Thursday, 12 June 2025
NewsFeed

‘โฆษก รทสช.’ อัด!! ‘จิรัฏฐ์’ ปมขอเข้าดูบ้านพัก ’บิ๊กตู่’ ชี้!! องคมนตรีอยู่นอกการเมือง ไม่ควรก้าวล่วงท่าน

เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ที่ได้ให้สัมภาษณ์ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร ว่าจะดำเนินการตรวจสอบกระทรวงกลาโหมและกองทัพในประเด็นต่างๆ ว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ กมธ.จะเข้าไปตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ซึ่งตนในฐานะ สส. ก็สนับสนุนให้ไปตรวจสอบหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยที่ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงกลาโหม แต่การจะไปตรวจสอบอะไรนั้นก็ต้องมีการหารือกันในคณะ กมธ.ให้มีมติก่อน ไม่ใช่อยากจะตรวจสอบอะไรก็ออกมาให้ข่าว ซึ่งกรณีนี้ไม่ทราบว่าทาง กมธ.ได้มีมติออกมาหรือยัง และก็ไม่ทราบว่านายจิรัฏฐ์ใช้อำนาจใดที่จะไปตรวจสอบ เพราะการจะทำหน้าที่อะไรนั้นเราจะต้องเข้าใจอำนาจหน้าที่ กฎหมาย และบทบาทก่อน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของสังคมและประชาชน

“นายจิรัฏฐ์ก็ไม่ใช่ประธาน กมธ. เป็นเพียงโฆษก ก็ควรจะออกมาแถลงแค่มติของ กมธ. ไม่ใช่ออกมาแถลงในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด อยากจะทำ นายจิรัฏฐ์จะทำอะไรควรคิดให้มากและรอบคอบ เพราะมันจะทำให้ กมธ.ไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมและประชาชน” นายอัครเดช กล่าว 

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังกล่าวต่อถึงกรณีที่นายจิรัฏฐ์ จะขอกระทรวงกลาโหมเข้าไปถ่ายทำบ้านพักของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ว่า ปัจจุบันตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ก็ไม่ควรไปก้าวล่วงท่าน ซึ่งนายจิรัฏฐ์เป็นถึง สส. ก็ต้องรู้ว่าใครอยู่ในการเมือง อยู่นอกการเมือง หรืออะไรควร ไม่ควร ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ควรทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือ เชื่อมั่น เพราะไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ตัว สส.เสื่อมเสียไปเอง และขอแนะนำให้นายจิรัฎฐ์เอาเวลาไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนจะดีกว่า

'รมว.ปุ้ย' ลงพื้นที่ จว.ใต้ ฝั่งอันดามัน ปักหมุดจังหวัดแรก 'ชุมพร' 'เยี่ยมชม-ให้กำลังใจ-รับฟังปัญหา' กลุ่มผู้ประกอบการ

'รัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา' นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ปักหมุดจังหวัดแรก 'ชุมพร' เยี่ยมชมและให้กำลังใจ พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ จาก 2 ผู้ประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่ ผลักดันสู่เป้าหมายตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งด้านผลิตภาพ ดูแลสิ่งแวดล้อม ใส่ใจชุมชน รวมทั้งพัฒนาอาชีพ กระจายรายได้ให้กับชุมชน

(22 ม.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ไปตรวจราชการ และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 และลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ในพื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี 

โดยในวันนี้ (22 ม.ค. 67) ได้นำคณะตรวจเยี่ยมผู้ประกอบกิจการโรงงานในจังหวัดชุมพร เป็นจังหวัดแรก เพื่อเยี่ยมชมและให้กำลังใจพร้อมรับฟังปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ จากการประกอบกิจการ รวมทั้งข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ โดยมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่และอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ในด้านการเพิ่มผลผลิต การดูแลสิ่งแวดล้อม การดูแลชุมชน การพัฒนาอาชีพ เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนอย่างทั่วถึง

โดยการลงพื้นที่จังหวัดชุมพรครั้งนี้ จุดแรกได้ไปตรวจเยี่ยม บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) จังหวัดชุมพร ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ ประกอบกิจการสกัดน้ำมันปาล์ม กลั่นและแยกไข บรรจุน้ำมันพืช ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ และผลิตปุ๋ยจากตะกอนน้ำเสีย โดยบริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มตาม Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) และมาตรฐาน ISO 9001:2015, GHPs, HACCP, HALAL และ KOSHER 

