Friday, 4 July 2025
NewsFeed

‘วัชระ’ สุดทน!! ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. สอบนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ไล่เช็ก ‘ราชทัณฑ์’ ส่อเอื้อประโยชน์นักโทษ ด้าน ‘พ.ต.อ.ทวี’ โดนด้วย!!

(13 ม.ค.67) นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 67) หลังจากทราบว่า คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วไม่ได้พบ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จึงไปยื่นหนังสือถึง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่อาคาร 4 สำนักงาน ป.ป.ช. โดยในหนังสือร้องเรียนถึงปปช.มีรายละเอียดดังนี้

“ตามที่กรมราชทัณฑ์ได้รายงานสถานการณ์กรณีนายทักษิณฯ ออกรักษาตัวภายนอกเรือนจำเกิน 120 วัน ลงวันที่ 11 มกราคม 2567 โดยแจ้งความเห็นแพทย์ว่า ผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทาง และต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิตนั้น

ข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน กรณีเคลือบแคลงสงสัยข่าวกรมราชทัณฑ์เรียกสรรพนาม ‘นช.ทักษิณ ชินวัตร’ ว่า ‘นาย’ ทั้งที่ในปัจจุบันเป็น ‘นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร’ หรือชื่อย่อ ‘นช.’ มีโทษจำคุก 1 ปี ตามราชกิจจานุเบกษาและต้องถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 กฎและระเบียบอย่างเคร่งครัด

การออกข่าวกรมราชทัณฑ์โดยใช้สรรพนามไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของทางราชการ มีลักษณะเอื้อประโยชน์และอวยนักโทษที่มีฐานะ ไม่ปฏิบัติตามหลักนิติรัฐและนิติธรรมไม่เสมอภาคกับนักโทษทั่วประเทศ จำนวน 280,000 คน ส่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการและตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ดังนี้

1.) ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กับพวก กรณีการออกข่าวกรมราชทัณฑ์ใช้สรรพนามเรียก นช.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและกรณีที่เกี่ยวข้อง เช่น การอนุมัติให้ นช.ทักษิณ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ โดยมีกรณีนายวิษณุ เครืองาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และกรณีกรมราชทัณฑ์ตอบรับว่าจะส่งเอกสารและคลิปภาพ วันที่ 22-23 สิงหาคม 2566 ให้คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กรณี นช.ทักษิณ ให้สอบสวนเอาผิดว่าเหตุใดยังไม่ส่ง และขอให้ออกคำสั่งคุ้มครองคลิปวิดีโอดังกล่าวไม่ให้ถูกทำลาย

2.) ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แพทย์โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจทุกรายและแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจชื่อ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ (พตร.) กรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องรักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน (เกิน 120 วัน) ส่อว่าใช้วิชาชีพแพทย์กรอกข้อความอันเป็นเท็จต่อราชการหรือไม่ ให้ตรวจทุกฉบับตั้งแต่ 22 สิงหาคม 2566 ถึงวันนี้

3.) ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าเหตุใดไม่ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ นช.ทักษิณ ชินวัตร ตามคำร้องเรียนลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เจ็บป่วยจริงหรือไม่ ทำไมระยะเวลาการรักษาเกิน 120 วันยังไม่หายเป็นอะไร ทำไมอยู่นานถึง 120 วันเอื้อประโยชน์ให้กับ นช.ทักษิณหรือไม่

ทั้งนี้ โดยขอให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ (พัศดี/ผู้คุม) แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานทุกคน

เทรนด์ใหม่มาแรง กำลังฮิตในหมู่กลุ่มวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น ที่นิยม ‘ลบเพื่อน-ลบแอ็กเคานต์โซเชียล’ ทิ้งจนเกลี้ยง!!

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 67 ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ ‘pharmaota’ หรือ ‘เภสัชโอตะ’ โพสต์คลิปวิดีโอเล่าถึงกรณี ‘เทรนด์รีเซ็ตความสัมพันธ์’ ซึ่งเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่นขณะนี้ โดยระบุว่า…

เทรนด์ใหม่ของวัยรุ่นญี่ปุ่น!! ลบเพื่อนในโซเชียลเกลี้ยง ซึ่งเทรนด์ใหม่ในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่นที่กำลังได้รับความนิยมนี้ เรียกว่า ‘เทรนด์รีเซ็ตความสัมพันธ์’ โดยวัยรุ่นญี่ปุ่นจะทําการลบแอ็กเคานต์โซเชียล และลบเพื่อนของเขาทุกคนในโซเชียลออกทั้งหมด!!

