลังควานหาตัวคนใหม่มาลงแทน จริงๆ ก็มีตัวดีอยู่ แต่คราวที่แล้วถูกเตะไปลงเขต 7 ทั้งๆ ที่บ้านเกิดอยู่เขต 7 และในเขต 7 ก็ทำคะแนนไว้ไม่เสียหาย แต่เจ้าตัวยืนยันแล้วว่า ไม่ย้ายมาลงเขต 8 แน่นอน รอแก้มือในเขต 7

เขต 8 นครศรีฯ ทราบว่า สาย ‘เสนพงศ์’ เสนอตัวลงในนามก้าวไกลแล้วเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่แน่คะแนนสงสารสำหรับ ‘เทพไท เสนพงศ์’ ก็มีอยู่ไม่น้อยกับการถูกเล่นงานจนต้องไปฝึกงานอยู่พักใหญ่ แถมยังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้งพี่ทั้งสองนานถึง 10 ปี ถ้าเทพไทขยับส่ง ‘ครรชิต เสนพงศ์’ ลงชิงในนามก้าวไกลก็น่าสนใจไม่น้อย

พรรคอื่นๆ ยังไม่เห็นพรรคไหนขยับอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนะ แต่เชื่อว่าเขต 8 แทนต้องขยับตัวเต็มที่ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้คนใหม่ ต้องไม่พลาด

‘บิ๊กโจ๊ก’ รับปาก ‘กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรฯ’ ปมชะลอแต่งตั้ง คคก. ยัน!! จะส่งเรื่องถึงมือนายกฯ ด้านมวลชนพอใจ-ยุติการชุมนุมแล้ว

‘รองโจ๊ก’ รับปากมวลชนกลุ่มสหพันธ์เกษตรกรฯ นำสารหนังสือข้อเรียกร้องชะลอการแต่งตั้ง ส่งรองนายกฯ วันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ทำให้มวลชนพอใจ และตัดสินใจสลายการชุมนุม เดินทางกลับภูมิลำเนา หลังปักหลักชุมนุมมา 2 วัน

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) ได้มาพบกับ นายยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล อดีตผู้แทนเกษตรกรภาคกลาง และนายดรณ์ พุมมาลี อดีตผู้แทนเกษตรกรภาคใต้ เป็นครั้งที่สองเพื่อหารือกับตัวแทนกลุ่มแกนนำ ที่ได้มีหนังสือขอให้ชะลอการนำเสนอคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการที่ได้เลือกตั้งแล้วเสร็จไปในวันที่ 16 ม.ค. 67 เนื่องจากเห็นว่าการประชุมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้การแต่งตั้งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยแกนนำย้ำว่า นายสุภาพ คชนูด ผู้สมัครเป็นผู้แทนเกษตรกรภาคใต้ ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกร 4 ภาค ซึ่งต่อมา ศาลปกครองนครศรีธรรมราช มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 67 โดยให้ระงับการแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรในส่วนของภูมิภาคที่ 4 (ท้องที่จังหวัดภาคใต้) ไว้ชั่วคราวก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ซึ่งศาลให้เหตุผลว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการแต่งตั้งดังกล่าว แต่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรก็ยังสามารถแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรในส่วนที่เหลือเป็นคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรได้ กรณีนี้จึงยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล และผู้แทนเกษตรกรจากทุกภูมิภาค อยากเรียกร้องให้มีการระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรชุดใหม่ โดยให้คณะกรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีการจัดให้มีการเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกรในส่วนของภูมิภาคที่ 4 (ท้องที่จังหวัดภาคใต้) ใหม่เสียก่อน เพื่อให้มีตัวแทนเกษตรกรจากทุกภูมิภาคมาเป็นคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องเกษตรกรจากทุกภาค

ในการนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) รับปากพี่น้องเกษตรกรว่าจะนำข้อเรียกร้องและประเด็นข้อกฎหมายเข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 5 ก.พ.67 เพื่ออำนวยความเป็นธรรมแก่พี่น้องเกษตรกร