ซึ่งในปี 2567 กระทรวงฯ เตรียมที่จะส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นต้นแบบอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันครบวงจรอย่างยั่งยืน ตามแนวนโยบาย MIND อุตสาหกรรมวิถีใหม่ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้กับสถานประกอบการอื่น ๆ ในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มมูลค่า by product จากการสกัดและแยกไขสู่อุตสาหกรรมโอเลโอเคมีคอล (Oleochemical) สนับสนุนเงินทุนหรือขยายเวลาเรื่องการติดตั้งระบบ CEMs และระบบดักฝุ่น (ESP) ของหม้อน้ำ

จากนั้นได้เดินทางไปยังจุดที่ 2 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ ตำบลถ้ำสิงห์ อำเภอเมือง โดยวิสาหกิจชุมชนฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสาธารณสุข อย. และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และได้เข้าร่วมโครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน (OPOAI -C) ประจำปีงบประมาณ 2566 ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกอมกาแฟ มูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 23,600 บาทต่อปี ซึ่งในปี 2567 กระทรวงฯ เตรียมที่จะเข้าไปให้การส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนฯ ในด้านต่าง ๆ อาทิ พัฒนากระบวนการผลิต เช่น การปรับปรุงอาคารล้าง การขยายขนาดเครื่องอบร้อน เป็นต้น หรือการขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่งเสริมการขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ลูกอมกาแฟ และส่งเสริมการตลาด เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์

"ผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย ถือได้ว่าเป็นสถานประกอบการที่มีประสิทธิภาพสูง ได้รับการยอมรับและการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดได้เป็นอย่างดี ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเองก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนตามการร้องขอของผู้ประกอบการ เพื่อให้การพัฒนาธุรกิจมุ่งไปสู่เป้าหมายที่กระทรวงฯ ได้ตั้งเป้าไว้ คือ การเพิ่มผลผลิต การดูแลสิ่งแวดล้อม การดูแลชุมชน การพัฒนาอาชีพ เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันในส่วนของปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะที่ผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย ได้ร้องขอมานั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยการผลิตในพื้นที่ไม่เพียงพอ ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องบางฉบับไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วยังถูกมองว่าเป็นขยะ ผู้ประกอบการขาดแหล่งเงินทุนหมุนเวียน และระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการในพื้นที่ยังไม่เพียงพอนั้น ดิฉันขอรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการให้เรียบร้อย และแก้ปัญหาให้ตรงจุด เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ หรือเกิดการสะดุดในระหว่างประกอบกิจการได้" นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว

ทั้งนี้ จังหวัดชุมพร มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP : Gross Provincial Product) 130,074 ล้านบาท เป็นลำดับที่ 22 ของประเทศ และลำดับ 4 ของภาคใต้ รองจากจังหวัดสงขลา จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีรายได้ GPP (GPP Per Capital) ต่อคนมูลค่า 259,853 บาทต่อคนต่อปี อยู่ในลำดับที่ 11 ของประเทศ และลำดับที่ 1 ของภาคใต้ โดยมีภาคธุรกิจหลัก ๆ คือ อุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว ร้อยละ 35.64 มูลค่า 46,362 ล้านบาท  ภาคการเกษตรกรรม ร้อยละ 56.75 มูลค่า 73,812 ล้านบาท และภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ 7.61 มูลค่า 9,899 ล้านบาท และมีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน ยางพารา มะพร้าว และกาแฟ เป็นต้น

"จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหลายด้าน ซึ่งหากมีการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเหมาะสม จะช่วยให้จังหวัดชุมพรสามารถเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้" รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวทิ้งท้าย

‘เกาหลีเหนือ’ สั่ง 2 วัยรุ่น ใช้แรงงานหนัก 12 ปี หลังถูกจับได้ว่าลักลอบดูซีรีส์ของเกาหลีใต้

(22 ม.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีการเผยแพร่คลิปเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือ ลงโทษวัยรุ่น 2 คน ให้ไปใช้แรงงานหนัก 12 ปี จากความผิดฐานแอบดูซีรีส์เกาหลีใต้