เมื่อลองไปถามเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง เขาได้ตอบว่า เขาลบเพื่อนของเขาในโซเชียลเกลี้ยงเลย โดยเขาได้ให้เหตุผลว่า “เพื่อนๆ ในโซเชียลของเขานั้นไม่ได้ทําการติดต่อกันเลย ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ทําไม”

ส่วนวัยรุ่นอีกคนได้เล่าให้ฟังว่า “อยู่ดีๆ ก็โดนเพื่อนที่คบกันมาอย่างยาวนานลบแอ็กเคานต์ทิ้งหมดเลย พอถามว่าลบทําไม เขาก็บอกว่า แค่อยากลบเฉยๆ”

ด้านวัยรุ่นสาวอีกคนบอกว่า “เธอจะทําการลบแอ็กเคานต์โซเชียลทิ้งทุกๆ 3 เดือน เพราะว่าเพื่อนที่มีในตอนนี้ไม่ได้ทําการติดต่อกัน ไม่ได้พบเจอกัน ก็เลยลบซะดีกว่า”

คนสุดท้ายได้บอกว่า “อยากสร้างสังคมใหม่ๆ บ้าง ก็เลยลบแอ็กเคานต์เดิมออกหมด” ซึ่งเธอก็ได้ทําการสร้างแอ็กเคานต์ใหม่และหาเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งพอขอดูเพื่อนในโทรศัพท์ของเธอนั้น ก็ต้องตกใจ เพราะว่ามีเพื่อนอยู่เพียงแค่ 7 คนเท่านั้น!!

เมื่อลองถามว่า “รู้สึกเบื่อไหม? กับการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ตลอด” น้องเขาก็ตอบออกมาตรงๆ ว่า “เบื่อค่ะ”

และจากการสํารวจก็พบว่าวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ นิยมลบเพื่อน ลบแอ็กเคานต์บนโซเชียล มากถึง 40% เลยทีเดียว!!

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 เปิดบ้านต้อนรับเยาวชน จัดกิจกรรมทางทหาร เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567

วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567  เวลา 07.30 นาฬิกา ณ เวทีกลาง บริเวณ หน้าอาคารศูนย์ควบคุมการส่งกำลังบำรุงกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท ประสาน  แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยคุณคัทลียา แสงศิริรักษ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3  เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา เปิดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ของหน่วยในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก

โดยมีกิจกรรมการแสดง ณ เวทีกลาง ลุ้นรับการจับสลากมอบของรางวัล การเล่นเกมส์ชิงรางวัล การแจกของรางวัล นอกจากนี้ยังมีการบริการอาหาร, ขนม  การแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยกำลังรบที่สามารถใช้ทั้งภารกิจการป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน พร้อมชมนิทรรศการในเรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทาน และพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระเอกาทศรถ, และพระสุพรรณกัลยา เพื่อเผยแพร่และสร้างความรู้ให้กับเด็กและเยาวชน รวมทั้งผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ยังมีการขับร้องบทเพลงสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินส่งมอบความสุขให้กับเด็ก ๆ ตลอดทั้งงาน

เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 ที่กำหนดจัดขึ้นนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก มอบนโยบายให้หน่วยทหารทั่วประเทศ เปิดพื้นที่ในค่ายทหาร จัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ ในหลากหลายรูปแบบ โดยได้เน้นย้ำหน่วยทหารที่รับผิดชอบในทุกพื้นที่ให้อธิบายรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมต่างๆ แนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์และข้อระมัดระวังในอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งคุมเข้มมาตรการด้านความปลอดภัยตลอดทั้งงาน เพื่อให้เด็กๆ มีความเข้าใจ เปิดมุมมองใหม่ๆ ได้รับประสบการณ์จากหน่วยทหารอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กในปีนี้ที่ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย”
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

(สุรินทร์) มทบ.25 เปิดค่ายจัด “งานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 สุดคึกคัก แจกของขวัญ ของรางวัล มากมาย”

