Friday, 4 July 2025
NewsFeed

‘ดร.เอ้’ วิตก!! วงจรมัวเมาเยาวชนเกลื่อน วอนผู้เกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาด หวั่นซ้ำรอยกรณีทลายผับดังย่านรังสิต 'ปล่อยเด็กเที่ยว-ไร้ใบอนุญาต'

'ดร.เอ้' ห่วงเด็กไทย หลัง จนท.ชุดเฉพาะกิจ สนธิกำลังบุกจับผับพบเด็กต่ำ 20 เพียบ แนะต้องควบคุมและจำกัด

(10 ม.ค.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ‘ดร.เอ้’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ห่วงเด็กไทย หลังจากมีข่าวล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการ ‘รังสิตมันร้าย’ ที่สนธิกำลังร่วมกับหลายหน่วยงานบุกเข้าจับกุมสถานบริการชื่อร้าน 'HEAVEN Rangsit' ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พบบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการเกือบ 500 คน 

ดร.เอ้ กล่าวว่า ปัญหาเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการสถานบันเทิง ผับ-บาร์ การเปิดสถานบันเทิงเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ไปจนถึงการเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต ปัญหาเหล่านี้มีมานานแล้ว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เกิดเป็นวงจรปัญหาตามมาทั้งเรื่องยาเสพติด ความรุนแรง อุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันและเข้มงวดในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทย 

“ปัญหาสำคัญที่สุดคือ สถานบันเทิงเหล่านี้ปล่อยให้เด็กต่ำกว่ากฎหมายกำหนดเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ข่าวล่าสุดที่ผับดังย่านรังสิตก็ตรวจพบเด็กต่ำกว่าอายุ 20 ปี เกือบ 500 คน ผมถามว่าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง แล้วเด็กไทยเราจะมีคุณภาพได้อย่างไร ผมเป็นห่วงจริงๆ ครับ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง ยังมีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เข้มงวด ปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายได้อนุญาตให้ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 แล้ว ส่วนตัวจึงอยากแนะผู้ที่เกี่ยวข้องว่าหากยังไม่มีมาตรการในการจัดการที่เด็ดขาดโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนก็อาจจะต้องทบทวน ถ้าผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า การพัฒนาคน โดยเฉพาะเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น ดังนั้นภาครัฐจะออกนโยบายต่างๆ ต้องประเมินความคุ้มค่าให้รอบด้าน อย่ามองเพียงแค่มิติเดียว โดยเฉพาะนโยบายขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลกระทบต่อเยาวชน และสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของสาธารณชนแน่นอน

ดังนั้นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำคือ การควบคุม จำกัดวันและเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบันเทิง ให้เหมือนในหลายๆ ประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนีที่รัฐให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคนอย่างมาก ซึ่งการจำกัดหรือควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบันเทิง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้นแต่คำนึงไปถึงเรื่องสุขภาพของคน กฎหมายที่ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเน้นเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนหนุ่มสาวเลิกดื่มแอลกอฮอล์อย่างสมบูรณ์ แต่สอนถึงแนวทางที่เหมาะสมในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือในประเทศรัสเซียที่มีการจำกัดเวลาขายช่วงกลางคืน หรือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่จำกัดเวลาขายในร้านขายปลีก เป็นต้น

‘กรมอุทยานฯ’ จ่อเร่งผลิต 'พาสปอร์ตอุทยาน' เพิ่ม 90,000 เล่ม หลัง นทท.แห่ซื้อหมดเกลี้ยง คาด!! รับอานิสงส์จาก ‘พี่จอง-คัลแลน’

(10 ม.ค.67) จากกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกประกาศแจ้งว่า 'พาสปอร์ตอุทยานแห่งชาติ' หมดแล้ว โปรดสอบถามอีกครั้งประมาณกลางเดือนมกราคมนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า พาสปอร์ตอุทยานฯ หรือหนังสือเพื่อประทับตราว่าไปเที่ยวอุทยานฯ ที่ไหนมาแล้วบ้างทั่วประเทศนั้น ยังมีการพิมพ์ออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมอุทยานฯ กับสมาคมอุทยาน