สำนักข่าวรอยเตอร์ เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือ นำตัววัยรุ่นชายอายุ 16 ปี 2 คนที่ถูกใส่กุญแจมือ มาตัดสินลงโทษให้ไปใช้แรงงานหนักเป็นเวลา 12 ปี จากความผิดข้อหาลักลอบดูซีรีส์ หรือ ละครที่ผลิตโดยเกาหลีใต้ ท่ามกลางสายตาวัยรุ่นหลายร้อยคนเป็นประจักษ์พยานรับรู้เรื่องนี้ ถือว่าเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากในอดีต ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับในลักษณะนี้ หากว่ายังเป็นวัยรุ่นก็จะถูกส่งตัวไปยังค่ายใช้แรงงานเยาวชน และระยะเวลาของการลงโทษส่วนใหญ่ยังน้อยกว่า 5 ปี อีกด้วย

สำหรับภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาครั้งนี้ ให้รายละเอียดว่าบันทึกไว้เมื่อปี 2022 ถือว่าเป็นคลิปวิดีโอที่หาชมได้ยาก เนื่องจากปกติแล้ว เกาหลีเหนือจะมีกฎห้ามบันทึกภาพถ่าย วิดีโอ และหลักฐานอื่น ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้หลุดไปสู่สายตาของคนภายนอก แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจงใจเผยแพร่คลิปนี้ เพื่อเป็นการเตือนให้ชาวเกาหลีเหนืออย่าทำเป็นเยี่ยงอย่าง

หากอ้างอิงตามข้อมูลจากคลิปที่หลุดออกมาแล้วสามารถสรุปได้ว่า เกาหลีเหนือห้ามผู้คนดูภาพยนตร์ และละคร รวมถึงฟังเพลงที่ผลิตจากเกาหลีใต้ ที่พวกเขามองว่าเป็นระบอบหุ่นเชิด นอกจากนี้ ยังห้ามผู้หญิงแต่งตัวในรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการย้อมสีผม ใส่กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะอีกด้วย อย่างไรก็ดี แม้จะเสี่ยงที่จะถูกลงโทษสถานหนัก แต่เชื่อว่ามีวัยรุ่นเกาหลีเหนือจำนวนไม่น้อย ก็พร้อมยอมเสี่ยงที่จะถูกลงโทษเพื่อแลกกับการได้ชมละครหรือซีรีส์จากเกาหลีใต้ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้รับความนิยมไปทั่วเอเชียและทั่วโลก

📌 เปิดไทม์ไลน์ภารกิจนายกฯ ครม.สัญจร ระนอง 22-23 ม.ค. 67

นายกฯ เศราฐา ทวีสิน หอบคณะลงพื้นที่ จ.ระนอง ตรวจราชการ-ประชุม ครม.นอกสถานที่ พร้อมติดตามประเด็นการค้าผ่านแดน แรงงานข้ามชาติ พิธีการศุลกากร และประมง รวมถึงโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน (Land Bridge ชุมพร-ระนอง)

‘สาว’ ตัดพ้อ!! คิดถึงเมืองไทย หลังย้ายมาอยู่ต่างประเทศ ไม่มีความสุข เจอปัญหาสารพัด แถมไม่มีที่ฮีลใจเหมือนบ้านเรา

(22 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม ‘โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย’ ที่มีสมาชิกมากกว่า 1.1 ล้าน บอกเล่าประสบการณ์ในการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ โดยระบุว่า

เราออกมาอยู่ต่างประเทศแล้ว มากันทั้งครอบครัว แต่เราอยากกลับบ้านทุกวันเลย เรารู้สึกไม่มีความสุข ร้องไห้ทุกวันทั้งที่ปกติไม่ใช่คนร้องไห้ เรารู้สึกว่าประเทศที่อยู่ไม่มีอะไรน่าสนุกเลย ไม่มีที่ที่ฮีลใจเราได้เลยอะ เป็นทุกข์มากๆ เลยค่ะ

แฟนไปทำงานร้านอาหาร กลับมาเหนื่อย นอนพัก วันรุ่งขึ้นตื่นไปทำงาน วันๆ นึงแทบไม่ได้คุยกันเลย

ลูกไปโรงเรียนกลับมาบ้านเงียบเหงา ไม่รู้จะไปไหน ไม่มีที่สนุกๆ ให้ไปเลย ออกไปก็เสียเงินแล้ว ต้องอยู่แบบประหยัด

เราไม่สบาย ลูกก็ไม่สบาย แฟนไปทำงานก็ไม่สบาย กว่าจะหาย หมอก็ไม่ได้ไปหา ซื้อยากินเอง เศร้าใจอะ ถ้าไม่สบายบ่อยๆ จะทำยังไง