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ บริเวณหน้าสโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 พลตรี ชินวิช  เจริญพิบูลย์  ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานเปิดงานและจับแจกรางวัล  กิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 มี คุณอุไรวรรณ  เจริญพิบูลย์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 พันเอก พรพิเชษฐ  เกษพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน นางอณัญญา พรหมบุตร รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ และนายทหาร ร่วมพิธีเปิด โดยปีนี้ มณฑลทหารบกที่ 25 จัดเต็มพิกัด โดยได้นำ รถเกราะ อาวุธยุทโธปกรณ์ หลากหลายรูปแบบ จัดตั้งแสดงโชว์ พร้อมกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจในหลวง และ ผลงานของ มณฑลทหารบกที่ 25 โดยการแสดงโชว์ความสามารถ ด้านการสู้รบอาวุธโบราณ แม่ไม้มวยไทย เต็มรูปแบบ เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นขีดความสามารถของกองทัพ  ทั้งนี้ได้มีหน่วยทหาร เช่น กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒโยธิน องค์การทหารผ่านศึกสุรินทร์ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 25 การประปาส่วนภูมิภาคสุรินทร์ และหน่วยงานภาคเอกชน  ต่างร่วมนำของขวัญ ของรางวัล อาทิเช่น จักรยาน ของเล่น ขนม อาหารและเครื่องดื่ม ไว้บริการอย่างเต็มที่ ซึ่งปีนี้ เด็กๆต่างให้ความสนใจ เข้าคิวเพื่อสัมผัสอาวุธยุทโธปกรณ์ รถดับเพลิงของทหาร มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์หน่วยสารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 25 กันอย่างคึกคัก สร้างความสนุกสนานและสร้างรอยยิ้มให้แก่เด็กๆเป็นอย่างมาก
ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

ขอนแก่น-แบงก์ชาติอีสาน จัดกิจกรรมวันเด็กประจำปี 2567 “ฮักเฮียนฮู้…ฮู้จักออม”

ธปท.สภอ.จังหวัดขอนแก่น จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 2567 พบกับกิจกรรมสนุกๆที่จะปลูกฝังและส่งเสริมการออมให้กับเด็กและเยาวชน รวมทั้งมาอิ่มอร่อยกับอาหารภายในงานแล้วร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลกลับบ้านกันนะเด็ก ๆ

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงข้ามริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นนายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 2567 โดยมี ดร.ทรงธรรม  ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และชมรมธนาคารจังหวัดขอนแก่น ร่วมจัดกิจกรรมภายในงาน

ดร.ทรงธรรม  ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าธปท.สภอ.จังหวัดขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 2567 “ฮักเฮียนฮู้…ฮู้จักออม”
ซึ่งได้จัดขึ้นเพื่อให้ความสุขกับเด็กในวันเด็กแห่งชาติ โดยพบกับกิจกรรมสนุกๆที่จะปลูกฝังและส่งเสริมการออมให้กับเด็กและเยาวชน รวมทั้งมาอิ่มอร่อยกับอาหารภายในงานแล้วร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลกลับบ้านกันซึ่งน้องๆ ร่วมกิจกรรมได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ริมบึงแก่นนคร) กันเป็นจำนวนมาก.

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 บ้านพักส่วนกลางตำรวจเฉลิมลาภ ร่วมร้องเพลง มอบของรางวัล และทุนการศึกษาแก่เด็ก

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ม.ค.67)  เวลา 09.00  น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ณ อาคารบ้านพักส่วนกลางตำรวจ (เฉลิมลาภ) กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และคณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกิจกรรม

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมเล่นเกมส์ แจกของขวัญของรางวัลจำนวนมาก มีการเลี้ยงอาหารแก่เด็กและผู้ปกครองที่มาร่วมงาน รวมทั้งมีการมอบทุนการศึกษาแก่บุตรข้าราชการตำรวจด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานของเด็กๆ ที่มาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุตรหลาน ครอบครัวข้าราชการตำรวจที่พักอาศัยในบ้านพักส่วนกลางตำรวจเฉลิมลาภ และบางส่วนเป็นเด็กๆ ที่พักอาศัยอยู่บริเวณชุมชนข้างเคียง ซึ่งเด็กๆและผู้ปกครองที่มาร่วมงานต่างดีใจ ที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ จัดงานวันเด็กขึ้น สร้างความประทับใจและรอยยิ้มให้เด็กๆ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมร้องเพลง พร้อมแจกของรางวัลมากมายกับเด็กๆ ที่ร่วมกิจกรรม และมอบทุนการศึกษาแก่บุตรหลานข้าราชการตำรวจด้วย 
 