พาสปอร์ตอุทยาน นั้นมีจุดประสงค์เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความภูมิใจว่าตัวเองได้ไปเที่ยวที่ไหนมาแล้วบ้าง แต่ตอนนี้กำลังทำเป็นแคมเปญใหม่ ซึ่งกำลังคิดกันอยู่ว่าจะใช้วิธีไหน เช่น ภายใน 1-2 ปี หากใครได้แสตมป์ครบหมดทุกอุทยานจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร ตอนนี้เรากำลังหาข้อสรุปเรื่องนี้กันอยู่ ทั้งนี้เมื่อพิมพ์ออกมาใหม่แล้วก็จะส่งไปยังอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ 155 แห่ง เพื่อขายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาเล่มละ 100 บาท

ส่วนเรื่องที่หนังสือพาสปอร์ตอุทยานฯ หมดนั้น เป็นการหมดชั่วคราว กำลังพิมพ์ออกมาใหม่ 90,000 เล่ม ก็จะเร่งรัดให้ออกมาเร็วที่สุด ส่วนหนึ่งที่หมดเร็วนั้นคิดว่าน่าจะเป็นอิทธิพลของยูทูบเบอร์ชาวเกาหลี 'พี่จอง' กับ 'คัลแลน' ที่พวกเขาอัดคลิปว่าไปเที่ยวอุทยานฯ แล้วเอาหนังสือพาสปอร์ตอุทยานมาโชว์ คนที่เห็นและเป็นแฟนคลับที่มีจำนวนมากจึงอยากมีบ้าง อยากมาเที่ยวบ้าง จึงมั่นใจว่าเราก็คิดไม่ผิดที่เชิญเขามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ไปยุ่งกับวิธีการของเขามาก ให้ทำตามธรรมชาติที่เขาทำไป

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดพูดคุยกับยูทูบเบอร์ทั้งสอง เพราะยังว่างไม่ตรงกัน แต่คิดว่าในเร็ววันนี้คงจะได้คุยกันในเรื่องของหลักการการทำงาน

>> รู้จัก คัลแลน - พี่จอง ยูทูบเบอร์เกาหลีสุดฮอต

'คัลแลน' เป็นหนุ่มชาวเกาหลี เกิดปี 1990 เขาเริ่มต้นชีวิตในประเทศไทยในฐานะโปรดิวเซอร์เพลงแนว EDM ของวง HateBerry ซึ่งมีสมาชิก 3 คน ได้แก่ คัลแลน เคอร์บี้ และ ฟีโน่ คัลแลนตัดสินใจทำช่องยูทูบเพียงคนเดียว เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับสมาชิกในวง คัลแลนกิน เที่ยว และเรียนรู้ภาษาไทยผ่านการใช้ชีวิตในเมืองไทย พร้อมชวนเพื่อนๆ ที่รู้จักผลัดเปลี่ยนมาสนุกด้วยกัน รวมถึงพี่จองที่ตอนนี้กลายเป็นยูทูบเบอร์คู่หูคัลแลนไปแล้ว

ส่วน 'พี่จอง' เข้าร่วมช่องครั้งแรกใน EP อ้ปป้าว่าไง?? เมื่อลอง ‘ย่างเนย’ ครั้งแรก!! คัลแลนพาพี่จองไปกินบุฟเฟ่ต์ย่างเนยและดื่มเบียร์ เขาแนะนำว่าพี่จองเป็นพี่ชายเกาหลีที่จำไม่ได้ว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาเล่าไปกินไปจนรู้ได้ว่าพี่จองทำธุรกิจส่วนตัว เกิดในปี 1989 (อายุมากกว่าคัลแลน 1 ปี) เข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ไม่กี่สัปดาห์ก็เริ่มเรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง

‘สส.กาย-ก้าวไกล’ โพสต์ขอโทษ ปมแจกน้ำดื่มไม่มี อย. ยัน!! งดแจกแล้ว และกำลังเร่งแก้ไขสั่งผลิตชุดใหม่อยู่

(10 ม.ค.67) เพจ วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ได้โพสต์ข้อความประเด็นที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ หรือ สส.กาย จากพรรคก้าวไกล แจกน้ำดื่มไม่มี อย. โดยระบุว่า…

“#ทุกคนคะ พี่กายโพสต์ขอโทษ กรณีแจกน้ำดื่มไม่มี อย. กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ค่ะ” หลังได้มีการคอมเมนต์สอบถามผ่านทางเฟซบุ๊ก Nattacha Boonchaiinsawat - ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เกี่ยวกับประเด็นนี้ โดย สส.กาย ได้เข้ามาตอบกลับคอมเมนต์ดังกล่าวว่า…

“ประเด็นน้ำดื่ม เป็นน้ำที่ผมสั่งมาเพื่อใช้แจกช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา แต่ก่อนปีใหม่หลังจากมีประเด็นเรื่องข้อมูลผลิตภัณฑ์ ผมได้ตรวจสอบและพบว่า ข้อมูลสลากของผมไม่ครบถ้วน และงดแจกน้ำไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่ให้พื้นที่ต่างๆ แล้วแต่ยังมีใช้เองส่วนตัวที่สำนักงาน

จากที่เห็นฉลาดขวดน้ำดังกล่าวจากในโซเชียลมีเดีย เป็นไปได้ว่าผู้รับจะได้มาจาก 2 ส่วน

1. รับจากงานกิจกรรมที่แจกก่อนปีใหม่ งานบุญต่างๆ ประมาณ 10 กว่าแห่ง แห่งละ 10-20 แพ็ก
2. จากที่สำนักงาน ที่ใช้กันเองภายในอยู่

ส่วนแนวทางการแก้ไข - ผมได้สั่งผลิตชุดใหม่แล้ว และชุดใหม่ยังไม่ส่งมายังสำนักงาน
ช่วงปีใหม่และวันเด็กนี้เลย ได้ #งดแจกน้ำดังกล่าวแล้ว หลังจากได้รับชุดใหม่มาจะดำเนินการช่วยสนับสนุนน้ำดื่มไปยังงานกิจกรรมพื้นที่ต่างๆ ดังเดิมครับ

ขอโทษในความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยครับ และหลังทราบได้เร่งดำเนินการแก้ไขอยู่นะครับ”

คณะอนุญาโตฯ เลื่อนตัดสินคดีเหมืองทองไป 6 เดือน  เปิดทางให้ ‘ไทย-คิงส์เกต’ เจรจาต่อเพื่อยุติข้อพิพาท 

‘กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่’ ชี้แจงความคืบหน้าของคดีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการเจรจาแก้ไขปัญหาข้อพิพาท โดยคณะอนุญาโตตุลาการได้อนุญาตให้เลื่อนการออกคำชี้ขาดออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่กำหนดออกคำชี้ขาดในช่วงสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายยังมีแนวโน้มที่ดีในการเจรจาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทตามคำแนะนำของคณะอนุญาโตตุลาการ  

(10 ม.ค.67) นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า จากกรณีข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นบริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) คณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินออกไปอีก 6 เดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ตามที่ทั้งสองฝ่ายร้องขอ ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลาที่เชื่อว่าจะสามารถเจรจาให้ข้อพิพาทยุติลงได้ และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมากกว่า

สำหรับการกลับมาประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำอีกครั้งของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจาก บริษัท อัคราฯ ได้เริ่มกลับมาดำเนินการคำขอต่างๆ โดยเฉพาะคำขอต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่เดิม และใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ค้างอยู่ ตั้งแต่ปี 2563 ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแร่และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายทองคำที่ปรับปรุงขึ้นใหม่  