รถก็ไม่มี สอบใบขับขี่ก็ไม่ผ่าน

อยู่เมืองไทย บ้านเราก็มี รถก็มี ทำงานเหนื่อยก็พักใจ กินข้าวอร่อยๆ พาลูกไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์ สั่งของช็อปปี้แป๊ปเดียวมาส่ง เราคิดถึงบ้าน

เราก็ใช้เวลาทบทวนอยู่ตลอด หรือยังปรับตัวไม่ได้ เพราะมาได้หลายเดือน หรือเรา home sick คิดถึงบ้าน

มีใครเคยเป็นแบบเราบ้าง แล้วจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงบ้างคะ เราจะไม่ไหวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเจ้าของโพสต์เป็นจำนวนมาก

‘คัตโตะ’ ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งใน ‘SLM’ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ

(22 ม.ค.67) บริษัท เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SLM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และกรรมการบริหาร ของนายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล เนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจากเหตุการณ์ที่นายอารมณ์ได้รับการกล่าวโทษจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ในเรื่องการเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 26 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยให้การลาออกมีผลตั้งแต่ วันที่ 12 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. รายงานว่า ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบริษัท Bybit Fintech Limited นายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล (คัตโตะ วงลิปตา) และนายณธัช คลังเปรมจิตต์ ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)

ในความผิดกรณี Bybit กระทำการเข้าข่ายการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561

โดย ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 บริษัท Bybit Fintech Limited เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ Bybit.com (https://www.bybit.com) ได้ให้บริการจัดระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 ของมูลค่าธุรกรรมที่ลูกค้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และมีการชักชวนและประชาสัมพันธ์เป็นภาษาไทย ให้มาใช้บริการของ Bybit ผ่านเว็บไซต์ Bybit เพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘Bybit Thai’ Telegram ชื่อ ‘Bybit ประกาศภาษาไทย’ และ Instagram ชื่อ “bybitthailand”

รวมทั้งปรากฏว่า Bybit ได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การให้บริการและกิจกรรมส่งเสริมการขายจากนายอารมณ์และนายณธัชผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของบุคคลทั้งสอง ได้แก่ เพจเฟซบุ๊กและ Youtube ชื่อ ‘ไม่มี Moon หมาไม่ซื้อ’ และ Line Open Chat ชื่อ ‘Stop Loss Club’ อันทำให้ Bybit เป็นที่รู้จักและมีบุคคลสนใจไปใช้บริการ Bybit มากขึ้น

การกระทำของ Bybit เข้าข่ายประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่ง Bybit ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ

สำหรับการกระทำของนายอารมณ์และนายณธัช เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษ Bybit นายอารมณ์ และนายณธัช ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

'น้าแอ๊ด' ไม่ละเลย!! แฟนเพลงเยาวชนถูกชายคุกคาม ชี้เป้าให้ รปภ.อัญเชิญตัวป่วนไปที่ชอบที่ควรโดยละม่อม

(22 ม.ค. 67) จากเพจ 'Lek Carabao Solo' ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ไปที่ชอบที่ควรเลย หึ หึ' ระบุว่า...

เมื่อสองวันก่อน (น่าจะเป็นงานขึ้นบ้านใหม่) ขณะแสดงบนเวที พอจบเพลง พี่แอ๊ดพูดขึ้นมาว่า "หนูร้องไห้ทำไมลูก ใครทำอะไร ใครแกล้ง…."

ผมจึงมองไปหน้าเวที อื้มมมมมม! เห็นล่ะ สาวน้อยคนนี้อายุน่าจะไม่เกินสิบสอง เห็นเธอยืนร้องไห้สะอื้นอยู่กับเพื่อนวัยใกล้เคียงกัน

ทีแรกเธอก็ไม่กล้าบอก แต่พี่แอ๊ดไม่ยอมผ่านเหตุการณ์นี้ไปง่าย ๆ ยังคงถามด้วยเสียงที่เข้มขึ้น "ใครแกล้งหนู บอกมาลูก" นั่นทำให้สาวน้อยชี้มือไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนถัดเธอไป ท่าทางพิรุธใส่หมวกปิดหน้าปิดตาแบบน่าสงสัย

ได้ยินเสียงพี่แอ๊ดเค้นถามไอ้หมอนั่นว่าทำอะไรเด็กหรืออะไรแนวๆ นี้ จากนั้นรปภ.ก็มาอัญเชิญตัวหมอนั่นไปที่ชอบที่ควรโดยละม่อม อิอิ