ทั้งนี้ หลังจากหารือกับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายยศวัจน์ฯ แกนนำพร้อมด้วยผู้แทนกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 15 คน ยอมรับว่า ได้ข้อสรุปเป็นที่พอใจ ทั้งหมดจึงฝากการบ้าน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องไว้กับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปมอบรองนายกภูมิธรรมฯ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุม ตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนาทั้งหมด หลังจากที่ปักหลักชุมนุม หน้ากระทรวงการคลังมาแล้ว 2 สัปดาห์

‘สส.ก้าวไกล’ แฉ!! รถเมล์เถื่อน-ไม่มีเลข ถามเงินเข้ากระเป๋าใคร? เจอชาวเน็ตงัดหลักฐานฟาด แท้จริงคือ ‘รถเมล์ฟรี’ จาก ‘ทอ.’

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 67 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล เขต 4 (อ.แปลงยาว อ.บ้านโพธิ์ และ อ.บางปะกง) จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทาง X กรณีรถเมล์ไม่มีป้ายทะเบียน โดยระบุว่า…

“แล้วรถเมล์เถื่อนไม่มีหมายเลขแบบนี้ ท่าน รมต.เอาไงครับ? ปล.ไม่ไช่รถเอกชนนะนี่เงินภาษี”

ต่อมา เจ้าตัวได้ทวิตข้อความเพิ่มเติมว่า “ไม่ได้ขึ้นกับ ขสมก.มาวิ่งแบบนี้ เลขรถไม่มี ใช้เงินภาษี ปชช.ไปซื้อมาวิ่งหารายได้เงินเข้ากระเป๋าใครไม่รู้ แบบนี้ผมเรียกเถื่อนครับ

“ไม่ได้ขึ้นกับมาตรฐานของ ขสมก.เลขรถก็ไม่มี ใช้เงินภาษีซื้อมาวิ่งบริการรายได้เข้ากระเป๋าใคร? ผมตั้งคำถามเพื่อประโยชน์สาธารณะครับ ไม่ได้มั่วๆ อยาก พิมพ์อะไรก็พิมพ์ครับ วิ่งมาเป็น 10 ปีไม่เคยส่งรายได้เข้าแผ่นดิน แล้วเงินเข้า กระเป๋าใคร?”

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้งาน X ท่านหนึ่งเผยหลักฐาน แท้จริงแล้วไม่ใช่รถเมล์เถื่อนแต่อย่างใด แต่เป็น ‘รถเมล์สวัสดิการ’ จาก ‘กองทัพอากาศ’ ที่วิ่งให้บริการ ‘ฟรี’ แก่ประชาชน เพื่อเชื่อมการเดินทางจากโรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) กรมแพทย์ทหารอากาศ สู่สถานีรถไฟฟ้า สถานีรถไฟ และวิ่งผ่านกรมขนส่งทหารอากาศ แฟลต จนถึงโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ไป-กลับเป็นรอบๆ ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยผู้ใช้ดังกล่าวระบุว่า…

“ท่าน สส.ต้องเช็กข้อมูลดีๆ ก่อนครับ อันนี้เป็นรถฟรีที่กองทัพอากาศจัดไว้บริการประชาชน”

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังไม่ได้ให้คำตอบหรือทำการลบภาพและข้อความดังกล่าวแต่อย่างใด

"เชียงราย"ไม่รอด!!ฉก.ทัพเจ้าตากร่วมกับ.ปส จับกุมผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาเสพติดพร้อมยาบ้า 1,000,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.15 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัด ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำการตั้งจุดตรวจ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจห้วยสัก ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ซึ่งได้ทำการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากแนวชายแดน อำเภอแม่ฟ้าหลวง หลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ายาเสพติดดังกล่าว ถูกลำเลียงผ่านมาทาง ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน พร้อมรถยนต์ปิคอัพ จำนวน 2 คัน และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง จำนวน 5 กระสอบๆ ละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งสิ้น จำนวน 1,000,000 เม็ด ซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารของรถปิคอัพดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้ทำการขยายผลการจับกุมโดยได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบบ้านของเครือข่ายในพื้นที่ บ้านโป่งนก ตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม

ต่อมาในห้วงบ่ายของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 พันเอก กิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้เดินทางเข้าพื้นที่ตรวจสอบสถานที่จับกุมและของกลางดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลตรีประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด อย่างต่อเนื่องต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ย้อนเหตุการณ์ 'ชาวเน็ตกัมพูชา' โผล่เคลม 'พิธา' เป็นคนเขมร  พร้อมงัดหลักฐาน อาจเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือดมารดา

ดูเหมือนว่า 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสการเมืองไทยยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และมีเรื่องให้ลุ้นไม่เว้นแต่ละวัน แต่เรื่องใหญ่และเป็นที่พูดถึงมากที่สุดก็คงไม่พ้นเหตุการณ์ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองหุ้นสื่อไอทีวีหรือไม่? ซึ่งผลที่ออกมาก็ขัดใจคนบางกลุ่ม และถูกใจคนบางกลุ่ม เพราะศาลมองว่าไอทีวี ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อ ไม่มีรายได้ เป็นผลให้นายพิธาได้หวนสู่ตำแหน่ง สส. ผู้ทรงเกียรติอีกครั้ง

ส่วนอีกเหตุการณ์ก็เป็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล หยุดการกระทำ การพยายามแก้ไข ม.112 และชี้ว่าการเสนอนโยบายแก้ ม.112 ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่มีในการล้มล้างการปกครอง 

จาก 2 เหตุการณ์ที่กล่าวมา ก็ถือว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกล ต้องเจอกับคดีใหญ่ ๆ ซึ่งอาจจะผลต่อเส้นทางการเมืองในประเทศไทย เพราะหากศาลตัดสินมีความผิด โทษหนักที่สุดก็คือ หมดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ทางฟากโหวตเตอร์ หรือคนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลก็ต้องมาคอยลุ้น คอยเชียร์เอาว่านายพิธาและพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไรต่อไป

แต่ว่า…คงไม่เพียงแค่ผู้สนับสนุนในไทยเท่านั้นที่คอยลุ้นคอยเชียร์ เพราะนายพิธาก็มีแรงเชียร์ (แรงเคลม) ส่งตรงจากประเทศกัมพูชาด้วยเช่นกัน 

หากย้อนไปช่วงหลังเลือกตั้งปี 66 ทันทีที่ผลออกมาว่าพรรคก้าวไกลได้เก้าอี้ สส. มาเป็นอันดับ 1 และนายพิธาขึ้นแท่นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของไทย ชาวเน็ตกัมพูชารายหนึ่งได้ออกมาโพสต์บอกว่า ‘ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ มีเชื้อสายเป็นคนเขมร พร้อมกับแนบหลักฐานรูปในอินสตาแกรมของ ‘นายพิธา’ ที่เคยโพสต์ไว้ตั้งแต่ปี 2558

พร้อมเขียนข้อความแปลไทยได้ว่า “การเมืองไทยจะขึ้น ๆ ลง ๆ ก็ยังไม่พ้นเลือดคนพระตะบอง ในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ พิธา ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนสูงที่ 1 อาจเป็นผู้สืบทอดสายเลือดมารดา (ตามภาพ IG ของ Tim Pita ที่โพสต์พร้อมรูปถ่ายของโรงเรียนเก่าพระตะบอง ในปี 2559 คุณยายของเขาเคยอาศัยอยู่ในบ้านนี้เกือบศตวรรษ)”

“ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยังมีเหลนของ ควง อภัยวงค์ ที่ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งในกรุงเทพฯ แต่ล้มเหลว นายควง อภัยวงค์ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดินเจ้าฟ้าคฑาธร ชุ่ม อภัยวงศ์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งพระตะบอง นายควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัยอีกด้วย”

นอกจากนี้ก็มีชาวเน็ตฝั่งกัมพูชาหลายคนออกมาโพสต์โต้เช่นกันโดยแปลไทยได้ว่า “การที่พิธาทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการขายชาติ”