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของเด็กและเยาวชน เพราะพวกเขาเหล่านี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เป็นกำลังสำคัญของสังคม และจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าในอนาคต  โดยเฉพาะอาคารบ้านพักส่วนกลางตำรวจ จะมีบุตรหลานของข้าราชการตำรวจพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ถือว่าเป็น Police’s home เป็นครอบครัวของพวกเราเอง ที่ต้องให้ความสำคัญ เและพร้อมที่จะดูแลสวัสดิการ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจอีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมวันเด็กของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในพื้นที่ต่างๆ ได้จัดกิจกรรมควบคู่ไป เพื่อให้ความรู้ ความสนุกสนานกับเด็กๆ พร้อมกันนี้ตนได้กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศดูแลความปลอดภัยของงานวันเด็กในภาพรวมทั่วประเทศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในวันนี้ทั่วประเทศ จะทำให้เด็กและเยาวชนได้รับความสนุกสนาน  ความอบอุ่น ความปรารถนาดีจากผู้ใหญ่ทุกท่าน และจะทำให้ทุกคนรู้สึกตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทหน้าที่ของตนเองที่มีต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมในโอกาสต่อไป ดังคำขวัญวันเด็กของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไว้ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย”

ผบ.ตร.ห่วงใยคิดถึงเด็กนอนป่วยในโรงพยาบาลตำรวจ ส่งทีมโฆษก ตร. สร้างความสุข มอบของขวัญวันเด็กให้กำลังใจถึงเตียง 

เมื่อวันนี้ 13 มกราคม 2567 ที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากเป็นวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.มีความห่วงใยและคิดถึงเด็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นในงานวันเด็กสนุกสนานเหมือนคนอื่นๆ แต่ต้องมานอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ จึงมอบหมายให้ ทีมโฆษกตำรวจ ประกอบด้วย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ และ พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทีมงานนำกระเช้าของขวัญไปมอบให้เด็กๆ ที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมนำความห่วงใยจาก ผบ.ตร.ไปสื่อสารกับผู้ปกครองของเด็กๆ ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวเด็ก ที่ผบ.ตร.คิดถึงเด็กๆ และให้ความกรุณามอบของขวัญวันเด็กถึงเตียงผู้ป่วย 

เปิดสูตรค่าโดยสาร ‘ชมพู+BTS’ ตามแผนตั๋วร่วม  ปรับลดเพดาน 107 บาท ให้จบที่ไม่เกิน 65 บาท

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.67 เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘เข้าใจปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพู ต่อ BTS 107 บาท มายังไง??? แล้วแก้อย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ประชาชนโดยสารได้ในราคาที่เหมาะสม!!’ ระบุว่า...

จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ ได้เก็บค่าโดยสารอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการเก็บค่าโดยสารใน BTS ส่วนต่อขยายสายเหนือ (หมอชิต-คูคต) ที่สามารถซื้อตั๋วโดยสารจากต้นทางสายสีชมพู เพื่อตรงเข้ากลางเมือง ด้วย BTS ได้ด้วยบัตรใบเดียว!!

ทำให้เกิดการช็อกกับค่าโดยสารต่อ Trip ของการเดินทางต่อเนื่องตลอดเส้นทาง จากสายสีชมพูต่อสายสีเขียว เพื่อเข้ากลางเมือง ซึ่งราคาสูงสุดกว่า 107 บาท!!

ซึ่งเราต้องมาทำความเข้าใจ โครงสร้างราคาปัจจุบัน ของรถไฟฟ้าทั้ง 3 ส่วนนี้ก่อนนะครับ

1.) รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ผู้ให้สัมปทาน รฟม.) ค่าโดยสาร 15-45 บาท ซึ่งถ้านับจากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (จุดเชื่อมต่อ BTS) ซึ่งค่าโดยสารจะไปถึงค่าสูงสุด ตั้งแต่สถานีแยกปากเกร็ด และ สถานีนพรัตน์ ออกไป

2.) รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) ส่วนต่อขยายเหนือ หมอชิต-คูคต (เป็นของ กทม. เอง) ซึ่งปัจจุบันเก็บค่าโดยสารอัตราเดียว 15 บาท ตลอดสาย

3.) รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) ส่วนสัมปทานหลัก (ไข่แดง) ค่าโดยสาร 17-47 บาท ซึ่งถ้านับจากสถานีหมอชิต จะชนอัตราสูงสุด ที่สถานีสยาม

ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระบบที่ BTS เป็นผู้ให้บริการ แต่แตกต่างที่เจ้าของสัมปทานต่างๆ ทำให้ คนที่เดินทางจากมีนบุรี เข้าสยาม ต้องจ่ายค่าโดยสารที่อัตราสูงสุด 107 บาท!!