สวัสดียามเช้าครับ

https://www.facebook.com/LekBaoStoreOfficial?mibextid=ZbWKwL 

‘นายกฯ เศรษฐา’ ลงพื้นที่ระนอง ติดตามโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อ!! ช่วยสร้างอาชีพ-รายได้-พัฒนาพื้นที่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

(22 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการเดินทางตรวจราชการ และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ที่จังหวัดระนอง ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค.ว่า เมื่อเวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานระนอง ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

จากนั้น เวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรี สักการะศาลหลักเมืองระนองและอนุสาวรีย์พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ณ ศาลหลักเมืองระนอง ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ก่อนที่เวลา 11.15 น. นายกรัฐมนตรีติดตามประเด็นการค้าผ่านแดนแรงงานข้ามชาติ พิธีการศุลกากรและประมง และพบปะผู้แทนชาวประมงในการแก้ไขปัญหา IUU ณ ท่าเรือระนอง-เกาะสอง ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

ส่วนในช่วงบ่าย เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรีติดตามพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน (Land Bridge ชุมพร-ระนอง) ณ อุทยานแห่งชาติแหลมสน ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และเวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการบริหารจัดการบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ณ บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

และในวันอังคารที่ 23 มกราคม เวลา 08.30 น.นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงหอประชุมคอซู้เจียง ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ถนนเพชรเกษม ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

ขณะที่ท่าอากาศยานจังหวัดระนอง เมื่อเวลา 08.20 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองพร้อมด้วยคณะเตรียมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความก่อนเดินทางว่า “ครม.สัญจร ครั้งที่ 2 เรามี จ.ระนองเป็นเป้าหมายครับ เพราะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่จะมีบทบาทสำคัญมากในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยโครงการ Landbridge จะมาสร้างอาชีพ รายได้ และพัฒนาพื้นที่ให้คนในพื้นที่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนครับ”

สำหรับประเด็นการลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีประเด็นที่นายกรัฐมนตรี ต้องติดตามด้วยกัน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 

1.เรื่องการผลักดันให้แลนด์บริดจ์เป็นประตูการค้า โดยเป็นประตูการค้ารองรับการนำเข้า-ส่งออกของไทย และเป็นประตูการค้ารองรับการนำเข้า-ส่งออกของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศในกลุ่มโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงจีนตอนใต้

2.เรื่องของการถ่ายลำเรือสินค้า โดยพัฒนาให้แลนด์บริดจ์เป็นทางเลือกในการถ่ายลำการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ในมหาสมุทรอินเดีย และประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ใต้หวัน เป็นต้น โดยเชื่อมต่อทางรางและทางถนน

3.การพัฒนาอุตสาหกรรมหลังท่า โดยมีการตั้งเขตพื้นที่เศรษฐกิจเสรี ดึงดูดนักลงทุน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมหลังท่าเรือระนอง และท่าเรือชุมพร ส่งเสริมแลนด์บริดจ์ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้

4.การรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในพื้นที่ และการทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินงานทางกฎหมาย และแผนงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพเป็นต้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันในพื้นที่มีประชาชนที่คัดค้านและสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ โดยผู้ที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่อ่าวอ่าง ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นแหล่งทำประมงพื้นบ้าน หากก่อสร้างท่าเรือแล้วจะไม่มีที่ทำมาหากิน นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในแนวเส้นทางโครงการ ก็จะได้รับผลกระทบด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย จึงอยากให้รัฐบาลเยียวยาและจัดหาที่อยู่ให้ใหม่ ขณะที่บางคนเห็นด้วยกับโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะบ้านเมืองจะได้เจริญ ลูกหลานจะได้มีงานทำ

สำหรับกำหนดการอื่นของนายกรัฐมนตรี ช่วงเย็นนายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ที่บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้คณะรัฐมนตรีร่วมลงพื้นที่โดยแยกกัน อาทิ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิธรรม เวชยชัย เดินทางไปพูดคุยตัวแทนผู้ปลูก-ส่งออกมังคุด รับฟังข้อมูลเกษตรที่โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่นระนอง

ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรระนอง, อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเดินไปทางติดตามข้อร้องเรียนการสร้างสะพานข้ามคลองล่าช้าที่เกาะพยาม, พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ประชุมแก้ไขกลุ่มจังหวัดภาคใต้จังหวัด ที่สำนักงานอุตสาหกรรมระนอง, จุลพันธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ติดตามปัญหาแก้ไขหนี้นอกระบบ ยกระดับความเป็นอยู่ประชาชนที่มัสยิดเราะห์มะห์ เป็นต้น