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัท อัคราฯ ได้กลับมาประกอบการอีกครั้ง ก็ได้มีการติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายใต้รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA สำหรับการทำเหมืองแร่ และ EHIA สำหรับการประกอบโลหกรรมอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบควบคุมและเฝ้าระวังการทำเหมืองแร่ทองคำ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น  

“กรณีที่มีข่าวเรื่องการสั่งฟ้องเหมืองทองอัคราฯ ในความผิดฐาน ยึดที่ดินรัฐ-ครอบครองป่า-สร้างตะแกรงรุกทางหลวงนั้น เห็นว่าเป็นกระบวนการตามกฎหมายอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ไม่เคยแทรกแซงและไม่สามารถก้าวล่วงได้ ซึ่งหมายความว่า การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายของไทยในกรณีดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือกระบวนการอนุญาโตตุลาการ รวมทั้งคณะอนุญาโตตุลาการยังไม่ได้มีการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินแต่อย่างใด” นายอดิทัต กล่าวปิดท้าย

'CEO สาว' ฆาตกรรมลูกชายวัย 4 ขวบยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ดับอนาคตธุรกิจ Startup ดาวรุ่งของตนลงในชั่วข้ามคืน

กลายเป็นข่าวสะเทือนใจแวดวงธุรกิจดาวรุ่งอินเดียทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐกัว เมืองชายฝั่งทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ได้จับกุม นาง สุชนา เศรษฐ์ (Suchana Seth) CEO หญิงวัย 39 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัท Mindful AI Lab หนึ่งในธุรกิจ Start-up อนาคตไกลของอินเดีย ด้วยข้อหาฆาตกรรมลูกชายวัย 4 ขวบของตัวเองแล้วแพ็กศพใส่กระเป๋าเดินทาง ขณะกำลังเดินทางออกจากรัฐกัว มุ่งหน้ากลับเมืองบังคาลอร์ เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา 

ก่อนหน้านี้ สุชนา เศรษฐ์ เดินทางมารัฐกัว พร้อมลูกชาย เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มกราคม และได้เข้าพักในอพาร์ตเมนต์หรูแห่งหนึ่งในเมืองแคนโดลิม สถานที่ตากอากาศริมทะเลชื่อดังทางตอนเหนือของรัฐกัว และได้เช็คเอาท์ออกในวันจันทร์ที่ 8 มกราคมตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเธอได้จ้างรถแท็กซี่ให้ขับรถจากรัฐกัว ไปส่งเธอที่เมืองบังคาลอร์ ในรัฐกรณาฏกะ ที่มีระยะทางไกลถึง 600 กิโลเมตร 

หลังจากที่นาง สุชนา ออกจากที่พักไปแล้ว ก็มีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดภายในห้องพักของเธอ และได้พบคราบเลือดติดอยู่ จึงได้โทรแจ้งผู้จัดการโรงแรม ที่ได้โทรแจ้งตำรวจในทันที ทำให้สามารถติดตามตัวนาง สุชนา เศรษฐ์ ได้อย่างทันท่วงทีขณะมุ่งหน้าไปยังเมืองบังกาลอร์ พร้อมศพลูกชายวัย 4 ขวบถูกแพ็กอยู่ในกระเป๋าเดินทางของเธอด้วย จึงเป็นหลักฐานที่ทางตำรวจตั้งข้อหาฆาตกรรมกับนักธุรกิจสาวรายนี้

ตอนนี้ ทางตำรวจยังไม่ทราบเหตุจูงใจที่นางสุชนา ลงมือฆาตกรรมลูกชายตัวเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับสามี ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เธอลงมือก่อเหตุสะเทือนใจในครั้งนี้ 

และเมื่อตรวจสอบประวัติส่วนตัวของนาง สุชนา เศรษฐ์  ก็พบว่าเธอมีประสบการณ์ทำงานที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