แล้วเราทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ค่าโดยสารถูกลง?

1.) ให้ BTS ทำส่วนลดค่าแรกเข้า ภายในระบบที่ BTS เป็นผู้ให้บริการ เช่น ระหว่าง ชมพู และ เขียว ซึ่งจะสามารถลดราคาได้ 15 บาท ก็จะเหลือ 92 บาท

2.) เคลียร์ปัญหาสัมปทาน BTS-กทม. และเพิ่มข้อบังคับด้านการรองรับตั๋วร่วม และมาตรฐาน EMV ของ ให้ใช้กับระบบ BTS ได้

3.) แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ‘ผลักดัน พรบ. ตั๋วร่วม’ ซึ่งจะจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วม เพื่อเป็นกองทุนที่จ่ายส่วนต่างที่เกิน จากสัมปทาน และผลักดัน ตั๋วโดยสารกลาง ซึ่งก็อาจจะได้เห็นตั๋ววัน หรือตั๋วเดือน ที่จะใช้ได้ทั้งกรุงเทพทุกระบบการเดินทาง!!

ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้น ค่าโดยสารสูงสุดด้วยการใช้ระบบตั๋วร่วม อยู่ที่ 65 บาท/การเดินทาง!!

มาทำความเข้าใจ รายละเอียดการศึกษา การพัฒนาตั๋วร่วม ได้ที่เว็บไซต์ของโครงการ >> http://www.thaicommonticket.com

ซึ่งจากแผนการพัฒนาระบบตั๋ว ร่วมจำเป็นต้องมีการออก พรบ. ตั๋วร่วม โดยจะมีส่วนประกอบ คือ…

- จัดตั้งตั้งองค์กรกลางในการควบคุม และบริหารตั๋วร่วม
- จัดตั้งกองทุนส่งเสริมตั๋วร่วม ซึ่อจะมีที่มารายได้จากหลายด้าน เช่น การรับส่วนแบ่งรายได้จากสัมปทาน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการบริหารจัดการบัตร

โดยประชาชนจะได้ประโยชน์ จากตั๋วร่วม จากหลายส่วน คือ…

- ใช้บัตรมาตรฐานเดียว ซึ่งเป็นระบบเปิด ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ออกบัตรให้ได้ รวมถึงการใช้มาตรฐาน EMV ซึ่งติดอยู่ในบัตรเครดิต ทุกใบ

- รวมอัตราค่าโดยสารของทุกระบบ และทุกรูปแบบในบัตรเดียว 
ซึ่งในส่วนรถไฟฟ้ารวมทุกสาย สูงสุดไม่เกิน 65 บาท และลดค่าแรกเข้าระหว่างเปลี่ยนสาย

- มีส่วนลดค่าแรกเข้าเปลี่ยนระหว่างระบบขนส่ง เช่น รถเมล์ และ เรือ อย่างน้อย 10 บาท

ซึ่งถ้าสามารถผลักดัน พรบ.ตั๋วร่วมออกมาและถูกนำไปใช้ได้จริง จะช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าเดินทางไปอีกมหาศาล!!

คงต้องขอฝากท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สุรพงษ์ ปิยะโชติ - Surapong Piyachote กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม และ สนข. ช่วยผลักดันเพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนครับ

‘ปราชญ์การศึกษาไทย’ ยก!! ‘ลูกเสือ’ เพชรในตมอันล้ำค่าต่ออนาคตชาติ หากพัฒนาให้เฉียบขาดได้มากกว่าแค่วิชา ‘ระเบียบแถว-ทะลึ่ง-ไร้สาระ’

เมื่อไม่นานนี้ อาจารย์สุทัศน์ เอกา ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็น ‘ปราชญ์การศึกษาไทย’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึง ‘วิชาลูกเสือในยุคสมัยนี้’ ไว้ดังนี้...