ทหารเรือ จับเรือขนน้ำมันเถื่อนกว่าแสนลิตร กลางทะเล ทำลายเศรษฐกิจชาติ

กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ( ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง แถลงข่าวการจับกุม และร่วมตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมาย ณ ท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ตามที่ ทัพเรือภาคที่ 1 บูรณาการร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และประสานการข่าวกับกรมข่าวทหารเรือ ร่วมกันทำการปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงรุก จนนำไปสู่การมอบหมายภารกิจสั่งการให้ เรือ ต.992 จากกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1 ดำเนินการตรวจสอบและจับกุม เรือบรรทุกสินค้าทั่วไปดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน ที่มีพฤติกรรมลักลอบขนน้ำมันผิดกฎหมาย บริเวณใต้ เกาะทะลุ จังหวัดระยอง ผลการปฏิบัติ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 เวลา 19.30 น. ได้ทำการจับกุมเรือชื่อ บ.ดิวันมารีนทัวร์ มีไต๋รวมลูกเรือ จำนวน 3 คน และจากการตรวจสอบจากชุดสหวิชาชีพ พบของกลางเป็นน้ำมันดีเซลหลบเลี่ยงภาษี จำนวน 104,000 ลิตร โดยได้ควบคุมเรือดังกล่าว ไปยังท่าเรือ กลางอ่าว กองบัญชาการ กองเรือยุทธการ  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ก่อนในวันนี้ พลเรือโท สุระศักดิ์  สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1(ผบ.ทรภ.1) และ  ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1  (ผอ.ศรชล.ภาค 1) ได้แถลงข่าวการจับกุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1, สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิตร, สำนักเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา แล ะสาขาระยอง, สำนักงานประมงจังหวัดชลบุรี, สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ, ชุดเฉพาะกิจปราบปรามน้ำมันเถื่อนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมศุลกากร ซึ่งจะบูรณาการร่วมกันตรวจสอบเรือดังกล่าวและที่มาของน้ำมันเพื่อขยายผลต่อไป ทั้งนี้ การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเลอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเขตพื้นที่รับผิดชอบ

ผบช.สตม. เปิดตัวโครงการแจ้งที่พักอาศัยเมื่ออยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน ออนไลน์

วันนี้ (22 ม.ค.2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และผู้แทน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตัวบริการ 90 days online notification การแจ้งที่พักอาศัย เมื่ออยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน ออนไลน์

พล.ต.ท.อิทธิพลฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายกระตุ้น ภาคเศรษฐกิจและการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการดึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาในประเทศ ตนมองว่าโครงการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจและพักอาศัยในประเทศไทย ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการ โดยเฟสแรกจะเริ่มจากกลุ่มนักลงทุนที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จากนั้นจะมีการขยายไปวีซ่าประเภทอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าโครงการนี้จะได้รับความพึงพอใจจากชาวต่างชาติ บริการแจ้งที่พักอาศัยเมื่ออยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วันออนไลน์ สามารถแจ้งได้ล่วงหน้า 15 วันก่อนถึงวันครบกำหนด สามารถแจ้งได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยเข้าไปลงทะเบียนที่ www.immigration.go.th จากนั้นกรอก email เพื่อรับ password จากทางระบบ แล้ว log in กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและดำเนินการแจ้ง 90 days ผลการอนุมัติจะส่งผ่านทาง email หรือเว็บไซต์ www.immigration.go.th

การแจ้งที่พักอาศัยเมื่ออยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วันสามารถแจ้งได้สามช่องทาง ได้แก่ 1.เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง 2.มอบหมายให้ผู้อื่นทำการแทน และ 3.ส่งแบบรายงานตัว มายังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองผ่านทางไปรษณีย์ลงทะเบียน นับได้ว่าโครงการนี้เป็นมิติใหม่ของการให้บริการผ่านระบบออนไลน์ของ สตม.

ที่พักอาศัยนอกจากนี้ สตม.ยังมีบริการ e-Extension ยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ ชาวต่างชาติสามารถดำเนินการกรอกข้อมูลได้ด้วยตนเองตลอดเวลา ผ่านระบบออนไลน์บนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บไซต์ โดยเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันตัวบุคคล และรับสติกเกอร์วีซ่าใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติ ผบช.สตม.กล่าว

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย หรือ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ทาง www.immigration.go.th


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top