เบื้องต้น เธอจบปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยโกลกาตา ในสาขาฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยมอันดับ 1 นอกจากนี้เธอยังศึกษาด้านสันสกฤตศึกษา จากสถาบันวัฒนธรรมรามกฤษณะจนได้ถึงระดับอนุปริญญามหาบัณฑิตระดับเกียรตินิยมเช่นกัน  

หลังจากนั้น เธอมีโอกาสไปทำงานที่ Berkman Klein Center ในเมืองบอสตัน รัฐ แมสซาชูเซตส์ และได้ดูแลด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลของปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องด้วยความรับผิดชอบ ก่อนที่จะกลับมาตั้งบริษัท Mindful AI Lab ของตัวเองที่เมืองบังกาลอร์ ในปี 2020 ที่ได้นำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้ประมวลผลข้อมูลเพื่อช่วยในการวางกลยุทธ์ด้านราคาสินค้าต่างๆ อย่างชาญฉลาด 

และทำให้ นาง สุชนา เศรษฐ์ ติดอยู่ในรายชื่อ 100 นักพัฒนา AI ดาวรุ่งหญิงประจำปี 2021 มาแล้ว 

แต่สุดท้าย อนาคตเจ้าของธุรกิจ Startup ดาวรุ่งของเธอกลับต้องจบลงด้วยคดีฆาตกรรมลูกชายตัวเองอย่างน่าสลด ที่สร้างความตกตะลึงไปทั่ววงการ AI ในขณะนี้ 

ซึ่งชาวเน็ตยังพบว่า ภาพสุดท้ายที่โพสต์ใน Instagram ส่วนตัวของนางสุชนา ก็คือภาพของลูกชายวัย 4 ขวบของเธอนั่นเอง พร้อมแฮชแท็กปริศนา #whatwillhappen จึงทำให้หลายคนยังตั้งข้อสงสัยว่า มีอะไรอยู่ในความคิดของนักธุรกิจสาวผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์คนนี้ ขณะที่เธอจับร่างไร้วิญญาณของลูกชายใส่กระเป๋าเดินทางกลับบ้านเกิด 

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

'รมว.ปุ้ย' หารือ 'รมว.อุตฯ ซาอุฯ' ถกความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมสองชาติ มั่นใจ!! ช่วยกระตุ้น ศก.ระหว่างกัน โดยเฉพาะประเด็น 'แร่โปแตช'

(10 ม.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (9 ม.ค.) ได้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ของประเทศไทย ในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย โดยมีภารกิจสำคัญ ได้แก่ การเข้าหารือกรอบทวิภาคี หรือเป็นการหารือการประชุมร่วมกัน 2 ฝ่าย 

โดย รมว.ปุ้ย ได้นำคณะผู้แทนฯ และบุคลากรของกระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศไทย เข้าประชุมหารือร่วมแบบทวิภาคีกับ ท่าน Bandar bin Ibrahim AlKhorayef รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งให้เกียรตินำคณะผู้บริหาร เข้าร่วมพูดคุยถึงความร่วมมือและพันธกิจระหว่างกันของทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ในการเข้าประชุมหารือร่วมระหว่าง 2 ประเทศ มีเรื่องน่ายินดีถึงทิศทางความร่วมมือในการพัฒนาร่วมกันในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องแร่ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้หารือกันในประเด็นแร่โปแตช ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหลายด้าน และเป็นต้นทางของปุ๋ยในอุตสาหกรรมการเกษตร อันเป็นต้นทางของวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร, อุตสาหกรรมฮาลาล ที่ประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนา และรวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกหลายส่วน ที่ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย มีศักยภาพและขีดความสามารถพัฒนาร่วมกันได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป

'หมอลักษณ์' เดือด!! ปม ‘แพรรี่’ วิจารณ์ปีชงมีไว้หลอกคนโง่ ซัด!! สร้างคอนเทนต์หิวแสง ไม่มีความรู้ และเพ้อเจ้อเอามัน

(10 ม.ค.67) กลายเป็นอีกประเด็นให้ถกเถียงกันผ่านโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับเรื่องปีชง ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ’ ของหมอลักษณ์ ราชสีห์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า... 