“ผมยังมีความหวังว่า… สักวันหนึ่ง การศึกษาไทย ‘ต้องไปถึงฝั่งฝันจนได้’ นั่นคือ การศึกษาเพื่อสร้าง ศักยภาพของคนไทยให้มีปัญญาภายในตนเอง… ทำให้เขาเป็นคนที่มีความคิดดี, คิดเป็น, รู้จักคิด และมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนรู้จักทำการงานอาชีพ, รู้จักปรับปรุงและพัฒนางาน, เอื้ออาทรต่อผู้อื่น เรียนรู้ และสามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปตามสังคมและโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพในการแก้ปัญหาเพื่อผ่านพ้นอุปสรรคไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ… 

ทางวิชาการ เรียกว่า ‘การเรียนรู้เพื่อชีวิต’ (Learn for life) อันเป็นจุดหมายปลายทางของการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 และเป็นไปตามทฤษฎีการศึกษาใหม่ล่าสุด ‘ทฤษฎีเครือข่ายและการเชื่อมต่อการเรียนรู้’ (Connectivism) และ ‘ทฤษฎีการศึกษาแบบมนุษยนิยม’ (Humanism)

วิชาลูกเสือ คติพจน์, กฎ และคำปฏิญานของ ‘ลูกเสือ’ สอดคล้อง และตรงประเด็นที่สุดในการเรียนรู้เพื่อชีวิต แต่น่าเสียใจ… ที่กิจกรรมลูกเสือ ‘ถูกมองข้าม’ เหมือนกับได้โยนเพชรเม็ดงามนี้ลงไปในท้องร่องปลักตมอย่างมักง่าย และมองไม่เห็นคุณค่ามหาศาลที่มีอยู่ในนั้น…

เหตุแห่งปัญหา คือ
วิชาลูกเสือ ‘ถูกด้อยค่า’ โดยนักวิชาการผู้มีอำนาจบนหอคอยงาช้าง… ผู้บริหารสถานศึกษา และครูที่ไม่รู้วิชาครู ‘สอนลูกเสือไม่เป็น’ แต่ถูกบังคับให้สอน แม้จะได้ไปอบรม BTC แล้ว… ได้ท่อนไม้เล็กๆ มาห้อยคอคนละสองสามท่อน แต่กลับสอนลูกเสือตามแบบ ‘ประเพณีนิยม’ ที่ ‘ลอร์ด เบเดน โพเอลล์’ ได้ใช้มาแล้วเมื่อหลายร้อยปีก่อน ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันโลก

หนักเข้าก็กลายเป็นวิชาระเบียบแถว, กิจกรรมทะลึ่ง, ทะเล้น, ข่มขู่, ทรมาน, ไร้สาระ และน่าเบื่อ… เพราะขาดความเข้าใจ และวัตถุประสงค์ของการ ‘สอนคน’ เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณมนุษย์ให้สูงส่ง...

การแก้ปัญหา คือ
เอาเพชรเม็ดงามนี้กลับคืนมา ‘ล้างสิ่งโสโครก’ แล้ว ‘บูรณาการ Integrated’ วิชาลูกเสือ คติพจน์, กฎ และคำปฏิญานของลูกเสือ ให้เข้ากับการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ด้วย Active learning สร้างทักษะมนุษย์ (คิดเป็น, ทำเป็น, เรียนรู้เป็น และแก้ปัญหาเป็น)สร้างระบบหมู่ Patrol system ช่วยเหลือเกื้อกูล, ทำงานร่วมกัน และเรียนรู้ร่วมกัน Cooperative and Collaborative learning

เอาวิชาพิเศษของลูกเสือ เช่น วิชาปฐมพยาบาล, วิชานักสารพัดช่าง, วิชามัคคุเทศก์, ภาษาต่างประเทศ, วิชาผู้พิทักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม, วิชาช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือจะสร้างวิชาใหม่ๆ ที่ใช้เป็นอาชีพเลี้ยงตนเองได้ เช่น วิชาเพาะเห็ด, วิชาทำขนมและอาหารขาย เป็นต้น

เราควรเอาอย่างสิงคโปร์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้นักเรียน มีความกล้าหาญ, มีทักษะ และความสามารถในการเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ‘ทันโลกาภิวัฒน์’ และขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัล...