อย่างไรก็ตาม ก็มีชาวเน็ตฝั่งกัมพูชา ออกมาคอมเมนต์วิจารณ์กันสนั่น พร้อมพากันมองว่ารูปที่แนบมาเป็นบ้านเกิดของ ทิม พิธา และรูปที่มีการตำข้าวเปลือกนั้น เป็นการช่วยคุณยายของเขาเองอีกด้วย

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้ คนส่วนใหญ่ ยังเชื่อใจ-รอคอย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ พร้อมหวังให้รัฐบาลเดินหน้านโยบายต่อ ไม่ต้องปรับปรุงอะไร

เมื่อวานนี้ (4 ก.พ. 67) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลการศึกษาเรื่อง ‘เงินดิจิทัลที่ประชาชนเชื่อมั่นและรอคอย’ จากกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,120 ราย ระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่า ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยคือรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท มีความเชื่อมั่นร้อยละ 71.3 และ กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 15,000-35,000 บาทต่อเดือน มีความเชื่อมั่นร้อยละ 71.6 ในขณะที่ กลุ่มรายได้เกิน 35,000 บาทขึ้นไป มีความเชื่อมั่นร้อยละ 57.5 ว่าการแจกเงินดิจิทัล ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อแบ่งออกตามภูมิภาคของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่าในกลุ่มคนในภาคเหนือ มีความเชื่อมั่นสูงสุด คือร้อยละ 75.4 รองลงมา กลุ่มคนในภาคกลาง มีความเชื่อมั่นร้อยละ 74.2 กลุ่มคนในภาคอีสาน มีความเชื่อมั่นร้อยละ 73.6 กลุ่มคนกรุงเทพมหานคร มีความเชื่อมั่นร้อยละ 68.7 และกลุ่มคนในภาคใต้ มีความเชื่อมั่นร้อยละ 65.8 ตามลำดับ

ทั้งนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มคนอายุน้อย คือต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 54.1 และกลุ่มคนอายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 47.2 ระบุ, กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 42.5 กลุ่มคนอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 31.7 และกลุ่มคนอายุ 50-59 ปี ร้อยละ 26.7 ที่ระบุ ควรเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลต่อไม่ต้องปรับปรุงอะไร เพราะรออยู่

นอกจากนี้ เมื่อแบ่งออกตามภูมิภาค พบว่ากลุ่มคนในภาคกลาง ร้อยละ 59.3 และกลุ่มคนในภาคใต้ ร้อยละ 43.9 ระบุ รออยู่ ควรเดินหน้าต่อไม่ต้องปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในขณะที่กลุ่มคนในภาคเหนือ ร้อยละ 36.8 และกลุ่มคนในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 32.6 ระบุ รออยู่ควรเดินหน้าต่อไม่ต้องปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

‘ดร.เอ้’ ย้ำ!! ปัญหาฝุ่นพิษในกรุง ต้องแก้จากรถขนส่งไซต์งานก่อสร้าง เตรียมดันกฎหมายคุ้มครองประชาชน หลังครบ 10,000 รายชื่อ

(5 ก.พ.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ‘ดร.เอ้’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม.ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เอ้ สุชัชวีร์ โดยระบุว่า… 

ชีวิตคนกทม.มันสุดทนจริงๆ แม้แต่วันอาทิตย์ยังต้องสูด PM 2.5 จากรถบรรทุกควันดำ (มาก) รถพวกนี้ ไปส่งของไชต์งานก่อสร้างอาคารเป็นส่วนใหญ่ กทม.มีอำนาจจัดการ กับเจ้าของอาคารได้ทันที ด้วยกฎความปลอดภัย และความสะอาด ไม่ต้องรอใคร

ที่จริงไม่ต้องรอ พรบ.อากาศสะอาด วันนี้เจ้าหน้าที่รัฐ #จะทำก็ทำได้ เรื่องลดฝุ่นพิษ เพราะฝุ่นพิษตายแท้จริงนะครับ ทั้งโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคสมอง โรคเหล่านี้ตายทรมาน สงสารคนป่วย และลูกหลาน

“รู้นะว่าเรื่องปากท้องนั้นสำคัญ แต่เวลาป่วย ใครจะรับผิดชอบ ทั้งเจ็บ ทั้งหมดเงินหมดทองหมดตัว ทุกข์สุดๆ เรามาร่วมพลังแก้ปัญหา PM 2.5 กันเถอะครับ”