"ประกาศให้คนไทยเชื้อสายจีนและคณะศิษย์สาธุชน ที่มีความเชื่อถือศรัทธาในวิถีศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมในโหราศาสตร์จีน พุทธศาสนาแบบพุทธมหายาน จีนนิกาย ได้ทราบตอนนี้ มี โมฆบุรุษ ลักเพศ หิวเเสง ออกมาบริภาษสร้างเรื่องสร้างคอนเทนต์แบบไม่มีสติ ใช้ปัญญาอันต่ำทราม พูดถึง กล่าวถึง ส่อเสียด แบบเพ้อเจ้อ เหยียบย่ำ ให้ร้าย (ว่าปีชงมีไว้หลอกคนโง่) ในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้ ประสบการณ์ ด้วยลักษณะอาการมันปาก สนุกปาก ในประเด็น ‘ปีชง’ อันเป็นศาสตร์ วิชา โหราศาสตร์จีน โปยหยี่สี่เถียว ฯลฯ อันมีปราชญ์ ผู้รู้ บรมครู สืบวิชามายาวนาน ทั้งพระในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน จีนนิกายมากมาย ท่านเอาศาสตร์นี้ไว้เป็นแนวทางเตือนสติให้ขวัญกำลังใจ ให้มีวิถีบูชาพระ เข้าวัดปฏิบัติบูชาพระไภษัชยคุรุ ตามแนวทางให้ปฏิบัติบูชาระลึก เทพเทวา และบรรพบุรุษ ด้วยหลักกตัญญูกตเวทิตา เป็นความเชื่อถือศรัทธาของผู้มีศรัทธามากมาย

การมาพูดให้ร้าย ด่าทอ หยาบคาย โดยตนไม่มีความรู้ในศาสตร์ วิชา ทั้งยังพูดส่อเสียด โดยขาดธรรม /สติปัญญา เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง อาจารย์จึงแชร์เพจของปราชญ์ผู้รู้ที่เป็น กัลยาณมิตรมาช้านาน ที่เคารพนับถือซึ่งและกันมาให้คณะศิษย์สมาชิกได้ติดตามในองค์ความรู้ วิชา ที่เป็นประโยชน์ในทางโลกสำหรับทุกๆ คนครับ

ขอให้ติดตามเพจที่ให้ความรู้ ‘พุทธสถาน จีเต็กลิ้ม จ.นครนายก’ วัดเล่งเน่ยยี วัดเล่งฮกยี่ วัดจีนประชาสโมสร สมาคม ชมรม ศาลเจ้าจีน โรงเจทั่วประเทศ ที่มีกิจกรรม พิธีกรรม ไหว้พระ ฝากดวง ปัดตัวแก้ปีชง ปัดดวงฝากดวงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย แก้ปีชงกันทั้งแผ่นดิน ได้เห็นรับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีบุคคลให้ร้ายกล่าวโทษพูดพร่ำในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้ ระราน วิถีความเชื่อถือศรัทธาที่สืบมายาวนาน ที่คนไทยเชื้อสายจีนและผู้เชื่อถือศรัทธาปฏิบัติมาช้านาน ลักษณ์ ราชสีห์ สายตระกูล แช่อึ๊ง"

โดยหมอลักษณ์ ยังได้คอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า งานนี้ก่อศัตรูกับวัดจีน ศาลเจ้า โรงเจ มูลนิธิ สมาคมจีนทั้งแผ่นดินที่มีความเชื่อถือ ยึดถือปฏิบัติมาช้านานเป็นพันปี ทั้งยังนักโหราศาสตร์จีน ซินแส ทุกๆ คน ว่าไงครับ โดนย่ำยี ว่า “ปีชงเอาไว้หลอกคนโง่”

