ย้อนเหตุการณ์ 'ชาวเน็ตกัมพูชา' โผล่เคลม 'พิธา' เป็นคนเขมร  พร้อมงัดหลักฐาน อาจเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือดมารดา

ดูเหมือนว่า 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสการเมืองไทยยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และมีเรื่องให้ลุ้นไม่เว้นแต่ละวัน แต่เรื่องใหญ่และเป็นที่พูดถึงมากที่สุดก็คงไม่พ้นเหตุการณ์ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองหุ้นสื่อไอทีวีหรือไม่? ซึ่งผลที่ออกมาก็ขัดใจคนบางกลุ่ม และถูกใจคนบางกลุ่ม เพราะศาลมองว่าไอทีวี ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อ ไม่มีรายได้ เป็นผลให้นายพิธาได้หวนสู่ตำแหน่ง สส. ผู้ทรงเกียรติอีกครั้ง

ส่วนอีกเหตุการณ์ก็เป็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล หยุดการกระทำ การพยายามแก้ไข ม.112 และชี้ว่าการเสนอนโยบายแก้ ม.112 ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่มีในการล้มล้างการปกครอง 

จาก 2 เหตุการณ์ที่กล่าวมา ก็ถือว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกล ต้องเจอกับคดีใหญ่ ๆ ซึ่งอาจจะผลต่อเส้นทางการเมืองในประเทศไทย เพราะหากศาลตัดสินมีความผิด โทษหนักที่สุดก็คือ หมดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ทางฟากโหวตเตอร์ หรือคนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลก็ต้องมาคอยลุ้น คอยเชียร์เอาว่านายพิธาและพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไรต่อไป

แต่ว่า…คงไม่เพียงแค่ผู้สนับสนุนในไทยเท่านั้นที่คอยลุ้นคอยเชียร์ เพราะนายพิธาก็มีแรงเชียร์ (แรงเคลม) ส่งตรงจากประเทศกัมพูชาด้วยเช่นกัน 

หากย้อนไปช่วงหลังเลือกตั้งปี 66 ทันทีที่ผลออกมาว่าพรรคก้าวไกลได้เก้าอี้ สส. มาเป็นอันดับ 1 และนายพิธาขึ้นแท่นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของไทย ชาวเน็ตกัมพูชารายหนึ่งได้ออกมาโพสต์บอกว่า ‘ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ มีเชื้อสายเป็นคนเขมร พร้อมกับแนบหลักฐานรูปในอินสตาแกรมของ ‘นายพิธา’ ที่เคยโพสต์ไว้ตั้งแต่ปี 2558

พร้อมเขียนข้อความแปลไทยได้ว่า “การเมืองไทยจะขึ้น ๆ ลง ๆ ก็ยังไม่พ้นเลือดคนพระตะบอง ในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ พิธา ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนสูงที่ 1 อาจเป็นผู้สืบทอดสายเลือดมารดา (ตามภาพ IG ของ Tim Pita ที่โพสต์พร้อมรูปถ่ายของโรงเรียนเก่าพระตะบอง ในปี 2559 คุณยายของเขาเคยอาศัยอยู่ในบ้านนี้เกือบศตวรรษ)”

“ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยังมีเหลนของ ควง อภัยวงค์ ที่ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งในกรุงเทพฯ แต่ล้มเหลว นายควง อภัยวงค์ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดินเจ้าฟ้าคฑาธร ชุ่ม อภัยวงศ์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งพระตะบอง นายควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัยอีกด้วย”

นอกจากนี้ก็มีชาวเน็ตฝั่งกัมพูชาหลายคนออกมาโพสต์โต้เช่นกันโดยแปลไทยได้ว่า “การที่พิธาทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการขายชาติ”

อย่างไรก็ตาม ก็มีชาวเน็ตฝั่งกัมพูชา ออกมาคอมเมนต์วิจารณ์กันสนั่น พร้อมพากันมองว่ารูปที่แนบมาเป็นบ้านเกิดของ ทิม พิธา และรูปที่มีการตำข้าวเปลือกนั้น เป็นการช่วยคุณยายของเขาเองอีกด้วย