โดยที่ผ่านมา ศ.ดร.สุชัชวีร์ ได้ติดตามและออกมาเตือนถึงปัญหาและการแก้ไขเรื่องฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาฝุ่นพิษในกทม.มาจากรถขนส่งที่ปล่อยฝุ่นพิษ ซึ่งส่วนใหญ่ไปส่งของที่ไซต์งานก่อสร้าง ดังนั้น กทม.มีอำนาจตรวจจับ และบังคับใช้กฎหมายพักการก่อสร้าง กับเจ้าของสถานที่ก่อสร้างที่ไร้ความรับผิดชอบได้ทันที เรายังแก้ปัญหามลพิษได้ หากผู้นำมุ่งมั่น จริงจัง ดุดัน มากพอ กับการสู้กับต้นกำเนิดฝุ่น ที่วันนี้ยังปล่อยทำร้ายคนกทม. ทุกวันๆ

วันนี้ภาคประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ จะติดตามเรื่องฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างเข้มข้นที่สุด เพราะ PM 2.5 อยู่กับลูกหลานเราทุกวัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีองค์กรที่เป็นตัวแทนพวกเราอย่างแท้จริง องค์กรเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งจะรับเรื่องร้องเรียน ติดตาม แก้ปัญหา ทั้งเรื่องความปลอดภัย และปัญหาฝุ่นพิษ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยคาดว่าต้นสัปดาห์หน้าเมื่อครบ 1 หมื่นรายชื่อ เพื่อเสนอกฎหมายความปลอดภัย

ขอนแก่น - "ธรรมนัส" รับแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ของสมาชิกสหกรณ์ฯดงมูล ขอนแก่น ไม่เกินปี 67 ต้องมีโฉนดถูกต้อง 

รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสภาพปัญหาความเดือดร้อน จากการไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ของสมาชิกสหกรณ์นิคมดงมูล อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ไม่เกินปี 67 ต้องมีโฉนดที่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2567 ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนติดตามสภาพที่แท้จริงของพื้นที่พร้อมมารับทราบปัญหาที่แท้จริงของสมาชิกสหกรณ์นิคมดงมูล และประชาชนทั่วไปที่ประสบภาวะความเดือดร้อนจากการถูกตราหน้าว่า เป็นผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติตลอดมา โดยมีนายไกรสร  กองฉลาด  ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ส่วนราชการและประชาชนชาวอำเภอกระนวนร่วมให้การต้อนรับ และรายงานสรุปข้อมูลของพื้นที่  

นายไกรสร  กองฉลาด  ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า อำเภอกระนวน แบ่งการปกครองเป็น 9 ตำบล 98 หมู่บ้าน มีประชากรทั้งหมด 77,869 คน มีพื้นที่อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ดงมูล จำนวน 159,400 ไร่  ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับหนังสืออนุญาตให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีการจัดตั้งสหกรณ์ในเขตพื้นที่นิคมสหกรณ์ดงมูล จำนวน  4 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์นิคมดงมูลหนึ่ง จำกัด สหกรณ์นิคมดงมูลสอง จำกัด สหกรณ์โคนมกระนวนสามัคคี จำกัด สหกรณ์กองทุนสวนยางขอนแก่น จำกัด  

ด้าน นายสมหมาย  กาพล  ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์นิคมดงมูลหนึ่ง จำกัด รองประธานเครือข่าย 13 นิคม 14 ป่า 17 สหกรณ์ 12 จังหวัด  4 ภาค  กรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ได้รายงานสรุปข้อมูลสภาพปัญหาของพื้นที่ โดยยืนยันว่าการที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ไม่เป็นผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด หากแต่ได้เข้ามาอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยเมื่อวันที่  18  มิถุนายน พ.ศ. 2511  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชการที่ 9  ทรงพระราชทานพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ให้ปวงชนชาวไทยทั่วประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางกายภาพของสังคม  

ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า  ปัญหาของพี่น้องชาวอำเภอกระนวน ที่ลงมาติดตามในครั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 1.5 แสนกว่าไร่ เป็นพื้นที่อยู่ในนิคมสหกรณ์ดงมูล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ เช่าจากกรมป่าไม้ มาเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจัดสรรให้พี่น้องทำกินและหมดสัญญาเมื่อปี 2562 ปัญหาคือ หลังจากหมดสัญญาจะทำอย่างไร ซึ่งพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ดงมูล มีความต้องการที่จะได้มาเพื่อเอกสารสิทธิ ตนในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จะนำเรื่องนี้ไปเสนอในที่ประชุมในการหาแนวทางระหว่าง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันอังคารที่จะถึงนี้ เพื่อนำข้อสรุปเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ต่อไป 

นอกจากนี้ ในพื้นที่อำเภอกระนวน เป็นพื้นที่ที่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ในเรื่องของการรับซื้อยางพารา มีเกษตรกรปลูกยางพาราเกือบ 3 หมื่นไร่ ขณะนี้ยางพารามีราคาดีขึ้น ชาวสวนยางก็มีความสุข ซึ่งจะรักษาเสถียรภาพของยางพาราให้มีการยกระดับด้านราคาให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของการยางแห่งประเทศไทย ที่ได้กำกับดูแล

'นายกฯ' รุดตรวจเยี่ยม ตม.สุวรรณภูมิ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า หลังระบบตรวจคนเข้าเมืองล่มบ่อย ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร

(5 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า แม้ตลอดทั้งวันจะไม่มีการบรรจุวาระอย่างเป็นทางการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังก็ตาม แต่มีรายงานว่าเช้าวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

ทั้งนี้ เนื่องจากระบบตรวจคนเข้าเมือง (Biometrics) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดขัดข้อง มา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบส่งต่อช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels ไม่สามารถตรวจได้ ส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินขึ้นลงหนาแน่น โดยเฉพาะผู้โดยสารขาออกประเทศ

วธ. ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จัดนิทรรศการ ๗๗ เมนูอาหารทั่วไทย (Thailand Best Local Food) ให้ประชาชนได้เรียนรู้ พร้อมลิ้มรส ๓ เมนูอาหารถิ่นหาชิมยาก ณ อุทยาน ร.๒ อัมพวา สมุทรสงคราม 

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยาน ร.๒) อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ในการนี้ ท่านผู้หญิงวิลาวัณย์ วีรานุวัตติ์ ประธานคณะกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ  นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารวธ.  นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เฝ้ารับเสด็จ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดขาดเศียรขาดกร  การแสดงศิลปวัฒนธรรม อาทิ ขับเสภาเทิดพระเกียรติ การแสดงหุ่นกระบอก การบรรเลงวงดนตรีไทยและวงดุริยางค์สากล -สาธิตและจำหน่ายอาหารคาวหวานในบทพระราชนิพนธ์ ขนมพื้นบ้าน และขนมไทยโบราณ  สาธิตงานหัตถศิลป์ อาทิ การขึ้นรูปเครื่องประดับ งานเครื่องแขวน งานดอกไม้ประดิษฐ์ การทำหัวโขน เครื่องเบญจรงค์ สินค้า OTOP สมุทรสงคราม  นิทรรศการด้านการเกษตร  นิทรรศการวัตถุดิบท้องถิ่นสมุทรสงคราม ตลาดน้ำ-ตลาดบก ร้านค้าชุมชนสมุทรสงคราม เป็นต้น 

นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดนิทรรศการ “๑ จังหวัด ๑ เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ให้ประชาชนและผู้เข้าชมงานได้ศึกษาเมนูอาหารถิ่นทั่วไทย ๗๗ เมนู พร้อมสาธิตและให้ชิมเมนูอาหารถิ่น ได้แก่ ยำส้มโอ จังหวัดนครปฐม เมี่ยงดอกบัว จังหวัดปทุมธานี  แกงรัญจวน จังหวัดสมุทรสงคราม  ในระหว่างวันที่ ๓-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยาน ร.๒) อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 
 
เจนกิจ นัดไธสง รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top