มหาวิทยาลัยไทย อยู่อันดับไหนในโลก - อาเซียน ประจำปี 2024

จากข้อมูลของ Quacquarelli Symonds (QS) หรือ QS World University Rankings องค์กรผู้ให้ข้อมูลในด้านการศึกษาและการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เปิดเผยข้อมูลว่า มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology (MIT) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ติดอันดับ 1 ของโลก ตามมาด้วย University of Cambridge ของประเทศอังกฤษ ติดอันดับที่ 2 ในปี 2024

ส่วนของไทยก็มี 2 มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ติดท็อป 500 ในระดับโลก ขณะเดียวกัน จุฬาฯ ยังติดอันดับ 8 ในอาเซียนอีกด้วย

กมธ.งบ 67 เดือด!! ที่ประชุมรุมฉะแบงก์ชาติ โวย 'ผู้ว่า ธปท.' ไม่มาชี้แจงเอง หลังติดภารกิจด่วน

(10 ม.ค. 67) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2 มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานกมธ. เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งได้พิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจ

โดยเชิญผู้แทนจากกระทรวงการคลัง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ มาให้ข้อมูล

ในช่วงแรกของการประชุม กมธ. จากพรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ และนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตสส.เชียงราย แสดงความไม่พอใจ ต่อผู้แทน ธปท. หลังจากนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯ ธปท. ไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง ทั้งที่การประชุมกมธ.ในวาระนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งผู้แทนของ ธปท. ยืนยันว่านายเศรษฐพุฒิ มีภารกิจเร่งด่วน แต่ยืนยันว่าตนได้รับมอบหมาย จากผู้ว่าฯ ธปท. ให้มาชี้แจงต่อ กมธ. อย่างเป็นทางการ

จากนั้น กมธ.ในสัดส่วนพรรคเพื่อไทย หลายคนได้ท้วงติงการทำงานของ ธปท.หลายเรื่อง โดยเฉพาะการปล่อยให้เกิดช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝาก ห่างกันมาก จนสร้างภาระให้กับประชาชนที่เป็นหนี้จำนวนมาก ซึ่งต้องประสบปัญหามาตั้งแต่การระบาดของโควิด-19

ดังนั้น แม้ ธปท. จะมีหน้าที่ดูแลธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สถานะของธนาคารมีความมั่นคง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเงินของประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งควรพิจารณาถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย หลังจากธนาคารพาณิชย์ ทำกำไรได้มากถึง 2 แสนล้านบาท

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้สอบถามผู้แทน ทั้ง 4 หน่วยงาน ถ้าจะนิยามความหมายของคำว่า วิกฤตเศรษฐกิจ จะต้องนิยามว่าอย่างไร และจะต้องมีปัจจัยอะไรบ้างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็น วิกฤตเศรษฐกิจ

ด้านผู้แทน ธปท. ยืนยันว่า ธปท.โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน จากการปรับตัวที่สูงขึ้นของดอกเบี้ย กนง. จึงมีมาตรการไปยังธนาคารเอกชน ให้ลงไปดูแลลูกหนี้ เพื่อให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งก่อนและหลังเป็นลูกหนี้เอ็นพีแอล นอกจากนี้การปรับดอกเบี้ย นโยบายในปัจจุบัน กนง.มองว่ามีความเหมาะสม กับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ

ตัวแทน ธปท. กล่าวว่า ส่วนการนิยามคำว่า วิกฤตเศรษฐกิจ จะต้องพิจารณาข้อมูลรอบด้าน และหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น เช่น สถาบันการเงินที่มีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก จนกระทบต่อสถานะธนาคาร การเกิดภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นเวลานาน หรือการเกิดวิกฤตจากสถานการณ์ไม่คาดคิด เช่น โควิด-19 พอจะเห็นได้ว่าเป็นตัวอย่างของคำว่า ‘วิกฤตเศรษฐกิจ’ หรือแม้แต่ปัญหาอุทกภัยที่เคยทำให้การเจริญเติบโตเศรษฐกิจของประเทศติดลบ จนต้องออก พ.ร.ก. ในช่วงเวลาขณะนั้น