หากเป้าหมาย และ ‘กิจกรรมลูกเสือไทยในโรงเรียน’ จะสอนให้เด็กมีความกล้าหาญ, มีทักษะ, มีความอดทน และความสามารถในการเผชิญกับความท้าทายทุกชนิดตามแบบนี้บ้าง จะเหมาะสมอย่างยิ่งกับความเป็นลูกเสือไทยไม่น้อยเลย…

สุทัศน์ เอกา

‘กัญจนา’ แจงปม ‘มาสคอตปลานีโม่-ฉลาม บึงฉวาก’ สภาพทรุดโทรม ชี้!! มุมดีๆ ปลาสวย-น้ำใส ก็มี วอนทุกคนใจกว้าง-เป็นกำลังใจให้ จนท.

(14 ม.ค.67) จากกรณีคลิปไวรัลมาสคอตปลาการ์ตูน สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ สุพรรณบุรี อยู่ในสภาพเก่าและสีซีดมาก ชุดเปื่อย ครีบจะขาดอยู่แล้ว ก่อนจะมีคนเข้ามายืนยันหลายเสียงว่าปัจจุบันบึงฉวากทรุดโทรมมากจริง ๆ ไปแล้วดูเงียบเหงามาก ไม่มีคนเลย ต่างจากสมัยหลายสิบปีก่อน

ล่าสุด น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ‘NuNa Silpa-archa’ ระบุว่า ขอพื้นที่นี้ ช่วยทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอควาเรียมบึงฉวาก ชี้แจงเรื่องที่คนโซเชียลบางคนเอาไปลงว่า มาสคอตของบึงฉวากเก่าแก่มาก และบางสื่อเอาไปขยายผล…

ความเป็นจริง คือ มาสคอตของทางอควาเรียมมีหลายตัว ยังแบ่งเอาไปช่วยที่งานวันเด็กของเทศบาลเดิมบางด้วย (เขาอยู่แบบช่วยเหลือกันค่ะ) ซึ่งเกือบทั้งหมด มีสภาพใหม่…

ทว่า ที่คนโซเชียลคนนั้นเอาไปลง ก็ได้กรุณาเลือกเอาตัวเก่าที่สุด คือ ‘ปลานีโม่และฉลาม’ ซึ่งทางนี้ก็มีส่วนผิดแหละ ไม่ควรเอาตัวเก่า 2 ตัวออกมาใช้ ควรเปลี่ยน…

เขาโพสต์วันที่ 11 ม.ค. ต่อมาในวันที่ 12 ม.ค. เจ้าหน้าที่ก็เปลี่ยนทันที…

ก็ต้องขอบคุณคนโพสต์นะคะที่สนใจ แต่จะขอบคุณมากขึ้น ถ้าจะโพสต์เรื่องที่ทางนี้เขาทำดีมาตลอดด้วย…

นํ้าใสสะอาดทุกตู้ ทุกแท็งก์ ปลาสวยงามมากมาย สถานที่ก็จัดภูมิทัศน์ดีมาก…

โซนอควาเรียม ดิฉันไปดูไม่บ่อยเท่าโซนสวนสัตว์ที่ไปทุกเดือน เพราะเขาทำดีอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สวนสัตว์ทำไม่ดีนะคะ เพียงแต่ต้องการไปเยี่ยมพูดคุยกับสัตว์ (ยังไม่ได้บ้านะคะ แต่ดิฉันคุยกับทุกตัวจริงๆ เพียงแต่ไม่มีตัวไหนคุยตอบ…)

สรุป… ส่วนที่เป็นแก่นของสถานที่คือ การดูแลสัตว์ ที่อยู่สัตว์ สวัสดิภาพสัตว์ เขาทำได้ดี คนหลายคนก็คอมเมนต์ชื่นชม…

ส่วนคุณที่เอาไปโพสต์เรื่องมาสคอตเก่า และสื่อบางสื่อที่เลือกขยายผลเฉพาะเรื่องนี้ เราก็ต้องขอบคุณเขา ทำให้เรามาอุดจุดบกพร่องเล็กๆ ของเรา… แต่ถ้าคุณจะใจกว้างกว่านี้ พูดสิ่งดีบ้างถ้าไม่ยากไปนัก ก็จะดีนะคุณ…

ดิฉันขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บึงฉวากทุกคน ทั้งโซนอควาเรียม สวนสัตว์ อุทยานผักพื้นบ้าน รีสอร์ต ที่ช่วยดูแลทุกอย่างสมเจตนารมณ์ที่ ‘พ่อบรรหาร’ ต้องการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ศึกษา ของคนทั่วไปที่ราคาไม่แพง…

และขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยและเทศ มาเที่ยวบึงฉวากนะคะ… จบค่ะ… ขอบคุณค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top