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโต้หมอ กัญชาไทยไร้กฎหมายควบคุม แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้า ชี้เห็นด้วยกับก้องห้วยไร่ แนะผู้ใช้เคารพสิทธิคนอื่น หนุนรัฐเร่งออกกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) โต้กลับกรณีกรมควบคุมโรคแจงบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงพฤติกรรมเสพติดกัญชา โวยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเครือข่ายแพทย์ควรรื้อตรรกะใหม่ ยันไทยเป็นประเทศเดียวที่ปล่อยให้กัญชาไร้กฎหมายควบคุม ขายเกลื่อนเมือง แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้ายาวนานถึงเก้าปี ชี้เห็นด้วยนักร้องดัง ก้องห้วยไร่ ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าควรเคารพสิทธิผู้อื่น ใช้ให้เป็นที่เป็นทาง แนะรัฐถึงเวลาออกกฎหมายควบคุมแล้ว

หลังกรมควบคุมโรคอ้าง “การสูบบุหรี่ไฟฟ้า” เพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้ “กัญชา” สูง 4 เท่า เพจเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ECST บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?” ที่มีผู้ติดตามกว่าแสนราย ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโพสต์ใจความว่า “บอกบุหรี่ไฟฟ้านำไปสู่สารเสพติดอื่น อ้าว ไปไงมาไง มาคิดถึงกูหล่ะเนี่ย” โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้ถูกใจกว่าสี่ร้อยราย

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนจากเพจลาขาดควันยาสูบ เปิดเผยว่า “เรื่องของบุหรี่ไฟฟ้ากับกัญชานั้นถูกโยงมาพักใหญ่ ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องที่สะท้อนความบิดเบี้ยวของตรรกะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเครือข่ายแพทย์ที่ออกมาโจมตีผู้บริโภคด้วย ไม่มีหรอกครับประเทศไหนที่จะให้กัญชาขายเกลื่อนไร้การควบคุม เปิดหน้าร้านค้าขายกันยิ่งใหญ่ แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้ายาวนานเกือบสิบปี”

“จริงๆ หากจะให้ลองคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้กัญชาได้อย่างไร ก็คงต้องย้อนกลับไปเรื่องการแบน พอบุหรี่ไฟฟ้าถูกแบน การซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าเกิดขึ้นผ่านตลาดใต้ดินที่ผิดกฎหมาย ก็ยากที่จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมือผู้บริโภคตอนนี้มีมาตรฐานอย่างไร ส่วนประกอบมีอะไรบ้าง อย่างที่เคยออกข่าวว่ามีการระบาดของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปอด EVALI” นายมาริษเสริม

“ล่าสุดมีดราม่านักร้องดังขอให้หยุดใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคอนเสิร์ต ซึ่งผมเชื่อว่าผู้ใช้ควรให้ความร่วมมือ เคารพสิทธิผู้อื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกเพจของเราช่วยกันรณรงค์อยู่แล้ว แต่พอไม่มีกฎหมายมาควบคุม ผลที่ออกมาเลยเป็นอย่างนี้ ปัจจุบันมีการจัดตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อศึกษาถึงประโยชน์ของการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เราในฐานะตัวแทนผู้บริโภคก็คาดหวังว่าคณะกรรมการวิสามัญฯนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง และวอนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มองโลกผ่านความเป็นจริงให้มากขึ้น”

นอกจากนี้ นายมาริษยังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบัน อายุเฉลี่ยของเด็กและเยาวชนที่พบว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเด็กลงเรื่อยๆ จนแม้กระทั่งเด็กประถมก็ยังถูกพบว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน ซึ่งหาซื้อได้ง่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย จึงเป็นเรื่องที่ทางเครือข่ายฯดำเนินการเรียกร้องมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีอำนาจในหน่วยงานสาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้ามาดำเนินการเพื่อมอบทางเลือกให้แก่ผู้สูบบุหรี่ไทยกว่า 9.9 ล้านคน รวมถึงคนในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าที่ไร้ซึ่งการควบคุมของรัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top